“ไม่อย่างนั้น ฉินหมิงและคุณหนูใหญ่เฝิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าไร เราก็จะคืนมันใส่ตัวของเหลิ่งจวิ้นเป็นสองเท่า!”นายท่านซูพูดพลางแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา“แก…”นายท่านเหลิ่งโกรธจัดจนหน้าซีดแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“อ้อ ฉันขอบอกอีกเรื่องหนึ่งด้วย ถ้าพวกแกตระกูลเหลิ่งกล้าทำร้ายฉินหมิงอีกในอนาคต อะไร ๆ มันจะไม่ง่ายเหมือนในตอนนี้อีกแล้ว!”“ราชาแดนใต้ พวกเรากลับ!”นายท่านซูพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เรียกเฝิงเจิ้น ทุกคนเดินกลับออกไปอย่างมั่นใจ“บัดซบ!”“มันช่างน่าโมโหจริงๆ!”เมื่อเห็นนายท่านซูและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ หายลับไป นายท่านเหลิ่งก็โกรธมากอย่างไรก็ตาม เหลิ่งจวิ้นยังอยู่ในมือของเฝิงเจิ้น เขาและทุกคนในตระกูลเหลิ่งไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่น จึงทำได้เพียงเฝ้าดูนายท่านซู เฝิงเจิ้น และคนอื่น ๆ จากไป“นายท่าน ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?”สมาชิกหลักของตระกูลเหลิ่งกลุ่มหนึ่งเข้ามาถามด้วยสีหน้ากังวล“ยังจะทำอะไรได้อีก?”“ตาแก่ซูเรียกร้องการชดเชยจากเรา แต่จริง ๆ แล้วเขาแค่ใช้เรื่องในวันนี้ตักเตือนเราว่าตระกูลเหลิ่งไม่ควรลงมือกับฉินหมิงอีกในอนาคต!”นายท่านเหลิ่งพูดพร้อมกับแสดงควา
ซูซินเหยาใช้เส้นสายของตระกูลซูของเธอดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดของยอดฝีมือมากกว่าหนึ่งโหล และในที่สุดหลังจากการพิจารณาอย่างครอบคลุม เธอก็ช่วยฉินหมิงเลือกผู้ฝึกยุทธหกคนออกมาจากในบรรดาคนทั้งหมดทั้งหกคนนี้ เมื่อรวมกับสองพี่น้องซาทงและซาผิง ก็มีผู้ฝึกยุทธทั้งหมดแปดคนที่กลายมาเป็นรากฐานในการสร้างกองกำลังของฉินหมิงในขั้นต้นในอีกทางเหลิ่งจวิ้นเป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลเหลิ่ง นายท่านเหลิ่งไม่สามารถมองดูเหลิ่งจวิ้นเกิดเรื่องได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็กัดฟันและจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับฉินหมิงและเฝิงรั่วซวงเป็นจำนวนเงินหนึ่งพันล้านนายท่านซูและราชาแดนใต้เฝิงเจิ้น ปฏิบัติตามข้อตกลงและปล่อยตัวเหลิ่งจวิ้นทางด้านตระกูลหลินเมื่อเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยได้รู้จากหลินหว่านชิงว่าฉินหมิงและซูซินเหยา 'อยู่ด้วยกัน' แล้ว เธอก็โกรธมากและต้องการจะไปคิดบัญชีกับฉินหมิงเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ถูกหลินหว่านชิงหยุดไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบด้วยอุปนิสัยของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย แม้ว่าหลินหว่านชิงจะบังคับเธอ แต่เธอก็จะแอบไปหาฉินหมิงเพื่อถามให้ชัดเจนอยู่ดี อย่างไรก็ตามเรื่องที่ราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่มาสู่ขอหลินหว่านชิงจากตระกูลห
นับตั้งแต่ที่เธอเห็นความสามารถของฉินหมิง และฉินหมิงได้ช่วยหลี่เจียฮุ่ยจากเหตุการณ์ลักพาตัวเมื่อครั้งที่แล้ว เธอก็มองฉินหมิงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเขยของเธอไปแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตาเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกสาวของเธอและฉินหมิงจะได้อยู่ด้วยกันเพียงแต่ว่าฉินหมิงดูเหมือนจะหายไปในช่วงนี้และไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย เธอจึงนึกกังวล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“แม่คะ อย่าพูดเหลวไหลแบบนั้นสิ หนูจะไปออกเดทกับฉินหมิงได้ยังไง…”ใบหน้าที่สวยงามของหลี่เจียฮุ่ยขึ้นสีแดงก่ำ เธอพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย“เจียฮุ่ย อย่าหาว่าแม่จู้จี้เลยนะ ผู้ชายที่ดีแบบฉินหมิงนั้นสมัยนี้หาได้ยากมากแล้ว ดังนั้นลูกต้องรีบคว้าโอกาสไว้!”