Home / รักโบราณ / พิศวาส 3000 ปี / ปิดเมืองข้า...ค้นหานาง! 1.1

Share

ปิดเมืองข้า...ค้นหานาง! 1.1

last update Last Updated: 2025-01-06 19:15:34

ชายแดนเมืองจิงโจ

จวนแม่ทัพ

ภายในห้องบรรทมชินอ๋อง

 พระวรกายสูงใหญ่ของจอมมารชินซางทรงบรรทมสนิทในเวลาแห่งรัตติกาล ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาจอมมารหนุ่มหรือชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ดำรงพระชนม์ชีพดั่งเช่นมนุษย์ธรรมดาเดินดินทั่วไป มีความรู้สึกร้อน หนาวและเจ็บป่วย รวมไปถึงได้รับบาดแผลจากการทำสงครามไม่แตกต่างจากผู้อื่นแม้แต่น้อย ในเวลานี้ไอจอมมารและพลังปีศาจที่ทรงมีอยู่คู่พระวรกายได้เลือนหายไปจนหมดสิ้นนับตั้งแต่ปานไฟอัคคีย้ายไปสถิตอยู่กับคู่ชะตาของพระองค์

 จอมมารจึงคงเหลือเพียงวรยุทธ์จากดินแดนปีศาจที่ทรงฝึกฝนมานับหลายแสนปีเท่านั้น เมื่อไอมารเลือนหายความเป็นมนุษย์เข้ามาแทนที่พระองค์จึงเริ่มได้รับบาดเจ็บจากการทำสงคราม บาดแผลปรากฏอยู่บนพระวรกายหลายแห่ง แต่โชคยังดีที่ภายในพระวรกายทรงมีเลือดปีศาจจึงทำให้บาดแผลสมานเข้าหากันได้ในเร็ววัน แต่สิ่งหนึ่งที่หามีผู้ใดล่วงรู้นั่นก็คือทรงไม่มีวันตายเพราะเป็นอมตะ 

ทว่าความเป็นอมตะของพระองค์ล้วนอยู่ในปานรูปไฟอัคคีทั้งสิ้น ปานดังกล่าวคือสัญลักษณ์ของจอมมาร พลังเวทปีศาจและญาณตบะขั้นที่แปดที่ทรงฝึกฝนมาล้วนอยู่ในปานไฟอัคคีทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นตาที่สามของพระองค์สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต อดีตและปัจจุบัน ครั้นย้ายไปสถิตอยู่กับคู่ชะตาทำให้พระองค์มิอาจหยั่งรู้ได้ดั่งเช่นกาลก่อน ตรงกันข้ามกับคู่ชะตาจะสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคต อดีตและปัจจุบันเข้ามาแทนที่

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั่นก็คือรูปสังขารที่มิโรยรา ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด จะเป็นร้อยปีหรือพันปีหรือเป็นหมื่นๆ ปี พระองค์ยังทรงเต็มไปด้วยพระสิริโฉมอันงดงามมิมีเสื่อมคลาย ทรงอ่อนชันษาดั่งเช่นบุรุษหนุ่มในวัยยี่สิบปี เป็นเช่นนี้ตลอดกาล

ถึงแม้ว่าจะทรงมีพระชนมายุในโลกมนุษย์เข้าสู่ปีที่ยี่สิบเก้า แต่ถ้าหากเทียบพระชนมายุในดินแดนปีศาจแล้วไซร้ จอมมารมีพระชนมายุถึงสองแสนปี และตลอดห้าปีที่ผ่านมาจอมมารเฝ้าค้นหาติดตามเจ้าสาวในชุดสีขาว ผู้ถูกกำหนดให้เป็นคู่ชีวิตของพระองค์มาโดยตลอด

เหตุที่ทรงเลือกประทับอยู่แถบชายแดน นอกจากสามารถป้องกันเทียนโจวให้ปลอดภัยตามสัตย์สัญญาที่ทรงให้ไว้กับเฉินกงฮ่องเต้ จอมมารสามารถใช้โอกาสดังกล่าวออกติดตามค้นหาคู่ชะตาของพระองค์ไปในแต่ละแคว้นยามเมื่อยกกองทัพออกโจมตีแคว้นศัตรูหรือหากมีแคว้นอื่นมารุกราน 

ครั้นเมื่อรบชนะจอมมารชินซางจะเสด็จเข้าเมืองหลวงและค้นหาคู่ชะตาชนิดพลิกบ้านเรือนของแต่ละแคว้นจนละเอียดถี่ยิบ โดยเฉพาะจวนขุนนางที่บุตรีได้สมรสกับเชื้อพระวงศ์ พระองค์จะส่งทหารไปตรวจตราบ้านนั้นทุกซอกทุกมุมโดยเฉพาะเจ้าสาว จะถูกนำมาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์เพื่อพระองค์ได้เพ่งพิศว่าใช่เจ้าสาวในชุดขาวของพระองค์ที่หายไปหรือไม่ โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของเทียนโจว แคว้นที่แพ้สงครามจะต้องทำตามเงื่อนไขของเทพสงครามทุกประการโดยไร้สิ้นข้อแม้ใดๆ 

และถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงน่าสะพรึงกลัว ดุดัน อีกทั้งโหดร้ายเต็มไปด้วยความเลือดเย็นและเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงในสนามรบ แต่โดยเนื้อแท้แล้วไซร้จอมมารชินซางมีพระทัยอ่อนโยน และจะแสดงออกเฉพาะคนที่ทรงรักเท่านั้น พระองค์มีอุปนิสัย รักแรง เกลียดแรง แค้นลึกถึงรากเหง้า และที่สำคัญทรงหวงแหนทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์อย่างยิ่งยวดและอย่าหวังว่าผู้ใดจะได้ครอบครอง

ในขณะเดียวกันแม้ว่าจะทรงมีลักษณะดุดันและน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น ทว่ากลับกลายเป็นที่ชื่นชมของประชาชนไปทุกหัวระแหง โดยเฉพาะทรงเป็นที่ใฝ่ฝันและได้รับความนิยมจากอิสตรีที่ได้มีโอกาสประสบพบพระพักตร์ องค์หญิงจากแคว้นน้อยใหญ่เดินทางไกลมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับแคว้นเทียนโจวก็หวังที่จะได้ถูกยกให้เป็นพระชายาของชินอ๋องนั่นเอง 

