เดิมทีแล้วเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ลืมคนรักเก่าของตัวเองแล้วตกหลุมรักกับชายอีกคน แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความรักและการหักหลังเท่านั้นเหรอ?อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟังเรื่องราวจนจบ เธอก็รู้สึกต่างออกไป‘หรือว่าผู้หญิงคนนั้นตกหลุมรักและฆ่าคนที่ตัวเองรักเพราะว่า... เธอยอมรับไม่ได้งั้นเหรอ?’‘เธอยอมรับไม่ได้ว่า ตัวเองเปลี่ยนใจและตกหลุมรักกับชายที่กักขังเธองั้นเหรอ?‘แต่หลังจากนั้นล่ะ? หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอหลังจากที่เธอออกไป? เธอออกไปแล้วอยู่กับชายคนเดิมที่เธอรักหรือเปล่า?‘หรือเธออยู่ตัวคนเดียว?’เธอสงสัยว่า เรื่องหลังจากนั้นเป็นอย่างไรต่อไปแปลกพอควรที่เธอหมดวัยอยากรู้อยากเห็นแล้ว แต่เธอก็ยังสงสัยเรื่องของผู้หญิงที่อี้จิ่นหลีกล่าวถึง‘มันเป็นเพราะ... ฉันเองก็โดนขังไว้ในคฤหาสน์เดียวกันนี้หรือเปล่า?’หลิงอี้หรานลุกออกจากเตียงเดินไปยังหน้าต่าง และเปิดผ้าม่านออกเธอมองเห็นสระในสวนได้จากหน้าต่าง สระบัวยังคงดูสวยงามแม้จะเป็นเวลากลางคืนถึงอย่างนั้นเธอก็แปลกใจที่มีร่างหนึ่งยืนอยู่ริมสระและดูเหมือนว่ากำลังจ้องมองไปยังดอกบัวแสงจันทร์เย็น ๆ ตกกระทบล
นอกจากนั้น... ท่าทางของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมก่อนที่เธอจะดึงม่านปิด เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยคางที่เชิดขึ้น และมองมาทางเธอ!จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ และเธอก็วิ่งออกจากห้องไปเธอไม่รู้ว่าร่มอยู่ไหน ดังนั้นหลิงอี้หรานจึงหยิบผ้าห่มขึ้นมากางไว้บนหัวและวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝนเพื่อไปยังสระบัว แม้ว่าผ้าห่มจะปกคลุมหัวของเธอและร่างกายบางส่วน แต่สายฝนก็ยังกระทบกับแขนและร่างกายส่วนหน้าของเธอหยดฝนเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งหลิงอี้หรานรีบวิ่งไปหาอี้จิ่นหลี อ้าปากเล็กน้อย และพูดว่า “คุณมายืนทำอะไรตรงนี้? ฝนกำลังตกนะ รีบกลับเข้าไปเถอะ”ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ขยับเขยื้อนและยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “เธอออกมาทำไม?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสายฝนยามค่ำคืน เขาเปียกไปทั้งตัว ทั้งผมและใบหน้าของเขาเปียกไปด้วยเม็ดฝน และดวงตาดำขลับของเขาก็กำลังมองมายังเธอผ่านสายฝนที่โปรยปราย“เราค่อยคุยกันหลังจากที่คุณเข้าไปข้างในก็ได้” เธอพูดและจับแขนเพื่อดึงให้เขาเข้าไปข้างในถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ขยับเลย “ทำไมเธอถึงออกมา?” เขาถามย้ำคำถามเดิมหลิงอี้หรานไม่มีทางเลือกนอกจากพูดว่า “
กลายเป็นว่าหลิงอี้หรานกำลังรออี้จิ่นหลีอยู่ในห้องนอนของเขาแม้ว่าเธอจะไม่อยากรอ แต่เธอก็ไม่มีที่ให้ไป อย่างไรเธอก็เดินไปมาได้แค่ในคฤหาสน์นี้เท่านั้น เธอไม่สามารถหนีไปได้แม้ว่าเธออยากจะทำแบบนั้นก็ตามถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงจะไม่สนใจเรื่องนี้ห้องนอนของอี้จิ่นหลีมีขนาดเท่ากับห้องของเธอ และเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นสไตล์วินเทจจีน สิ่งที่แตกต่างคือ ห้องของเขามีผนังที่ปิดด้วยผ้าม่านหนาทึบ‘อย่าบอกนะว่า.... ผนังนี่จะมีรอยเลือดเหมือนห้องเลือดกระเซ็นนั่นน่ะ?’หลิงอี้หรานรู้สึกว่ามันชวนให้ขยะแขยงอยู่เล็กน้อยเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ เธอเดินไปยังกำแพง มองผ้าม่าน และสงสัยว่ามีอะไรอยู่บนกำแพงด้านหลังของมัน บางที... ผ้าม่านนี่อาจจะเป็นแค่ของตกแต่งก็ได้ ใช่ไหม?ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องน้ำก็เปิดออก และอี้จิ่นหลีก็ออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวเท่านั้น และเผยให้เห็นร่างกายส่วนบนที่ดูเหมือนจะผอมแต่กำยำของเขา ดวงตาสีดำของเขามองตรงมาที่เธอ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ในกับดักทันทีเขาก้าวเข้ามาหาเธอทีละก้าว และเธอก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ในทันใดเองที่เ
