ถึงอย่างนั้นเธอถูกหยุดไว้ทุกครั้ง“ประธานเย่เป็นคนที่คุณอยากเจอก็เจอได้หรือไง? บ้าบอ! เราจะแจ้งตำรวจถ้าคุณทำแบบนี้อีก!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างหมดความอดทนในทันใดนั้นเองที่ร่างหนึ่งเดินเข้ามาและพูดว่า “ถอย ให้เธอเข้าไป ประธานเย่ต้องการพบเธอ”โจวเชียนหยุนตะลึงไปขณะที่มองชายคนนั้นตรงหน้าเธอ เธอ... เธอจำได้ว่าคนนี้คือเลขาของเย่เหวินหมิง และเขาก็เป็นอดีต... เพื่อนร่วมงานของเธอด้วย!ในตอนนั้นพวกเขาสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขายังคอยเตือนเธอหลายต่อหลายครั้งว่าเย่เหวินหมิงมีคนอื่นที่เขาสนใจอยู่แล้ว และขอให้เธออย่าลงทุนกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากเกินไป โชคไม่ดีที่เธอปฏิเสธจะฟังพวกเขาและเทใจให้ความสัมพันธ์ครั้งนั้นจนต้องจบลงแบบนี้โดยรวมแล้วเธอทั้งโง่เง่าและไร้เดียงสาจนหาเหาใส่หัวตัวเอง! เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยที่หยุดโจวเชียนหยุนไว้ตะลึงลาน พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงแบบนี้เข้าพบประธานเย่ได้ด้วย! จากนั้นพวกเขาก็คาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าโจวเชียนหยุนเป็นใครโจวเชียนหยุนเดินตามเลขาคนนั้นเข้าไปในตึกพวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนกระทั่งนำโจวเชียนหยุนมาถึงห้องทำงานของเย่เหวินหมิงแ
“แน่นอน ฉันเชื่อจื่ออิน จื่ออินกำลังจะเป็นภรรยาของฉัน คนที่กำลังจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต ถ้าไม่เชื่อจื่ออิน งั้นฉันต้องเชื่อเธอหรือไง?” เขาพูดอย่างเย็นชาคำพูดพวกนั้นทำเธอเจ็บราวกับโดนคมดาบเธอคิดว่าตัวเองจะชินชาและเฉยเมยต่อคำพูดเจ็บแสบที่เขาจะพูดใส่เธอได้ แต่กลับกลายเป็นว่า... แค่คำพูดธรรมดาแบบนี้ก็ยังมีผลต่อเธอมากเหลือเกิน“เย่เหวินหมิง ฉันขอร้องให้คุณเช็กหน่อยได้ไหมคะ? ฉันแค่ต้องการรู้ว่าเธอพาตัวอาหยันน้อยไปหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ได้พาตัวเขาไปฉันก็จะกลับไปทันที ไม่มายืนขวางหูขวางตาคุณอย่างนี้หรอกค่ะ”“ผมต้องเช็กตามที่คุณบอกด้วยเหรอ? โจวเชียนหยุน คิดว่าตัวเองเป็นใครไม่ทราบ?” เย่เหวินหมิงถามด้วยความประชดประชันใบหน้าของโจวเชียนหยุนซีดขาว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะขอร้องผู้ชายตรงหน้าเธออย่างไร บางทีต่อให้เธอตายลงต่อหน้าต่อตาเขาก็คงจะไม่สนใจเลย“เย่เหวินหมิง ฉันรู้ว่าเรามีข้อพิพาทกันเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูอาหยันน้อย แต่การพิจารณาคดียังไม่เริ่มและคำตัดสินก็ยังไม่ออกมา คุณจะเอาอาหยันน้อยไปจากฉันในตอนนี้ไม่ได้ เข้าใจไหม?” เธอขอร้อง ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมที่สุดใบหน้าของเขาเย็นชา ครั้งหนึ่งเธอเคย
