“ไม่อย่างนั้น ฉินหมิงและคุณหนูใหญ่เฝิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าไร เราก็จะคืนมันใส่ตัวของเหลิ่งจวิ้นเป็นสองเท่า!”นายท่านซูพูดพลางแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“แก…”นายท่านเหลิ่งโกรธจัดจนหน้าซีดแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“อ้อ ฉันขอบอกอีกเรื่องหนึ่งด้วย ถ้าพวกแกตระกูลเหลิ่งกล้าทำร้ายฉินหมิงอีกในอนาคต อะไร ๆ มันจะไม่ง่ายเหมือนในตอนนี้อีกแล้ว!”“ราชาแดนใต้ พวกเรากลับ!”นายท่านซูพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เรียกเฝิงเจิ้น ทุกคนเดินกลับออกไปอย่างมั่นใจ“บัดซบ!”“มันช่างน่าโมโหจริงๆ!”เมื่อเห็นนายท่านซูและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ หายลับไป นายท่านเหลิ่งก็โกรธมากอย่างไรก็ตาม เหลิ่งจวิ้นยังอยู่ในมือของเฝิงเจิ้น เขาและทุกคนในตระกูลเหลิ่งไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่น จึงทำได้เพียงเฝ้าดูนายท่านซู เฝิงเจิ้น และคนอื่น ๆ จากไป“นายท่าน ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?”สมาชิกหลักของตระกูลเหลิ่งกลุ่มหนึ่งเข้ามาถามด้วยสีหน้ากังวล“ยังจะทำอะไรได้อีก?”“ตาแก่ซูเรียกร้องการชดเชยจากเรา แต่จริง ๆ แล้วเขาแค่ใช้เรื่องในวันนี้ตักเตือนเราว่าตระกูลเหลิ่งไม่ควรลงมือกับฉินหมิงอีกในอนาคต!”นายท่านเหลิ่งพูดพร้อมกับแสดงควา
ซูซินเหยาใช้เส้นสายของตระกูลซูของเธอดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดของยอดฝีมือมากกว่าหนึ่งโหล และในที่สุดหลังจากการพิจารณาอย่างครอบคลุม เธอก็ช่วยฉินหมิงเลือกผู้ฝึกยุทธหกคนออกมาจากในบรรดาคนทั้งหมดทั้งหกคนนี้ เมื่อรวมกับสองพี่น้องซาทงและซาผิง ก็มีผู้ฝึกยุทธทั้งหมดแปดคนที่กลายมาเป็นรากฐานในการสร้างกองกำลังของฉินหมิงในขั้นต้นในอีกทางเหลิ่งจวิ้นเป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลเหลิ่ง นายท่านเหลิ่งไม่สามารถมองดูเหลิ่งจวิ้นเกิดเรื่องได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็กัดฟันและจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับฉินหมิงและเฝิงรั่วซวงเป็นจำนวนเงินหนึ่งพันล้านนายท่านซูและราชาแดนใต้เฝิงเจิ้น ปฏิบัติตามข้อตกลงและปล่อยตัวเหลิ่งจวิ้นทางด้านตระกูลหลินเมื่อเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยได้รู้จากหลินหว่านชิงว่าฉินหมิงและซูซินเหยา 'อยู่ด้วยกัน' แล้ว เธอก็โกรธมากและต้องการจะไปคิดบัญชีกับฉินหมิงเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ถูกหลินหว่านชิงหยุดไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบด้วยอุปนิสัยของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย แม้ว่าหลินหว่านชิงจะบังคับเธอ แต่เธอก็จะแอบไปหาฉินหมิงเพื่อถามให้ชัดเจนอยู่ดี อย่างไรก็ตามเรื่องที่ราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่มาสู่ขอหลินหว่านชิงจากตระกูลห
นับตั้งแต่ที่เธอเห็นความสามารถของฉินหมิง และฉินหมิงได้ช่วยหลี่เจียฮุ่ยจากเหตุการณ์ลักพาตัวเมื่อครั้งที่แล้ว เธอก็มองฉินหมิงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเขยของเธอไปแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตาเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกสาวของเธอและฉินหมิงจะได้อยู่ด้วยกันเพียงแต่ว่าฉินหมิงดูเหมือนจะหายไปในช่วงนี้และไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย เธอจึงนึกกังวล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“แม่คะ อย่าพูดเหลวไหลแบบนั้นสิ หนูจะไปออกเดทกับฉินหมิงได้ยังไง…”ใบหน้าที่สวยงามของหลี่เจียฮุ่ยขึ้นสีแดงก่ำ เธอพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย“เจียฮุ่ย อย่าหาว่าแม่จู้จี้เลยนะ ผู้ชายที่ดีแบบฉินหมิงนั้นสมัยนี้หาได้ยากมากแล้ว ดังนั้นลูกต้องรีบคว้าโอกาสไว้!”“ไม่อย่างนั้น ถ้าลูกพลาดหมู่บ้านนี้ไป จะไปหาร้านข้างหน้าก็คงไม่มีอีกแล้ว!”เจียงหลานสอนด้วยใบหน้าที่จริงจังมาก“หนูรู้ค่ะ หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด...”หลี่เจียฮุ่ยเห็นด้วยอย่างอ่อนแรง“อะไรนะ?”“ลูกตอบตกลงแล้ว…?”เจียงหลานผงะ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเธอเคยบอกลูกสาวของเธอให้รีบจับฉินหมิงไว้ แต่หลี่เจียฮุ่ยในตอนนั้นยังไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อฉินหมิง ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเรื่องนี้ซ้ำ
เดิมทีหลี่เจียฮุ่ยก็เป็นผู้หญิงที่สวยอย่างหาตัวจับยากอยู่แล้ว เธอมีรูปลักษณ์ที่ดูดีมาก ประกอบกับวันนี้แต่งหน้าบาง ๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของเธอยิ่งดูสง่างามและประณีตมากขึ้นไปอีกเธอสวมชุดเดรสสั้นระบาย ขับเน้นให้เห็นถึงหุ่นที่โค้งเว้าและได้รูป ขาเรียวยาวทั้งสองข้างภายใต้ชุดกระโปรงที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องโปร่ง เมื่อมันยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก็ยิ่งขับให้บรรยากาศรอบตัวเธออ่อนโยนและเงียบสงบ เป็นความงามที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกหวั่นไหวในแง่ของความสวยงาม แม้ว่าหลี่เจียฮุ่ยจะไม่น่าทึ่งเท่ากับหลินหว่านชิงและซูซินเหยา แต่ก็แตกต่างกันไม่มากนัก ทว่าบรรยากาศรอบตัวเธอไม่ได้ดูสูงศักดิ์และเปล่งประกายเท่ากับหลินหว่านชิงแค่นั้นอย่างไรก็ตาม เธอเป็นหญิงสาวประเภทที่อ่อนโยนและสง่างาม ยิ่งมองเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสวยขึ้น เป็นสาวงามที่มีความงามเป็นรองเพียงสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง!“เจียฮุ่ย วันนี้คุณสวยมาก!”ฉินหมิงเอ่ยชมเธออย่างจริงใจ"ขอบคุณ..."“นายรีบเข้ามาก่อนสิ”หลี่เจียฮุ่ยหน้าแดงก่ำ เธอเชิญฉินหมิงให้เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว“ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวฉินที่มา มานั่งนี่ก่อนสิ!”เมื่อ
เมื่อประตูรถเปิดออก หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี มีรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งก็เดินลงมาจากรถหญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่สวยงามมาก องคาพยพทั้งห้าของเธอช่างได้รูป และเธอก็มีไฝอยู่ที่มุมปากเม็ดหนึ่งเสื้อผ้าบนร่างของเธอยังดูดีและทันสมัย ทุกอิริยาบถของเธอช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ทว่าก็ยังไม่สูญเสียไปซึ่งความเฉียบแหลมและมีความสามารถ เพียงแค่มองก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่แกร่งเมื่ออยู่ในที่ทำงาน“ประธานหยาง!”เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลี่เจียฮุ่ยโบกมือ เป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อนบริษัทที่หลี่เจียฮุ่ยทำงานอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่าบริษัทคังกรุ๊ป เป็นบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ดังบริษัทหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงเธอเป็นผู้จัดการแผนกของฝ่ายขายของบริษัท ส่วนสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้คือเจ้านายคนปัจจุบันของเธอ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทชื่อว่าหยางจิงนอกจากนี้ การที่หลี่เจียฮุ่ยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายได้นั้น ล้วนมาจากการสนับสนุนของหยางจิงที่คอยเลื่อนตำแหน่งให้เธอทีละขั้น ๆ หยางจิงชื่นชมในความสามารถด้านการทำงานของเธอมาก จึงปฏิบัติต่อเธออย่างดีและเมตตามาต่อเธอมาโ
