เริ่มจากเจอกับไอ้บ้านนอกที่นอกร้านกาแฟและเกือบจะชนรถหรูของเธอ ตอนนี้ยังมีนังแพศยาคนนี้เอากาแฟมาราดใส่เธออีก!“ฉัน...ฉันไม่มีเงิน…”ใบหน้าที่สวยงามของพนักงานเสิร์ฟเปลี่ยนเป็นซีดขาว เธอดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย“เธอไม่มีเงิน นั่นเป็นปัญหาของเธอ!”“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะใช้วิธีการไหน ชดเชยค่าเสียหายของฉันในวันนี้มาทั้งหมดซะ แม้แต่สตางค์เดียวก็ขาดไปไม่ได้!”หญิงสาวผู้หยิ่งผยองกล่าวด้วยสีหน้าเอาแต่ใจ“แต่ว่า...เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้นี้เป็นคุณที่ขยับมาชนกาแฟจนหกเอง คุณจะมาโทษฉันคนเดียวทั้งหมดไม่ได้…”พนักงานเสิร์ฟกังวลมากจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว“ยังกล้ามาเล่นลิ้นอีก?”“แกรนหาที่ตายจริง ๆ!”หญิงสาวผู้หยิ่งผยองโกรธจัดและตบหน้าเธออีกครั้งไม่ไกลจากด้านหน้า ฉินหมิงกำลังมองเหตุการณ์นั้นอย่างงุนงง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองอะไร ร่างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ขยับ หานซีลุกขึ้นและก้าวพรวดขึ้นไปเนื่องจากฉินหมิงนั่งหันหลังให้กับพวกเธอตลอด เขาจึงไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้ จึงไม่รู้ว่าเป็นความผิดของใครกันแน่อย่างไรก็ตาม หานซีที่นั่งหันหน้าไปยังทิศทางของหญิงสาวทั้งสองนั้นมองเห็นเหตุการณ
นับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับฉินหมิง ทั้งสองก็ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามาก เธอรู้ว่าฉินหมิงมีวิชากังฟูที่ดีเลิศ เขาเป็นคนประเภทที่แข็งแกร่งที่เธอชอบที่สุดเมื่อมีฉินหมิงมายืนอยู่ข้าง ๆ เธอ เธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้“ไอ้หนู แกเป็นใคร?”“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”คังเหวยจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยความตกใจปนโกรธ จากนั้นเขาก็ดึงแขนของตัวเองกลับจากการจับของฉินหมิงอย่างแรงอย่างไรก็ตาม ฝ่ามือของฉินหมิงนั้นแข็งแกร่งมาก ราวกับว่าจะบดขยี้แขนของเขาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของฉินหมิงได้เลย!“ไอ้บ้านนอก เป็นแกนี่เอง!”หญิงสาวผู้หยิ่งผยองลุกขึ้นจากพื้นด้วยความลำบาก เธอจำฉินหมิงได้ในทันที“เถาเหมย เธอรู้จักไอ้หนูนี่ด้วยหรอ เขาเป็นใคร?”คังเหวยรู้สึกประหลาดใจมาก เขามองไปที่ฉินหมิงแล้วมองไปที่หญิงสาวผู้หยิ่งผยองคนนั้น สีหน้าดูไม่ค่อยมั่นใจ“ไม่รู้จัก!”“ก็แค่ไอ้บ้านนอกที่ขับรถมอเตอร์ไซค์พัง ๆ คันหนึ่ง เมื่อกี้นี้ตอนที่อยู่นอกร้านกาแฟเขาเกือบจะชนฉันแล้ว...”เถาเหมยพูดอย่างดูถูก“ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง!”คังเหวยเยาะเย้ยในสังคมยุคใหม่นี้ รถยนต์ห
“เสื้อผ้าของฉันเปื้อนขนาดนี้ ยังมีอะไรต้องพูดกันอีก!”เถาเหมยพูดพร้อมกับเยาะเย้ย“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป!”“ลองไปเปิดกล้องวงจรปิดดูสิ แล้วจะรู้เองว่าใครที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้!”ฉินหมิงชี้ไปที่กล้องวงจรปิดด้านบน เขาไม่พอใจกับการลงโทษที่ไม่ยุติธรรมของเถ้าแก่เกามาก เถาเหม่ยลมหายใจสะดุด สีหน้าของเธอดูไม่น่ามองเล็กน้อยเมื่อเถ้าแก่เกาเห็นสิ่งนี้ เขาก็เดาได้ไม่ยากว่าจะต้องเป็นเถาเหมยที่หมุนตัวกลับมาแล้วเผอิญชนเข้ากับหลิวเสวี่ยแน่ ๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาจำได้ว่าตัวตนและภูมิหลังของคังเหวยและเถาเหมยนั้นไม่ใช่อะไรที่คนตัวเล็ก ๆ อย่างเขาจะทำให้ขุ่นเคืองใจได้ เขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว!“กล้องวงจรปิดเสีย ดูภาพไม่ได้หรอก!”เถ้าแก่เกาโบกมือแล้วพูดอย่างไม่อดทน“งั้นเหรอ เสียได้เหมาะเจาะพอดีจริง ๆ นะ!”หานซีโกรธจัดจนหลุดหัวเราะออกมา“ไม่ต้องพูดมากอีกแล้ว!”“รปภ. อยู่ที่ไหน จับตัวทั้งสามคนไว้!”“ทั้งสามคนเป็นพวกเดียวกัน แถมนังผู้หญิงสารเลวคนนี้เมื่อกี้นี้ยังตบหน้าฉันด้วย พวกคุณรีบสั่งสอนบทเรียนให้ทั้งสามคนแทนฉันซะ ตีจนกว่าฉันจะพอใจ!”เถาเหมยสั่งด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเถ้าแก่เกาลังเล