“เขาเป็นลูกฉันด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกนะที่กังวลเรื่องที่เขาหายตัวไป! เขาหายตัวไปที่ไหนและเมื่อไหร่?” เย่เหวินหมิงกล่าวอย่างเย็นชาหลังจากได้ข้อมูลที่จำเป็นแล้ว เขาก็เรียกให้คนของเขาไปตามหาลูกทันทีด้วยเหตุใดก็ไม่แน่ใจ โจวเชียนหยุนกลับรู้สึกโล่งใจในทันทีที่เห็นเย่เหวินหมิงส่งคนออกไปหาตัวลูก ตลกสิ้นดี! เย่เหวินหมิงเป็นคนสุดท้ายที่ทำให้เธอสบายใจได้สินะ!หรือบางที... เธออาจจะเหนื่อยกับการต้องจัดการทุกอย่างเองแล้วก็ได้ ดังนั้นในตอนนี้แม้แต่เย่เหวินหมิงก็ทำให้เธอสบายใจได้ในทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของโจวเชียนหยุนก็ดังขึ้น เธอรับสายโทรศัพท์และรีบออกไปจากห้องทำงานแทบจะทันทีทันใดหลังจากนั้นเย่เหวินหมิงวิ่งตามเธอไปจนถึงลิฟต์โดยไม่รู้ตัว “เกิดอะไรขึ้น?”“เราเจอเขาแล้วค่ะ เราเจอหยันน้อยแล้ว ฉันจะไปรับหยันน้อยที่โรพยาบาล!” โจวเชียนหยุนกล่าวอย่างรีบร้อน ก่อนหน้านี้เป็นสายจากอี้หราน เธอบอกว่าอี้จิ่นหลีช่วยหาตัวหยันน้อยเจอแล้ว แต่หยันน้อยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล“โรงพยาบาลเหรอ?” เย่เหวินหมิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันจะไปกับเธอด้วย”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไป...”
“อยากรู้จริง ๆ เหรอคะ?” หลิงอี้หรานเหลือบมองเย่เหวินหมิงอย่างไม่พอใจ “พี่โจวถามอาหยันน้อยว่าทำไมเขาถึงต้องไปทะเลาะกับเด็กคนอื่นด้วย แล้วเหตุผลก็คือพวกเด็กที่โรงเรียนอนุบาลบอกว่าแม่ของเขาเป็นอาชญากร เป็นคนไม่ดี! คุณเย่คะ ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณคู่หมั้นของคุณที่ชื่อคงจื่ออินนะคะ ถ้าเธอไม่ได้ไปที่โรงเรียนอนุบาลและแพร่คำพูดพวกนั้น เด็ก ๆ ในโรงเรียนก็คงไม่รู้เรื่องนี้หรอก”สีหน้าของเย่เหวินหมิงอึมครึมในทันที เขามองไปยังโจวเชียนหยุนด้วยความรู้สึกที่หลากหลายขณะที่เธอร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดขมขื่น“คุณเย่ ตอนที่เกิดคดีของพี่โจวตอนนั้นแน่ใจนะคะว่าคุณมีจิตใจเป็นกลาง? คุณไม่เคยติดคุกอาจจะไม่รู้ว่าการติดคุกมามันรู้สึกยังไง แค่คำให้การพล่อย ๆ จากปากคุณ แต่มันจะเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของพี่โจวตลอดไป!” หลิงอี้หรานกล่าว เธอไม่มีความตั้งใจจะฟังคำตอบของเย่เหวินหมิงหลังจากที่พูดจบเธอก็เดินเข้าไปปลอบโจวเชียนหยุนหลังจากผ่านไปพักใหญ่การร้องไห้ของโจวเชียนหยุนก็ค่อย ๆ หยุดลง“พี่โจวไม่ต้องห่วงเรื่องเครื่องช่วยฟังของหยันน้อยนะคะ ฉันคุยกับจินแล้วว่าจะให้หมอทำเซ็ตใหม่ให้อาหยันน้อยเฉพาะเลยแเราจะได้ไม่ต้องผ่าตัด
