“ค่ะ…” น้ำตาลมองค้อนชายหนุ่มอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้ เธอทำได้เพียงเดินกลับเข้าไปนั่งรอในรถตามที่มิวนิคได้บอกเอาไว้
“มัวแต่ทำอะไรกันอยู่คะ? ถึงได้มาชนรถของคนอื่นเขาแบบนี้” มายูที่กำลังฉุนก็พูดขึ้นเมื่อเธอได้เดินไปดูท้ายรถ ประโยคความคิดในหัวสั่งการให้เธอถามเขาออกไปอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ แล้วนี่..อยู่มหาลัยเดียวกันกับฉันเลยนี่” มิวนิคมองหน้าของเธอคนนี้ยอมรับว่าสวยมองไปมองหน้าก็ได้เห็นเข้ากับเข็มกลัดนักศึกษาที่เหมือนกันกับเขาก็แสดงว่าเธอคนนี้ก็น่าจะอยู่มหาลัยเดียวกันกับเขาสินะ
แต่แม่งพูดตรงมาก พูดตรงจนเกินไป เขาทำได้เพียงบอกแค่ว่าจะรับผิดชอบกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเขาทำอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ
“อันนั้นมันก็หน้าที่ของคนที่ผิดต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่ทีหลังรบกวนอย่าทำอะไรกันบนรถนะคะ เสียเวลาคนอื่นเขา รู้ไว้ด้วย” มายูเธอดูหัวเสียเป็นอย่างมากจึงได้พูดออกไปตามความคิดของเธออีกครั้งแบบที่ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“นี่เธอ...” มิวนิคยืนนิ่งอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนขนาดนี้
“ทำไมคะ?” เธอเชิดใบหน้าสวยขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยถาม
ประกันของทางทั้งคู่มาพอดีทำให้พวกเขารีบแยกตัวออกจากกัน พวกเขาให้ประกันเคลียร์กันเอาเอง มายูเลือกที่จะเข้าไปนั่งรอในรถของเธอ ส่วนมิวนิคก็ยืนคุยอยู่กับทางพนักงานประกัน
“เรียบร้อยแล้วนะครับ” ประกันทางฝั่งมายูได้เดินเข้ามายืนหยุดตรงหน้าเธอที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ
“ขอบคุณมากนะคะ มีอะไรก็ให้ทางเขาเคลียร์กับทางคุณเลยนะคะ ฉันขอตัวก่อนค่ะ” มายูยิ้มขึ้นพร้อมกับหันไปบอกกับทางพนักงานประกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแม้ว่าในใจจะหงุดหงิดมากสักแค่ไหนก็ตาม
“เสียเวลาชะมัด อยากมากทำไมไม่แวะหาโรงแรมเอากันซะเลย พูดแล้วของขึ้นเลย ทุเรศอ่า รถลูกรักของฉัน!” ใบหน้าสวยหวานพูดบ่นกับตัวเองอีกครั้งเมื่อมองไปทางมิวนิคที่กำลังยืนคุยอยู่กับทางพนักงานประกันของเธอ
มายูไม่รอช้ารีบสตาร์ทรถและขับออกมาจากตรงนั้นทันทีถ้าขืนยังอยู่มีหวังได้ลงไปด่าสองผัวนั่นอีกแน่ๆ
-มิวนิค-
ครืด~
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาดังขึ้นในตอนนี้ชายหนุ่มได้เคลียร์จบกับทางประกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเขากำลังนั่งอยู่ภายในรถ เขากดรับสายผู้เป็นแม่ทันที
(ฮัลโหลลูกว่างหรือเปล่าเข้ามาหาแม่ที่บ้านที)
“ครับแม่ ให้เข้าไปหาตอนนี้เลยเหรอครับ” เขาถามย้ำกับแม่อีกครั้งว่ามันสำคัญถึงขนาดที่ต้องเข้าไปในวันนี้เลยหรือ
(ใช่จ้ะ ว่าแต่เรามีอะไรหรือเปล่าน้ำเสียงดูเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้)
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คือรถผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยแต่ถ้าเสร็จแล้ว ผมจะเข้าไปหานะครับ”
(แล้วเราเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ยลูก)
“ผมไม่เป็นอะไรครับเอาไว้เจอกันที่บ้านนะครับ”
(แม่จะรอนะ)
“ครับแม่”
มิวนิคกดวางสายผู้เป็นแม่และหันไปมองน้ำตาล หญิงสาวข้างกายที่กำลังมองจ้องเขาอยู่
“มีอะไรเหรอคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขาได้วางสายแม่ของเขาไปแล้ว
“วันนี้ฉันคงไปห้องเธอไม่ได้แล้ว” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆพอมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำเรื่องอย่างว่าต่อแล้ว มิวนิคจึงเลือกที่จะปฏิเสธเธอไปเสียดีกว่าและไหนแม่ของเขาจะเรียกให้เข้าไปพบที่บ้านในตอนนี้อีก
“ทำไมคะ!!” น้ำตาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจะหงุดหงิดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“นี่เธอไม่ได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์หรือไง แม่ฉันโทรมาท่านบอกว่ามีธุระด่วนให้รีบเข้าบ้าน” มิวนิคเค้นเสียงตอบกลับไปยังสาวสวยข้างกายด้วยความดุดันพูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น
“น้ำตาลไปด้วยได้มั้ยคะ?”