“ไม่อย่างนั้น ถ้าลูกพลาดหมู่บ้านนี้ไป จะไปหาร้านข้างหน้าก็คงไม่มีอีกแล้ว!”เจียงหลานสอนด้วยใบหน้าที่จริงจังมาก“หนูรู้ค่ะ หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด...”หลี่เจียฮุ่ยเห็นด้วยอย่างอ่อนแรง“อะไรนะ?”“ลูกตอบตกลงแล้ว…?”เจียงหลานผงะ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของเธอเธอเคยบอกลูกสาวของเธอให้รีบจับฉินหมิงไว้ แต่หลี่เจียฮุ่ยในตอนนั้นยังไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อฉินหมิง ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเรื่องนี้ซ้ำ
เดิมทีหลี่เจียฮุ่ยก็เป็นผู้หญิงที่สวยอย่างหาตัวจับยากอยู่แล้ว เธอมีรูปลักษณ์ที่ดูดีมาก ประกอบกับวันนี้แต่งหน้าบาง ๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของเธอยิ่งดูสง่างามและประณีตมากขึ้นไปอีกเธอสวมชุดเดรสสั้นระบาย ขับเน้นให้เห็นถึงหุ่นที่โค้งเว้าและได้รูป ขาเรียวยาวทั้งสองข้างภายใต้ชุดกระโปรงที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องโปร่ง เมื่อมันยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก็ยิ่งขับให้บรรยากาศรอบตัวเธออ่อนโยนและเงียบสงบ เป็นความงามที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกหวั่นไหวในแง่ของความสวยงาม แม้ว่าหลี่เจียฮุ่ยจะไม่น่าทึ่งเท่ากับหลินหว่านชิงและซูซินเหยา แต่ก็แตกต่างกันไม่มากนัก ทว่าบรรยากาศรอบตัวเธอไม่ได้ดูสูงศักดิ์และเปล่งประกายเท่ากับหลินหว่านชิงแค่นั้นอย่างไรก็ตาม เธอเป็นหญิงสาวประเภทที่อ่อนโยนและสง่างาม ยิ่งมองเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสวยขึ้น เป็นสาวงามที่มีความงามเป็นรองเพียงสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง!“เจียฮุ่ย วันนี้คุณสวยมาก!”ฉินหมิงเอ่ยชมเธออย่างจริงใจ"ขอบคุณ..."“นายรีบเข้ามาก่อนสิ”หลี่เจียฮุ่ยหน้าแดงก่ำ เธอเชิญฉินหมิงให้เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว“ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวฉินที่มา มานั่งนี่ก่อนสิ!”เมื่อ
เมื่อประตูรถเปิดออก หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี มีรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งก็เดินลงมาจากรถหญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่สวยงามมาก องคาพยพทั้งห้าของเธอช่างได้รูป และเธอก็มีไฝอยู่ที่มุมปากเม็ดหนึ่งเสื้อผ้าบนร่างของเธอยังดูดีและทันสมัย ทุกอิริยาบถของเธอช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ทว่าก็ยังไม่สูญเสียไปซึ่งความเฉียบแหลมและมีความสามารถ เพียงแค่มองก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่แกร่งเมื่ออยู่ในที่ทำงาน“ประธานหยาง!”เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลี่เจียฮุ่ยโบกมือ เป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อนบริษัทที่หลี่เจียฮุ่ยทำงานอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่าบริษัทคังกรุ๊ป เป็นบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ดังบริษัทหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงเธอเป็นผู้จัดการแผนกของฝ่ายขายของบริษัท ส่วนสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้คือเจ้านายคนปัจจุบันของเธอ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทชื่อว่าหยางจิงนอกจากนี้ การที่หลี่เจียฮุ่ยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายได้นั้น ล้วนมาจากการสนับสนุนของหยางจิงที่คอยเลื่อนตำแหน่งให้เธอทีละขั้น ๆ หยางจิงชื่นชมในความสามารถด้านการทำงานของเธอมาก จึงปฏิบัติต่อเธออย่างดีและเมตตามาต่อเธอมาโ