ด้วยเพราะสาเหตุนี้จึงทรงประทับอยู่แต่ชายแดนมิยอมเหยียบเข้าเมืองหลวงแต่อย่างใด เพื่อตัดปัญหาในเรื่องสมรสพระราชทานที่จะต้องมีขึ้นรวมไปถึงต้องรับพระชายาเพิ่ม ซึ่งเป็นผลมาจากการทำสงครามของพระองค์ ด้วยภายในราชสำนักตอนนี้เต็มไปด้วยพระสนมที่พ่ายแพ้สงคราม และเดินทางมาอภิเษกสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีสงบศึกระหว่างแคว้นกันอย่างคับคั่ง ทำให้วังหลังเต็มไปด้วยพระสนมมากมาย 

ด้วยเหตุนี้ทำให้บรรดาองค์ชายต่างๆ ซึ่งประสูติจากโจวฟางหยางฮ่องเต้ ที่ถึงเกณฑ์อายุแต่งงานแล้วต่างได้รับพระราชทานอภิเษกสมรสกับบรรดาองค์หญิงต่างๆ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงจนเนืองแน่นไปหมด ซึ่งโจวฟางหยางฮ่องเต้ก็ทรงต้องการให้เป็นเช่นนั้น พระองค์มิประสงค์ให้พระอนุชาต่างพระมารดาเสด็จหวนคืนเมืองหลวงแต่อย่างใด

 ด้วยเพราะทรงริษยาและชิงชังพระอนุชาต่างพระมารดาอย่างยิ่งยวด ยิ่งพสกนิกรและทหารในกองทัพชื่นชมรักเทิดทูนชินอ๋องจนถึงขนาดพากันกราบไหว้บูชาภาพเหมือนของชินอ๋องดุจดั่งเทพเจ้า แทนที่จะรักและเทิดทูนพระองค์ซึ่งเป็นฮ่องเต้ปกครองแคว้น ยิ่งเพิ่มความชิงชังที่มีต่อพระอนุชามากล้นทวีคูณ ด้วยทรงกลัวว่าหากชินอ๋องเสด็จหวนกลับคืนเมืองหลวง พระองค์จะมิหลงเหลืออำนาจใดๆ ที่อยู่ในพระหัตถ์อีกต่อไป 

 ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีและความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ พระพักตร์หล่อเหลาในยามบรรทมไม่หลงเหลือความเย็นชาปรากฏอยู่แต่อย่างใด เกศาสีเงินยวงปล่อยยาวสยายค่อยๆ ปรกลงบนพระพักตร์เมื่อพระองค์เข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความฝัน 

ในฝันนั้นคืองานพิธีอภิเษกสมรสของโจวฟางหยางฮ่องเต้และองค์หญิงจากต่างแคว้น ภายในพระราชวังหลวงบริเวณตำหนักบูรพา ซึ่งเป็นที่ประทับของพระสนมองค์ใหม่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษก ได้ถูกประดับด้วยผ้าแดงมงคลทั้งด้านนอกและด้านใน เจ้าสาวในชุดขาว สวมมงกุฎหงส์กำลังก้าวออกจากพระตำหนักเพื่อเดินทางไปเข้าพิธีโดยมีพัดสีขาวที่ทำมาจากขนห่านฟ้าปิดบังใบหน้า

 “หยุดก่อน!” สุรเสียงดังก้องสั่งห้ามเจ้าสาวให้หยุดพระดำเนินตรงหน้าพระตำหนักในขณะที่กำลังจะขึ้นเกี้ยว

จอมมารทรงยืนสูงทะมึนอยู่ตรงหน้าเกี้ยวพระที่นั่ง พระเนตรสีนิลกาฬทรงทอดพระเนตรเจ้าสาวในชุดสีขาวเขม็งเพื่อสำรวจนางก่อนเข้าพิธี ใบหน้าที่ถูกพัดปิดบังอยู่ในขณะนั้นเห็นเพียงแค่ดวงตากลมโต ค่อยๆ หันกลับมามองพระองค์ด้วยความสงสัย

“เทพสงครามอุตสาห์เสด็จมาถึงตำหนักบูรพามีพระประสงค์สิ่งใดหรือเพคะ” องค์หญิงต่างแคว้นรับสั่งถามกลับไป

จอมมารทรงยืนทอดพระเนตรเจ้าสาวในชุดขาวเขม็งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ชุดเจ้าสาวช่างคุ้นตาเสียนี่กระไร ก่อนจะทอดพระเนตรมงกุฎหงส์พลางพระดำเนินเข้ามาหานางทันทีในระยะใกล้ชิดเพื่อทอดพระเนตรให้แน่พระทัย ครั้นพระเนตรสีนิลกาฬทรงทอดพระเนตรมงกุฎหงส์ที่นางประดับอยู่บนศีรษะก็ทรงจดจำได้ทันทีว่าเป็นแบบเดียวกับคู่ชะตาของพระองค์สวมในวันแรกที่ทรงเบิกเนตรขึ้นมาพบนางในชุดเจ้าสาว ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ พระองค์รีบมีรับสั่งออกไปทันใด

“นี่คือการตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยก่อนเข้าพิธี องค์หญิงให้ความร่วมมือด้วย” จอมมารรับสั่งออกไป ก่อนจะได้ยินเจ้าสาวตอบกลับมา

“เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เหตุไฉนชินอ๋องจึงต้องเสด็จมาด้วยพระองค์เองเล่า ให้ทหารองครักษ์มาตรวจสอบก็เพียงพอแล้วมิจำเป็นให้พระองค์ต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้แต่อย่างใด” องค์หญิงต่างแคว้นรับสั่งถามกลับไป

พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนก้มลงทอดพระเนตรเจ้าสาวตรงหน้าพระพักตร์ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น

“ก็ข้าพอใจ! มีอะไรไหม!” รับสั่งสุรเสียงห้วนสั้นพร้อมมีรับสั่งตามติดมา

“เอาพัดลงข้าจะตรวจสอบใบหน้าของเจ้”รับสั่งบังคับเจ้าสาว 

และนั่นทำให้จอมมารทอดพระเนตรดวงตากลมโตสีเมล็ดองุ่นจ้องมาที่พระองค์เขม็งด้วยความไม่พอใจ

“ทรงทำเช่นนี้ผิดธรรมเนียมในพิธีนะเพคะ พระสวามีของหม่อมฉันเท่านั้นจึงจะสามารถเปิดพัดที่ปิดใบหน้านี้ได้ พระองค์รับสั่งให้เปิดเผยรูปโฉมของหม่อมฉันก่อนพระสวามีเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง”

ครั้นจอมมารทรงได้ยินเช่นนั้นพระโอษฐ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ

“สมควรอย่างไร ไม่สมควรเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้จัก ข้าสนใจแต่เพียงว่าเจ้ามีใบหน้าของสตรีที่ข้ากำลังค้นหาอยู่หรือเปล่าเท่านั้น...เอาพัดลง!” ประโยคสุดท้ายรับสั่งสุรเสียงดุดัน

