วันสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอมขึ้นปี 2
มายูที่จะไปเที่ยวพักผ่อนที่เพชรบูรณ์กับพราวเพื่อนสนิทของเธอ จึงตั้งใจว่าจะเข้ามาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดของเธอเสียก่อนเพื่อที่จะไปนอนที่ห้องของพราวและพอเธอเก็บของเสร็จเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาก็คือแม่ของเธอนั่นเอง
มายูไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันที
“ฮัลโหลค่ะแม่ อะไรนะคะ ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวมายูเข้าไปหาก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดีๆแม่ของเธอก็เรียกให้เข้าไปหาที่บ้านและบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูดคุยกับเธอ
บ้านขจรรุ่งเรืองกิจ
มายูได้ขับรถเข้ามายังบ้านของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอลงจากรถสุดที่รักและเดินเข้าไปภายในบ้านก็พบกับพ่อและแม่ของเธอที่กำลังนั่งรอเธออยู่ภายในห้องรับแขก
“พ่อแม่สวัสดีค่ะ มีอะไรเหรอคะถึงได้เรียกหนูมา” มายูยกมือไหว้สวัสดีพ่อกับแม่ของเธอ และเดินไปนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของเธอ
“พ่อกับแม่มีเรื่องที่จะบอกหนู แม่ขอเข้าเรื่องเลยนะ ทางฝั่งเพื่อนคุณปู่เขาเร่งพวกเรามาแล้ว เขาอยากพบหนูลูก มายู” แม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ว่าใครเร่งและเพื่อนคุณปู่ไหนก่อนนี่ฉัน งงไปหมดแล้วนะ
“เพื่อนคุณปู่ไหนคะ แล้วทำไมถึงอยากพบหนู มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกหนูหรือเปล่าคะ” มายูพูดพร้อมขมวดคิ้วถามไปยังพ่อกับแม่ของเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“คือแบบนี้ลูก” และแม่ของมายูก็ได้เล่าเรื่องราวว่าเธอนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายมาตั้งแต่เด็กซึ่งเขาคนนั้นเป็นหลานชายของเพื่อนคุณปู่ พวกท่านได้ทำสัญญากันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็ก
“ว่าไงนะคะแม่ หนูเนี่ยนะมีคู่หมั้นแล้ว สมัยนี้มันยังมีแบบนี้อยู่อีกเหรอคะ” พอได้ฟังมายูก็ตกใจเบิกตากว้างลุกขึ้นยืนและถามพ่อแม่ของเธอให้แน่ใจอีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานฉายแววตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้รับรู้ว่าตัวเธอเองนั้นอยู่ดีๆก็มีคู่หมั้น
“เป็นสัญญาหมั้นหมายของทางคุณปู่กับเพื่อนว่าถ้ามีหลานชายกับหลานสาวจะให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน” พ่อของเธอเป็นผู้อธิบายขยายความเพิ่มเพื่ออยากให้ลูกสาวอย่างมายูได้ยอมรับสัญญานี้
“แล้วทำไมพี่มารินถึงไม่ได้หมั้นล่ะคะ ทำไมเป็นหนู?” มายูหันไปถามพ่อด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอแล้วทำไมถึงได้ข้ามพี่สาวคนโตอย่างพี่มารินไปได้
“ในตอนที่คุณปู่กับเพื่อนทำสัญญากันหนูเกิดในช่วงนั้นพอดี สัญญานั่นจึงหมายถึงหนูเท่านั้นจ้ะ” แม่อธิบายเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกสาวนั้นยังสงสัยอยู่