“เธอจะเข้าไปทำไม รู้จักแม่ฉันหรือไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วหันกลับมาถามเธอกลับทันทีอย่างคนที่รู้ทันว่ายัยนี่กำลังคิดอะไรอยู่ ดูแล้วคงอยากที่จะไปแสดงตัวกับแม่ของเขาสินะ
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่เผื่อว่าในอนาคตพวกเราแบบว่า” น้ำตาลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย เธอพูดไปแบบนั้นเผื่อว่าเขาอาจจะใจดี พาเธอเข้าไปพบแม่ของเขาก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย
“ฉันแค่อยากเอาเธอเฉยๆ! เอาแล้วจบ! เอาแล้วแยกน่ะ! เธอไม่เข้าใจเหรอ?” เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เริ่มไม่ชอบใจไปกับสิ่งที่เธอคิดที่จะจับเขา
“มิวนิคไม่รู้เลยเหรอคะว่าน้ำตาลรู้สึกยังไง” เธอจ้องมองไปในนัยน์ตาชายหนุ่มหวังอยากจะให้เขาหันมาสนใจในตัวเธอบ้างไม่ใช่เพียงสนใจแค่ร่างกายของเธอแค่เพียงเท่านั้น
“ไม่รู้และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย ฉันแค่ต้องการมีเซ็กส์กับเธอ ไม่ได้รักได้ชอบเธอสักหน่อย เข้าใจเอาไว้ด้วยนะ ถ้าเธอรับไม่ได้ งั้นพวกเราแยกกันตรงนี้เลยจะดีกว่า เธอว่ามั้ย?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความดุดัน
“มิวนิคใจร้ายมากเลยรู้ตัวบ้างมั้ยคะ?” เธอหันไปมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วแสร้งตัดพ้อหาว่าเขาใจร้าย
“ไม่ต้องมาบอก อะนี่เงิน ฉันคงไปส่งเธอที่ห้องไม่ได้เลย โทษทีนะฉันต้องไปก่อน” คำพูดแสนเย็นชาออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับยื่นแบงค์พันยัดใส่มือเธออย่างลวกๆ
ร่างเล็กพยักหน้ารับนิ่งๆแล้วเลือกที่จะเปิดประตูแล้วออกมาจากรถของเขา เมื่อเห็นว่าเธอลงไปจากรถเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วมิวนิคจึงได้ขับรถออกไปทันที
“คอยดูนะสักวันฉันจะทำให้นายชอบฉันให้ได้เลย!”
บ้านกิจขจรเลิศชัย
“แม่มีอะไรเหรอครับถึงได้เรียกผมเข้ามาที่บ้านแบบนี้” มิวนิคเดินเข้าหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของเขาแล้วเลือกหย่อนก้นลงที่โซฟาด้านข้างกับโซฟาของผู้เป็นแม่
“แม่มีเรื่องอยากบอกลูก ว่าแต่เป็นอะไรหรือเปล่าที่บอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุน่ะ” แม่ของเขาเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงในตัวของลูกชายคนเล็ก
“ผมไม่เป็นไรครับ รถไปชนท้ายเขานิดหน่อย แม่มีเรื่องอะไรครับ” มิวนิคยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นแม่ อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาเป็นแผลแม้แต่นิดเดียวแค่เพียงตกใจก็เท่านั้น
“ลูกมีแฟนหรือยัง?” แม่ถามย้ำลูกชายให้แน่ใจอีกครั้งถึงเรื่องแฟน ถ้าสมมุติว่าลูกชายของเธอมีแฟนอยู่แล้วเธอจะได้หาทางอื่น เธอไม่ต้องการให้ลูกต้องมีปัญหากับหญิงสาวคนรัก
“ผมยังไม่คิดที่จะชอบใครครับ!” มิวนิคเน้นน้ำเสียงหนักแน่นบอกกับผู้เป็นแม่และเมื่อบอกออกไปแบบนั้นก็ทำให้แม่ของเขายิ้มกว้างออกมาได้ในทันทีอย่างน้อยมันก็ทำให้สบายใจได้ว่าลูกชายของเธอยังไม่คิดที่จะชอบหรือรักผู้หญิงคนไหน
“งั้นก็ดี คือแบบนี้นะ คุณปู่ของลูกท่านได้ทำสัญญาเอาไว้กับทางเพื่อนของท่านว่าถ้าหากเพื่อนของท่านมีหลานสาวจะให้หลานของท่านหมั้นกับทางเราซึ่งนั่นก็คือลูก”
พระเอกกับนางเอกเจอกันแล้วค่ะทุกคนน
“เดี๋ยวก่อนนะครับ แล้วทำไมถึงเป็นผม พี่แมทธิวละครับ” คิ้วหน้าขมวดขึ้นอย่างลืมตัวเมื่ออยู่ดีๆก็ได้รับรู้เรื่องสัญญาของคุณปู่ของเขาที่จะให้หมั้นกับหลานสาวของเพื่อนท่าน“ตอนนั้นในตอนที่ทำสัญญากัน ลูกเกิดตอนนั้นพอดี สัญญานั้นจึงหมายถึงลูกจ้ะ” แม่อธิบายให้มิวนิคได้ฟังอย่างละเอียดว่าการหมั้นในครั้งนี้มันต้องเป็นลูกแต่เพียงเท่านั้น“สมัยนี้มันยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอครับ ผมไม่หมั้น!” เสียงเข้มของมิวนิคดังขึ้นเขาไม่ยินยอมที่จะหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ หน้าตาก็ยังไม่ได้เห็น นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลยแล้วจะหมั้นจะแต่งกันไปได้ยังไง“ทางนั้นเขาไม่รู้หรอกครับว่าหลานชายคนไหนคือคนที่จะได้หมั้น ให้พี่แมทธิวไปหมั้นแทนผม” แล้วอยู่ดีๆมิวนิคก็คิดแผนการณ์ร้ายขึ้นมาได้ซึ่งนั่นก็คือส่งพี่ชายของเขาไปหมั้นแทนเขา“มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองไปดูตัวเธอก่อน อาจจะถูกใจนายก็ได้นะ” แมทธิวที่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดของน้องชายเข้าก็รีบทักท้วงขึ้น น้องชายของเขาคนนี้นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบเอาใจ เขาเป็นลูกคนเล็กอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ชอบอะไรก็จะรีบผลักไสออกไปให้กับคนอื่น“ผมไม่ชอบ
“ยัยนั่นอมให้กู กูเสียวมากไปหน่อ ยก็เลยเผลอเหยียบคันเร่ง” มิวนิคหัวเราะขบขันเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆในตอนนั้นมันเสียวมากๆเสียวจนเกร็งไปทั่วทั้งร่าง“ไอ้เวร ความเงี่xxเป็นเหตุนี่เอง” อาร์มส่ายหน้าทันทีที่ได้รู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร“เออกูยอมรับ!” มิวนิคยืดอกยอมรับอย่างแมนๆว่าตัวเขานั่นแหละคือต้นเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้“แล้วคู่กรณีมึงเจ็บหรือเปล่า” เสือถามไปถึงคู่กรณีที่มิวนิคได้ขับรถไปชนรถของเขา“ดูแล้วก็ไม่นะแต่หยิ่งฉิบหายเลยด้วย ปากก็ดีอีกและที่สำคัญยัยนั่นอยู่มหาลัยเดียวกันกับพวกเรา” มิวนิคยกยิ้มมุมปากขึ้น ในยามที่นึกไปถึงใบหน้าสวยหวานของเธอคนนั้นซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่เขาขับรถไปชนท้าย“โลกกลมฉิบหาย เธอด่ามึงยับเลยมั้ย?” อาร์มที่นั่งฟังอยู่ก็พูดแทรกถามถึงเธอคนนั้นพร้อมทั้งเปรยตามองเพื่อนอย่างจับผิด“ก็ไม่ถึงกับด่าอะไรขนาดนั้นแต่แม่งโคตรจะพูดตรง มีการมาบอกกูว่าอย่าเอากันในรถอีกนะ”“ฮ่าๆ กูนี่อยากเห็นหน้าเธอเลยครับ แล้วหน้าตาเป็นไง สวยมั้ยเด็ดหรือเปล่า” เตโชหัวเราะออกมาดังลั่น ถูกใจเธอยิ่งนักที่พูดตรงแบบนั้นกับเพื่อนของเขา“พ
“จะไปขอโทษทำไมมันเรื่องจริงมั้ยเล่า!” มายูเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ปากยังคงบ่นงึมงำๆไม่หยุด“นั่งกันก่อนสิครับน้องๆ” เตโชที่มองรุ่นน้องสาวกับเพื่อนสนิทของเขาก็เอ่ยชวนรุ่นน้องให้นั่งลงกันเสียก่อน“ขอบคุณค่ะ” ชะเอมเป็นคนแรกที่นั่งและไม่ลืมที่จะเอ่ยคำขอบคุณไปยังพวกรุ่นพี่ มายูโดนผลักดันให้นั่งลงข้างๆกับมิวนิค เธออยากจะลุกแต่ก็เห็นแกหน้าของเพื่อนและรุ่นพี่ทั้งสามจึงทำให้เธอยอมนั่งข้างเขาด้วยความสงบ“มึงรู้จักกับน้องคนนี้เหรอ?” เตโชที่นั่งอยู่ข้างๆมิวนิคก็ขยับเข้าไปใกล้เพื่อนพร้อมกับกระซิบถาม ดูยังไงไอ้เพื่อนตัวดีนี่ต้องรู้จักกับน้องเขาแน่ๆไม่งั้นจะพูดจากินเลือดกินเนื้อกันอย่างที่เห็นได้ยังไง“นี่แหละคนสวยที่พวกมึงอยากเห็นหนักหนาไง อยู่ตรงหน้าพวกมึงแล้ว เห็นชัดยัง” มิวนิคกระซิบกระซาบบอกกับพวกเพื่อนเขาว่าคนที่พวกมันต้องการเห็น ตอนนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกมันแล้วนี่ไง“สวย อย่างที่มึงบอกเอาไว้เลยว่ะ” อาร์มที่มองๆน้องมายูอยู่ก็เอ่ยชมความสวยของน้องเขา สวยจริงๆอะไรจริง ความผิวขาวอมชมพูใบหน้าได้รูป ใครได้เป็นแฟนนี่คงโชคดีสุดๆ“พวกน้องเรียนกันหนักมั้ยครับเนี่ยมีอะไรไม่เข้าใจถามพวกพี่ได้เลยนะ” เสือยิ้
“แอพอะไร” มายูแสร้งถามเขาอีกครั้งทำเป็นทำหน้างุนงงสงสัย“แอพสีแดง!” มิวนิคมองเธอด้วยใบหน้าที่ไม่ยิ้มตั้งตามองอย่างคนที่ใจจดใจจ่อรอคำตอบ“พึ่งเล่นพี่จะถามทำไม” เธอโดนสายตาเขาจับจ้องมองอยู่จึงทำให้เธอต้องยอมพูดมันออกมาเพื่อที่จะตัดปัญหาความรำคาญเธอเลยเลือกที่จะบอกให้มันจบๆไปก็แล้วกัน“ก็เปล่า..ก็แค่ถามดู” มิวนิคยักไหล่เล็กน้อยจากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเธอต่อ“งั้นขอตัวค่ะหลบหน่อยซิคะ” มือเรียวเริ่มผลักดันเขาเพราะพูดไปแล้วเขาก็ยังนิ่งไม่ยอมปล่อยให้เธอได้เดินออกไปและในระหว่างที่เธอกำลังผลักไสเขาอยู่แบบนั้น มิวนิคก็ถือโอกาสนี้ดันตัวเองแนบชิดร่างกายของเธอ เขาได้กลิ่นหอมออกมาจากตัวเธอจนทำให้เขาเผลอปากพูดชมเธอ“ตัวหอมจัง!!”“จิ๊ นี่พี่น่าเกลียด ถ้าจะขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้เดินเข้ามากอดเลยก็ได้นะคะ” มายูอ้าปากค้างตกใจไปกับสิ่งที่ได้ยิน มาใกล้คนอื่นเขาแบบนี้แล้วยังจะมาพูดคำพูดอะไรๆที่มันน่าเกลียดอีก ด้วยความหมั่นไส้จึงทำให้เธอพูดจาประชดประชันเขาออกไปเธอแค่เพียงพูดเล่นออกไปเท่านั้นและไม่คิดว่าเขาจะใจกล้าทำจริง“ได้เหรองั้นดีเลย” เขารีบโอบกอดเธอเอาไว้แน่น“ปะ..ปล่อยนะ นี่บอกให้ออกไปไง!” ดวงตากลมโตเบิกก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไปก่อนนะคะ” ทั้งหมดลุกขึ้นยืนขอตัวแล้วเดินออกไป“ไงมึงยังรู้สึกชอบน้องพราวอยู่ป่ะ ถามจริง” เสือมองไปยังมิวนิคที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อย่างสนุกสนาน“ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับไปยังเสือทันทีอย่างไม่ต้องคิดเพราะในตอนนี้เขาไม่ได้มีความรู้สึกชอบในตัวน้องพราวอีกแล้ว“ก็ดีแล้ว..เออแล้วแอพนั่นเป็นไงบ้างเจอสาวที่ถูกใจบ้างหรือยัง?” เสือพยักหน้ารับรู้และถามถึงเรื่องแอพแชทอีกครั้งไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนนี่มันจะหาสาวที่ถูกใจได้หรือยัง“ก็..ยัง” มิวนิคนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบไอ้เสือ เขานึกไปถึงเอ็มสองแต่จะไปถูกใจได้ยังไงในเมื่อหน้าตายังไม่เคยได้เห็นกันเลยด้วยซ้ำ“นั่นไง! น้องคนนั้นแอบมองมึงอยู่” เตโชที่นั่งฟังอยู่และแอบเห็นว่ามีสาวคนหนึ่งกำลังแอบมองมิวนิคอยู่ จึงได้ชี้ไปที่เธอและบอกให้มิวนิคได้รับรู้“หึ! ก็พอแก้ขัดได้” เขามองไปตามมือของเตโชก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังส่งยิ้มให้กับเขา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นทันทีทางด้านมายูที่เดินกลับไปยังคณะก่อนหน้าเพื่อนๆก็ได้เดินไปนั่งที่โต๊ะม้านั่งตัวเดิมที่พวกเธอชอบนั่งกันบ่อยๆ“เป็นไรแก..ดูทำหน้าเข้า” เสียงหวานใสขอ
“3เดือนได้แล้วมั้งเนี่ย” หญิงสาวพึมพำขึ้นเมื่อลองย้อนไปดูบทสนทนาแรกตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้วเหรอเนี่ย ไม่รอช้าเธอจึงพิมพ์ตอบข้อความกลับไปหาเอ็มหนึ่งMA : ถามทำไมคะ อยากมาหาเหรอไงMN : อืม ก็ถ้าใกล้ก็อยากนัดเจออยู่นะ ได้หรือเปล่าMA : เอ็มสองอยู่มหาลัย CH ค่ะMN : เฮ้ย จะบอกว่าที่เดียวกันครับ พี่เองก็เรียนที่นี่เหมือนกันMA : จริงเหรอคะเนี่ย? (โลกจะกลมอะไรขนาดนั้นนน)MN : ถ้าสะดวก วันหลังพวกเรามานัดเจอกันนะ แต่ไม่รู้เอ็มสองจะรับหน้าตาพี่ได้มั้ย?MA : ทำไมเหรอคะ? (ทำไมพี่เขาต้องพูดไปถึงเรื่องหน้าตาด้วยนะนี่พวกเรากำลังคุยกันแบบพี่น้องอยู่นะ พี่เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า)MN : พี่อาจไม่หล่อในสายตาของเอ็มสองก็ได้MA : พี่เอ็มหนึ่งคะ เอ็มสองไม่ได้แชทคุยกับพี่เอ็มหนึ่งแบบคนรักนะ พวกเราคุยกันแบบพี่น้อง แล้วจะต้องมากังวลเรื่องหน้าตาทำไมMN : ครับ พี่คงกังวลเกินไปMA : ถ้าได้เจอกันเดี๋ยวเอ็มสองเลี้ยงข้าวพี่เอ็มหนึ่งเองค่ะMN : งั้นพรุ่งนี้เอ็มสองว่างมั้ย? พี่อยากเจอเธอแล้ว“พรุ่งนี้เหรอ” ก็ได้อยู่มั้งพรุ่งนี้ก็จะว่างช่วงเย็น กินอิ่มและยังได้เจอพี่เอ็มหนึ่งด้วยMA : พรุ่งนี้มี
“จะรีบหนีกลับไปไหน ไหนใครบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็น?” มิวนิคยิ้มร้ายรีบทวงถามสัญญาของใครบางคนขึ้นมาทันที“ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว!” มายูพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเบือนหน้าหันหนีไปทางอื่น ใครจะไปนึกว่าพี่เอ็มหนึ่งของเธอก็คือ..อิตาบ้าโรคจิตมิวนิคคนนี้“แล้วอยากมีอารมณ์ทำอย่างอื่นมั้ย?” ชายหนุ่มจงใจใช้คำพูดยั่วโมโหอารมณ์ทำให้มายูโกรธ เขารู้สึกสนุกไปกับการที่ได้แกล้งเธอคนนี้ยัยเด็กแสบ“ทะลึ่ง!” เสียงหวานของมายูตะคอกเขากลับไป“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย เธอคิดไปเองทั้งนั้น หมกหมุ่นมากเลยสินะ” มิวนิคยิ้มร้ายพูดสวนกลับไปยังรุ่นน้องสาวคนสวย“ชะเอมกลับ!”“อยู่เลี้ยงข้าวกันก่อน จะผิดคำพูดกับพี่หรือไง” มิวนิคลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปคว้าแขนมายูเอาไว้“ก็ได้ๆ ปล่อยแขนได้แล้วค่ะ” มายูรีบสะบัดแขนพยายามแกะมือชายหนุ่มให้หลุดออก“นั่งลง..แล้วอย่าคิดหนีให้พี่จ่าย” มิวนิคปล่อยแขนมายูพร้อมกับออกคำสั่งให้เธอนั่งลง ส่วนเขาเดินกลับไปนั่งยังที่เดิม“กินข้าวกันเถอะ ฉันเองก็หิวแล้วเหมือนกัน กินเสร็จค่อยกลับนะ” เมื่อมายูนั่งลงแล้ว ชะเอมก็ได้ชักชวนเพื่อนให้กินข้าวกันก่อน กินเสร็จค่อยกลับก็ยังได้“อืม ก็ได้” พยักหน้ารัวๆ
“เฮ้อ~ ปากดีอีกแล้วนะเอ็มหนึ่ง” มายูเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากจะมองหน้าเขาอีกต่อไปแล้ววันนี้คงต้องขอพอแค่นี้ก่อน เหนื่อยเรียนแล้วยังต้องมาเหนื่อยใจกับคนแบบนี้อีก!!“หึ!” เขากลั้นขำให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเธอมายูรีบเดินฉับๆย่างเท้าออกมาจากร้านด้วยความเร็วแต่ก็ไม่วายที่เขาจะตามเธอมาทัน ความขายาวของเขาคงมีประโยคก็วันนี้แหละมั้ง“ให้พี่ไปส่งมั้ย” เขาเดินเข้ามาเคียงข้างรุ่นน้องสาว“อย่าดีกว่าค่ะกลับเองได้” ร่างบางรีบปฏิเสธทันควัน“แล้วจะเสียเงินค่าแท็กซี่อีกทำไมในเมื่อให้พี่ไปส่งก็ได้นี่”“เกรงใจค่ะแล้วพี่ไม่รีบกลับไปหาแฟนเหรอคะ แล้วนี่ถ้าแฟนของพี่รู้ว่าพี่แอบเล่นแอพหาคู่แบบนี้เข้าจะเป็นยังไงกันน้า”“หึ พี่โสด!!” เขาหัวเราะในลำคอเมื่อยัยเด็กคนนี้ทำทีเป็นพูดไปถึงเรื่องแฟนของเขา ซึ่งเขาน่ะมีแฟนสักที่ไหน ก็บอกแล้วไงว่าน้ำตาลน่ะไม่ใช่แฟน แต่เธอเป็นแค่คู่นอนและเขาเองก็ยังไม่เคยนอนกับเธอเลยแม้แต่เพียงสักครั้ง“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะค่ะ วันนั้นก็เห็นๆกันอยู่” มายูเชิดหน้าขึ้น ทำเป็นบอกว่าโสด คนอะไรทุเรศเหลือเกิน“เป็นภาพติดตาเลยหรือไง นี่ฟังนะ” ชายหนุ่มพยายามจะอธิบายให้เธออีกครั้ง เขาจับเข
“ขอกินนมรสสตอร์เบอรี่หน่อยสิ~” สายตาที่จ้องมองมาอย่างจาบจ้วงทำเอาใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวคงไม่ต้องบอกว่าเขาหมายถึงอะไรร่างบางส่ายหน้าพร้อมทั้งเขยิบถอยไปข้างหลังแต่แล้วเธอกลับโดนมือแกร่งรวบเข้าที่เอวเล็ก ออกแรงยกเธอให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักแกร่งของตัวเอง“อะ~ พี่มิวอย่าแกล้ง!! หยุดมองหน้าอกของมายูสักที เขินนะ!” มายูรีบส่งเสียงตะโกนบอกให้เขาเลิกจ้องหน้าอกของตัวเองสักที โดนมองนานๆแบบนี้เป็นใครบ้างที่จะไม่เขิน แล้วก็นะถึงจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปีเธอก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะชินได้เลย“อืม พี่ไม่มองก็ได้~” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามาหน้าอกของแฟนสาวในเมื่อไม่ให้มองถ้าแบบนั้นก็คงต้องทำอย่างอื่น เช่น ดูดๆเลียๆผสมๆกันไป“อะ พี่มิว อะ อื้อ~ อย่าเลีย! อื้อ อึก สะ เสียว อ๊า~” ในทันทีที่โดนลิ้นสากแตะลงบนยอดอก ร่างบางก็สะดุ้งขึ้นมาทันที ความเอาแต่ใจของพี่มิวนิคนี่เธอคงต้องขอยอมแพ้ พี่เขาเป็นพวกอยากได้หรืออยากทำอะไรเขาต้องได้ต้องทำเดี๋ยวนั้นเลยปลายลิ้นเลียวนรอบฐานอกสีหวานสายตาเจ้าเล่ห์แหงนหน้ามองแฟนสาว มือหนาทั้งสองจับเข้าที่สะโพกสวยออกแรงยกขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาค่อยๆกดจุดหวงแหนของคนต
ทันทีที่เข้ามาในห้องพัก ภาพตรงหน้าทำให้มายูเบิกตากว้างยิ้มเล็กๆเริ่มกลับกลายเป็นยิ้มกว้างขึ้นจนสุด เธอกวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าความฝันของตัวเองในวัยเด็กจะเป็นจริงขึ้นมาในวันนี้“หูย ในห้องวิวก็ยังสวย~” ร่างบางเดินเข้ามาในห้องพักเดินไปยืนหยุดอยู่ตรงจุดชมวิวที่มีอ่างอาบน้ำจากุชชี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่และไม่รอช้าหญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือนำขึ้นมากดถ่ายรูปบรรยากาศของที่นี่มิวนิคเดินเงียบๆเข้ามาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังแฟนสาวคนสวย มือแกร่งโอบกอดเอวบางของมายูเอาไว้ทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเพราะเธอมัวแต่ให้ความสนใจไปกับความถ่ายรูปวิวทิวทัศน์“อะ พี่~”“สวยมากๆเลยใช่มั้ย? ถูกใจเราเลยสิท่า วิวก็ดีแบบนี้เหมาะที่จะ..” เสียงทุ้มแหบพร่าพูดขึ้นริมข้างหูแต่ชายหนุ่มสุดเจ้าเล่ห์ไม่เพียงแค่พูดเพียงอย่างเดียวแต่เขายังพูดไปพลางก็เป่าลมใส่หูของเธอไปด้วยนี่น่ะสิ“จะอะไรเหรอคะ..นี่ยังกลางวันอยู่เลยนะพี่มิว” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นสิ่งที่เขาพูดออกมา เธอเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าแฟนหนุ่มสุดหล่อนั้นหมายถึงอะไร แต่นี่มันยังตอนกลางวันอยู่เลยนะ“ก็ไม่มีใครเห็นสักหน่อย ได้มั้ยครับ” เสียงอ้อนดังขึ
2ปีต่อมาวันรับปริญญาของมายูและผองเพื่อนชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาเดินยิ้มถือช่อดอกไม้เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาหาหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เขายื่นช่อดอกไม้นั้นให้กับเธอพร้อมกับหอมแก้มขาวเนียนที่ตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง“ดอกไม้สำหรับแฟนสาวคนสวยของพี่ครับ”“ขอบคุณนะคะ พี่มิวน่ารักที่สุดเลย รู้ใจไปหมดทุกอย่างว่ามายูชอบดอกไม้ดอกนี้” มายูรับช่อดอกไม้จากมือแฟนหนุ่มด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้างอย่างสดใส วันนี้เป็นที่ดีของเธอเป็นวันที่เธอได้รับปริญญา หลังจากที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมาตลอดทั้ง 4 ปี“เมียทั้งคนจะไม่รู้ได้ไง จริงมั้ย?” มิวนิคฉีกยิ้มหวานจนบรรดาผู้หญิงสาวรอบข้างต่างพากันยืนอิจฉามายูกันทั้งนั้นที่ได้แฟนหล่อๆแบบนี้ ร่างบางแนบชิดเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดพอประมาณ เธอต้องการให้พวกผู้หญิงที่อยู่รอบๆกายเธอได้ยินไปกับประโยคที่เธอพูดออกมา“ยังไม่ได้แต่งยังไม่ต้องเรียกเมียก็ได้นะคะ” ร่างบางฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเอนศีรษะอิงซบไหล่กว้างของมิวนิค เหลือบสายตามองไปทางกลุ่มหญิงสาวที่กำลังมองตาหวานเยิ้มมองจ้องแฟนหนุ่มของเธออยู่ เหล่าผู้หญิงพวกนั้นพอได้ยินสิ่งที่มายูได้พูดออกมาก็รีบหันหน้าหนีเลือกที่จะเ
“อะ พี่มิว..” มายูสะดุ้งเฮือกหันมองไปทางด้านหลัง มือหนาโอบกอดร่างกายของเธอไว้แน่นพลางเอ่ยถามไปยังคู่หมั้นสาวที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ถึงขนาดที่ว่าเขาเดินเข้ามาเธอยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอพี่เดินเข้ามาถึงได้ไม่รู้ตัว” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นข้างใบหูอยากรู้นักว่าเธอกำลังใจลอยคิดอะไรอยู่ มายูพลิกหมุนร่างกายหันหน้ามาเผชิญหน้าแฟนหนุ่มพลางส่งยิ้มหวานละมุน“มายูกำลังคิดว่าวันนี้มายูมีความสุขมาก คิดไปถึงเรื่องที่พวกเราเล่นแอพหาคู่แล้วเจอกันค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าแอพนั่นจะทำให้พวกเราได้คุยกัน โลกกลมจริงๆ” เธอพูดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายชัดขึ้นบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด“พี่รู้สึกชอบเราตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันเลย แต่เราดูเหมือนไม่ชอบขี้หน้าพี่แถมครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกัน พี่ยังอยู่ในสภาพนั้นแล้วอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยอีก ถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้พี่จะไม่ทำตัวเจ้าชู้เป็นเสือผู้หญิงแบบที่แล้วมา ขอโทษสำหรับเรื่องที่มันได้ผ่านไปแล้วด้วยนะ”“พี่มิวไม่ต้องขอโทษแล้วนะคะ เรื่องพวกนั้นมันได้ผ่านไปแล้ว ยังไงตอนนี้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” มายูส่ายหน้าไปมาเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ขอใ
“ยินดีด้วยนะจ้ะน้องมายู ยินดีตอนรับสู่ครอบครัวของเราน้า” มาร์กี้ที่เดินเข้ามาจากทางด้านหลังก็ส่งเสียงทักทายมายังเจ้าของงานในวันนี้ มายูและมิวนิครีบหันหลังจากไปมองและก็เป็นมายูที่เดินเข้าไปโอบกอดร่างบางของพี่สาวคนโตของพี่มิวนิค“ขอบคุณค่ะพี่สาว หนูก็ดีใจที่จะมีพี่สาวเพิ่มอีกคน”และเมื่อทั้งคู่กอดกันเสร็จแล้ว มายูก็ผละตัวออกเธอเห็นกลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเองยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของงานไม่รอช้าเธอจึงขออนุญาตเพื่อที่จะเข้าไปพวกเขา“งั้นมายูขอตัวเดินเข้าไปหาเพื่อนก่อนนะคะ พี่มิวเดี๋ยวมายูมานะคะ” ร่างบางไม่ลืมที่จะหันหน้าไปมองคู่หมั้นหนุ่มก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้น มายูเดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนสาวที่ต่างก็กำลังยืนอยู่กับแฟนหนุ่มของตัวเองยกเว้นก็แต่ชะเอม..ที่ยังไม่พามาเปิดตัวสักที“ไงจ้ะคนสวยเหนื่อยมั้ยเนี่ย” พราวพูดขึ้นทันทีที่เห็นมายูเดินเข้ามาใกล้“นิดหน่อยแต่มีความสุขมาก” มายูยิ้มกว้างตอบกลับเพื่อนกลับไปถึงวันนี้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน เธอคิดว่าความสุขที่ได้รับในวันนี้คงมากกว่าความเหนื่อยอย่างแน่นอน“พี่ยินดีด้วยนะ” ธาวินแฟนหนุ่มของพราวพูดขึ้นหลังจากที่แฟนสาวของตัวเองได้พูดแสดงความยิน
“วันนี้มายูของเราสวยมาก รักแกที่สุด~” พราวพูดขึ้นทันทีหลังจากที่เดินเข้ามาภายในห้องที่ใช้สำหรับแต่งตัว เธอมองไปยังชุดที่มายูได้สวมใส่ ชุดเดรสยาวสีชมพูสวยหวานบวกกับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสันสดใส ผมที่ถูกรวบขึ้นวันนี้เพื่อนสนิทของเธอสวยหวานสะดุดตาเป็นอย่างมากถึงมากที่สุดวันนี้มันคือวันของเธอและถ้าพี่มิวนิคได้เห็นเธอในลุคนี้มีหวังคลั่งรักหนักไปกว่าเดิมอย่างแน่นอน!!!“มายูของพวกเราสวยมากเลย~” อลิสยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปโอบกอดร่างบอบบางที่ลุกขึ้นยืนเตรียมอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากเธออยู่ ทั้งสองกอดกันแน่นโดยที่มีพราวเดินเข้าไปสวมกอดด้วยอีกหนึ่งคนชะเอมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจที่มายูได้หมั้นมีคนที่ดูแลเธอได้อย่างใกล้ชิด“นี่พวกฉันไม่ได้อวยแกเลยนะ แต่วันนี้แกสวยมากจริงๆ พี่มิวนิคไปไหนไม่รอดแน่” ชะเอมพูดขึ้นหลังจากที่ยืนมองทั้งสามสาวกอดกันจนแยกออกจากกันเป็นที่เรียบร้อย มายูยิ้มรับคำพูดของชะเอมด้วยความเขินอายไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่มิวนิคต้องเป็นอย่างที่ชะเอมพูดอย่างแน่นอนเพราะขนาดยังไม่ได้จัดพิธีหมั้นเขาก็ทำตัวติดเธอแจไม่ยอมให้ห่างไปไหนยกเว้นก็แค่ตอนไปเรียนท
“ใช่ค่ะแม่ พี่มารินกับมายูไปเดินเล่นกับพี่มิวนิคมาค่ะแล้วนี่พ่อกับแม่ได้อะไรมาบ้างคะเนี่ย” มายูยิ้มกว้างปรับเปลี่ยนอารมณ์ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าเริงสดใสแต่ภายในใจลึกๆก็แอบรู้สึกผิดไปกับสิ่งที่พูดโกหกพ่อและแม่ออกไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน เธอรีบอาศัยจังหวะนี้ชวนแม่เปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่นในทันที“ได้เยอะเลย มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก แม่ซื้อเนื้อหมูมาทำบาร์บีคิวด้วยนะ” แม่ยิ้มและชูถุงอาหารทะเลขึ้นให้ลูกสาวได้เห็นเต็มๆตาถึงความตัวใหญ่และเนื้อเยอะของกุ้งและอาหารทะเลที่เธอซื้อมา ทำเอาสองสาวตาลุกวาวด้วยความอยากกิน“ว้าว~ พูดขึ้นมาแล้วหิวเลยครับว่าแต่มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับคุณแม่” มิวนิครีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหาคุณแม่ของเธอทั้งสอง เขาอาสาทำด้วยความเต็มใจแต่ก็แอบหวังลึกๆที่อยากจะเป็นลูกเขยคนโปรดของพ่อแม่เธอ“งั้นมิวนิคเตรียมก่อไฟย่างบาร์บีคิวให้แม่แล้วกันนะส่วนสาวๆมาช่วยแม่ล้างกุ้ง ปลาหมึกพวกนี้กันดีกว่า” ผู้เป็นแม่หันไปพูดกับลูกสาวทั้งสองก่อนที่จะเดินนำเข้าไปในห้องครัว มายูกับมารินรีบเดินตามแม่ของเธอเข้าไปในครัว1 ชั่วโมงต่อมาพ่อแม่รวมไปถึงมายู มาริน นั่งกันอยู่ที่ยังโต๊ะม้านั่งหน้าบ้านในตอนน
แอ๊ด~เสียงประตูห้องพักของแมทธิวเปิดออกกว้างและก็เป็นพี่แมทธิวที่เดินนำออกมาก่อนตามหลังด้วยพี่มาริน ทั้งคู่หยุดชะงักเมื่อออกมาจากห้องแล้วเจอเข้ากับพวกเราทั้งสอง พี่แมทธิวพูดขึ้นหลังจากที่เขาเห็นสายตาของพวกเราทั้งคู่ที่มองไปยังเขาสลับกับพี่มาริน“พ่อกับแม่ของน้องมายูพากันออกไปซื้ออาหารทะเลมาปิ้งกินกันที่บ้านน่ะ” แมทธิวพูดขึ้นในสิ่งที่คุณแม่ของพวกเธอได้ฝากบอกกับเขาเอาไว้ก่อนที่พ่อและแม่จะพากันออกไปยังด้านนอก“อ๋อค่ะ” มายูพยักหน้าอย่างเข้าใจที่แท้ที่แม่ของเธอมาเรียกก็เพราะแค่จะบอกกับพวกเธอว่าท่านจะออกไปซื้อของมาทำกินกันก็เท่านั้น มือเล็กยกมือขึ้นเกาหัวแกรกแอบเขินอายตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไม่ยอมออกมาคุยกับแม่แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผู้ชายข้างกายคนนี้ด้วยใบหน้าสวยหันขวับจ้องมองหน้าพี่มิวนิคด้วยสายตาคาดโทษอีกครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะเขาเลยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกผิด ใบหน้าของมายูแดงขึ้นเมื่อเจอเข้ากับสายตาของพี่แมทธิวที่มองมาที่เธอสลับกับพี่มิวนิคไม่รู้ว่าเมื่อครู่เธอส่งเสียงดังเกินไปหรือเปล่า น่าอายชะมัดเป็นเพราะพี่มิวนิคคนเดียวเลย“พี่ขอตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” มารินที่ยืนอยู่ทางด้านหลังข
“พี่ทำโทษเราเสร็จแล้วครับ” มิวนิคยิ้มกว้างด้วยความอารมณ์ดี เขาเขยิบตัวเข้าไปจูบซับเม็ดเหงื่อบนใบหน้าแฟนสาวคนสวย เขารู้สึกรักและหวงแหนเธอมากมายเหลือเกินไม่ว่ามองมุมไหนก็หวงจนไม่อยากให้ไอ้ผู้ชายหน้าไหนได้มองเธอ“คนบ้าลุกออกไปเลยนะ!!” เสียงเล็กพึมพำขึ้นพร้อมออกแรงยกมือขึ้นมาทุบตีอกแกร่งของแฟนหนุ่มตัวร้ายที่นานวันจะยิ่งได้ใจทำตัวร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ“ไปอาบน้ำใช่มั้ย เดี๋ยวพี่อาบน้ำให้นะครับ” มิวนิคยิ้มร้ายหยัดกายลุกขึ้นแล้วโอบอุ้มร่างบางขึ้นไว้ในท่าเจ้าสาวพาเธอลงจากเตียงนอนจุดมุ่งหมายก็คือห้องน้ำ มายูเริ่มดีดดิ้นคิดดีไม่ได้เลยกับการที่พี่เขาอาสาพาเธอเข้าไปอาบน้ำให้แบบนี้“ไม่เอาค่ะ นี่ปล่อยมายูลงไปนะ กรี๊ด~”มิวนิคพาแฟนสาวเข้ามาในห้องน้ำวางเธอไว้ใต้ฝักบัวโดยที่มีเขายืนอยู่ทางด้านหลัง มือหนาลูบไล้ไปตามผิวขาวๆโน้มใบหน้าสูดดมความหอมของผิวกายเธอ ทำร่างบางสะดุ้งมวนท้องน้อยอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอรีบดันร่างแกร่งให้ห่างออกแต่มีหรือที่ผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างมิวนิคจะยอมปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดลอยหายไป“อีกรอบนะ!”“มะ ไม่ อื้อ~”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ปฏิเสธมือหนาของมิวนิคได้จับปลายคางของเธอให้หันหน้าเข