“ค่ะ…” น้ำตาลมองค้อนชายหนุ่มอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้ เธอทำได้เพียงเดินกลับเข้าไปนั่งรอในรถตามที่มิวนิคได้บอกเอาไว้
“มัวแต่ทำอะไรกันอยู่คะ? ถึงได้มาชนรถของคนอื่นเขาแบบนี้” มายูที่กำลังฉุนก็พูดขึ้นเมื่อเธอได้เดินไปดูท้ายรถ ประโยคความคิดในหัวสั่งการให้เธอถามเขาออกไปอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ แล้วนี่..อยู่มหาลัยเดียวกันกับฉันเลยนี่” มิวนิคมองหน้าของเธอคนนี้ยอมรับว่าสวยมองไปมองหน้าก็ได้เห็นเข้ากับเข็มกลัดนักศึกษาที่เหมือนกันกับเขาก็แสดงว่าเธอคนนี้ก็น่าจะอยู่มหาลัยเดียวกันกับเขาสินะ
แต่แม่งพูดตรงมาก พูดตรงจนเกินไป เขาทำได้เพียงบอกแค่ว่าจะรับผิดชอบกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเขาทำอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ
“อันนั้นมันก็หน้าที่ของคนที่ผิดต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่ทีหลังรบกวนอย่าทำอะไรกันบนรถนะคะ เสียเวลาคนอื่นเขา รู้ไว้ด้วย” มายูเธอดูหัวเสียเป็นอย่างมากจึงได้พูดออกไปตามความคิดของเธออีกครั้งแบบที่ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“นี่เธอ...” มิวนิคยืนนิ่งอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนขนาดนี้
“ทำไมคะ?” เธอเชิดใบหน้าสวยขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยถาม
ประกันของทางทั้งคู่มาพอดีทำให้พวกเขารีบแยกตัวออกจากกัน พวกเขาให้ประกันเคลียร์กันเอาเอง มายูเลือกที่จะเข้าไปนั่งรอในรถของเธอ ส่วนมิวนิคก็ยืนคุยอยู่กับทางพนักงานประกัน
“เรียบร้อยแล้วนะครับ” ประกันทางฝั่งมายูได้เดินเข้ามายืนหยุดตรงหน้าเธอที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ
“ขอบคุณมากนะคะ มีอะไรก็ให้ทางเขาเคลียร์กับทางคุณเลยนะคะ ฉันขอตัวก่อนค่ะ” มายูยิ้มขึ้นพร้อมกับหันไปบอกกับทางพนักงานประกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแม้ว่าในใจจะหงุดหงิดมากสักแค่ไหนก็ตาม
“เสียเวลาชะมัด อยากมากทำไมไม่แวะหาโรงแรมเอากันซะเลย พูดแล้วของขึ้นเลย ทุเรศอ่า รถลูกรักของฉัน!” ใบหน้าสวยหวานพูดบ่นกับตัวเองอีกครั้งเมื่อมองไปทางมิวนิคที่กำลังยืนคุยอยู่กับทางพนักงานประกันของเธอ
มายูไม่รอช้ารีบสตาร์ทรถและขับออกมาจากตรงนั้นทันทีถ้าขืนยังอยู่มีหวังได้ลงไปด่าสองผัวนั่นอีกแน่ๆ
-มิวนิค-
ครืด~
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาดังขึ้นในตอนนี้ชายหนุ่มได้เคลียร์จบกับทางประกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเขากำลังนั่งอยู่ภายในรถ เขากดรับสายผู้เป็นแม่ทันที
(ฮัลโหลลูกว่างหรือเปล่าเข้ามาหาแม่ที่บ้านที)
“ครับแม่ ให้เข้าไปหาตอนนี้เลยเหรอครับ” เขาถามย้ำกับแม่อีกครั้งว่ามันสำคัญถึงขนาดที่ต้องเข้าไปในวันนี้เลยหรือ
(ใช่จ้ะ ว่าแต่เรามีอะไรหรือเปล่าน้ำเสียงดูเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้)
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คือรถผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยแต่ถ้าเสร็จแล้ว ผมจะเข้าไปหานะครับ”