“มายู เราต้องไปพบคู่หมั้นคู่หมายของเราได้แล้วนะ ทางนั้นเขาอยากเจอลูก” พ่อพูดกับมายูเขาหวังอยากจะให้ลูกสาวนั้นรีบไปพบกับทางฝั่งนั้นให้เร็วที่สุด
“ตะ..แต่หนูไม่ว่างค่ะ นี่ไงคะ นี่ไง ยัยพราวโทรมาพอดี งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” มายูรีบบอกไปทันทีว่าเธอนั้นไม่ว่างและบวกกับพราวก็ได้โทรเข้ามาพอดิบพอดี มายูจึงรีบยกโทรศัพท์ให้พ่อกับแม่ของเธอดูอีกทีว่าพราวโทรเข้ามาจริงๆนะ พูดเสร็จก็รีบเดินออกจากบ้านไปทันที
“เดี๋ยวก่อนซิลูก มายูเป็นแบบนี้ไงคะ พวกเราถึงไม่กล้าบอกแกตั้งแต่ทีแรกไง หาข้ออ้างหนีตลอดเลยลูกคนนี้” ผู้เป็นแม่ถึงกับส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นว่าลูกสาวสุดที่รักของเธอได้รีบเดินออกไปจากบ้านไปแล้ว
มายูกดรับสายพราวและบอกว่าเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ตอนนี้แวะเข้ามาหาพ่อกับแม่ก่อนเลยทำให้ไปหาเธอช้า หลังจากนั้นเธอก็รีบขับรถตรงไปยังคอนโดของพราวทันที
คอนโดพราว
“ฉันจะบ้าตายอยู่ดีๆก็มีคู่หมั้นเฉย ยังกับในหนังเลยแก” มายูที่ได้เข้ามานั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นของพราวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเธอเองดันมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วซะนี่
“ใจเย็นๆ แกลองไปพบเขาดูก่อนดีมั้ย เผื่อว่าเขาอาจจะตรงสเปคแกไง” พราวที่เห็นเพื่อนกำลังเศร้าใจก็เริ่มปลอบโยนด้วยการบอกให้มายูลองไปพบเจอกับผู้ชายคนนั้นดูเสียก่อน
“ไม่เอาหรอกฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แกก็รู้” ปากเล็กขยับขมุบขมิบพลางส่ายหน้าไปมาคนไม่เคยพบเจอกันแล้วจะไปหาไปพบหน้ากันทำไมสู่หนีหน้ากันไปเลยเสียยังดีกว่า
เฮ้อ กลุ้มใจจัง สวัสดีค่ะทุกคน ตัวฉันชื่อว่า มายู ณิชนันทน์ ขจรรุ่งเรืองกิจ เรียนอยู่มหาลัย CH และตอนนี้กำลังจะขึ้นปี2แล้ว ฉันกับเพื่อนๆเรียนอยู่คณะบริหาร และที่ฉันต้องถอนหายใจออกมาก็เพราะว่ากำลังมีเรื่องเครียดก็ที่บ้านของฉันน่ะสิอยู่ดีๆก็มาบอกว่าฉันน่ะมีคู่หมั้นแล้วและต้องการให้ฉันไปพบกับคู่หมั้น ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้และฉันไม่มีทางยอมไปพบหรือถูกหมั้นโดยเด็ดขาด คอยดู!
“ไอ้เสือ! นี่มึงเสร็จหรือยัง เดี๋ยวไปเรียนสายนะเว้ย” ชายหนุ่มหน้าตาดีตะโกนแผดเสียงเรียกเข้าไปในห้องที่มีเพื่อนสนิทของเขากำลังเล่นจ้ำจี้อยู่กับนางแบบสาวคนสวย ที่เขาเป็นคนเรียกเธอให้เข้ามาเอ็นเตอร์เทนพวกเขาทั้งสี่ตั้งแต่เมื่อคืน“อ่าส์~ ซี๊ด อีกนิด” คนถูกเรียกทำได้เพียงแค่ตะโกนตอบกลับมาเพียงเท่านั้นเพราะกิจกรรมรักกำลังร้อนแรง หญิงสาวนางแบบกำลังขย่มอยู่บนตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย“เออๆกูไปรอที่รถแล้วกัน อยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูได้แข็งอีกรอบแน่!” มิวนิคบอกกับคนที่อยู่ภายในห้องอีกครั้งแล้วเลือกที่จะเดินออกไปจากห้องเพราะกลัวว่าตนเองจะอดใจเอาไว้ไม่ไหวเพราะในเวลานี้มันไม่มีเวลาให้มาทำเรื่องอย่างว่าอีกแล้ว