นับตั้งแต่ที่เธอเห็นความสามารถของฉินหมิง และฉินหมิงได้ช่วยหลี่เจียฮุ่ยจากเหตุการณ์ลักพาตัวเมื่อครั้งที่แล้ว เธอก็มองฉินหมิงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเขยของเธอไปแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตาเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกสาวของเธอและฉินหมิงจะได้อยู่ด้วยกันเพียงแต่ว่าฉินหมิงดูเหมือนจะหายไปในช่วงนี้และไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย เธอจึงนึกกังวล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“แม่คะ อย่าพูดเหลวไหลแบบนั้นสิ หนูจะไปออกเดทกับฉินหมิงได้ยังไง…”ใบหน้าที่สวยงามของหลี่เจียฮุ่ยขึ้นสีแดงก่ำ เธอพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย“เจียฮุ่ย อย่าหาว่าแม่จู้จี้เลยนะ ผู้ชายที่ดีแบบฉินหมิงนั้นสมัยนี้หาได้ยากมากแล้ว ดังนั้นลูกต้องรีบคว้าโอกาสไว้!”“ไม่อย่างนั้น ถ้าลูกพลาดหมู่บ้านนี้ไป จะไปหาร้านข้างหน้าก็คงไม่มีอีกแล้ว!”เจียงหลานสอนด้วยใบหน้าที่จริงจังมาก“หนูรู้ค่ะ หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด...”หลี่เจียฮุ่ยเห็นด้วยอย่างอ่อนแรง“อะไรนะ?”“ลูกตอบตกลงแล้ว…?”เจียงหลานผงะ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเธอเคยบอกลูกสาวของเธอให้รีบจับฉินหมิงไว้ แต่หลี่เจียฮุ่ยในตอนนั้นยังไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อฉินหมิง ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเรื่องนี้ซ้ำ
เดิมทีหลี่เจียฮุ่ยก็เป็นผู้หญิงที่สวยอย่างหาตัวจับยากอยู่แล้ว เธอมีรูปลักษณ์ที่ดูดีมาก ประกอบกับวันนี้แต่งหน้าบาง ๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของเธอยิ่งดูสง่างามและประณีตมากขึ้นไปอีกเธอสวมชุดเดรสสั้นระบาย ขับเน้นให้เห็นถึงหุ่นที่โค้งเว้าและได้รูป ขาเรียวยาวทั้งสองข้างภายใต้ชุดกระโปรงที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องโปร่ง เมื่อมันยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก็ยิ่งขับให้บรรยากาศรอบตัวเธออ่อนโยนและเงียบสงบ เป็นความงามที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกหวั่นไหวในแง่ของความสวยงาม แม้ว่าหลี่เจียฮุ่ยจะไม่น่าทึ่งเท่ากับหลินหว่านชิงและซูซินเหยา แต่ก็แตกต่างกันไม่มากนัก ทว่าบรรยากาศรอบตัวเธอไม่ได้ดูสูงศักดิ์และเปล่งประกายเท่ากับหลินหว่านชิงแค่นั้นอย่างไรก็ตาม เธอเป็นหญิงสาวประเภทที่อ่อนโยนและสง่างาม ยิ่งมองเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสวยขึ้น เป็นสาวงามที่มีความงามเป็นรองเพียงสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง!“เจียฮุ่ย วันนี้คุณสวยมาก!”ฉินหมิงเอ่ยชมเธออย่างจริงใจ"ขอบคุณ..."“นายรีบเข้ามาก่อนสิ”หลี่เจียฮุ่ยหน้าแดงก่ำ เธอเชิญฉินหมิงให้เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว“ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวฉินที่มา มานั่งนี่ก่อนสิ!”เมื่อ
เมื่อประตูรถเปิดออก หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี มีรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งก็เดินลงมาจากรถหญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่สวยงามมาก องคาพยพทั้งห้าของเธอช่างได้รูป และเธอก็มีไฝอยู่ที่มุมปากเม็ดหนึ่งเสื้อผ้าบนร่างของเธอยังดูดีและทันสมัย ทุกอิริยาบถของเธอช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ทว่าก็ยังไม่สูญเสียไปซึ่งความเฉียบแหลมและมีความสามารถ เพียงแค่มองก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่แกร่งเมื่ออยู่ในที่ทำงาน“ประธานหยาง!”เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลี่เจียฮุ่ยโบกมือ เป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อนบริษัทที่หลี่เจียฮุ่ยทำงานอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่าบริษัทคังกรุ๊ป เป็นบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ดังบริษัทหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงเธอเป็นผู้จัดการแผนกของฝ่ายขายของบริษัท ส่วนสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้คือเจ้านายคนปัจจุบันของเธอ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทชื่อว่าหยางจิงนอกจากนี้ การที่หลี่เจียฮุ่ยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายได้นั้น ล้วนมาจากการสนับสนุนของหยางจิงที่คอยเลื่อนตำแหน่งให้เธอทีละขั้น ๆ หยางจิงชื่นชมในความสามารถด้านการทำงานของเธอมาก จึงปฏิบัติต่อเธออย่างดีและเมตตามาต่อเธอมาโ