“เขารักเธอ แต่อีกไม่นานเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น อีกอย่างเขาเป็นคนที่ส่งผู้หญิงที่เขารักเข้าคุก ถึงวันหนึ่งเขาจะเสียใจในเรื่องนี้ แต่พี่โจวก็อาจจะไม่ให้อภัยเขาแล้ว ชีวิตพี่โจวทั้งชีวิตพังทลายไปแล้ว ถ้าเขามาเสียใจทีหลังจะไปได้อะไร?”หลิงอี้หรานรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมกับโจวเชียนหยุนเลย เธอตกหลุมรักกับผู้ชายที่ส่งเธอเข้าคุกตอนนี้เย่เหวินหมิงยังมีหน้ามาสู้กับเธอเพื่อแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูอาหยันน้อยอีก!อี้จิ่นหลีตัวแข็งทื่อ “เธอคิดว่าโจวเชียนหยุนจะไม่มีวันให้อภัยเย่เหวินหมิงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ และขอร้องให้โจวเชียนหยุนให้อภัยงั้นเหรอ?”หลิงอี้หรานครุ่นคิดเรื่องนั้นและพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ใช่พี่โจวสักหน่อย”“งั้น... ถ้าเป็นเธอล่ะ?” อี้จิ่นหลีถามอย่างไม่มั่นใจหลิงอี้หรานพูดว่า “ถ้าเป็นฉัน ฉันน่าจะไม่ให้อภัยเขา บางความผิดก็ให้อภัยกันได้ แต่บางความผิดก็ไม่สามารถให้อภัยได้ พูดให้ชัดก็คือ บางครั้งสิ่งที่เรียกว่าการให้อภัยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนคนนั้นไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกของคุณแล้ว พวกเขาเหมือนคนแปลกหน้าและไม่มีผลอะไรกับคุณอีกแล้ว”อี้จิ่นหลีรู้สึกเหมือน
รอยยิ้มของหลิงกว๋อจื้อชะงักค้าง และปกป้องตัวเองด้วยการพูดว่า “ตอนนั้นพ่อมันโง่เอง พ่อกับลูกสาวจะไปมีเรื่องระหองระแหงกันแค่ชั่วข้ามคืนได้ยังไง คุยกันตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ทำไมเราไม่เข้าไปคุยกันข้างในล่ะ?”หลิงกว๋อจื้ออยากจะคุยหลังจากที่ผ่านประตูคฤหาสน์อี้เข้าไปแล้วหลิงอี้หรานกล่าวว่า “ฉันคิดว่าเราตัดขาดกันไปแล้วซะอีก? ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อบอกว่ารู้จักฉัน แค่เพราะการแต่งงานของฉัน งั้นก็ขอบอกไว้เลยว่าเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีก!”แม้ว่าเธอกับชายตรงหน้าจะมีสายเลือดเดียวกัน แต่สิ่งที่เขาเรียกกันว่าความรักของครอบครัวมันจางหายไปนานแล้ว!สีหน้าของหลิงกว๋อจื้อเปลี่ยนไป ตอนนี้ใบหน้าชราของเขาดูค่อนข้างอับอายเล็กน้อยหลิงอี้หรานพูดกับอี้จิ่นหลีว่า “จิน ไปกันเถอะ” หลิงกว๋อจื้อไม่เต็มใจที่จะปล่อยหลิงอี้หรานเดินจากไปแบบนี้ เขาอยากวิ่งเข้าไปจับลูกสาวคนโตไว้ ทว่าเพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดเขาไว้ เขาจึงไม่มีทางเข้าใกล้หลิงอี้หรานได้เลยฟางซุ่ยเอ๋อเห็นแบบนี้ก็รีบพูดว่า “อี้หราน ถึงเธอ... ถึงเธอจะไม่อยากรู้จักพ่อเธอแล้ว แต่อย่างน้อยหาคนไปช่วยน้องสาวของเธอหน่อยสิ หวาลี่ฟางเป็นคนที่บอกให