เดี๋ยวมันจะสายและจะเข้าเรียนไม่ทัน บนรถ“ไงมึง สบายตัวแล้วสินะ” มิวนิคยิ้มกริ่มถามคนที่พึ่งขึ้นมาบนรถ เขาเริ่มสตาร์ทรถและขับเคลื่อนออกจากลานจอดรถของทางคอนโดทันที“เออ ซาร่าแม่งโคตรเด็ดเป็นงานสุดๆ” เสือที่ยังคงคิดถึงความเร่าร้อนของนางแบบสาวก็ได้บอกไปยังเพื่อนสนิทที่เป็นคนเรียกเธอเข้ามาปรนเปรอพวกเขาทั้งกลุ่ม เมื่อคืนพวกเขาทั้งสี่ได้ถูกนางแบบสาวปรนเปรอความใคร่ให้อย่างถึงใจ แต่พอพวกมันทั้งไอ้เตโชกับไอ
น้ำตาลเธอค่อยๆเอื้อมมือมาลูบคลำไปตามแผงอกของผมแล้วเริ่มปลดกระดุมออกทีละเม็ดๆด้วยความเชี่ยวชาญ มือเรียวถูไถไปตามหัวนมสีน้ำตาลอ่อนที่เริ่มแข็งถูวนไปมาอยู่แบบนั้นแล้วค่อยๆขยับก้มใบหน้าลงมาใช้ปลายลิ้นปาดเลียที่หัวนมของมิวนิคที่มองการกระทำของเธออยู่“อ่าส์~” มิวนิคส่งเสียงครางกระเส่าออกมาเมื่อโดนลิ้นร้ายเล่นงานไม่หยุดพลางใช้มือลูบศีรษะทุยของหญิงสาวอย่างเบามือ มือเรียวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองไปด้วยแล้วเลิกชุดชั้นในให้ขึ้นมามองบนเนินอก บีบขยำหน้าอกอวบของตัวเองอย่างมันส์มือ ปากยังคงดูดเลียหัวนมหวานของชายหนุ่มไม่หยุดยั้งเพื่อหวังจะปรนเปรอเขาอย่างเต็มที่สายตาหวานหยาดเยิ้มทอดมองไปยังชายหนุ่มแล้วจึงค่อยๆเลื่อนใบหน้าขึ้นไปเพื่อหวังที่จะจูบเขาแต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อมิวนิคผละใบหน้าหนีห่างออกไป“ทำไมคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ถอยหนีรสจูบของเธอ“ฉันไม่ชอบจูบกับคนอื่น!”“น้ำตาลเป็นคนอื่นเหรอคะ?” หญิงสาวถามออกไปด้วยความน้อยใจที่ถูกมองว่าเป็นคนอื่นทั้งๆที่กำลังจะเอากันอยู่ร่อมร่อ“จะทำมั้ย?” มิวนิคเสียงแข็งถามไปยังร่างบอบบางของน้ำตาลที่ทำท่าทางเหมือนจะน้อยใจเขา ซึ่งเขาไม่คิดที
“ค่ะ…” น้ำตาลมองค้อนชายหนุ่มอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้ เธอทำได้เพียงเดินกลับเข้าไปนั่งรอในรถตามที่มิวนิคได้บอกเอาไว้“มัวแต่ทำอะไรกันอยู่คะ? ถึงได้มาชนรถของคนอื่นเขาแบบนี้” มายูที่กำลังฉุนก็พูดขึ้นเมื่อเธอได้เดินไปดูท้ายรถ ประโยคความคิดในหัวสั่งการให้เธอถามเขาออกไปอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลย“ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ แล้วนี่..อยู่มหาลัยเดียวกันกับฉันเลยนี่” มิวนิคมองหน้าของเธอคนนี้ยอมรับว่าสวยมองไปมองหน้าก็ได้เห็นเข้ากับเข็มกลัดนักศึกษาที่เหมือนกันกับเขาก็แสดงว่าเธอคนนี้ก็น่าจะอยู่มหาลัยเดียวกันกับเขาสินะแต่แม่งพูดตรงมาก พูดตรงจนเกินไป เขาทำได้เพียงบอกแค่ว่าจะรับผิดชอบกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเขาทำอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ“อันนั้นมันก็หน้าที่ของคนที่ผิดต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่ทีหลังรบกวนอย่าทำอะไรกันบนรถนะคะ เสียเวลาคนอื่นเขา รู้ไว้ด้วย” มายูเธอดูหัวเสียเป็นอย่างมากจึงได้พูดออกไปตามความคิดของเธออีกครั้งแบบที่ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น“นี่เธอ...” มิวนิคยืนนิ่งอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนขนาดนี้“ทำไมคะ?” เธอเชิดใบหน้าสวยขึ้นพร้อมทั
