หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปรอบห้องซึ่งเต็มไปด้วยรูปวาด “ฉันเป็นเพียงความหมกมุ่นหนึ่งในชีวิตของคุณเท่านั้น เป็นเพราะข้อตกลงที่เราทำกันไว้ตอนเด็กที่ทำให้คุณตามหาฉันมาตลอดหลายปี บางครั้งคนเราก็เป็นแบบนั้น ยิ่งเอามาไม่ได้ก็ยิ่งอยากได้ เริ่มแรกพวกเขาอาจจะมองทุกอย่างดีเกินกว่าความเป็นจริง แต่ฉันเป็นแค่คนธรรมดา”ขณะที่หลิงอี้หรานพูด เธอก็หันไปมองอี้จิ่นหลีซึ่งยืนอยู่ข้างเธอ และยกมือของตัวเองวางรอบคอของเขาใบหน้าของอี้จิ่นหลีเคร่งขรึม ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองหลิงอี้หรานขณะที่เธอเขย่งเท้าเพื่อจูบริมฝีปากของเขาเธอเป็นคนเริ่มจูบเขา และเขาก็ยอมรับจูบนั้นแต่โดยดีดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ๆ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาและไหลไปกับจูบของเธอเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดเธอก็จูบเสร็จ และมองกู้ลี่เฉินขณะหอบหายใจเล็กน้อย “จินเป็นคนเดียวในหัวใจของฉัน กู้ลี่เฉิน คุณหาฉันเจอแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ทำตามสัญญาแล้วนะ!”ดวงตานกฟินิกซ์สีดำคู่นั้นค่อย ๆ ปกคลุมไปด้วยความสิ้นหวัง ‘ทำตามสัญญาแล้ว... สัญญานั่น... ดังนั้น... ตอนนี้เราก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว...’สิ่งที่เขาและเธอมีต่อกันตลอดหลา
“ไม่ได้โกหก?” เขาพูดเย้ย “ถ้าเธอไม่ได้โกหก ก็แปลว่าเธอยังคงมีฉันอยู่ในใจเหรอ? เธอยังรักฉันอยู่เหรอ? เธอไม่เคยลืมฉันได้ใช่ไหม?” “ค่ะ” เธอตอบความเย้ยหยันบนมุมปากของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น “งั้นทำไมเธอไม่พิสูจน์ให้ฉันดูล่ะว่าเธอยังมีฉันในใจ ว่าเธอยังรักฉัน และไม่เคยลืมฉันเลย? ว่าไงล่ะ?” หลิงอี้หรานจ้องมองชายตรงหน้าของเธอ สิ่งที่กู้ลี่เฉินพูดหลังจากที่พาเธอไปคฤหาสน์ของเขาทำให้เธอตระหนักได้ว่าเธอรักผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตลอดมาแม้กู้ลี่เฉินจะพูดถึงเรื่องการคลาดกันหรือได้พบกัน แต่เธอก็รู้แล้วว่า อย่างไรเธอก็ยังรักอี้จิ่นหลีอยู่ดีสิ่งที่เธอรู้สึกกับกู้ลี่เฉินนั้นหยุดอยู่ที่มิตรภาพในวัยเด็กระหว่างพวกเขา และรู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้สึกซาบซึ้ง แต่... นั่นไม่ใช่ความรักเธอเต็มใจที่จะสาบานว่าจะอยู่กับจินไปตลอดชั่วชีวิต ไม่ใช่เพื่อเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็เพื่อตัวเธอเองด้วยถ้าเธอไม่รักเขา เธออาจจะไม่มีความคาดหวังใด ๆ กับชีวิตคู่ในอนาคต และคงพูดอย่างหนักแน่นไม่ได้ว่าเธอไม่เคยตกหลุมรักกู้ลี่เฉิน ในตอนที่เขาถามเธอถึงเรื่อง ‘ถ้าหากว่า’ พวกนั้นผู้หญิงแบบไหนจะไม่ตกหลุมรักผู้ชายแบบกู
แม้ว่าโจวเชียนหยุนจะได้ยินบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลีรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ความสามรถของอี้จิ่นหลีเป็นอย่างดีว่าเขาจะสามารถพาหลิงอี้หรานกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เธอก็ยังต้องการได้ยินจากปากของหลิงอี้หรานเองเพื่อความสบายใจอยู่ดี“ฉันไม่เป็นไรค่ะพี่โจว ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” หลิงอี้หรานกล่าว“ดีแล้ว” โจวเชียนหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก“แล้วอาหยันน้อยเป็นไงบ้างคะ? ถ้าฉันว่างฉันจะไปหาเขาสักหน่อย” หลิงอี้หรานกล่าว สักพักแล้วที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยมเจ้าตัวน้อยโจวเชียนหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อาหยันน้อยสบายดี เขาคิดถึงเธอเหมือนกัน เอาล่ะ ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว มีลูกค้ามาพอดี ไว้ค่อยคุยกันนะ”โจวชินหยุนพูดจบแล้วรีบกดวางสายและเก็บมือถือลง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีลูกค้าใหม่เข้าร้านของเธออย่างที่พูดเลยเธอยิ้มเจื่อนขณะก้มหน้าลง เธอแค่ไม่รู้ว่าต้องบอกอี้หรานยังไงดี ช่วงนี้มีหลายอย่างเกิดขึ้น อี้หรานตั้งท้อง และเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมากังวลเรื่องของเธออีกหลังจากวันที่อาหยันน้อยออกจากโรงพยาบาล ลูกชายของเธอยังมีรอยฟกช้ำและบาดแผลเล็ก ๆ ตามร่างกาย ครูโรงเรียนอนุบาลยังพูดว่าเด็กคนนี้มักมีปั
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” หลิงอี้หรานถามด้วยความสงสัย“ย้ำสิ่งที่เธอพูดกับฉันในรถวันนี้ทีสิ” เขาพึมพำเธอชะงักคิดเรื่องนั้นและพูดว่า “จิน ฉันต้องการคุณจริง ๆ คุณบอกฉันเองว่าห้ามแตะตัวคุณถ้าไม่ได้สนใจคุณ ตอนนี้ฉันแตะคุณแล้ว ก็แปลว่าฉันสนใจคุณ ทั้งหมดนี่ใช่สิ่งที่คุณอยากได้ยินไหมคะ?”“ใช่ พูดอีกทีสิ” เขาพูดซ้ำเธอไม่ได้ปฏิเสธ และพูดแบบเดิมซ้ำอีกครั้งเธอพูดซ้ำประโยคเดิมไปมาขณะที่เขากอดเธอเอาไว้ หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ สุดท้ายเขาก็พูดออกมาว่า “จริงไหมที่เธอยังมีฉันอยู่ในใจ ยังรักฉัน และไม่เคยลืมฉันไป?”“ค่ะ เป็นคุณมาตลอด เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่เกลียดที่คุณจูบฉัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่ายังรักคุณอยู่ไหม แต่ฉันก็รู้ตัวขึ้นมาว่าฉันรักคุณตอนที่กู้ลี่เฉินถามฉันวันนี้”หลิงอี้หรานสารภาพ “จิน มีหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา ความสัมพันธ์ของเรามีรอยร้าวเยอะแยะมากมาย ฉันไม่รู้ว่ามันจะเหมือนเดิมไหม แต่ฉันจะพยายามแก้ไขมัน คุณล่ะคะ? คุณอยากจะทำแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า?”เขาตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย “เธออยากให้ฉัน... รักเธองั้นเหรอ?” เขาถาม“ค่ะ” เธอตอบ เธอรักเขาและก็ต้องอยากให้เขารักเธอตอบเช่น
‘คำถามคือ เขารู้หรือเปล่าว่าตัวเองพยายามยั่วยุให้ฉันก่ออาชญากรรม? โดยเฉพาะในตอนที่เขาถอดเสื้อผ้าแล้วสวมเข้าไปใหม่ เปิดเผยหุ่นแกร่งและกำยำของเขา นี่มันน่าสนใจเสียยิ่งกว่าโฆษณาบางตัวเสียอีก และทำให้คนอยากจะเอาเขามาเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น...’“ฉัน... กำลังท้องอยู่นะคะ” เธอพูดตรงประเด็น กล่าวอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าเธอจะโดนยั่วยุหรือล่อลวงจากการมองเขาแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยสภาวะในตอนนี้ของตัวเอง“งั้นก็ชดเชยความรักของเธอให้ฉันซะตอนนี้สิ แล้วฉันจะให้เธอขึ้นหลังจากที่คลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้ว”เธอรู้สึกราวกับว่าเลือดกำเดากำลังไหลออกมาจากจมูก ‘พระเจ้า! นี่มันบทสนทนาประเภทไหนกันเนี่ย?’หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวานหวามในใจเมื่อคิดเรื่องนี้ เธอดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่ได้พูดคุยกับจินในช่วงสองวันมานี้ เธอทำงานที่ยังค้างอยู่จนเสร็จ และเหลือเพียงคดีของโจวเชียนหยุนอยู่ในมือเพราะว่าพี่โจวมีประวัติอาชญากรรม หลิงอี้หรานจึงรู้สึกว่าพวกเขามีโอกาสที่จะแพ้คดีสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตรครั้งนี้สูงมาก ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงดำเนินการต่อโดยไม่มีข้อแม้ใดเนื่องจากเธอตั้งท้อง และเพร
ถึงอย่างนั้นเธอถูกหยุดไว้ทุกครั้ง“ประธานเย่เป็นคนที่คุณอยากเจอก็เจอได้หรือไง? บ้าบอ! เราจะแจ้งตำรวจถ้าคุณทำแบบนี้อีก!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างหมดความอดทนในทันใดนั้นเองที่ร่างหนึ่งเดินเข้ามาและพูดว่า “ถอย ให้เธอเข้าไป ประธานเย่ต้องการพบเธอ”โจวเชียนหยุนตะลึงไปขณะที่มองชายคนนั้นตรงหน้าเธอ เธอ... เธอจำได้ว่าคนนี้คือเลขาของเย่เหวินหมิง และเขาก็เป็นอดีต... เพื่อนร่วมงานของเธอด้วย!ในตอนนั้นพวกเขาสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขายังคอยเตือนเธอหลายต่อหลายครั้งว่าเย่เหวินหมิงมีคนอื่นที่เขาสนใจอยู่แล้ว และขอให้เธออย่าลงทุนกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากเกินไป โชคไม่ดีที่เธอปฏิเสธจะฟังพวกเขาและเทใจให้ความสัมพันธ์ครั้งนั้นจนต้องจบลงแบบนี้โดยรวมแล้วเธอทั้งโง่เง่าและไร้เดียงสาจนหาเหาใส่หัวตัวเอง! เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยที่หยุดโจวเชียนหยุนไว้ตะลึงลาน พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงแบบนี้เข้าพบประธานเย่ได้ด้วย! จากนั้นพวกเขาก็คาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าโจวเชียนหยุนเป็นใครโจวเชียนหยุนเดินตามเลขาคนนั้นเข้าไปในตึกพวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนกระทั่งนำโจวเชียนหยุนมาถึงห้องทำงานของเย่เหวินหมิงแ
“แน่นอน ฉันเชื่อจื่ออิน จื่ออินกำลังจะเป็นภรรยาของฉัน คนที่กำลังจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต ถ้าไม่เชื่อจื่ออิน งั้นฉันต้องเชื่อเธอหรือไง?” เขาพูดอย่างเย็นชาคำพูดพวกนั้นทำเธอเจ็บราวกับโดนคมดาบเธอคิดว่าตัวเองจะชินชาและเฉยเมยต่อคำพูดเจ็บแสบที่เขาจะพูดใส่เธอได้ แต่กลับกลายเป็นว่า... แค่คำพูดธรรมดาแบบนี้ก็ยังมีผลต่อเธอมากเหลือเกิน“เย่เหวินหมิง ฉันขอร้องให้คุณเช็กหน่อยได้ไหมคะ? ฉันแค่ต้องการรู้ว่าเธอพาตัวอาหยันน้อยไปหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ได้พาตัวเขาไปฉันก็จะกลับไปทันที ไม่มายืนขวางหูขวางตาคุณอย่างนี้หรอกค่ะ”“ผมต้องเช็กตามที่คุณบอกด้วยเหรอ? โจวเชียนหยุน คิดว่าตัวเองเป็นใครไม่ทราบ?” เย่เหวินหมิงถามด้วยความประชดประชันใบหน้าของโจวเชียนหยุนซีดขาว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะขอร้องผู้ชายตรงหน้าเธออย่างไร บางทีต่อให้เธอตายลงต่อหน้าต่อตาเขาก็คงจะไม่สนใจเลย“เย่เหวินหมิง ฉันรู้ว่าเรามีข้อพิพาทกันเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูอาหยันน้อย แต่การพิจารณาคดียังไม่เริ่มและคำตัดสินก็ยังไม่ออกมา คุณจะเอาอาหยันน้อยไปจากฉันในตอนนี้ไม่ได้ เข้าใจไหม?” เธอขอร้อง ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมที่สุดใบหน้าของเขาเย็นชา ครั้งหนึ่งเธอเคย
“เขาเป็นลูกฉันด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกนะที่กังวลเรื่องที่เขาหายตัวไป! เขาหายตัวไปที่ไหนและเมื่อไหร่?” เย่เหวินหมิงกล่าวอย่างเย็นชาหลังจากได้ข้อมูลที่จำเป็นแล้ว เขาก็เรียกให้คนของเขาไปตามหาลูกทันทีด้วยเหตุใดก็ไม่แน่ใจ โจวเชียนหยุนกลับรู้สึกโล่งใจในทันทีที่เห็นเย่เหวินหมิงส่งคนออกไปหาตัวลูก ตลกสิ้นดี! เย่เหวินหมิงเป็นคนสุดท้ายที่ทำให้เธอสบายใจได้สินะ!หรือบางที... เธออาจจะเหนื่อยกับการต้องจัดการทุกอย่างเองแล้วก็ได้ ดังนั้นในตอนนี้แม้แต่เย่เหวินหมิงก็ทำให้เธอสบายใจได้ในทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของโจวเชียนหยุนก็ดังขึ้น เธอรับสายโทรศัพท์และรีบออกไปจากห้องทำงานแทบจะทันทีทันใดหลังจากนั้นเย่เหวินหมิงวิ่งตามเธอไปจนถึงลิฟต์โดยไม่รู้ตัว “เกิดอะไรขึ้น?”“เราเจอเขาแล้วค่ะ เราเจอหยันน้อยแล้ว ฉันจะไปรับหยันน้อยที่โรพยาบาล!” โจวเชียนหยุนกล่าวอย่างรีบร้อน ก่อนหน้านี้เป็นสายจากอี้หราน เธอบอกว่าอี้จิ่นหลีช่วยหาตัวหยันน้อยเจอแล้ว แต่หยันน้อยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล“โรงพยาบาลเหรอ?” เย่เหวินหมิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันจะไปกับเธอด้วย”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไป...”