ดูเป็นผู้ชายที่ดูดีคนนั้น ในบางมุมก็ดูเหมือนวัยรุ่นแต่ในบางมุมก็ดูเหมือนเด็กผู้ชาย ใบหน้าที่ยากจะระบุเพศของเขา มันดูลงตัว คล้ายกับผู้หญิงที่สวยงามและทันสมัยในตอนนี้ ความละเอียดอ่อนของเขา เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาดยังไงยังงั้น แต่ว่าตอนนี้ ชายคนนั้นเม้มปากแน่น พร้อมกับดวงตาสีดำที่สวยงามของเขา เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกธร ‘ผู้ชายคนนั้น... กำลังโกธรหรือเปล่า?’ หลิง อี้หราน คิด จากที่สังเกต สายตาของเขา ดูเหมือนกับว่าเขาจะหงุดหงิด “อี้หราน ฉันกำลังคุยกับเธออยู่ เธอได้ยินฉันไหม?” เสียงของชิน เหลียนอี ดังเข้ามาในหูของเธอและสติของหลิง อี้หราน ก็กลับมาทันที “เธอกำลังบอกฉันว่าอะไรนะ?” หลิง อี้หราน หันหน้าไปมองที่เพื่อนสนิทของเธอ “ฉันบอกว่า หมอบอกว่ามือเธอจะหายเมื่อไร?” ชิน เหลียนอี กล่าว “อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ แล้วฉันก็ต้องรอให้ผิวฉันหายดีอีก” หลิง อี้หรานกล่าว จากนั้นเธอก็เหลือบกลับไปมองที่ชายแปลกหน้าคนนั้น แต่ว่าทั้งรถและผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว “เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?” ชิน เหลียนอี มองไปทางที่เพื่อนสนิทเธอกำลังมอง “ที่ถนนนั่น มันมีอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มีอะไรหรอก” หลิง อี้ห
มีบางอย่างเกิดขึ้น! หลิง อี้หราน มองดูเพื่อนของเธออย่างสงสัย “มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”“น่าจะใช่” ชิน เหลียนอี หัวเราะ “ฉับแอบชอบคน ๆ หนึ่งน่ะแต่ว่าเขาเด็กกว่า ฉันเป็นเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนเลยตอนเราเจอกัน อืม… แต่ก็รู้สึกดี”“...” วัวแก่กินหญ้าอ่อน? หลิง อี้หราน ถึงกับพูดไม่ออก เพื่อนของเธอเพิ่งจะอายุ 27 ปี “เขาเด็กมากเลยเหรอ?” เธอถาม“คิดว่างั้นนะ? เขาค่อยข้างเด็กนะ” เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเจอเขาที่ต่างประเทศ...โอ้ะ ช่างมันเถอะ เขาคงจำไม่ได้แล้วว่าตอนนี้ฉันหน้าตาเป็นยังไง”ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขาคงมีแต่ผู้หญิงล้อมรอบ เขาจะจำเธอที่เจอกันเจอกันแค่ไม่กี่วันได้ยังไง?ชิน เหลียนอี คิดในใจ ‘แค่มีประสบการณ์แบบนั้นก็เพียงพอแล้ว’ใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดว่า ‘ต่างประเทศ’ เธอจำได้ว่าเหลียนอีเคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งนึง นั่นคือก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ เหลียนอีกำลังไปสอบสัมภาษณ์โรงเรียนที่สมัครเข้าเรียนในต่างประเทศแต่เพราะอุบัติเหตุของเธอครั้งนั้นทำให้เหลียนอีไม่ได้เข้าสอบสัมภาษณ์และรีบกลับมาบ้านเมื่อพูดถึงเรื่องนี้มันเป็นความผิดพลาดของเธอที่ทำใ
สายตาของเขามองมาที่เธอ “มันสำคัญหรอว่าผมจะเชื่อหรือไม่?”เธอดูตกใจก่อนหัวเราะกับตัวเอง ‘ก็จริง ไม่ว่าเขาจะเชื่อฉันหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่มองไปที่เขาด้วยนะ?’“ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” หลิง อี้หราน กล่าวพร้อมพยายามเดินผ่านอี้ จิ่นหลี ไปที่บันไดเมื่อเธอเดินผ่านไปได้สองก้าว เขาก็ดึงแขนของเธอไว้ ทำให้เธอกระโจนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา“ผมเชื่อว่าพี่เป็นผู้บริสุทธิ์” เขาก้มลงกล่าวกับเธอด้วยประโยคที่ดังก้องในหูเธอ “พี่คิดว่าพี่จะเจออะไรถ้าพี่ตรวจสอบมันด้วยตัวเอง? การสืบสวนคดีเมื่อสามปีที่แล้วในตอนนี้น่ะ… ความจริงที่พี่เคยรู้อาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้?”ดวงตารูปอัลมอนด์ที่สนใสของอี้หรานมองกลับไปที่อี้ จิ่นหลี เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แม้แต่คนที่รวยและมีอำนาจอย่างคุณยังคิดว่าฉันไม่สามารถย้อนคดีความของตัวเองได้ แต่คนอย่างฉันนี่แหละ ที่คิดว่าสักวันฉันจะล้างมลทินให้ชื่อตัวเองได้”รอบยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกว่ากำลังโดนทิ่มแทงอยู่ ราวกับว่าหัวใจของเขากำลังโดนทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าผมเต็มใจจะช่วยพี่ ถ้า…
“ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือไม่ใช่ก็ตาม ยังไงพี่ก็ต้องอยู่กับผมตลอดไปชีวิต จะไม่มีใครมาแยกไปอีก!” เขากล่าวเสียงแข็งขณะจ้องไปที่รูปถ่ายน้ำเสียงที่เหมือนผู้ชนะเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป และจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาแยกเธอไปอีก!...ณ ห้องส่วนตัวในสโมสรหรูหราแห่งหนึ่ง หลิง ลั่วอิน กำลังดิ้นรนขอความเห็นใจจากกู้ ลี่เฉินหลิง ลั่วอิน ไม่มีหลักประกันอะไร ดังนั้นตัวเธอจึงต้องทำงานหนักเพื่อเอาชนะกู้ ลี่เฉินเธอรู้สึกหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ถามเรื่องของหลิง อี้หราน ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัว ถามเรื่องในวัยเด็ก การเรียน รวมถึงเรื่องอื่น ๆ เขาอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ตอนนี้ฉันเป็นแฟนของเขานะ!’ หลิง ลั่วอิน แผดเสียงร้องในหัว แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำตัวเป็นน้องสาวที่ดีโดยการเล่าเรื่องที่จำได้เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ให้เขาฟังสิ่งที่เธอพูดในตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเท่านั้นแต่กลับทำให้กู้ ลี่เฉิน ตั้งใจฟังอย่างเพลิดเพลิน จนทำให้หลิง ลั่วอิน อดที่จะเขินไม่ได้หลังจากเธอเ
“พูดต่อสิ เกี่ยวกับพี่สาวเธอน่ะ” กู้ ลี่เฉิน พึมพำ“ฮะ? พูดต่อ… อย่างนั้นเหรอ?” หลิง ลั่วอิน ถามด้วยใบหน้าเจื่อน“ใช่ อย่างนั้นแหละ” กู้ ลี่เฉิน ตอบหลิง ลั่วอิน เล่าเรื่องของหลิง อี้หราน ต่อเท่าที่เธอจำได้ ขณะที่สาปแช่งหลิง อี้หราน อยู่ในใจหลิง อี้หราน เป็นเพียงพนักงานบริการสุขาภิบาลที่เคยติดคุกมาก่อน ถึงเธอจะเคยมีภูมิหลังที่ดีแต่การติดคุกสามปีก็เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงเธอได้ลี่เฉิน… มองเห็นอะไรในตัวของหลิง อี้หราน กัน?!หลิง ลั่วอิน มีความรู้สึกว่ากู้ ลี่เฉิน ไม่ได้จะเลิกกับเธอเพียงเพราะเธอเป็นน้องสาวของหลิง อี้หรานแน่นอนว่าความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู ก่อนที่เธอจะดึงสติตัวเองกลับมา“แล้ว… หลังจากนั้นพี่ก็ได้เจอกับเซียว จื่อฉี เขาจีบพี่อยู่สักพักนึง แต่หลังจากที่พวกเขาไปเดินเขากัน พี่เกิดข้อเท้าแพลง เขาเลยให้พี่ขี่หลังเพื่อลงจากภูเขา จากนั้นไม่นานพี่ก็ตอบตกลงคบกับเขา พวกเขาเป็นคู่รักที่ค่อนข้างหวาน พี่คอยทำอาหารกลางวันให้เซียว จื่อฉี ตลอด...”หลิง ลั่วอิน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรยายความสัมพันธ์ของหลิง อี้หราน กับเซียว จื่อฉี เธอต้องการให้กู้ ลี่เฉิน รู้ว่าหลิง อี้หร