“ฉันว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนะ”หลี่เจียฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก“ไม่เป็นไร เมื่อลูกค้ามาทีหลัง ตราบเท่าที่เขาไม่พูดจาไร้สาระก็พอแล้ว”หยางจิงพูดอย่างไม่ยี่หระในความเป็นจริง เธอมีเหตุผลอื่นที่ยอมให้ฉินหมิงตามเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยจากที่เธอรู้มา ลูกค้าของบริษัทในครั้งนี้เป็นคนที่ค่อนข้างตึงมือพอสมควร เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเรื่องการลวนลามผู้หญิงถ้ามีฉินหมิงที่เป็นผู้ชายมากับเธอและหลี่เจียฮุ่ยด้วย บางทีอาจจะพอยับยั้งพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้“ได้ค่ะ ประธานหยาง ขอบคุณมากนะคะ”หลี่เจียฮุ่ยมีความสุขมาก เธอเองก็ไม่อยากปล่อยให้ฉินหมิงรอเธออยู่ข้างนอกตามลำพังเหมือนกัน หยางจิงทำในสิ่งที่เธอต้องการพอดีหลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในโรงแรมด้วยกันมาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูฉินหมิง หลี่เจียฮุ่ย และหยางจิงก็นั่งลงเพื่อรอลูกค้าที่กำลังจะมาถึงประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เวลาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ได้ผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาเลย“เอ๋ ทำไมลูกค้าถึงยังไม่มาอีกล่ะ”หยางจิงก้มมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือ เธอร้อนใจมาก จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาลูกค้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถ
“ส่วนกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ป ควบคุมช่องทางการขายในตลาดเพียง 20% เท่านั้น ความสามารถของพวกเขายังตามหลังโจวกรุ๊ปอยู่มาก”“ในเมื่อกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปก้าวร้าวมากขนาดนี้ ทำไมบริษัทคังกรุ๊ปของพวกคุณไม่ลองหารือเรื่องความร่วมมือกับโจวกรุ๊ปแทนล่ะ”ฉินหมิงถามอย่างสับสน“นี่…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”หลี่เจียฮุ่ยส่ายหัวการเลือกบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่จะร่วมมือด้วย เป็นการตัดสินใจของคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เธอเป็นเพียงผู้จัดการแผนกตัวเล็ก ๆ ในฝ่ายขายของบริษัท ยังไปไม่ถึงระดับผู้อาวุโส เธอย่อมไม่รู้ข้อมูลภายในมากนัก“ฉันจะบอกคุณแทนเอง!”“แบรนด์เสื้อผ้าที่ผลิตและดำเนินการโดยบริษัทของเรานั้นเป็นแบรนด์ระดับกลางถึงระดับสูง ในขณะที่โจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา”“ฉันเคยเป็นตัวแทนของบริษัทไปหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบุคคลที่รับผิดชอบซึ่งเป็นตัวแทนของโจวกรุ๊ปมาก่อนแล้ว พวกเขาไม่เห็นสินค้าเราอยู่ในสายตาเลย จากนั้นก็ปฏิเสธคำขอของฉันโดยตรง…”หยางจิงถอนหายใจ สีหน้าดูจนใจและทำอะไรไม่ถูก“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”“ถ้าคุณไม่เตือนผม ผมก็เกือบจะลืมไปแล้ว!”ฉินหมิงตบห