“ไอ้หนู แกรู้หรือเปล่าว่านายน้อยคังคือใคร? เขาคือคุณชายใหญ่ของบริษัทคังกรุ๊ป!”“แกที่เป็นแค่ไอ้ขยะ ถึงกับกล้ามาต่อกรกับนายน้อยคัง ช่างรนหาที่ตายโดยแท้!”เถ้าแก่เกาตอบสนองรวดเร็วมาก เขามองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาดูถูกโอ้!ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ก็เกิดความโกลาหลในหมู่ลูกค้าโดยรอบ“ที่แท้นายน้อยคังคนนี้ก็คือคุณชายใหญ่ของบริษัทคังกรุ๊ป!”“บริษัทคังกรุ๊ปเป็นขุมอำนาจชั้นนำในบรรดาตระกูลอันดับสองของเมืองเจียงเฉิงของเรา ทรัพย์สินโดยรวมของพวกเขามีมากถึงหมื่นล้าน ทั้งรวยและก็มีอำนาจ นี่ไม่ใช่ตัวตนที่คนธรรมดา ๆ จะสามารถยั่วยุได้!”“นั่นสิ เจ้าเด็กนั่นทำให้ใครขุ่นเคืองใจไม่ทำ ดันไปยั่วยุคุณชายใหญ่คัง คราวนี้เขาต้องตายแน่ ๆ…”……ทุกคนสูดลมหายใจเข้าและกระซิบกระซาบ หลายคนอดไม่ได้ที่จะมองฉินหมิงด้วยความเห็นอกเห็นใจและสงสารหลายคนแอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้บังคับตัวเองให้ออกหน้าช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นถ้าไปทำให้คังเหวยขุ่นเคืองใจ พวกเขาคงได้จบไม่สวยอย่างแน่นอน!“บริษัทคังกรุ๊ป?”ฉินหมิงชะงัก เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่าชื่อนี้คุ้นหู จากนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ จดจำได้อย่างรวดเร็วหลี่เจียฮุ่ยและหยางจ
พูดจบ คังเหวยก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาใครสักคน“แย่ล่ะ…”เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของหานซีก็เปลี่ยนไปบริษัทคังกรุ๊ปเป็นที่รู้จักกันดีในโลกธุรกิจ เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทคังกรุ๊ปมาก่อนจึงรู้ว่าบริษัทนี้ไม่ใช่อะไรที่จะไปล้อเล่นด้วยได้ถึงแม้ตระกูลหานของพวกเธอจะถือได้ว่าเป็นตระกูลนักวิชาการ และทรัพย์สินของตระกูลก็มีมากถึงหลายร้อยล้าน แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าของบริษัทคังกรุ๊ปที่สูงถึงหมื่นล้านแล้ว ตระกูลหานยังตามหลังอยู่มากโข!สำหรับฉินหมิง เธอรู้ว่าฉินหมิงรู้กังฟูอยู่บ้าง แต่เธอก็รู้ด้วยเช่นกันว่าฉินหมิงเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้ภูมิหลังและไม่มีอำนาจอะไรทั้งเธอและฉินหมิงล้วนไม่สามารถเผชิญหน้ากับขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทคังกรุ๊ปตรง ๆ ได้!“ฉินหมิง พวกเราไปกันเถอะ!”หานซีดึงแขนของฉินหมิงอย่างรวดเร็ว โดยหวังว่าจะออกไปก่อนที่คนของคังเหวยจะมาถึง แบบนี้เธอและฉินหมิงอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงการแก้แค้นของอีกฝ่ายได้“จะไปทำไม?”ฉินหมิงแปลกใจช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ส่งพระก็ต้องส่งไปให้ถึงแดนสุขาวดีตอนนี้เรื่องของพนักงานเสิร์ฟหลิวเสวี่ยยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ เขาไม่
“ฉิน...ฉินหมิง!”หัวหน้าเฝิงเงยหน้าขึ้นและมองตามนิ้วที่คังเหวยชี้ไป จากนั้นเขาก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ประธานคังและฉินหมิงเกิดความขัดแย้งกันนั้น เขาเองก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในสองบอดี้การ์ดที่ประธานคังพาไปด้วยในวันนั้นตอนนั้นเขาได้ลงมือและต่อสู้กับฉินหมิง ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับมานะสร้างของเขา เขาถูกฉินหมิงซัดกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายด้วยกระบวนท่าเดียวแต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดต่อมาคนตระกูลโอวได้ส่งยอดฝีมือขั้นกลางระดับปรมาจารย์คนหนึ่งออกไป แต่ผลลัพธ์ก็คือเขารับแม้แต่กระบวนท่าเดียวของฉินหมิงยังไม่ได้ด้วยซ้ำ สุดท้ายคุณชายรองโอวคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตาจากอีกฝ่าย แถมยังหักแขนของตัวเองข้างหนึ่ง ถึงโชคดีพอเก็บชีวิตน้อย ๆ กลับไปได้เขาเห็นทั้งหมดทั้งมวลนี้ด้วยตาของตัวเอง จึงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าฉินหมิงนั้นทรงพลังและน่ากลัวเพียงใด!