เธอแบกเขาขึ้นบนหลังของเธอด้วยความยากลำบาก พร้อมกับพูดปลอบเขา “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพานายลงไปจากภูเขาเอง ฉันจะพานายไปที่สถานีตำรวจ”ไม่ต้องกลัว...ตัวของเธอสั่นมาก แม้แต่เสียงของเธอก็สั่นเช่นกันแม้เธอจะรู้สึกกลัวแต่ก็คอยพูดให้เขารู้สึกสบายใจ“นายหนักมาก…” เธออดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา“ฉันขอโทษ” หลังจากนั้นเขาจึงเอ่ยขอโทษเธอ“ฮิฮิ ถ้านายหายดีเมื่อไหร่ก็มาแบกฉันบ้างนะ” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาในขณะที่เดินต่อไปเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาปกป้องเขา“ในอนาคตฉันจะแบกเธอเอง” เขากล่าวกับเธอรางกับนั่นเป็นคำสัญญาเขาพูดกับตัวเองในใจว่าใยอนาคตเขาจะเป็นคนแบกเธอให้ได้ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เขาจะแบกรักเธอไว้เองเธออยู่ไหนบนโลกใบนี้?หลายปีที่ผ่านมาเขารู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ปล่อยเธอไปถ้าเขาสามารถรั้งเธอไว้ได้ ตอนนี้เธอจะอยู่เคียงข้างเขาไหม?แต่หลิง อี้หราน ก็ไม่ใช่คนที่เขาตามหา งั้น... “เธออยู่ไหนนะ?” เขาหลุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบามีเพียงความเงียบงันที่ตอบกลับคำถามของเขา...หลิง อี้หราน หาเวลาเข้าไปศูนย์สุขสภิบาลเพื่อทำเรื่องลาออก ผู้อำนวยการของศูนย์สุขาภิบาล
ถ้าเธอทนทำงานที่นี้ต่อในอนาคต เธออาจไม่สามารถหลีกเลี่ยง “การได้รับปฏิบัติเป็นพิเศษ” ได้และต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกมองแปลก ๆ จากคนอื่น“ไม่ล่ะค่ะ ฉันอยากลองเปลี่ยนสังคมการทำงานดูบ้าง” หลิง อี้หราน กล่าว“ก็ได้” ผู้อำนวยการคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลิง อี้หราน กำลังจะให้งานที่เหมาะสมกว่านี้แก่เธอ ด้วยความไม่อยากยืดเยื้อบางอย่างเขาจึงไม่ห้ามการลาออกของหลิง อี้หราน นอกจากนี้เขายังไม่หักเงินเดือนของเธอและให้เงินเดือนแก่เธอหนึ่งเดือน เขายังให้แผนกการเงินจ่ายให้เธอทันทีเมื่อหลิง อี้หราน ออกมาจากศูนย์สุขาภิบาล เธอก็หายใจเข้าลึก ๆ เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเดือนเป็นสัญญาณความปรารถณาดีของผู้อำอวยการ แต่คงบางอย่างเกี่ยวข้องกับอี้ จิ่นหลีถ้าเธอมีความกล้าหาญ เธอคงปฏิเสธน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้คุณยายของเธอยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล เงินที่ยืมมาจากเหลียนอีครั้งที่แล้วก็ใกล้จะหมดลง และเดี๋ยวคงมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาอีก หนี้เก่าของเธอที่ยังไม่ได้ชำระและยังจะมีหนี้ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาหลิง อี้หราน เดินไปหาพี่ซูที่ทำงานเพื่อบอกลาเมื่อพี่ซูรู้ว่าหลิง อี้หราน ลาออก เธอก็ผลุนถามขึ้น “ทำไมเ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหางานเอง” เธอตอบปฏิเสธดวงตาของเขาดูหม่นหมองลงและนิ้วที่กุมมือของเธอไว้เริ่มรัดกุมแน่นขึ้น “พี่ไม่อยากให้ผมช่วยหางานให้หรอครับ พี่สาว?”ร่างกายของเธออดไม่ได้ที่จะแข็งทื่อราวกับว่ามีแรงกดดันบางอย่างอยู่รอบ ๆ ตัว“ฉันอยากหางานด้วยตัวเอง” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอจ้องมองดวงตาที่ลึกลับของเขามันง่ายสำหรับเธอถ้าเขาจะหางานให้เธอ งานที่เขาหาให้คงเป็นงานที่ง่ายและได้ค่าตอบแทนเยอะแต่… จะอยู่ได้นานแค่ไหน?ถ้าเขาเบื่อที่จะเล่นเกมและไล่เธอออกมา เธอคงจะไม่เหลืออะไรเลยนอกเหนือจากหลักการนี้แล้ว การที่เธอปฏิเสธก็คือการรักษาความเคารพในตัวเองใช่ ตอนนี้อุปสรรคในชีวิตและความจริงที่โหดร้ายได้พรากความภาคภูมิใจในตัวเธอจนหมดไปครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เธอคิดเสมอว่าการคุกเข่าต่อหน้าผู้คนนั่นเป็นเรื่องยาก แต่เมื่ออยู่ในคุกเธอกลับคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากกว่าหนึ่งครั้ง กินอาหารที่ถูกเทลงบนพื้นและถูกเหยียบย้ำด้วยเท้าของคนอื่น ๆทำไมการพูดถึงความภาคภูมิใจในตัวเองถึงยากขนาดนี้นะ?ครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยเธออยากจะภาคภูม