หลิง อี้หราน ยังคงเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เมื่อหมอดึงอัลบั้มออกจากมือเธอ เธอกลับกอดมันแน่นขึ้นพร้อมกรีดร้องดัง “ไม่!”“ให้หมอดูมือหน่อยนะ พี่สาว หมอไม่ได้จะเอาอัลบั้มรูปไปไหน” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่สาว ส่งมันมาให้ผมนะ หมอแค่อยากดูแผลบนมือของพี่เท่านั้นเอง ได้ไหมครับ?”เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่’ เธอก็หันหน้ามามองเขาก่อนพูดพึมพัม “จิน...” “ผมเอง” เขาตอบก่อนถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ริมฝีปากของเธอสั่นพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง “ไหม้… อัลบั้มรูปของแม่… ไหม้หมดแล้ว”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังดูตกใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธออีกครั้งอี้ จิ่นหลี ตกใจกับอัลบั้มรูปที่ไหม้นี้… นี่เป็นอัลบั้มรูปของเธอกับแม่เหรอ?หลังจากใช้เวลาร่วมกันไม่นาน เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสำคัญกับเธอขนาดไหนเมื่อหมอสามารถตรวจดูแผลบนมือของหลิง อี้หราน เขาก็เริ่มทำการรักษาพร้อมกับพันผ้าบนแผลให้เธอหลังมือของเธอยังคงช้ำจากบาดแผลครั้งที่แล้ว แถมยังมีแผลใหม่เพิ่มมาทำให้เขาต้องพันผ้าบนมือของเธอทั้งสองข้างเธอยังคงเงียบอยู่ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร หลายคนเริ่มรู้สึกกส
จมูกของเธอเริ่มจะเจ็บ และน้ำตาที่หยุดไหลเมื่อครู่ก็กำลังไหลย้อนกลับมา “ถ้าพี่ต้องการที่จะร้องไห้ ก็แค่ร้องออกมาเลย พี่สาว” เขาใช้ปลายนิ้วมือของเขา ปัดไปที่ดวงตาของเธอ คำว่า ‘พี่สาว’ เหมือนกับเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความเสียใจทั้งหมดที่อัดอั้นและขังอยู่ภายในใจของเธอ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ท่วมท้นของเธอได้ ในตอนนี้ หลิง อี้หราน ส่งเสียงโอดครวญออกมาอย่างเต็มที่และในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้อย่างขมขื่นแบบนี้มานานแล้ว เธอคิดมาตลอดว่า ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ดังแค่ไหน หรือน้ำตาจะไหลออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอไม่มีอะไรที่จะพึ่งพาได้ นอกจากตัวเธอเอง น้ำตาเหล่านั้นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่ไร้ค่า และในตอนนี้ การที่เขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ มันทำให้เธอนึกถึงแม่และน้องชายในท้องของแม่เธอ ที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ได้ออกมาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ ถ้าแม่และน้องชายของเธอไม่เสียชีวิต เธอจะเหงาน้อยลงกว่านี้ไหม? เธอจะได้มีโอกาสที่จะมีครอบครัวที่แท้จริงไหม? เสียงร้องไห้ของ หลิง อี้หราน ทำให้ อี้ จิ่นหลี แปลกใจ ถ้าเขารู้สึกไม่สบายในการที่เธอกัดริ
ชิน เหลียนอี ตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงผู้ชายจากปลายสาย นอกจากนี้ยังฟังดูเหมือน ... "คุณคือ… อี้ จิ่นหลี หรือเปล่า?" เธอถามด้วยความประหลาดใจ"ใช่" เขาตอบและวางสายชิน เหลียนอี จ้องไปที่โทรศัพท์ในมือของเธอ ถ้าอี้หรานหลับไปและอี้ จิ่นหลี เป็นคนรับโทรศัพท์ของเธอ… นั่นหมายความว่าตอนนี้ อี้ จิ่นหลี้ อยู่กับเพื่อนสนิทของเธออย่างนั้นเหรอ?อีกทั่ง, อี้หราน ไม่ได้อยู่ในห้องเช่าของเธอ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ชิน เลียนอี มองจากโทรศัพท์ของเธอไปหยั่งประตูห้องเช่าที่ปิดอยู่ เป็นไปได้ไหมว่า... ตอนนี้ อี้หร่าน จะพักอยู่กับอี้ จิ่นหลีชีวิตช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้ใช่ไหมล่ะ?ในขณะเดียวกัน อี้ จิ่นหลี้ ก็วางโทรศัพท์ของหลิง อี้หราน ลงและเขาได้อุ้มเธอที่ยังหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาขึ้นและออกจากรถอย่างระมัดระวังเขาถอดเสื้อคลุมออกและคลุมร่างของเธอห่วงว่าเธอจะเป็นหวัดขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน เหล่าคนรับใช้ก็ไม่สามารถเก็บอาการของความแปลกใจไว้ได้ เมื่อพวกเขาได้เห็นกับตา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่า คุณหลิงนั้นอาจจะเป็นแขกคนพิเศษที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่คฤหาสน์ อี้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นนายน้อยอี้แสดงออกกับ
ไม่… ไม่นะ! เธอต้องการแม่ของเธอ, เธอต้องการน้องชายของเธอ! เธอร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เพียงแต่ว่า เธอไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ทันใดนั้น เสียงระฆังก็ดังขึ้น ราวกับจะดึงเธอออกจากฝันร้าย... หลิง อี้หราน ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เธอได้ยินเสียงที่นุ่มนวลในหูของเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?” ใบหน้าสวยงามนั้น กระทบเข้ามาในดวงตาที่ค่อนข้างห่างไกลของเธอ และเป็นดวงตาที่สดใสดูเหมือนจะมีความอ่อนโยนที่ไม่อาจพรรณนาได้ภายในพวกเขา "ใช่... " เธอตอบอย่างมึนงง แต่ยังไม่ค่อยได้สติกลับคืนมา ราวกับว่าความฝันและความเป็นจริงของเธอ กำลังปะปนกันอยู่ตลอดเวลา มันกำลังครอบงำเธออยู่ “งั้นพี่รับโทรศัพท์หน่อยนะ” เขาพูดพร้อมกับถือโทรศัพท์แนบที่หูของเธอ หลิง อี้หราน ตัวเกร็งขณะที่เธอฟังเสียงที่คุ้นเคยที่มาจากโทรศัพท์มือถือของเธอ "อี้หราน ตื่นแล้วเหรอ? อี้หราน" หลิง อี้หราน สะอื้นเล็กน้อย “เหลียนอี!” "ใช่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธออยู่กับ อี้ จินลี่ เหรอ? ฉันโทรหาเธอเมื่อคืน เขารับสายท์ฉัน เขาบอกให้ฉันโทรหาเธออีกครั้ง และตอนนี้เขาก็ยังรับโทรศัพท์อีก" ชิน เหลียนอี ถึงกับพูดไม่ถูก ใครจะไปคิดว่า อี้ จิ่นหลี จะมารับสายขอ
อัลบั้มรูปนั้นมีความทรงจำที่มีค่าที่สุดสำหรับเธอ อี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว "พี่สละชีวิตของพี่ ก็เพื่ออัลบั้มรูปนั้นเหรอ? เมื่อวานนี้พี่โชคดีแค่ไหน ที่พี่มีแค่รอยฟกช้ำที่นิ้วเท่านั้น มันจะเป็นยังไงถ้าตัวของพี่ถูกเผาขึ้นมาจริง ๆ?” "อัลบั้มนี้มันมีความหมายมากสำหรับฉัน!" หลิง อี้หราน กล่าว "มันสำคัญกว่ามือของพี่ใช่ไหม? พี่จะสูญเสียมือของพี่เพื่อปกป้องอัลบั้มรูปนั้นงั้นเหรอ?" น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น "มันสำคัญมาก ต่อให้มือทั้งสองข้างของฉันจะไหม้ก็ตาม แต่ฉันก็ยังอยากที่จะเก็บมันไว้กับฉัน" หลิง อี้หราน หายใจเข้าลึก ๆ สำหรับเธอมันเป็นความทรงจำและความเจ็บปวดในหัวใจของเธอ มันคือความรักที่ดีที่สุดในครอบครัวที่เธอเคยรู้สึกและมีความสุขที่สุดเท่าที่เธอเคยมีมา คำตอบของเธอทำให้เขาหน้าซีดและเขารู้สึกโกรธข้างในอก หลังจากได้รู้ว่าเธอไม่เห็นคุณค่าในตัวของเธอเองเลย เขายังเป็นห่วงตัวเธอมากกว่าที่เธอทำด้วยซ้ำ เขาเป็นห่วงมากพอที่จะทนเห็นเธอเจ็บไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย "อัลบั้มรูปของฉันอยู่ที่ไหน" เธอยังคงถามเขาอย่างร้อนใจ อี้ จิ่นลี่ ถอนหายใจลุกขึ้นและเดินไปที่ตู้ที่อยู่ไม่ไกล และยื่นอัล