โจวกรุ๊ป มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่นั่นก็คือตระกูลโจวซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเจียงเฉิง มีทรัพย์สินโดยรวมมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านโจวเจี้ยนยังเป็นประหนึ่งรัชทายาทของตระกูลโจว สถานะของเขานั้นสูงกว่าฉินหมิงคนธรรมดา ๆ แบบนี้หลายร้อยเท่า!สองคนนี้แตกต่างกันราวกับเมฆและโคลน พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร!ถ้าเธอเชื่อฉินหมิง มันก็คงจะแปลกมาก!“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ผมพูดความจริง...”เมื่อเห็นว่าหยางจิงเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด ฉินหมิงก็ต้องการอธิบายต่ออีกสักสองสามคำ แต่ก็ถูกหยางจิงขัดจังหวะไว้ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ“เอาล่ะ ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของคุณอีกแล้ว!”"ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม สรุปก็คือโจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา แบรนด์ของบริษัทคังกรุ๊ปของเราไม่ตรงตามข้อกำหนดของโจวกรุ๊ป มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะยกเว้นและยอมร่วมมือกับบริษัทของเรา!”หยางจิงโบกมือ สีหน้ายิ่งไม่น่ามองมากขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อฉินหมิงนั้นไม่เลวเลย เธอรู้สึกว่าฉินหมิงน่าจะเป็นคนที่น่าเชื่อถื
นี่มันไม่สมจริงสักนิด!“ฉันพูดความจริงนะคะ…”หลี่เจียฮุ่ยกำลังจะเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น แต่ก็ถูกฉินหมิงขัดจังหวะก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ“เจียฮุ่ย คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตอนนี้ผมออกจากตระกูลหลินแล้ว…”ฉินหมิงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ภาพของหลินหว่านชิงผุดขึ้นมาในใจของเขาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นความปรารถนาและความคิดถึงทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของเขาราวกับน้ำพุการตั้งคำถามของหยางจิงเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากพอแล้ว ตอนนี้เมื่อหลี่เจียฮุ่ยเอ่ยถึงหลินหว่านชิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้เหยียบลงบนแผลเก่าของเขาอย่างจัง ทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขานึกถึงหลินหว่านชิง ความรู้สึกคิดถึงเธอมันทำให้เขาเจ็บจนแทบทนไม่ไหววินาทีนี้ เขาตระหนักได้ชัดเจนยิ่งกว่าทุกครั้งว่าเขาไม่สามารถปล่อยความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงไปได้!“ฉินหมิง นาย...นายเป็นอะไรไป?”หลี่เจียฮุ่ยดูตกตะลึง เธอไม่เข้าใจว่าฉินหมิงหมายความว่าอะไร“ไม่มีอะไร…”“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”ฉินหมิงอดทนต่อความเจ็บปวดในใจ ลุกขึ้นยืนและรีบออกจากห้องส่วนตัวมองดูแผ่นหลังของฉินหมิงที่จากไปอย่างเร่งรีบ หล
“รองประธานหลี่ ในที่สุดคุณก็มาสักที!”หยางจิงยิ้มอย่างฝืน ๆ ลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นไปทักทายเขา“ประธานหยาง ผมค่อนข้างมีธุระรัดตัว เพราะงั้นเลยปลีกตัวมาไม่ได้เลย คุณก็อย่าได้โกรธไปเลยนะ…”รองประธานหลี่หัวเราะ ทว่าในใจกลับรู้สึกไม่แยแสสักนิดอีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเขา รอเขานานสักหน่อยก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?“รองประธานหลี่ เชิญนั่งค่ะ”หยางจิงรู้สึกไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงกลืนความขมขื่นนั้นลงท้องไปเท่านั้นหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทยอยกันนั่งลง หยางจิงเรียกพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมแล้วให้พวกเขาออกไปเตรียมไวน์และอาหาร“ประธานหยาง ไม่รู้ว่าสาวสวยที่อยู่ข้าง ๆ คุณนี้คือใครเหรอ เธอชื่ออะไร”รองประธานหลี่มองหลี่เจียฮุ่ยที่สวยเสียจนจับใจเขา ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อย เขาเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที“รองประธานหลี่ ฉันขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือหลี่เจียฮุ่ย ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเรา ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอนี้ เขาคือฉินหมิง”หยางจิงแนะนำทั้งสองฝ่ายโดยย่อ“ผู้จัดการหลี่ เพิ่งได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จัก”รองประธานหลี่ยื่น