องค์หญิงต่างแคว้นทรงยืนนิ่งมิยอมขยับเขยื้อนพระวรกายแม้แต่น้อย และไม่ยอมนำพัดลงตามพระบัญชาแต่อย่างใด ยังคงยืนอย่างไม่สะทกสะท้านมิหนำซ้ำยังจ้องพระองค์ไม่หลบสายพระเนตรจอมมารแม้แต่น้อย

“ช่างเป็นสตรีที่ใจกล้าและเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก กล้าจ้องหน้าข้าโดยไม่ยอมหลบสายตาเสียด้วย ถ้าเช่นนั้นก็ดี! อยากจะรู้เช่นกันว่าเจ้าจะหลบหลีกข้าไปได้สักกี่น้ำ” รับสั่งพร้อมดึงพัดที่อยู่ในมือของนางออกทันใด

“เพียะ!” มือเรียวสวยขององค์หญิงต่างแคว้นฟาดลงบนพระหัตถ์หนาของจอมมารอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะรีบหมุนตัวกลับพร้อมใช้พัดยกขึ้นปิดบังใบหน้าจนมิดชิด

“อุ้ย!ขออภัย!ด้วยความตกใจมือมันลั่นไปเองเพคะ”เสียงตอบกลับมานั้นเต็มไปด้วยความยียวนกวนอารมณ์ให้จอมมารเริ่มทรงมีพระอารมณ์ขุ่นมัว

ทันใดนั้นเองสายพระเนตรเหลือบไปพบรอยไฟอัคคีลามเลียอยู่ตรงข้อมือข้างที่กำลังยกพัดขึ้นสูงเพื่อปิดบังใบหน้า รอยไฟอัคคีถูกแป้งทาทับเอาไว้จนเลือนรางจนถึงข้อมือเพียงเท่านั้น แต่ผิวเนื้อนวลเนียนเหนือขึ้นไปเต็มไปด้วยรอยไฟอัคคีอย่างเห็นได้ชัด

“จะ....เจ้า!” รับสั่งได้เพียงเท่านั้นเสียงของหัวหน้าขันทีดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังขึ้นมาโดยพลัน

“ชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! ทรงมาอยู่ตรงนี้เองกระหม่อมตามหาจนทั่ว” หัวหน้าขันทีกราบทูลกลับไป

“มีอะไร!” รับสั่งสุรเสียงห้วนและนั่นทำให้หัวหน้าขันทีสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินพระสุรเสียงที่บ่งบอกว่าทรงมีพระอารมณ์มิสู้ดีนัก

“อะ...เออ...ฝ่าบาททูลเชิญพระองค์ให้เสด็จไปเป็นสักขีพยานพิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ด้วย ตอนนี้ใกล้จะถึงฤกษ์มงคลแล้วทูลเชิญชินอ๋องขึ้นเกี้ยว และองค์หญิงก็รีบขึ้นเกี้ยวเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคสุดท้ายหัวหน้าขันทีหันไปกราบทูลเจ้าสาวในพิธีของวันนี้

ครั้นจอมมารทรงได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์หล่อเหลาหันกลับไปทอดพระเนตรคู่ชะตาของพระองค์ทันที แม้จะยังมิได้ทอดพระเนตรใบหน้าแต่รอยไฟอัคคีเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี ผู้ครอบครองไฟอัคคีของพระองค์เท่านั้นจึงจะปรากฏรอยเช่นนี้ขึ้นบนเรือนกาย

“ไปกราบทูลฝ่าบาท! ว่าข้าต้องการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแทนพระองค์!” รับสั่งกับหัวหน้าขันที

“หา!” เสียงอุทานดังออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกชีวิตมีอาการตื่นตะลึงไปตามๆ กันกับถ้อยรับสั่งเช่นนั้น

ท่ามกลางอาการตกตะลึงของผู้คนในบริเวณนั้น ชินอ๋องตรงเข้าไปคว้าแขนเรียวของเจ้าสาวโดยพลัน

“ข้าจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้า! ไปกับข้า!”รับสั่งพร้อมลากนางให้ไปพร้อมกับพระองค์

“พรืดดด!” ท่อนแขนเรียวสะบัดออกจากพระหัตถ์หนาของจอมมารด้วยความรวดเร็ว

“หม่อมฉันไม่เข้าพิธีกับพระองค์ เป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรคนอย่าง... เยว่วาวา จะไม่ขอเข้าพิธีแต่งงานกับบุรุษผู้มีนามว่าโจวชินซางอย่างเด็ดขาด!”

และนั่นทำให้พระเนตรสีนิลกาฬของจอมมารแปรเปลี่ยนเป็นดวงเนตรสีเลือดขึ้นมาโดยพลันก่อนจะเลือนหายไปเพียงชั่วพริบตา

“เจ้าเป็นของข้าเยว่วาวา!” จอมมารรับสั่งสุรเสียงกึกก้อง

“พรึ่บ!!!” พระเนตรสีนิลกาฬเปิดขึ้นมาทันทีครั้นทรงหลุดจากภวังค์แห่งความฝัน

พระวรกายใหญ่ลุกพรวดพราดจากฟูกพระบรรทม พระพักตร์หล่อเหลาส่ายไปมาติดๆ กันด้วยทรงทบทวนความฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมาให้มั่นพระทัยอีกรอบ พระโอษฐ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีพระทัยอย่างยิ่งยวด

“เยว่วาวา! ในที่สุดข้าก็ล่วงรู้ชื่อของเจ้าแล้ว” รับสั่งพร้อมทรงรีบลุกจากแท่นพระบรรทม 

พระวรกายสูงทะมึนพระดำเนินออกจากห้องพระบรรทมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาทรงหยุดยืนอยู่กลางสวนหย่อม พระพักตร์แหงนขึ้นทอดพระเนตรท้องฟ้าเบื้องบน เพื่อควานหาตำแหน่งดวงดาว พระเนตรสีนิลกาฬกวาดสายพระเนตรไปทั่วท้องฟ้าก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อดาวราชินีปีศาจส่องแสงเจิดจ้าให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร พระโอษฐ์คลี่ยิ้มกว้างออกมาทันที

“นางปรากฏตัวแล้ว! เหตุใดเจ้าจึงหายไปนานถึงห้าปีเช่นนี้เยว่วาวา รู้หรือไม่ว่าข้าเพียรเฝ้าค้นหาเจ้าแทบพลิกแผ่นดินไปทั่วทุกแคว้น แต่ตำแหน่งดวงดาวของเจ้ากลับไปปรากฏอยู่ที่แคว้นเทียนโจวเสียนี่ เห็นทีถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับเมืองหลวง” รับสั่งได้เพียงเท่านั้นทรงหยุดนิ่งคิดกับความฝันของพระองค์ทันใด

“ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยฝันเห็นนางแม้แต่น้อย จนกระทั่งคืนนี้แสดงว่าไฟอัคคีซึ่งเป็นตาที่สามของข้าได้สื่อสารให้ข้าล่วงรู้ทันทีที่นางปรากฏตัว เพื่อบอกตำแหน่งและเหตุการณ์ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นกับนาง ไม่ได้การแล้ว... ข้าต้องรีบกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้! หาไม่แล้วจะคลาดกับเจ้าอีก หากแม้นกลับไปไม่ทันเวลา” รับสั่งพร้อมหันพระวรกายกลับพระดำเนินไปที่ห้องพระบรรทม

 จอมมารหนุ่มมิสามารถข่มพระเนตรบรรทมได้อีกต่อไป เพราะหัวใจล่องลอยไปไกลถึงเมืองหลวงของแคว้นเทียนโจว ทันทีที่ไฟอัคคีซึ่งสถิตอยู่ที่กายนางสื่อสารให้พระองค์ทรงล่วงรู้ว่าบัดนี้คู่ชะตาของพระองค์ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหายไปอย่างไร้ร่องรอยถึงห้าปี ราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่ในภพนี้ 

และครานี้จอมมารจะไม่เสียเวลาอีกต่อไป พระองค์จะทรงทำทุกอย่างเพื่อนำนางมาเคียงข้างพระวรกายเพราะเยว่วาวา เป็นเจ้าของหัวใจเพียงหนึ่งเดียวที่สถิตอยู่ในความรู้สึกและทุกลมหายใจเข้าออกของพระองค์

Related chapters

  • พิศวาส 3000 ปี   ปิดเมืองข้า..ค้นหานาง! 1.2

    แคว้นเทียนโจวเมืองเทียนจิ้น (เมืองหลวงตะวันตก)บริเวณนอกเมืองหลวงแคว้นเทียนโจว มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล และเป็นแคว้นเดียวที่มีเมืองหลวงด้วยกันถึงสองเมือง มีเมืองหลวงตะวันออกอยู่ที่เมืองเทียนฮุยซึ่งเป็นเมืองหลวงเอกของแคว้น พระราชวังหลวงอันเป็นที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนอยู่ที่นี่ในขณะเดียวกันทางตะวันตกซึ่งมีทั้งสายแร่ทองคำและเหมืองหยก มีเมืองเทียนจิ้นเป็นเมืองหลวงตะวันตก ซึ่งเมืองนี้มีความเจริญทางด้านการค้าเป็นแหล่งผลิตทองคำและหยกอีกทั้งเป็นเส้นทางการขนส่งทองคำและหยกไปยังเมืองอื่นๆ และต่างแคว้น ทำให้การค้าของเมืองหลวงตะวันตกและระหว่างแคว้นเจริญรุ่งเรืองคับคั่งยิ่งนักเมืองหลวงตะวันตกนี้โจวเฉินกงฮ่องเต้ได้มีพระบรมราชโองการยกให้ชินอ๋องปกครองเมืองการค้าซึ่งเป็นหัวใจสำคัญหลักของแคว้นเทียนโจว ในขณะที่เมืองเทียนฮุยซึ่งเป็นเมืองหลวงเอก จะเป็นพื้นที่ราบและมีพื้นที่กว้างอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผลทางการเกษตรกว้างใหญ่เป็นอู่ข้าวอู้น้ำของแคว้น เป็นของโจวฟางหยางฮ่องเต้ ก่อนจะมีพระบรมราชโองการลับอีกฉบับสถาป

    Last Updated : 2025-01-06
  • พิศวาส 3000 ปี   ปิดเมืองข้า...ค้นหานาง! 1.3

    ในขณะเดียวกันขบวนเสด็จถูกหยุดกลางคันเมื่อได้ยินพระสุรเสียงของชินอ๋องทรงมีพระบัญชาออกมาเช่นนั้น ภายในรถม้าหน้ากากทองคำที่ทรงเตรียมไว้ถูกนำมาสวมครอบพระพักตร์หล่อเหลาของจอมมารชินซาง ครอบพระพักตร์ตั้งแต่ส่วนบนของหน้าผากทั้งหมดยาวครอบคลุมพระพักตร์ซีกซ้ายจรดปลายคางเผยให้เห็นส่วนพระพักตร์หล่อเหลาทางซีกขวาเท่านั้น ซึ่งลักษณะของหน้ากากดังกล่าวช่างออกแบบเหมือนกับของเฉินวาวาที่กำลังสวมอยู่ในขณะนี้เช่นกัน แตกต่างตรงที่ลวดลายบนหน้ากากเท่านั้นซึ่งหน้ากากของพระองค์สลักลายเป็นเปลวไฟอัคคีพระวรกายสูงใหญ่ในฉลองพระองค์ชุดเกราะของจอมทัพสีดำทะมึน ค่อยๆ ก้าวออกมาจากรถม้า ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่กลางเมืองท่ามกลางประชาชนทั้งสองฝั่งฟากถนน ที่กำลังตกตะลึงเมื่อได้เห็นชินอ๋องหรือเทพเจ้าสงครามตัวเป็นๆ ที่ต่างให้ความเคารพและเทิดทูน และไม่ต้องมีใครบอก ประชาชนรวมไปถึงผู้คนจากต่างแคว้นพากันทรุดกายลงนั่งกับพื้นถวายความเคารพผู้ปกครองของตนทันที“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ!”เสียงประชาชนต่างเอ่ยออกมาเป็นประโยคเดียวกัน ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าพากันชื่นชมพระสิริโฉมของชินอ

    Last Updated : 2025-01-06
  • พิศวาส 3000 ปี   ปิดเมืองข้า...ค้นหานาง! 1.4

    ภายในห้องพัก“พวกเราจะทำอย่างไรดีเล่าท่านลู่เหอ องค์หญิงทรงหายไปเช่นนี้มิรู้จะออกไปตามหาได้ที่ไหน” นางกำนัลมู่อิงเอ่ยถามหัวหน้าองครักษ์ด้วยความเป็นห่วงองค์หญิงของตน“ข้าก็กำลังคิดอยู่นี่ไง ขอเวลาหน่อยได้ไหม ถ้าหากสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง มันก็ยากที่จะค้นหาพระนางพบ อีกทั้งชินอ๋องทรงมีพระบัญชาให้ตามหาบุรุษสวมอาภรณ์ขาวซึ่งตรงกับลักษณะขององค์หญิงทุกประการยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากหลายเท่า”ลู่เหอ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เหตุใดชินอ๋องจึงทรงมีพระบัญชาเช่นนั้นเล่าท่านลู่เหอ ข้าไม่เข้าใจ!” มู่อิงถามกลับไปด้วยความสงสัย“เจ้าอย่าล่วงรู้อะไรให้มันมากไปหน่อยเลยมู่อิง เอาเป็นว่าในยามนี้องค์หญิงทรงไม่ปลอดภัยเพราะมิรู้ว่าชินอ๋องทรงได้ข่าวระแคะระคายมาหรือเปล่าจึงทรงมีรับสั่งเช่นนั้น ตราบใดที่ยังหาองค์หญิงไม่พบก็ยังกลับเข้าขบวนเจ้าสาวไม่ได้เช่นกัน และพรุ่งนี้ไม่เกินช่วงบ่ายจะต้องมีรายงานจากทหารอารักขานอกเมืองว่าขบวนเสด็จเจ้าสาวจะใช้เส้นทางผ่านเมืองเทียนจิ้น” ลู่เหอกล่าวพร้อมถอนหายใจอ

    Last Updated : 2025-01-06
  • พิศวาส 3000 ปี   ปิดเมืองข้า...ค้นหานาง! 1.5

    ในขณะเดียวกัน“จ๊อกกกก!!!” เสียงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของเฉินวาวาดังออกมาจนเจ้าตัวที่กำลังหลับอยู่ในขณะนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที“โอ๊ยยยย!หิวข้าวจังเลย” หญิงสาวรำพึงรำพันออกมาทันทีร่างระหงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนพลางกวาดสายตาไปทั่วห้อง เมื่อไม่พบผู้ติดตามของเธอหลงเหลือสักคนไม่เว้นแม้กระทั่งมู่อิง นางกำนัลคนสนิท“ไปไหนกันหมดนะ” หญิงสาวเอ่ยพึมพำด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมาทันที“หรือว่าพากันออกจากเมืองกลับไปที่ขบวนเจ้าสาวแล้ว!” หญิงสาวกล่าวอย่างตื่นตระหนกครั้นสายตาเหลือบไปเห็นห่อผ้าที่ลู่เหอซื้อติดมือมาเพื่อให้เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เป็นเป้าหมายเป็นชุดอื่นแทน หญิงสาวถอนหายใจออกมาทันที“เฮ้อ! โล่งอกไปทีพวกเขายังไม่พากันไปไหน ยังอยู่ที่นี่ แต่ว่าหายไปหมดแบบนี้หรือว่าจะออกไปตามหาเราอีก”หญิงสาวยืนครุ่นคิดก่อนจะได้ยินเสียงอึกทึกและการละเล่นต่างๆ เริ่มต้นการแสดงในเทศกาลลอยโคมประทีปของค่ำคืนนี้ ร่างระหงก้าวตรงไปที่หน้าต่างทันใดพร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยคว

    Last Updated : 2025-01-06
  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.1

    ร่างบอบบางที่อยู่ในคราบบุรุษอาภรณ์สีดำทะมึน ส่งยิ้มหวานให้แก่ผู้มีพระคุณด้วยความจริงใจ ในขณะที่สายพระเนตรของจอมมารทรงจับจ้องร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าพระพักตร์อยู่ตลอดเวลา ด้วยความสนพระทัยในท่าทางและถ้อยเจรจาที่แปลกประหลาดซึ่งพระองค์มิเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน“วันหน้าหากได้พบกันอีก ข้าน้อยจะแทนคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้อย่างแน่นอน สิ่งใดที่พี่ชายต้องการให้ช่วยเหลือข้าน้อยยินดีเป็นอย่างยิ่ง” หญิงสาวกล่าวพร้อมก้าวเข้ามาหาในระยะใกล้พลางเอามือป้องปากเอาไว้“ถ้าข้าได้มีโอกาสมาเมืองนี้อีกนะพี่ชาย” หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ พลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินเสียงหัวเราะของหนุ่มน้อยร่างบาง พระองค์พยักพระพักตร์ขึ้นลงติดๆ กันเป็นการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกลับมา“เอาละข้าน้อยรบกวนเวลาอันมีค่าของพี่ชายมามากแล้ว ขออำลาตรงนี้เลยก็แล้วกัน จะไปเดินเที่ยวชมงานสักหน่อย” กล่าวพร้อมหันหลังกลับเดินจากไป“เจ้าชื่ออะไร!” สุรเสียงของจอมมารรับสั่งถามดังขึ้นอยู่เบื้องห

    Last Updated : 2025-01-07
  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.2

    ในขณะที่ใบหน้าซีกซ้ายถูกหญิงสาวนำเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันที่ติดตัวมาด้วยทาหน้าจนสีเข้มขึ้นจากผิวจริง พร้อมทำรอยจุดด่างดำไปทั่วบริเวณราวกับว่าเป็นช่างเมกอัปมืออาชีพที่สามารถสรรสร้างใบหน้าให้ออกมาแบบไหนก็ได้ ผิวหน้านวลเนียนขาวอมชมพูของวัยสาวมลายหายไปสิ้นคงเหลือเพียงใบหน้าที่มีแต่รอยจุดด่างดำเต็มไปหมด รวมไปถึงบริเวณลำคอที่มีรอยไฟอัคคีก็ถูกหญิงสาวใช้ครีมรองพื้นในยุคปัจจุบันทาทับกลบจนไม่เห็นร่องรอยแต่อย่างใดไม่สามารถปรากฏร่องรอยให้จอมมารชินซางได้ทอดพระเนตรแม้แต่น้อยพระเนตรสีนิลกาฬชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อหนุ่มน้อยร่างบอบบางสวมหน้ากากทองคำซ่อนเร้นใบหน้าอันแท้จริงเฉกเช่นเดียวกับพระองค์ จอมมารเฝ้าทอดพระเนตรเสี่ยววาวาหนุ่มน้อยที่พระองค์ทรงเพิ่งรู้จักด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวดเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรหน้ากากทองคำที่มีลักษณะเดียวกับพระองค์แตกต่างตรงที่ลวดลายสลักเท่านั้นสายพระเนตรจับจ้องที่ใบหน้าของเสี่ยววาวาที่กำลังก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ตรงหน้าด้วยความหิวโหย ชนิดที่ว่าไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้คนรอบข้างแม้แต่น้อย หากเธอแหงนหน้ามองขึ้นมาสักนิดจะต้องพบสายพระเนตรที่กำลังทอดพระเนตรเธอด้วยความแ

    Last Updated : 2025-01-07
  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.3

    พระองค์ส่ายพระเศียรไปมาติดๆ กันพร้อมเปล่งเสียงพระสรวลออกมาเบาๆ กับท่าทางดังกล่าวของสหายน้อยมือเรียวของหญิงสาววางถ้วยชาลงทันทีพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะร่วนเลยทีเดียว“แหม... พี่ชายท่านช่างมีอามรณ์ขันเสียจริง ปกติคนเราไม่ว่าสตรีหรือบุรุษถ้าไม่มีอะไรผิดปกติบนใบหน้าจะปิดบังอำพรางความงดงามหรือความหล่อเหลาของตนเอาไว้ทำไมจริงไหม คนที่ใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าตัวเองก็มีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นแหละ” เฉินวาวากล่าวแสดงความคิดเห็น“อย่างไรรึ! เจ้าคาดเดาออกอย่างนั้นหรือว่าข้ามีสาเหตุอื่นอีกที่ใช้หน้ากากปิดบังอำพรางใบหน้าของตัวเอง” รับสั่งถามหยั่งเชิงกลับไป“ข้าก็พอจะเดาได้คร่าวๆ บ้างหรอกนะพี่ชาย ประเภทแรกคืออัปลักษณ์ ขี้เหร่เกินคำบรรยายไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามทีเถอะเช่นข้าเป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้หน้ากากอำพรางใบหน้าของตัวเองเพื่อมิให้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้าง” หญิงสาวกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“และกับอีกประเภทยกตัวอย่างพี่ชายก็แล้วกัน สาเหตุที่ท่านสวมหน้ากากนอกจากต้องการปิดบังความหล่อเหลาดั่งคำที่ท่านว่าแล้ว ซึ่งเป็นไป

    Last Updated : 2025-01-07
  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.4

    เพียงครู่จอมมารชินซางและเฉินวาวามาหยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ อันเป็นสถานที่ซึ่งนิยมพากันมาปล่อยโคมประทีปที่แม่น้ำ เพื่อขอพรได้สมดั่งใจหวัง อีกทั้งเห็นพระจันทร์กลมโตได้อย่างชัดเจน โคมประทีปค่อยๆ ถูกจุดจากอุปกรณ์ที่ได้มาพร้อมกับโคมประทีปเตรียมพร้อมที่จะปล่อยขึ้นท้องฟ้าเบื้องบน“พี่ชายอธิษฐานเลยสิ! ท่านกำลังตามหาคนรักอยู่มิใช่เหรอ อธิษฐานแล้วท่านจะได้ปล่อยโคมออกไป” หญิงสาวบอกจอมมารที่ทรงยืนฟังเธอด้วยความแปลกพระทัย“เจ้าซื้อโคมประทีปนี้ให้ข้าอธิษฐานอย่างนั้นเหรอเสี่ยววาวา ข้านึกว่าเจ้าจะปล่อยเองเสียอีก” รับสั่งถามกลับไป“โคมประทีปนี้เป็นของท่าน ข้าแค่อำนวยความสะดวกและมาเป็นเพื่อนเฉยๆ รู้ไหมอธิษฐานเรื่องความรักและลอยโคมประทีปไปด้วยต่อหน้าพระจันทร์ คำอธิษฐานเป็นจริงนะพี่ชาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หญิงสาวใช้คำปัจจุบันสอดแทรกออกมาตลอดจอมมารทรงยืนทอดพระเนตรเด็กหนุ่มตรงพระพักตร์สลับทอดพระเนตรโคมประทีป ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์จับมือเรียวสวยของสหายน้อยให้จับโคมประทีปพร้อมกับพระองค์“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้ามาอธิษฐานพร้อมกันเถอะหลังจากนั้นจะได้

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.4

    ฟางหยางฮ่องเต้ทรงคิดหาวิธีที่จะทดสอบความจงรักภักดีของพระอนุชาขึ้นมาทันที ก่อนจะนึกวิธีทดสอบที่พระองค์เคยมองข้ามนั่นก็คือสมรสพระราชทานนั่นเอง เป็นวิธีที่สามารถทำให้พระองค์หยั่งรู้ว่าพระอนุชาจงรักภักดีด้วยใจจริงหรือไม่ “ถ้าเช่นนั้นก็ดี! ไหนๆ ก็พำนักอยู่ในวังหลวง อีกทั้งเจ้าเองก็อายุเข้าสู่ปีที่ยี่สิบเก้าแล้ว จนถึงป่านนี้ยังไม่ยอมอภิเษกสมรสมีพระชายาเสียที มิสู้ให้ข้าช่วยจัดการหาองค์หญิงจากต่างแคว้นที่เดินทางมาแต่งงานตามสัญญาสงบศึกให้เจ้าได้มีพระชายาดั่งเช่นผู้อื่นบ้างมิดีหรือไร เจ้ามัวแต่ทำศึกสงครามจะหาเวลาใดพึงใจสตรีได้จริงหรือไม่” ฟางหยางฮ่องเต้เริ่มต้นแผนการทันที “จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะเสด็จอา ตอนนี้หลานๆ ทั้งหมดของพระองค์ที่ถึงวัยแต่งงานต้องรับพระราชทานองค์หญิงเหล่านั้นมาเป็นพระชายา จนตอนนี้ตำหนักแน่นไปหมดแล้ว เสด็จอามาประทับอยู่เช่นนี้มิสู้รับองค์หญิงจากต่างแคว้นไปเป็นพระชายาบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ เป็นการแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อไปพร้อมกันด้วย” องค์รัชทายาทรับสั่งสนับสนุนตามประสาซื่อโดยมิล่วงรู้อะไรแม้แต่น้อย และถ้อยรับสั่งขององค์รัชทายาทสร้างความพึงพอพระทัยให้แก่ฟางหยางฮ่องเ

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.3

    พระราชวังหลวงเทียนฮุยภายในท้องพระโรง ท้องพระโรงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นและออกแบบอย่างสวยงาม เป็นหน้าเป็นตาของแคว้นเทียนโจว เหมืองแร่ทองคำและเหมืองหยก ทำให้เทียนโจวมั่งคั่งและร่ำรวยกว่าแคว้นอื่นๆ การสรรสร้างพระตำหนักต่างๆ จึงเต็มไปด้วยศิลปะเฉพาะของแคว้น ทองคำและหยกสูงค่าจึงถูกนำมาประดับประดาภายในท้องพระโรงเพื่อประกาศศักดาและความยิ่งใหญ่ที่ต่างแคว้นล้วนริษยาในความอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่งของเทียนโจวเป็นยิ่งนัก ในยามนี้เป็นเวลาที่โจวฟางหยางฮ่องเต้ ทรงออกว่าราชการตามปกติ ฮ่องเต้หนุ่มฉกรรจ์ในพระชนมายุสี่สิบพรรษา ยังคงหนุ่มแน่นและมีพระสิริโฉมคมคายถอดแบบมาจากหวงไทเฮาพระมารดา ซึ่งพระองค์เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ประสูติจากฮองเฮา และมีพระอนุชาต่างพระมารดาประสูติจากพระสนมระดับฟูเหรินด้วยกันอีกสี่พระองค์ ซึ่งเดิมทีพระอนุชาทั้งสี่ คือองค์ชายรอง องค์ชายสามสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ส่วนองค์ชายห้าเพิ่งจะสิ้นพระชนม์เมื่อห้าปีก่อน ส่วนองค์ชายสี่โจวชินซางหายสาบสูญไปพร้อมกับพระมารดาตั้งแต่ทรงมีชันษาได้เพียงหกเดือน แต่แล้วจู่ๆ องค