ตอนนี้คังเหวยยั่วยุใครไม่ยั่วยุ ดันไปยั่วยุฉินหมิงบุคคลยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความหวาดกลัวในใจของเขาได้!“หัวหน้าเฝิง มัวยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก?”“พวกคุณลงมื
“เหวยเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้พ่อเคยพบกับฉินหมิงมาครั้งหนึ่ง เขาไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม แกรีบคุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ!”“ตราบเท่าที่การแสดงออกของแกจริงใจมากพอ บุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างเขาก็จะไม่ถือสาหาความกับแก…”ประธานคังแสร้งทำเป็นสงบ แต่ในใจเขานั้นยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย“ได้ครับ”หลังจากที่คังเหวยวางสายโทรศัพท์แล้ว ขาของเขาก็สั่น เขาไม่หลงเหลือความจองหองและเย่อหยิ่งเช่นเมื่อสักครู่นี้อีกต่อไปเมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนรอบตัวก็สับสน“แปลกจริง ทำไมคุณชายใหญ่คังถึงไม่สั่งให้คนลงมือสักที?”“ใครจะรู้ คงไม่ใช่ว่าเขากำลังโทรหาคนสำคัญในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากที่จะทำให้เด็กคนนั้นพิการโดยสมบูรณ์ก็เป็นได้!”“อืม ก็เป็นไปได้!”…….ทุกคนดูประหลาดใจและสงสัย พวกเขาทั้งหมดคาดเดาว่าคังเหวยอาจโทรหาตำรวจหรือหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นหลังจากเล่นงานฉินหมิงจนพิการโดยถาวรคังเหวยไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างที่ใคร ๆ คิด ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาเดินเข้าไปหาฉินหมิงทีละก้าว ๆจากนั้นท่ามกลางสายตาที่ตกใจและไม่เชื่อของทุกคน เขาก็งอขาและคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหมิงดังปึก“
“คุณฉิน เมื่อสักครู่นี้เป็นผมที่มีตาแต่หามีแววไม่ ทำให้คุณขุ่นเคืองใจแล้ว…”“ขอคุณได้โปรดเมตตา ยกโทษให้ผมด้วย”คังเหวยรีบโขกศีรษะและร้องขอความเมตตา“ทำไม เมื่อสักครู่นี้คุณเพิ่งจะพูดปาว ๆ ว่าจะจัดการผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”“ตอนนี้ไม่คิดจะใช้กำลังจัดการกับผมแล้ว?”ฉินหมิงเลิกคิ้ว ในใจครุ่นคิดและคาดเดาอย่างคลุมเครือว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะรู้ตัวตนของเขาแล้ว ท่าทีของอีกฝ่ายถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างกะทันหันเช่นนี้“ไม่กล้า ผมไม่กล้าครับ...”“เมื่อสักครู่นี้ผมแค่พูดพล่าม ผมสมควรตาย นายท่านได้โปรดเมตตาด้วย…”เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของคังเหวย เขากัดฟันและตบตัวเองซ้ำ ๆ หลายครั้งพร้อมกับพูดขอโทษอย่างจริงใจเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ยืนมุงดูก็พากันแตกตื่น!“นี่…ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?”“คุณชายใหญ่คังถึงกับยอมคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตาจากเขา กระทั่งตบหน้าตัวเองด้วย!”“หรือว่าเขาจะเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองเจียงเฉิงของเราที่มีอำนาจมากกว่าตระกูลคัง?”“อืม น่าจะใช่ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเราประเมินเขาต่ำเกินไปแล้ว!”......ทุกคนมองไปที่ฉินหมิงด้วยความตกตะลึงพรึงเพร