(แล้วเราเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ยลูก)
“ผมไม่เป็นอะไรครับเอาไว้เจอกันที่บ้านนะครับ”
(แม่จะรอนะ)
“ครับแม่”
มิวนิคกดวางสายผู้เป็นแม่และหันไปมองน้ำตาล หญิงสาวข้างกายที่กำลังมองจ้องเขาอยู่
“มีอะไรเหรอคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขาได้วางสายแม่ของเขาไปแล้ว
“วันนี้ฉันคงไปห้องเธอไม่ได้แล้ว” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆพอมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำเรื่องอย่างว่าต่อแล้ว มิวนิคจึงเลือกที่จะปฏิเสธเธอไปเสียดีกว่าและไหนแม่ของเขาจะเรียกให้เข้าไปพบที่บ้านในตอนนี้อีก
“ทำไมคะ!!” น้ำตาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจะหงุดหงิดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“นี่เธอไม่ได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์หรือไง แม่ฉันโทรมาท่านบอกว่ามีธุระด่วนให้รีบเข้าบ้าน” มิวนิคเค้นเสียงตอบกลับไปยังสาวสวยข้างกายด้วยความดุดันพูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น
“น้ำตาลไปด้วยได้มั้ยคะ?”
“เธอจะเข้าไปทำไม รู้จักแม่ฉันหรือไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วหันกลับมาถามเธอกลับทันทีอย่างคนที่รู้ทันว่ายัยนี่กำลังคิดอะไรอยู่ ดูแล้วคงอยากที่จะไปแสดงตัวกับแม่ของเขาสินะ
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่เผื่อว่าในอนาคตพวกเราแบบว่า” น้ำตาลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย เธอพูดไปแบบนั้นเผื่อว่าเขาอาจจะใจดี พาเธอเข้าไปพบแม่ของเขาก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย
“ฉันแค่อยากเอาเธอเฉยๆ! เอาแล้วจบ! เอาแล้วแยกน่ะ! เธอไม่เข้าใจเหรอ?” เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เริ่มไม่ชอบใจไปกับสิ่งที่เธอคิดที่จะจับเขา
“มิวนิคไม่รู้เลยเหรอคะว่าน้ำตาลรู้สึกยังไง” เธอจ้องมองไปในนัยน์ตาชายหนุ่มหวังอยากจะให้เขาหันมาสนใจในตัวเธอบ้างไม่ใช่เพียงสนใจแค่ร่างกายของเธอแค่เพียงเท่านั้น
“ไม่รู้และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย ฉันแค่ต้องการมีเซ็กส์กับเธอ ไม่ได้รักได้ชอบเธอสักหน่อย เข้าใจเอาไว้ด้วยนะ ถ้าเธอรับไม่ได้ งั้นพวกเราแยกกันตรงนี้เลยจะดีกว่า เธอว่ามั้ย?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความดุดัน
“มิวนิคใจร้ายมากเลยรู้ตัวบ้างมั้ยคะ?” เธอหันไปมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วแสร้งตัดพ้อหาว่าเขาใจร้าย
“ไม่ต้องมาบอก อะนี่เงิน ฉันคงไปส่งเธอที่ห้องไม่ได้เลย โทษทีนะฉันต้องไปก่อน” คำพูดแสนเย็นชาออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับยื่นแบงค์พันยัดใส่มือเธออย่างลวกๆ
ร่างเล็กพยักหน้ารับนิ่งๆแล้วเลือกที่จะเปิดประตูแล้วออกมาจากรถของเขา เมื่อเห็นว่าเธอลงไปจากรถเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วมิวนิคจึงได้ขับรถออกไปทันที
“คอยดูนะสักวันฉันจะทำให้นายชอบฉันให้ได้เลย!”
บ้านกิจขจรเลิศชัย
“แม่มีอะไรเหรอครับถึงได้เรียกผมเข้ามาที่บ้านแบบนี้” มิวนิคเดินเข้าหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของเขาแล้วเลือกหย่อนก้นลงที่โซฟาด้านข้างกับโซฟาของผู้เป็นแม่
“แม่มีเรื่องอยากบอกลูก ว่าแต่เป็นอะไรหรือเปล่าที่บอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุน่ะ” แม่ของเขาเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงในตัวของลูกชายคนเล็ก
“ผมไม่เป็นไรครับ รถไปชนท้ายเขานิดหน่อย แม่มีเรื่องอะไรครับ” มิวนิคยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นแม่ อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาเป็นแผลแม้แต่นิดเดียวแค่เพียงตกใจก็เท่านั้น
“ลูกมีแฟนหรือยัง?” แม่ถามย้ำลูกชายให้แน่ใจอีกครั้งถึงเรื่องแฟน ถ้าสมมุติว่าลูกชายของเธอมีแฟนอยู่แล้วเธอจะได้หาทางอื่น เธอไม่ต้องการให้ลูกต้องมีปัญหากับหญิงสาวคนรัก
“ผมยังไม่คิดที่จะชอบใครครับ!” มิวนิคเน้นน้ำเสียงหนักแน่นบอกกับผู้เป็นแม่และเมื่อบอกออกไปแบบนั้นก็ทำให้แม่ของเขายิ้มกว้างออกมาได้ในทันทีอย่างน้อยมันก็ทำให้สบายใจได้ว่าลูกชายของเธอยังไม่คิดที่จะชอบหรือรักผู้หญิงคนไหน
“งั้นก็ดี คือแบบนี้นะ คุณปู่ของลูกท่านได้ทำสัญญาเอาไว้กับทางเพื่อนของท่านว่าถ้าหากเพื่อนของท่านมีหลานสาวจะให้หลานของท่านหมั้นกับทางเราซึ่งนั่นก็คือลูก”
พระเอกกับนางเอกเจอกันแล้วค่ะทุกคนน
“เดี๋ยวก่อนนะครับ แล้วทำไมถึงเป็นผม พี่แมทธิวละครับ” คิ้วหน้าขมวดขึ้นอย่างลืมตัวเมื่ออยู่ดีๆก็ได้รับรู้เรื่องสัญญาของคุณปู่ของเขาที่จะให้หมั้นกับหลานสาวของเพื่อนท่าน“ตอนนั้นในตอนที่ทำสัญญากัน ลูกเกิดตอนนั้นพอดี สัญญานั้นจึงหมายถึงลูกจ้ะ” แม่อธิบายให้มิวนิคได้ฟังอย่างละเอียดว่าการหมั้นในครั้งนี้มันต้องเป็นลูกแต่เพียงเท่านั้น“สมัยนี้มันยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอครับ ผมไม่หมั้น!” เสียงเข้มของมิวนิคดังขึ้นเขาไม่ยินยอมที่จะหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ หน้าตาก็ยังไม่ได้เห็น นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลยแล้วจะหมั้นจะแต่งกันไปได้ยังไง“ทางนั้นเขาไม่รู้หรอกครับว่าหลานชายคนไหนคือคนที่จะได้หมั้น ให้พี่แมทธิวไปหมั้นแทนผม” แล้วอยู่ดีๆมิวนิคก็คิดแผนการณ์ร้ายขึ้นมาได้ซึ่งนั่นก็คือส่งพี่ชายของเขาไปหมั้นแทนเขา“มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองไปดูตัวเธอก่อน อาจจะถูกใจนายก็ได้นะ” แมทธิวที่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดของน้องชายเข้าก็รีบทักท้วงขึ้น น้องชายของเขาคนนี้นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบเอาใจ เขาเป็นลูกคนเล็กอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ชอบอะไรก็จะรีบผลักไสออกไปให้กับคนอื่น“ผมไม่ชอบ