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.2

    องครักษ์ลู่เหอรีบลุกออกจากที่นั่งดังกล่าวทันทีพร้อมถวายคำนับองค์หญิงของตนเป็นการขออภัย “ผ่านด่านแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง” ลู่เหอกล่าวพร้อมเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงของตนทันที แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาเห็นพระพักตร์งดงามลึกล้ำอย่างแปลกประหลาดขององค์หญิงเยว่วาวาไร้สิ้นรอยอัปลักษณ์ที่เห็นอยู่เป็นประจำแต่อย่างใดปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ องครักษ์หนุ่มได้แต่นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย จนเฉินวาวาผิดสังเกต “ลู่เหอ! ลู่เหอ! นี่เจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงจ้องหน้าข้าแบบนี้” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความแปลกใจพลางยกมือขึ้นจับใบหน้าของเธอ “นี่เจ้าอย่าบอกนะว่ายังไม่ชินกับรอยอัปลักษณ์ที่อยู่บนหน้าข้า อันที่จริงก็เห็นจนชินตาแล้วไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงขององครักษ์ลู่เหอตอบกลับมา “มะ... ไม่ชินพ่ะย่ะค่ะ… พระพักตร์ขององค์หญิงตอนนี้มะ... ไม่มีรอยอัปลักษณ์แล้ว” “หา!” เฉินวาวาอุทานเสียงหลงขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น มือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าของเธอไปโดยรอบ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาสิ่งที่จะสามารถสะท้อนเงาแทนกระจกสัมฤทธิ์และสิ่งที่มาแทน

  • พิศวาส 3000 ปี   เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ 1.1

    5 วันผ่านไปเมืองหลวงเทียนฮุย (เมืองหลวงตะวันออก)รถม้าขนาดบรรจุคนได้ประมาณสามสี่คนกำลังยืนรอการตรวจค้นเพื่อผ่านเข้าประตูเมืองเทียนฮุย อันเป็นเมืองหลวงตะวันออกและเป็นเมืองหลวงเอกของแคว้นเทียนโจว เฉินวาวาในขณะนี้สวมบทบาทเป็นหญิงสามัญชนกำลังอุ้มท้องอายุครรภ์เจ็ดเดือนนั่งอยู่บนรถม้าพร้อมด้วยองครักษ์ลู่เหอซึ่งสวมบทบาทเป็นสามีจำเป็นของเธอใบหน้าขององครักษ์ลู่เหอซึ่งติดหนวดปลอมนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับองค์หญิงของตน ในขณะที่เฉินวาวายังคงสวมหน้ากากทองคำปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ตลอดเวลา“เออ...องค์หญิงทรงเล่นพิเรนทร์อะไรเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมแสร้งเป็นพระสวามีหากฮ่องเต้ของเทียนโจวล่วงรู้หัวต้องหลุดออกจากบ่าเป็นแน่แท้ ทรงคิดอะไรอยู่... บอกได้ไหม” ลู่เหอบ่นรำพึงรำพันเฉินวาวาที่กำลังใช้พัดที่ถืออยู่ในมือโบกไปมาเพื่อคลายความร้อนในขณะนั้นอย่างสบายใจเฉิบ มีอันต้องหุบพัดดังกล่าวลงทันที“เพียะ!” เสียงพัดกระทบเข้ากับหน้าขาขององครักษ์หนุ่มจนตัวลีบตัวงอเข้าหากันทันใดด้วยความกลัว“ทำไมจะต้องคิ

  • พิศวาส 3000 ปี   เย่ววาวา 1.2

    โรงเตี๊ยมอาชาตัวมหึมาห้อตะบึงมาอย่างสุดฝีเท้า ติดตามด้วยกองทหารอารักขานับสิบนาย เสียงฝีเท้าม้าดังกระหึ่มมาตลอดเส้นทางสายหลักเมื่อม้าจำนวนหลายสิบตัวกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปทางถนนใจกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลลอยโคมประทีปที่เพิ่งจะสิ้นสุดลงก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงบริเวณหน้าโรงเตี๊ยมที่ยังเปิดให้บริการในขณะนั้นพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารเสด็จลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พระพักตร์หล่อเหลาปราศจากหน้ากากทองคำปิดบังอำพรางแต่อย่างใด ด้วยทรงรีบร้อนเสด็จออกมาจากจวนเพื่อติดตามเยว่วาวาของพระองค์ พระวรกายใหญ่พระดำเนินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวในขณะที่ชั้นล่างยังเต็มไปด้วยชาวเมืองที่มาเปิดห้องพักค้างคืนและดื่มกินอาหารอยู่ชั้นล่างเต็มทุกโต๊ะ“ชินอ๋องเสด็จ!!!” เสียงทหารอารักขาตะโกนออกมาเป็นทอดๆ ก่อนจะกระจายกำลังแยกย้ายกันค้นหาไปทั่วพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนสวมอาภรณ์สีนิลกาฬก้าวเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวทันที ท่ามกลางสายตาของชาวเมืองเทียนจิ้นและต่างแคว้นที่ได้มีโอกาสพานพบพระพักตร์ที่แท้จริง แต่ละคนตกตะลึงอ้าปากค้างกันทุกคนก่อนจะรีบพากันลงนั่งคุก