“นั่นยุ่งยากเกินไป จะง่ายกว่าไม่ใช่เหรอถ้าเธอขอให้นายน้อยอี้ช่วยคุยให้?” ฟายซุ่ยเอ๋อพูดพลางพยายามกล้ำกลืนศักดิ์ศรีที่ค้ำคอลงไป“ฉันไม่คิดจะช่วยคนที่อยากทำร้ายฉันหรอกค่ะ อีกอย่างแม่ฉันมีลูกสาวคนเดียว ฉันไม่มีน้องสาวที่ไหนทั้งนั้น” หลิงอี้หรานกล่าวฟางซุ่ยเอ๋อฉุนขึ้นมาทันที “อะไรนะ... เธอพูดว่าอะไร? เธอจะเอาคืนใช่ไหม? เธอจะเอาคืนที่ครอบครัวไม่ช่วยเธอต้องที่เธออยู่ในคุกใช่ไหม? ทำไมเธอไม่นึกถึงความยากลำบากของพวกเราด้วย? เธอทำตัวเองติดคุกเอง จะปล่อยให้น้องสาวเธอประสบกับชะตากรรมเดียวกันได้ยังไง?”หลิงอี้หรานกล่าวอย่างประชดประชันว่า “คุณเป็นห่วงหลิงลั่วอินตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ได้เข้าคุกเลย แต่ทำไมพวกคุณถึงเลือกไม่ทำอะไรในตอนที่ฉันต้องเข้าคุกล่ะ? กล้าพูดได้ยังไงว่าฉันเอาคืน? ถ้าหลิงลั่วอินไม่ทำผิดกฎหมายเองจะมีใครทำอะไรเธอไหมล่ะ!”“ตอนนั้นเธอทำให้ตระกูลเซียวกับตระกูลอี้ขุ่นเคือง...” ฟางซุ่ยเอ๋อกลืนคำพูดของตัวเองลงเมื่อเห็นสีหน้าของอี้จิ่นหลีที่จู่ ๆ ก็ไม่พอใจขึ้นมาสายตาของอี้จิ่นหลีที่มองมาทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะกำจัดเธอ!อี้จิ่นหลีเดินมาหาฟางซุ่ยเอ๋อและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “งั้
‘นี่มัน... เสียงของอี้หราน!’ ในทันใดนั้นอี้จิ่นหลีก็ดูเหมือนจะได้สติคืนมา ดวงตาสีดำของเขาที่เคยเต็มไปด้วยความเดือดดาลก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงไป“จิน ไปกันเถอะ ฉันไม่สนเรื่องที่ชายคนนี้พูด คุณเองก็ไม่ต้องไปสนใจ! ไม่จำเป็นต้องเอามือไปเปื้อนคนสกปรกแบบนี้หรอกค่ะ!” หลิงอี้หรานกล่าวอย่างเป็นห่วง“เธอ... ไม่สนใจเหรอ?” อี้จิ่นหลีพึมพำ“ค่ะ ฉันไม่สนใจ!” เธอตอบเขาด้วยคำตอบที่ฟังดูหนักแน่นในที่สุดนิ้วของเขาก็ค่อย ๆ คลายออกหลิงกว๋อจื้อรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เขาตกใจมากจนพูดไม่ออกสักคำ ในขณะที่ฟางซุ่ยเอ๋อก็ได้แต่ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้าง ๆหลิงอี้หรานเหลือบมองพ่อและแม่เลี้ยงของเธอพลางพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องหลิงลั่วอิน เธอสมควรได้รับผลกรรมกับสิ่งที่ทำลงไปแล้ว ฉันไม่มีทางช่วยอะไรแน่ ๆ และไม่คิดจะเอาคืนด้วย สำหรับพวกคุณสองคน เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป และตอนนี้คนเดียวที่เป็นครอบครัวของฉะนคือ จิน!”เธอว่าแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมจับมืออี้จิ่นหลีไว้หลิงกว๋อจื้อและฟางซุ่ยเอ๋อยังคงตกตะลึงและพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอี้จิ่นหลีเดินตามหลิงอี้หรานไปติด ๆ ในหัวของเขายังคงมีคำพูดที่เธอเพิ่งพูด
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค