"ป่วยเหรอ? พี่ไม่สบายเหรอ?" เสียงของเขาดูมีความเครียดขึ้นมาทันที “แค่มีไข้ แค่ไม่กี่วันเท่านั้น มันแค่มีความรู้สึกเพลียนิดหน่อย เมื่อฉันหายแล้ว ฉันก็ยังเเข็งเเรงดีอยู่ แต่น่าเสียดายที่ชุดนั้นมันหายไปแล้ว" เธอกล่าวด้วยความเสียใจ อย่างไรก็ตาม ต่อมายายของเธอก็ได้แอบบอกกับเธอว่า จะซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอ ถ้าหากเธอสอบได้อันดับ 1 ในชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุดเธอทำได้ที่หนึ่ง เธอก็ต้องจากยายของเธอไปเพื่อกลับไปหาพ่อของเธอ ก่อนที่เธอจะจากไป คุณยายได้แอบเอาชุดใหม่ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางของเธอไว้ ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีมือใหญ่ก็แตะที่หน้าผากของเธอ หลิง อี้หราน สะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมอง อี้ จิ่นหลี “ตอนนี้ฉัน... ฉันไม่มีไข้แล้ว” “ผมรู้” เขากระซิบ “ต่อไป ผมจะซื้อชุดที่พี่อยากได้ให้นะ” คำพูดของเขาทำให้เธอหวั่นไหวทันที "ฉันไม่ใช่เด็กที่เอาแต่คิดเรื่องเดรสนั้นนะ" เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยและลดตาลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเธอมองเขานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเท่านั้น และหมุนจนแทบจะควบคุมไม่ได้ “อย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี เอามือออก และดึงรูปถ่ายที่เหลือทั้งหมดในอัล
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ เขาได้เห็นคนน่ารักมากมาย แล้วรูปถ่ายของเธอรูปนี้ มันมีความน่ารัก จนทำให้เขาต้องเก็บไว้ดูเองเลยเหรอ? และในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม การพบกับชิน เหลียนอี นั้นสำคัญกับเธอที่สุด ในตอนที่เธอกำลังจะไป อี้ จิ่นหลี ก็ขอให้คนขับรถพาเธอไปที่นั้น เธอรู้ได้จากประสบการณ์ว่า ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะปฏิเสธ เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็ต้องทำตามใจเขา เพราะมันมีเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ที่เขาจะต่อรองได้ เมื่อเธอเข้าไปในรถแล้ว หลิง อีหราน ก็บอกกับคนขับรถว่าจะไปที่ไหน เป็นไปตามคาด เธอมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง ก่อนเวลา ครึ่ง ชั่วโมง ทั้งที่ปกติแล้วเธอต้องใช้เวลา เป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง หลิง อี้หราน เดินเข้าไปเข้าไปที่ร้านอาหารตามสั่ง เธอนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มที่ราคา หก ดอลลาร์, และส่งข้อความหา ชิน เหลียนอี ในขณะที่เธอกำลังรอเพื่อนสนิทของเธอ เธอก็มองไปที่หน้าต่างฝรั่งเศสที่โปร่งแสงและมองดูพนักงานส่งอาหารหลายคนวิ่งเข้าและออกจากร้านอาหารเป็นครั้งคราวพร้อมกับคำสั่งส่งอาหารของพวกเขา การส่งอาหารเหล่านั้น... ทำให้ หลิง อี้หราน รู้สึกได้ถึงอารณ์ ใบขับขี่ของ หลิง อี้หราน ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่นั่นก็ไม
“มือของเธอเจ็บไหม” ชิน หเลียนอี ถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร” หลิง อี้หราน กล่าว “ผ้าพันแผล มันทำให้ดูแย่ต่างหาก วันนี้ฉันไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไร และฉันยังถือของเองได้ด้วย” ชิน เหลียนอี ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและสั่งอาหาร ในขณะที่พวกเขากำลังกินและคุยกันอยู่นั้น หลิง อี้หราน ได้พบว่าเกิดอะไรขึ้นกับพยานที่เพื่อนสนิทของเธอพูดถึงทางโทรศัพท์ ก็คือเพื่อนร่วมงานในสตูดิโอออกแบบของเหลียนอีที่ได้โพสต์วิดีโอลงในกลุ่มแชทของเพื่อนร่วมงาน จากนั้น เหลียนอีี ก็ได้เห็นพยานที่ให้การในตอนนั้น