“ยัยนั่นอมให้กู กูเสียวมากไปหน่อ ยก็เลยเผลอเหยียบคันเร่ง” มิวนิคหัวเราะขบขันเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆในตอนนั้นมันเสียวมากๆเสียวจนเกร็งไปทั่วทั้งร่าง“ไอ้เวร ความเงี่xxเป็นเหตุนี่เอง” อาร์มส่ายหน้าทันทีที่ได้รู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร“เออกูยอมรับ!” มิวนิคยืดอกยอมรับอย่างแมนๆว่าตัวเขานั่นแหละคือต้นเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้“แล้วคู่กรณีมึงเจ็บหรือเปล่า” เสือถามไปถึงคู่กรณีที่มิวนิคได้ขับรถไปชนรถของเขา“ดูแล้วก็ไม่นะแต่หยิ่งฉิบหายเลยด้วย ปากก็ดีอีกและที่สำคัญยัยนั่นอยู่มหาลัยเดียวกันกับพวกเรา” มิวนิคยกยิ้มมุมปากขึ้น ในยามที่นึกไปถึงใบหน้าสวยหวานของเธอคนนั้นซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่เขาขับรถไปชนท้าย“โลกกลมฉิบหาย เธอด่ามึงยับเลยมั้ย?” อาร์มที่นั่งฟังอยู่ก็พูดแทรกถามถึงเธอคนนั้นพร้อมทั้งเปรยตามองเพื่อนอย่างจับผิด“ก็ไม่ถึงกับด่าอะไรขนาดนั้นแต่แม่งโคตรจะพูดตรง มีการมาบอกกูว่าอย่าเอากันในรถอีกนะ”“ฮ่าๆ กูนี่อยากเห็นหน้าเธอเลยครับ แล้วหน้าตาเป็นไง สวยมั้ยเด็ดหรือเปล่า” เตโชหัวเราะออกมาดังลั่น ถูกใจเธอยิ่งนักที่พูดตรงแบบนั้นกับเพื่อนของเขา“พ
วันสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอมขึ้นปี 2มายูที่จะไปเที่ยวพักผ่อนที่เพชรบูรณ์กับพราวเพื่อนสนิทของเธอ จึงตั้งใจว่าจะเข้ามาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดของเธอเสียก่อนเพื่อที่จะไปนอนที่ห้องของพราวและพอเธอเก็บของเสร็จเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาก็คือแม่ของเธอนั่นเองมายูไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันที“ฮัลโหลค่ะแม่ อะไรนะคะ ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวมายูเข้าไปหาก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดีๆแม่ของเธอก็เรียกให้เข้าไปหาที่บ้านและบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูดคุยกับเธอบ้านขจรรุ่งเรืองกิจมายูได้ขับรถเข้ามายังบ้านของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอลงจากรถสุดที่รักและเดินเข้าไปภายในบ้านก็พบกับพ่อและแม่ของเธอที่กำลังนั่งรอเธออยู่ภายในห้องรับแขก“พ่อแม่สวัสดีค่ะ มีอะไรเหรอคะถึงได้เรียกหนูมา” มายูยกมือไหว้สวัสดีพ่อกับแม่ของเธอ และเดินไปนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ของเธอ“พ่อกับแม่มีเรื่องที่จะบอกหนู แม่ขอเข้าเรื่องเลยนะ ทางฝั่งเพื่อนคุณปู่เขาเร่งพวกเรามาแล้ว เขาอยากพบหนูลูก มายู” แม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ว่าใครเร่งและเพื่อน