‘แม้ว่าเธอจะไม่ได้รักฉัน แต่ตอนนี้เธอก็อยู่กับฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?’หลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงน้ำหนักที่กดทับบนไหล่ข้างหนึ่งของเธอ น้ำหนักบางส่วนของเขาตอนนี้อยู่บนไหล่ของเธอเขาดูเหมือนคนที่หมดแรงสุด ๆ และมองหาบางอย่างเพื่อพยุงตัวไว้ แม้จะเป็นสิ่งชั่วคราวก็ตาม ถ้าหากเธอผลักไสเขาราวกับว่าเขาจะตกหน้าผาไป เธอดูเหมือนจะเป็นสิ่งนั้น และเป็นสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่จะช่วยประคองเขาไว้ได้ ‘พระเจ้า ฉันมีความคิดแบบนั้นได้ยังไง?’ หลิงอี้หรานคิดพลางหัวเราะให้ตัวเอง เธอไม่มีทางเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยประคับประคองเขาได้หรอก นี่ก็เป็นแค่ภาพลวงที่เกิดจากสภาพอันเหนื่อยอ่อนของเขาก็เท่านั้น“งั้น... คุณก็พักเถอะ ฉันจะกลับไปห้องตัวเองแล้ว” หลิงอี้หรานกล่าวขณะที่พยายามจะจากไปถึงอย่างนั้นพอเธอหมุนตัว จู่ ๆ เขาก็ตรึงเธอลงบนเตียงก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวออกไป“ปล่อยฉันนะ!” เธอพยายามจะผลักเขาออกไปอย่างตื่นตระหนก แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้น“ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ ฉันแค่... จะกอดเธอไว้แบบนี้” เขาพูดพึมพำขณะฝังใบหน้าไว้บนไหล่ของเธอพลางสูดดมกลิ่นและสัมผัสอุณหภูมิของเธออย่างตะกละตะกลามราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จ
ตอนนี้ที่เขากำลังหลับอยู่ เขาดูเหมือนเป็นชายหนุ่มที่หลุดออกจากความเป็นตัวเอง เขาไม่บ้าดีเดือด แต่ดูคล้ายกับเทพบุตรแสนงดงามที่น่าเข้าหาถึงอย่างนั้น รอยย่นระหว่างคิ้วของเขาทำให้เขาดูค่อนข้างอ่อนแอ‘อ่อนแอเหรอ?’หลิงอี้หรานหัวเราะและกำลังจะพาตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขาในตอนที่มือของเขาดูเหมือนจะจับเธอไว้โดยไม่รู้ตัว จากนั้น... เขาก็จับนิ้วทั้งสี่ของมือขวาเธอไว้หลิงอี้หรานตกใจและพยายามดึงนิ้วของเธอออกจากมือของเขา แต่พอทำอย่างนั้นเขากลับจับนิ้วเธอไว้แน่นแทน! นี่คล้ายกับว่าเขากำของรักของหวงไว้และไม่ยอมวางหลิงอี้หรานพูดไม่ออก เธอยังคงออกไปไม่ได้แม้ว่าเธอจะพยายามหมดแล้ว ‘นี่คืนนี้ฉันต้องนอนบนเตียงนี้กับเขาใช่ไหม?’เธอพยายามอีกหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่สามารถเอามือออกจากมือเขาได้เลย สุดท้ายก็ได้แต่สงสัยว่าเขาหลับจริง ๆ หรือเปล่าแต่เขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสักครั้ง หรือว่าทำอย่างอื่นเลยจริง ๆดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเองว่าอย่างไรพวกเขาก็เคยนอนร่วมเตียงเดียวกันมาก่อนเท่านั้นหลังจากความลังเล หลิงอี้หรานก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพวกเขา จากนั้นเธอก็พยายามเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองให้ได้มากที่
“ฉันออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้เหรอ” เธอถามเขายิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูอ่อนแรงเพราะพิษไข้ “ไม่ เธอจะออกไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม!”‘ถามจริง นี่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้นเหรอ?’“คุณมียาไหม? ไข้คุณมันไม่ใช่น้อยเลยนะ คุณต้องรีบทานยา!” เธอพูดพลางคิดว่าเขาคงจะเป็นไข้จากการตากฝนเมื่อคืน“ไม่มี” เขาตอบเสียงเบา“โทรศัพท์คุณอยู่ไหน? โทรหาเลขาของคุณ เกาฉงหมิงสิ ให้เขาพาคุณไปโรงพยาบาล” เธอกล่าวเขาขมวดคิ้วแล้วพูด “ฉันไม่ต้องการไปโรงพยาบาล ก็แค่ไข้ อีกสองสามวันฉันก็หายดี”“ถึงคุณจะไม่ไปโรงพยาบาล แต่อย่างน้อยคุณก็ควรบอกให้เกาฉงหมิงซื้อยาลดไข้มาให้” เธอพูดเขาเม้มปากบางเข้าหากันและไม่พูดอะไร นอกจากเลิกผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง“คุณไม่ได้กลัวการทานยาหรอกใช่ไหม?” เธอถามแหย่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตัวเกร็งและมองเธออย่างไม่สบายใจ ใบหน้าที่แดงเพราะพิษไข้ของเขาดูเหมือนจะแดงขึ้นเล็กน้อย‘ไม่จริงน่า นี่เขากลัวการกินยาจริงเหรอ?’ หลิงอี้หรานอึ้งไป แต่ดูเหมือนก่อนหน้านี้เธอก็เคยซื้อยาแก้ปวดท้องให้เขา ตอนนั้นเขาไม่เห็นจะกลัวเลยนี่!"แล้วเธอรักฉันหรือเปล่า?” เขาถามขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยหลิงอี้หรานตกตะลึงไป ไม่รู้ว่าทำไมเ
“เจ็บหรือเปล่า?” เธอถามพลางวางมือลงบนท้ายทอยของเขา ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงดังตุ้บ ต้องเป็นหัวเขาที่กระแทกพื้นแน่เธอเพียงอยากจะดูว่าศีรษะของเขาไม่ได้เป็นไร แต่เธอลืมว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพไหน เธออยู่บนตัวเขาขณะที่เขาเปลือยเปล่าไปจนถึงเอวมือของเธอเอื้อมไปแตะท้ายทอยของเขา ในขณะที่ร่างของเธออยู่บนร่างชายหนุ่ม ดังนั้นร่างกายของพวกเขาจึงแนบชิดติดกัน เขาจับข้อมือของเธอไว้ และเสียงแหบพร่าของเขาก็ดังขึ้นในหูของเธอ “เธอจะเป็นห่วงฉันไหมถ้าฉันบอกว่าฉันเจ็บ?”เธอเกร็งตัวไปเล็กน้อย และสังเกตเห็นว่าพวกเขาใกล้ชิดกันแค่ไหน ริมฝีปากของเธอแทบจะแตะแก้มของเขาอยู่แล้วในทันทีที่เธอก้มหน้าลงเธอจ้องมองไปที่เขา “ถ้าเจ็บ คุณก็ควรติดต่อกับคนข้างนอกเดี๋ยวนี้ และไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูแทนที่จะทนไว้ในตอนที่คุณมีไข้อยู่ อี้จิ่นหลี อย่าลืมสิว่าคุณมีชีวิตเดียวนะ!”เขายิ้มออกมาทันที “เธอปล่อยให้ฉันตายไม่ได้ล่ะสิ?”ใบหน้าที่แดงเรื่อด้วยพิษไข้ทำให้เขาดูงดงามยิ่งขึ้นด้วยรอยยิ้มและยังดูบอบบางเสียจนเธอไม่สามารถละสายตาไปได้เลยดูเหมือนว่าหัวใจของเธอจะเจ็บปวดไปเพราะรอยยิ้มของเขา! ...ท้ายที่สุด อี้จิ่นหลีก็โท
“ฉันสงสัยขึ้นมาเลยกินไปทีเดียวสองถึงสามเม็ด ผลคือฉันหลับไปสามวันและต้องล้างท้องที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นพวกเขาเลยรู้กันว่าคนรับใช้คนนั้นเป็นคนเปลี่ยนยา” เขาพูดพลางเงยหน้ามองเธอด้วยความเย้ยหยันตนเองอย่างรุนแรงในแววตา“แล้วรู้อะไรไหม? คนรับใช้คนนั้นเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุดในตอนที่ฉันเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์อี้ เธอแสดงออกว่าเป็นห่วงฉัน ทุกวันเธอจะยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่มองฉันทาน ‘วิตามิน’ ที่เธอเป็นคนเปลี่ยน”ความโกรธปะทุขึ้นในหัวใจของหลิงอี้หราน “คนเราทำแบบนี้กับเด็กแค่เพื่อความสบายและได้ออกไปเที่ยวกับแฟนได้ยังไง? เธอไม่คิดถึงผลกระทบของเด็กที่ต้องกินยานอนหลับเข้าไปเป็นจำนวนมากเลยหรือไง?”ในกรณีที่แย่ที่สุดอาจทำให้เด็กเกิดความผิดปกติทางจิตได้เลยนะอี้จิ่นหลียิ้มอ่อน “มีคนแบบนั้นมากมายบนโลกใบนี้ พวกเขายอมเซ่นชีวิตของคนอื่นเพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย"“แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น? คนรับใช้คนนั้นเป็นยังไงต่อ?” หลิงอี้หรานถาม“ตระกูลอี้ก็ไล่เธอออก” เขาพูดเสียงแผ่วหลิงอี้หรานเข้าใจว่า ถ้าคนรับใช้คนนั้นโดนไล่ออก เธอคงจะทุกข์ทรมานไปตลอดทั้งชีวิต“หลังจากนั้นคุณก็เลยเกลียดการทานย