“ฉันว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนะ”หลี่เจียฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก“ไม่เป็นไร เมื่อลูกค้ามาทีหลัง ตราบเท่าที่เขาไม่พูดจาไร้สาระก็พอแล้ว”หยางจิงพูดอย่างไม่ยี่หระในความเป็นจริง เธอมีเหตุผลอื่นที่ยอมให้ฉินหมิงตามเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยจากที่เธอรู้มา ลูกค้าของบริษัทในครั้งนี้เป็นคนที่ค่อนข้างตึงมือพอสมควร เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเรื่องการลวนลามผู้หญิงถ้ามีฉินหมิงที่เป็นผู้ชายมากับเธอและหลี่เจียฮุ่ยด้วย บางทีอาจจะพอยับยั้งพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้“ได้ค่ะ ประธานหยาง ขอบคุณมากนะคะ”หลี่เจียฮุ่ยมีความสุขมาก เธอเองก็ไม่อยากปล่อยให้ฉินหมิงรอเธออยู่ข้างนอกตามลำพังเหมือนกัน หยางจิงทำในสิ่งที่เธอต้องการพอดีหลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในโรงแรมด้วยกันมาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูฉินหมิง หลี่เจียฮุ่ย และหยางจิงก็นั่งลงเพื่อรอลูกค้าที่กำลังจะมาถึงประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เวลาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ได้ผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาเลย“เอ๋ ทำไมลูกค้าถึงยังไม่มาอีกล่ะ”หยางจิงก้มมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือ เธอร้อนใจมาก จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาลูกค้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถ
“ส่วนกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ป ควบคุมช่องทางการขายในตลาดเพียง 20% เท่านั้น ความสามารถของพวกเขายังตามหลังโจวกรุ๊ปอยู่มาก”“ในเมื่อกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปก้าวร้าวมากขนาดนี้ ทำไมบริษัทคังกรุ๊ปของพวกคุณไม่ลองหารือเรื่องความร่วมมือกับโจวกรุ๊ปแทนล่ะ”ฉินหมิงถามอย่างสับสน“นี่…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”หลี่เจียฮุ่ยส่ายหัวการเลือกบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่จะร่วมมือด้วย เป็นการตัดสินใจของคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เธอเป็นเพียงผู้จัดการแผนกตัวเล็ก ๆ ในฝ่ายขายของบริษัท ยังไปไม่ถึงระดับผู้อาวุโส เธอย่อมไม่รู้ข้อมูลภายในมากนัก“ฉันจะบอกคุณแทนเอง!”“แบรนด์เสื้อผ้าที่ผลิตและดำเนินการโดยบริษัทของเรานั้นเป็นแบรนด์ระดับกลางถึงระดับสูง ในขณะที่โจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา”“ฉันเคยเป็นตัวแทนของบริษัทไปหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบุคคลที่รับผิดชอบซึ่งเป็นตัวแทนของโจวกรุ๊ปมาก่อนแล้ว พวกเขาไม่เห็นสินค้าเราอยู่ในสายตาเลย จากนั้นก็ปฏิเสธคำขอของฉันโดยตรง…”หยางจิงถอนหายใจ สีหน้าดูจนใจและทำอะไรไม่ถูก“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”“ถ้าคุณไม่เตือนผม ผมก็เกือบจะลืมไปแล้ว!”ฉินหมิงตบห
โจวกรุ๊ป มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่นั่นก็คือตระกูลโจวซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเจียงเฉิง มีทรัพย์สินโดยรวมมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านโจวเจี้ยนยังเป็นประหนึ่งรัชทายาทของตระกูลโจว สถานะของเขานั้นสูงกว่าฉินหมิงคนธรรมดา ๆ แบบนี้หลายร้อยเท่า!สองคนนี้แตกต่างกันราวกับเมฆและโคลน พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร!ถ้าเธอเชื่อฉินหมิง มันก็คงจะแปลกมาก!“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ผมพูดความจริง...”เมื่อเห็นว่าหยางจิงเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด ฉินหมิงก็ต้องการอธิบายต่ออีกสักสองสามคำ แต่ก็ถูกหยางจิงขัดจังหวะไว้ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ“เอาล่ะ ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของคุณอีกแล้ว!”"ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม สรุปก็คือโจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา แบรนด์ของบริษัทคังกรุ๊ปของเราไม่ตรงตามข้อกำหนดของโจวกรุ๊ป มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะยกเว้นและยอมร่วมมือกับบริษัทของเรา!”หยางจิงโบกมือ สีหน้ายิ่งไม่น่ามองมากขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อฉินหมิงนั้นไม่เลวเลย เธอรู้สึกว่าฉินหมิงน่าจะเป็นคนที่น่าเชื่อถื