“ไอ้เสือ! นี่มึงเสร็จหรือยัง เดี๋ยวไปเรียนสายนะเว้ย” ชายหนุ่มหน้าตาดีตะโกนแผดเสียงเรียกเข้าไปในห้องที่มีเพื่อนสนิทของเขากำลังเล่นจ้ำจี้อยู่กับนางแบบสาวคนสวย ที่เขาเป็นคนเรียกเธอให้เข้ามาเอ็นเตอร์เทนพวกเขาทั้งสี่ตั้งแต่เมื่อคืน“อ่าส์~ ซี๊ด อีกนิด” คนถูกเรียกทำได้เพียงแค่ตะโกนตอบกลับมาเพียงเท่านั้นเพราะกิจกรรมรักกำลังร้อนแรง หญิงสาวนางแบบกำลังขย่มอยู่บนตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย“เออๆกูไปรอที่รถแล้วกัน อยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูได้แข็งอีกรอบแน่!” มิวนิคบอกกับคนที่อยู่ภายในห้องอีกครั้งแล้วเลือกที่จะเดินออกไปจากห้องเพราะกลัวว่าตนเองจะอดใจเอาไว้ไม่ไหวเพราะในเวลานี้มันไม่มีเวลาให้มาทำเรื่องอย่างว่าอีกแล้ว เดี๋ยวมันจะสายและจะเข้าเรียนไม่ทัน บนรถ“ไงมึง สบายตัวแล้วสินะ” มิวนิคยิ้มกริ่มถามคนที่พึ่งขึ้นมาบนรถ เขาเริ่มสตาร์ทรถและขับเคลื่อนออกจากลานจอดรถของทางคอนโดทันที“เออ ซาร่าแม่งโคตรเด็ดเป็นงานสุดๆ” เสือที่ยังคงคิดถึงความเร่าร้อนของนางแบบสาวก็ได้บอกไปยังเพื่อนสนิทที่เป็นคนเรียกเธอเข้ามาปรนเปรอพวกเขาทั้งกลุ่ม เมื่อคืนพวกเขาทั้งสี่ได้ถูกนางแบบสาวปรนเปรอความใคร่ให้อย่างถึงใจ แต่พอพวกมันทั้งไอ้เตโชกับไอ
น้ำตาลเธอค่อยๆเอื้อมมือมาลูบคลำไปตามแผงอกของผมแล้วเริ่มปลดกระดุมออกทีละเม็ดๆด้วยความเชี่ยวชาญ มือเรียวถูไถไปตามหัวนมสีน้ำตาลอ่อนที่เริ่มแข็งถูวนไปมาอยู่แบบนั้นแล้วค่อยๆขยับก้มใบหน้าลงมาใช้ปลายลิ้นปาดเลียที่หัวนมของมิวนิคที่มองการกระทำของเธออยู่“อ่าส์~” มิวนิคส่งเสียงครางกระเส่าออกมาเมื่อโดนลิ้นร้ายเล่นงานไม่หยุดพลางใช้มือลูบศีรษะทุยของหญิงสาวอย่างเบามือ มือเรียวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองไปด้วยแล้วเลิกชุดชั้นในให้ขึ้นมามองบนเนินอก บีบขยำหน้าอกอวบของตัวเองอย่างมันส์มือ ปากยังคงดูดเลียหัวนมหวานของชายหนุ่มไม่หยุดยั้งเพื่อหวังจะปรนเปรอเขาอย่างเต็มที่สายตาหวานหยาดเยิ้มทอดมองไปยังชายหนุ่มแล้วจึงค่อยๆเลื่อนใบหน้าขึ้นไปเพื่อหวังที่จะจูบเขาแต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อมิวนิคผละใบหน้าหนีห่างออกไป“ทำไมคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ถอยหนีรสจูบของเธอ“ฉันไม่ชอบจูบกับคนอื่น!”“น้ำตาลเป็นคนอื่นเหรอคะ?” หญิงสาวถามออกไปด้วยความน้อยใจที่ถูกมองว่าเป็นคนอื่นทั้งๆที่กำลังจะเอากันอยู่ร่อมร่อ“จะทำมั้ย?” มิวนิคเสียงแข็งถามไปยังร่างบอบบางของน้ำตาลที่ทำท่าทางเหมือนจะน้อยใจเขา ซึ่งเขาไม่คิดที