  • พิศวาส 3000 ปี   เย่ววาวา 1.1

    ยามห้ายบริเวณหน้าโรงเตี๊ยมร่างสูงตระหง่านของจอมมารหนุ่มกับหนุ่มน้อยเสี่ยววาวา บัดนี้มาหยุดยืนอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าของโรงเตี๊ยม ภายหลังที่ทั้งสองเดินเที่ยวชมงานจนย่างเข้าสู่ยามห้ายใกล้จะถึงเวลาที่งานเทศกาลจะจบสิ้นลง ครั้นเมื่อถึงเวลาที่จะกล่าวคำอำลาจริงๆ คนที่รู้สึกใจหายกลับเป็นองค์จอมมารที่ยืนทอดพระเนตรหนุ่มน้อยสหายใหม่ที่เพิ่งรู้จักอยู่ในขณะนี้“ถ้าหากเจ้าไม่รีบกลับพรุ่งนี้ข้าจะมาหาที่โรงเตี๊ยมเพื่อส่งเจ้าเดินทางกลับแคว้นอย่างปลอดภัย” รับสั่งด้วยความเป็นห่วงพร้อมยื่นบางอย่างส่งให้เฉินวาวาท่ามกลางความแปลกใจของเธอก่อนจะยื่นมือรับเอาไว้อย่างงงๆป้ายทองสลักตัวอักษรนำหน้าว่า ชิน ของพระองค์ยื่นส่งให้หญิงสาวเก็บไว้ติดตัว“นี่คือของที่ระลึกจากข้าเก็บเอาไว้ติดตัว ยามใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือให้แสดงป้ายทองนี้ออกมา แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือจากข้าและคนของข้าทันที” รับสั่งอธิบายกลับไป“โอ้โฮ! ของสำคัญขนาดนี้ท่านให้ข้าเก็บติดตัวไว้ทำไม เหตุใดจึงไม่เก็บไว้กับตัวเองล่ะพี่ชาย”

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.4

    เพียงครู่จอมมารชินซางและเฉินวาวามาหยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ อันเป็นสถานที่ซึ่งนิยมพากันมาปล่อยโคมประทีปที่แม่น้ำ เพื่อขอพรได้สมดั่งใจหวัง อีกทั้งเห็นพระจันทร์กลมโตได้อย่างชัดเจน โคมประทีปค่อยๆ ถูกจุดจากอุปกรณ์ที่ได้มาพร้อมกับโคมประทีปเตรียมพร้อมที่จะปล่อยขึ้นท้องฟ้าเบื้องบน“พี่ชายอธิษฐานเลยสิ! ท่านกำลังตามหาคนรักอยู่มิใช่เหรอ อธิษฐานแล้วท่านจะได้ปล่อยโคมออกไป” หญิงสาวบอกจอมมารที่ทรงยืนฟังเธอด้วยความแปลกพระทัย“เจ้าซื้อโคมประทีปนี้ให้ข้าอธิษฐานอย่างนั้นเหรอเสี่ยววาวา ข้านึกว่าเจ้าจะปล่อยเองเสียอีก” รับสั่งถามกลับไป“โคมประทีปนี้เป็นของท่าน ข้าแค่อำนวยความสะดวกและมาเป็นเพื่อนเฉยๆ รู้ไหมอธิษฐานเรื่องความรักและลอยโคมประทีปไปด้วยต่อหน้าพระจันทร์ คำอธิษฐานเป็นจริงนะพี่ชาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หญิงสาวใช้คำปัจจุบันสอดแทรกออกมาตลอดจอมมารทรงยืนทอดพระเนตรเด็กหนุ่มตรงพระพักตร์สลับทอดพระเนตรโคมประทีป ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์จับมือเรียวสวยของสหายน้อยให้จับโคมประทีปพร้อมกับพระองค์“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้ามาอธิษฐานพร้อมกันเถอะหลังจากนั้นจะได้

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.3

    พระองค์ส่ายพระเศียรไปมาติดๆ กันพร้อมเปล่งเสียงพระสรวลออกมาเบาๆ กับท่าทางดังกล่าวของสหายน้อยมือเรียวของหญิงสาววางถ้วยชาลงทันทีพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะร่วนเลยทีเดียว“แหม... พี่ชายท่านช่างมีอามรณ์ขันเสียจริง ปกติคนเราไม่ว่าสตรีหรือบุรุษถ้าไม่มีอะไรผิดปกติบนใบหน้าจะปิดบังอำพรางความงดงามหรือความหล่อเหลาของตนเอาไว้ทำไมจริงไหม คนที่ใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าตัวเองก็มีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นแหละ” เฉินวาวากล่าวแสดงความคิดเห็น“อย่างไรรึ! เจ้าคาดเดาออกอย่างนั้นหรือว่าข้ามีสาเหตุอื่นอีกที่ใช้หน้ากากปิดบังอำพรางใบหน้าของตัวเอง” รับสั่งถามหยั่งเชิงกลับไป“ข้าก็พอจะเดาได้คร่าวๆ บ้างหรอกนะพี่ชาย ประเภทแรกคืออัปลักษณ์ ขี้เหร่เกินคำบรรยายไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามทีเถอะเช่นข้าเป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้หน้ากากอำพรางใบหน้าของตัวเองเพื่อมิให้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้าง” หญิงสาวกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“และกับอีกประเภทยกตัวอย่างพี่ชายก็แล้วกัน สาเหตุที่ท่านสวมหน้ากากนอกจากต้องการปิดบังความหล่อเหลาดั่งคำที่ท่านว่าแล้ว ซึ่งเป็นไป

  • พิศวาส 3000 ปี   คำสัญญา 1.2

    ในขณะที่ใบหน้าซีกซ้ายถูกหญิงสาวนำเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันที่ติดตัวมาด้วยทาหน้าจนสีเข้มขึ้นจากผิวจริง พร้อมทำรอยจุดด่างดำไปทั่วบริเวณราวกับว่าเป็นช่างเมกอัปมืออาชีพที่สามารถสรรสร้างใบหน้าให้ออกมาแบบไหนก็ได้ ผิวหน้านวลเนียนขาวอมชมพูของวัยสาวมลายหายไปสิ้นคงเหลือเพียงใบหน้าที่มีแต่รอยจุดด่างดำเต็มไปหมด รวมไปถึงบริเวณลำคอที่มีรอยไฟอัคคีก็ถูกหญิงสาวใช้ครีมรองพื้นในยุคปัจจุบันทาทับกลบจนไม่เห็นร่องรอยแต่อย่างใดไม่สามารถปรากฏร่องรอยให้จอมมารชินซางได้ทอดพระเนตรแม้แต่น้อยพระเนตรสีนิลกาฬชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อหนุ่มน้อยร่างบอบบางสวมหน้ากากทองคำซ่อนเร้นใบหน้าอันแท้จริงเฉกเช่นเดียวกับพระองค์ จอมมารเฝ้าทอดพระเนตรเสี่ยววาวาหนุ่มน้อยที่พระองค์ทรงเพิ่งรู้จักด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวดเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรหน้ากากทองคำที่มีลักษณะเดียวกับพระองค์แตกต่างตรงที่ลวดลายสลักเท่านั้นสายพระเนตรจับจ้องที่ใบหน้าของเสี่ยววาวาที่กำลังก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ตรงหน้าด้วยความหิวโหย ชนิดที่ว่าไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้คนรอบข้างแม้แต่น้อย หากเธอแหงนหน้ามองขึ้นมาสักนิดจะต้องพบสายพระเนตรที่กำลังทอดพระเนตรเธอด้วยความแ

DMCA.com Protection Status