ชายคนนั้นเป็น สามีของลูกสาวญาติของเพื่อนร่วมงาน เหลียนอี ที่เพิ่งจะแต่งงานไป และตอนนี้เขาได้อาศัยอยู่ในเมือง เอส ชิน เหลียนอี ลองถามชื่อของเขาเผื่อเอาไว้ แต่เพื่อนร่วมงานก็ไม่รู้จักชื่อของเขา เพื่อนร่วมงานของเขารู้แค่ว่าเขามีนามสกุล ว่า โหยว มีไม่กี่คน ที่มีนามสกุล โหยว ชิน เหลียนอี เปิดวีดีโอให้หลิง อี้หราน ดู มันเป็นวิดีโอของคู่บ่าวสาวที่กำลังถูกหยอกล้อ วิดีโอเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ สายตาของหลิง อี้หราน จับจ้องไปที่เจ้าบ่าวในวิดีโอ ใบหน้าของเจ้าบ่าวเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่เขาทำตามควา
ดูเป็นผู้ชายที่ดูดีคนนั้น ในบางมุมก็ดูเหมือนวัยรุ่นแต่ในบางมุมก็ดูเหมือนเด็กผู้ชาย ใบหน้าที่ยากจะระบุเพศของเขา มันดูลงตัว คล้ายกับผู้หญิงที่สวยงามและทันสมัยในตอนนี้ ความละเอียดอ่อนของเขา เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาดยังไงยังงั้น แต่ว่าตอนนี้ ชายคนนั้นเม้มปากแน่น พร้อมกับดวงตาสีดำที่สวยงามของเขา เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกธร ‘ผู้ชายคนนั้น... กำลังโกธรหรือเปล่า?’ หลิง อี้หราน คิด จากที่สังเกต สายตาของเขา ดูเหมือนกับว่าเขาจะหงุดหงิด “อี้หราน ฉันกำลังคุยกับเธออยู่ เธอได้ยินฉันไหม?” เสียงของชิน เหลียนอี ดังเข้ามาในหูของเธอและสติของหลิง อี้หราน ก็กลับมาทันที “เธอกำลังบอกฉันว่าอะไรนะ?” หลิง อี้หราน หันหน้าไปมองที่เพื่อนสนิทของเธอ “ฉันบอกว่า หมอบอกว่ามือเธอจะหายเมื่อไร?” ชิน เหลียนอี กล่าว “อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ แล้วฉันก็ต้องรอให้ผิวฉันหายดีอีก” หลิง อี้หรานกล่าว จากนั้นเธอก็เหลือบกลับไปมองที่ชายแปลกหน้าคนนั้น แต่ว่าทั้งรถและผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว “เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?” ชิน เหลียนอี มองไปทางที่เพื่อนสนิทเธอกำลังมอง “ที่ถนนนั่น มันมีอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มีอะไรหรอก” หลิง อี้ห
มีบางอย่างเกิดขึ้น! หลิง อี้หราน มองดูเพื่อนของเธออย่างสงสัย “มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”“น่าจะใช่” ชิน เหลียนอี หัวเราะ “ฉับแอบชอบคน ๆ หนึ่งน่ะแต่ว่าเขาเด็กกว่า ฉันเป็นเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนเลยตอนเราเจอกัน อืม… แต่ก็รู้สึกดี”“...” วัวแก่กินหญ้าอ่อน? หลิง อี้หราน ถึงกับพูดไม่ออก เพื่อนของเธอเพิ่งจะอายุ 27 ปี “เขาเด็กมากเลยเหรอ?” เธอถาม“คิดว่างั้นนะ? เขาค่อยข้างเด็กนะ” เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเจอเขาที่ต่างประเทศ...โอ้ะ ช่างมันเถอะ เขาคงจำไม่ได้แล้วว่าตอนนี้ฉันหน้าตาเป็นยังไง”ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขาคงมีแต่ผู้หญิงล้อมรอบ เขาจะจำเธอที่เจอกันเจอกันแค่ไม่กี่วันได้ยังไง?ชิน เหลียนอี คิดในใจ ‘แค่มีประสบการณ์แบบนั้นก็เพียงพอแล้ว’ใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดว่า ‘ต่างประเทศ’ เธอจำได้ว่าเหลียนอีเคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งนึง นั่นคือก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ เหลียนอีกำลังไปสอบสัมภาษณ์โรงเรียนที่สมัครเข้าเรียนในต่างประเทศแต่เพราะอุบัติเหตุของเธอครั้งนั้นทำให้เหลียนอีไม่ได้เข้าสอบสัมภาษณ์และรีบกลับมาบ้านเมื่อพูดถึงเรื่องนี้มันเป็นความผิดพลาดของเธอที่ทำใ