“เดี๋ยวก่อนนะครับ แล้วทำไมถึงเป็นผม พี่แมทธิวละครับ” คิ้วหน้าขมวดขึ้นอย่างลืมตัวเมื่ออยู่ดีๆก็ได้รับรู้เรื่องสัญญาของคุณปู่ของเขาที่จะให้หมั้นกับหลานสาวของเพื่อนท่าน“ตอนนั้นในตอนที่ทำสัญญากัน ลูกเกิดตอนนั้นพอดี สัญญานั้นจึงหมายถึงลูกจ้ะ” แม่อธิบายให้มิวนิคได้ฟังอย่างละเอียดว่าการหมั้นในครั้งนี้มันต้องเป็นลูกแต่เพียงเท่านั้น“สมัยนี้มันยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอครับ ผมไม่หมั้น!” เสียงเข้มของมิวนิคดังขึ้นเขาไม่ยินยอมที่จะหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ หน้าตาก็ยังไม่ได้เห็น นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลยแล้วจะหมั้นจะแต่งกันไปได้ยังไง“ทางนั้นเขาไม่รู้หรอกครับว่าหลานชายคนไหนคือคนที่จะได้หมั้น ให้พี่แมทธิวไปหมั้นแทนผม” แล้วอยู่ดีๆมิวนิคก็คิดแผนการณ์ร้ายขึ้นมาได้ซึ่งนั่นก็คือส่งพี่ชายของเขาไปหมั้นแทนเขา“มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองไปดูตัวเธอก่อน อาจจะถูกใจนายก็ได้นะ” แมทธิวที่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดของน้องชายเข้าก็รีบทักท้วงขึ้น น้องชายของเขาคนนี้นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบเอาใจ เขาเป็นลูกคนเล็กอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ชอบอะไรก็จะรีบผลักไสออกไปให้กับคนอื่น“ผมไม่ชอบ
“ยัยนั่นอมให้กู กูเสียวมากไปหน่อ ยก็เลยเผลอเหยียบคันเร่ง” มิวนิคหัวเราะขบขันเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆในตอนนั้นมันเสียวมากๆเสียวจนเกร็งไปทั่วทั้งร่าง“ไอ้เวร ความเงี่xxเป็นเหตุนี่เอง” อาร์มส่ายหน้าทันทีที่ได้รู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร“เออกูยอมรับ!” มิวนิคยืดอกยอมรับอย่างแมนๆว่าตัวเขานั่นแหละคือต้นเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้“แล้วคู่กรณีมึงเจ็บหรือเปล่า” เสือถามไปถึงคู่กรณีที่มิวนิคได้ขับรถไปชนรถของเขา“ดูแล้วก็ไม่นะแต่หยิ่งฉิบหายเลยด้วย ปากก็ดีอีกและที่สำคัญยัยนั่นอยู่มหาลัยเดียวกันกับพวกเรา” มิวนิคยกยิ้มมุมปากขึ้น ในยามที่นึกไปถึงใบหน้าสวยหวานของเธอคนนั้นซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่เขาขับรถไปชนท้าย“โลกกลมฉิบหาย เธอด่ามึงยับเลยมั้ย?” อาร์มที่นั่งฟังอยู่ก็พูดแทรกถามถึงเธอคนนั้นพร้อมทั้งเปรยตามองเพื่อนอย่างจับผิด“ก็ไม่ถึงกับด่าอะไรขนาดนั้นแต่แม่งโคตรจะพูดตรง มีการมาบอกกูว่าอย่าเอากันในรถอีกนะ”“ฮ่าๆ กูนี่อยากเห็นหน้าเธอเลยครับ แล้วหน้าตาเป็นไง สวยมั้ยเด็ดหรือเปล่า” เตโชหัวเราะออกมาดังลั่น ถูกใจเธอยิ่งนักที่พูดตรงแบบนั้นกับเพื่อนของเขา“พ