“ไม่มีใครไล่พี่ออกได้” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยความมั่นใจ “แค่รักษานิ้วให้ดีก่อน พี่คิดว่าพี่จะยกของและกวาดพื้นได้ด้วยสภาพมือของพี่ในตอนนี้หรือไง?” หลิง อี้หราน ก้มหน้าลง นิ่งและเงียบ เธอไม่สามารถทำอะไรด้วยมือของเธอได้จริง ๆ "รักษามือของพี่ให้หายดีก่อน พี่จะทำอะไรก็ได้ทุก ๆ อย่าง ตามที่พี่ต้องการในตอนที่มือของพี่หายเป็นปกติดีแล้ว” อี้ จิ่นหลี กล่าว และเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และเขาก็พูดขึ้นว่า "คืนนี้พี่จะไปเจอชิน เหลียนอี้ ใช่ไหม? ทำไมพี่ไม่ขอเลื่อนนัดไปก่อน จนกว่าแผลที่มือของพี่จะดีขึ้นล่ะ?" คนที่คุ้นเคยกับ อี้ จิ่นหลี อาจจะแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น เมื่อผู้ชายที่เข้าใจยากอะไรที่สุดใน เมือง เฉิน ต้องมาเป็นห่วงเกี่ยวกับการบาดเจ็บของผู้หญิงมากขนาดนี้? ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้ายยืนอยู่ตรงหน้าเขา พวกนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลยแม้สักนิดเดียว "ฉันต้องไป" หลิง อี้หราน ตอบด้วยความเเน่วเเน่ "ดูเหมือนว่า เหลียนอีจะมีข่าวเกี่ยวกับพยานในคดีของฉัน ฉันจะไปพบเธอและสืบว่าเกิดอะไรขึ้น" เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ขณะที่เธอกำลัง
ในรูปถ่ายเธอดูผอมมาก แก้มอ้วน ๆ ของเธอและผมสีดำหนา ช่างดูน่ารักมาก อี้ จิ่นหลี ไม่เคยคิดเลยว่าในตอนที่เธอยังเป็นเด็กจะดูเด็กและหลงใหลขนาดนี้ แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เขารู้สึกถึงความรักที่แท้จริงขณะมองไปที่เด็กน้อยในรูปถ่าย เขาคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเด็กน้อยคนนี้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาอาจจะอยากกอดและจูบเธอก็เป็นได้ เป็นเพราะเธอเป็นเด็กหรือเปล่า? นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคิดว่าเธอน่ารัก? แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เมื่อมองไปที่เด็กคนอื่น ๆ อี้ จิ่นหลี หยิบภาพอื่นออกมาทีละภาพ ภาพถ่ายนี้ เริ่มต้นจากภาพถ่ายของ หลิง อี้หราน กับแม่ของเธอ จนกลายมาเป็นภาพเธอคนเดียว ในรูปถ่ายนั้น เธอดูแก่กว่ารูปถ่ายที่เธอถ่ายกับแม่ของเธอ เธอดูอายุประมาณห้าถึงหกขวบเห็นจะได้ มีรูปถ่ายเหล่านี้ไม่มากนัก ไม่มากเท่าที่มีรูปเธอกับแม่ของเธอ “ในตอนที่แม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ เธอชอบถ่ายรูปคู่กับฉัน แต่หลังจากที่เธอตาย ฉันเองก็ถ่ายรูปน้อยลง” หลิง อี้หราน พูดอย่างหน้าเศร้าในขณะมองดูรูปถ่ายพวกนั้น เธอถ่ายเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และในส่วนใหญ่จะเป็นรูปถ่ายของเธอเอง เธอเข้ากับครอบครัวใหม่ขอ
"ป่วยเหรอ? พี่ไม่สบายเหรอ?" เสียงของเขาดูมีความเครียดขึ้นมาทันที “แค่มีไข้ แค่ไม่กี่วันเท่านั้น มันแค่มีความรู้สึกเพลียนิดหน่อย เมื่อฉันหายแล้ว ฉันก็ยังเเข็งเเรงดีอยู่ แต่น่าเสียดายที่ชุดนั้นมันหายไปแล้ว" เธอกล่าวด้วยความเสียใจ อย่างไรก็ตาม ต่อมายายของเธอก็ได้แอบบอกกับเธอว่า จะซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอ ถ้าหากเธอสอบได้อันดับ 1 ในชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุดเธอทำได้ที่หนึ่ง เธอก็ต้องจากยายของเธอไปเพื่อกลับไปหาพ่อของเธอ ก่อนที่เธอจะจากไป คุณยายได้แอบเอาชุดใหม่ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางของเธอไว้ ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีมือใหญ่ก็แตะที่หน้าผากของเธอ หลิง อี้หราน สะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมอง อี้ จิ่นหลี “ตอนนี้ฉัน... ฉันไม่มีไข้แล้ว” “ผมรู้” เขากระซิบ “ต่อไป ผมจะซื้อชุดที่พี่อยากได้ให้นะ” คำพูดของเขาทำให้เธอหวั่นไหวทันที "ฉันไม่ใช่เด็กที่เอาแต่คิดเรื่องเดรสนั้นนะ" เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยและลดตาลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเธอมองเขานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเท่านั้น และหมุนจนแทบจะควบคุมไม่ได้ “อย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี เอามือออก และดึงรูปถ่ายที่เหลือทั้งหมดในอัล