สายตาของเขามองมาที่เธอ “มันสำคัญหรอว่าผมจะเชื่อหรือไม่?”เธอดูตกใจก่อนหัวเราะกับตัวเอง ‘ก็จริง ไม่ว่าเขาจะเชื่อฉันหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่มองไปที่เขาด้วยนะ?’“ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” หลิง อี้หราน กล่าวพร้อมพยายามเดินผ่านอี้ จิ่นหลี ไปที่บันไดเมื่อเธอเดินผ่านไปได้สองก้าว เขาก็ดึงแขนของเธอไว้ ทำให้เธอกระโจนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา“ผมเชื่อว่าพี่เป็นผู้บริสุทธิ์” เขาก้มลงกล่าวกับเธอด้วยประโยคที่ดังก้องในหูเธอ “พี่คิดว่าพี่จะเจออะไรถ้าพี่ตรวจสอบมันด้วยตัวเอง? การสืบสวนคดีเมื่อสามปีที่แล้วในตอนนี้น่ะ… ความจริงที่พี่เคยรู้อาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้?”ดวงตารูปอัลมอนด์ที่สนใสของอี้หรานมองกลับไปที่อี้ จิ่นหลี เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แม้แต่คนที่รวยและมีอำนาจอย่างคุณยังคิดว่าฉันไม่สามารถย้อนคดีความของตัวเองได้ แต่คนอย่างฉันนี่แหละ ที่คิดว่าสักวันฉันจะล้างมลทินให้ชื่อตัวเองได้”รอบยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกว่ากำลังโดนทิ่มแทงอยู่ ราวกับว่าหัวใจของเขากำลังโดนทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าผมเต็มใจจะช่วยพี่ ถ้า…
“ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือไม่ใช่ก็ตาม ยังไงพี่ก็ต้องอยู่กับผมตลอดไปชีวิต จะไม่มีใครมาแยกไปอีก!” เขากล่าวเสียงแข็งขณะจ้องไปที่รูปถ่ายน้ำเสียงที่เหมือนผู้ชนะเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป และจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาแยกเธอไปอีก!...ณ ห้องส่วนตัวในสโมสรหรูหราแห่งหนึ่ง หลิง ลั่วอิน กำลังดิ้นรนขอความเห็นใจจากกู้ ลี่เฉินหลิง ลั่วอิน ไม่มีหลักประกันอะไร ดังนั้นตัวเธอจึงต้องทำงานหนักเพื่อเอาชนะกู้ ลี่เฉินเธอรู้สึกหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ถามเรื่องของหลิง อี้หราน ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัว ถามเรื่องในวัยเด็ก การเรียน รวมถึงเรื่องอื่น ๆ เขาอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ตอนนี้ฉันเป็นแฟนของเขานะ!’ หลิง ลั่วอิน แผดเสียงร้องในหัว แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำตัวเป็นน้องสาวที่ดีโดยการเล่าเรื่องที่จำได้เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ให้เขาฟังสิ่งที่เธอพูดในตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเท่านั้นแต่กลับทำให้กู้ ลี่เฉิน ตั้งใจฟังอย่างเพลิดเพลิน จนทำให้หลิง ลั่วอิน อดที่จะเขินไม่ได้หลังจากเธอเ
“พูดต่อสิ เกี่ยวกับพี่สาวเธอน่ะ” กู้ ลี่เฉิน พึมพำ“ฮะ? พูดต่อ… อย่างนั้นเหรอ?” หลิง ลั่วอิน ถามด้วยใบหน้าเจื่อน“ใช่ อย่างนั้นแหละ” กู้ ลี่เฉิน ตอบหลิง ลั่วอิน เล่าเรื่องของหลิง อี้หราน ต่อเท่าที่เธอจำได้ ขณะที่สาปแช่งหลิง อี้หราน อยู่ในใจหลิง อี้หราน เป็นเพียงพนักงานบริการสุขาภิบาลที่เคยติดคุกมาก่อน ถึงเธอจะเคยมีภูมิหลังที่ดีแต่การติดคุกสามปีก็เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงเธอได้ลี่เฉิน… มองเห็นอะไรในตัวของหลิง อี้หราน กัน?!หลิง ลั่วอิน มีความรู้สึกว่ากู้ ลี่เฉิน ไม่ได้จะเลิกกับเธอเพียงเพราะเธอเป็นน้องสาวของหลิง อี้หรานแน่นอนว่าความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู ก่อนที่เธอจะดึงสติตัวเองกลับมา“แล้ว… หลังจากนั้นพี่ก็ได้เจอกับเซียว จื่อฉี เขาจีบพี่อยู่สักพักนึง แต่หลังจากที่พวกเขาไปเดินเขากัน พี่เกิดข้อเท้าแพลง เขาเลยให้พี่ขี่หลังเพื่อลงจากภูเขา จากนั้นไม่นานพี่ก็ตอบตกลงคบกับเขา พวกเขาเป็นคู่รักที่ค่อนข้างหวาน พี่คอยทำอาหารกลางวันให้เซียว จื่อฉี ตลอด...”หลิง ลั่วอิน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรยายความสัมพันธ์ของหลิง อี้หราน กับเซียว จื่อฉี เธอต้องการให้กู้ ลี่เฉิน รู้ว่าหลิง อี้หร