“ฉันว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนะ”หลี่เจียฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก“ไม่เป็นไร เมื่อลูกค้ามาทีหลัง ตราบเท่าที่เขาไม่พูดจาไร้สาระก็พอแล้ว”หยางจิงพูดอย่างไม่ยี่หระในความเป็นจริง เธอมีเหตุผลอื่นที่ยอมให้ฉินหมิงตามเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยจากที่เธอรู้มา ลูกค้าของบริษัทในครั้งนี้เป็นคนที่ค่อนข้างตึงมือพอสมควร เขามีชื่อเสียงที่เลวร้ายอย่างมากในเรื่องการลวนลามผู้หญิงถ้ามีฉินหมิงที่เป็นผู้ชายมากับเธอและหลี่เจียฮุ่ยด้วย บางทีอาจจะพอยับยั้งพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้“ได้ค่ะ ประธานหยาง ขอบคุณมากนะคะ”หลี่เจียฮุ่ยมีความสุขมาก เธอเองก็ไม่อยากปล่อยให้ฉินหมิงรอเธออยู่ข้างนอกตามลำพังเหมือนกัน หยางจิงทำในสิ่งที่เธอต้องการพอดีหลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในโรงแรมด้วยกันมาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูฉินหมิง หลี่เจียฮุ่ย และหยางจิงก็นั่งลงเพื่อรอลูกค้าที่กำลังจะมาถึงประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เวลาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ได้ผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาเลย“เอ๋ ทำไมลูกค้าถึงยังไม่มาอีกล่ะ”หยางจิงก้มมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือ เธอร้อนใจมาก จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาลูกค้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถ
“ส่วนกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ป ควบคุมช่องทางการขายในตลาดเพียง 20% เท่านั้น ความสามารถของพวกเขายังตามหลังโจวกรุ๊ปอยู่มาก”“ในเมื่อกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปก้าวร้าวมากขนาดนี้ ทำไมบริษัทคังกรุ๊ปของพวกคุณไม่ลองหารือเรื่องความร่วมมือกับโจวกรุ๊ปแทนล่ะ”ฉินหมิงถามอย่างสับสน“นี่…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”หลี่เจียฮุ่ยส่ายหัวการเลือกบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่จะร่วมมือด้วย เป็นการตัดสินใจของคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เธอเป็นเพียงผู้จัดการแผนกตัวเล็ก ๆ ในฝ่ายขายของบริษัท ยังไปไม่ถึงระดับผู้อาวุโส เธอย่อมไม่รู้ข้อมูลภายในมากนัก“ฉันจะบอกคุณแทนเอง!”“แบรนด์เสื้อผ้าที่ผลิตและดำเนินการโดยบริษัทของเรานั้นเป็นแบรนด์ระดับกลางถึงระดับสูง ในขณะที่โจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา”“ฉันเคยเป็นตัวแทนของบริษัทไปหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบุคคลที่รับผิดชอบซึ่งเป็นตัวแทนของโจวกรุ๊ปมาก่อนแล้ว พวกเขาไม่เห็นสินค้าเราอยู่ในสายตาเลย จากนั้นก็ปฏิเสธคำขอของฉันโดยตรง…”หยางจิงถอนหายใจ สีหน้าดูจนใจและทำอะไรไม่ถูก“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”“ถ้าคุณไม่เตือนผม ผมก็เกือบจะลืมไปแล้ว!”ฉินหมิงตบห
โจวกรุ๊ป มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่นั่นก็คือตระกูลโจวซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเจียงเฉิง มีทรัพย์สินโดยรวมมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านโจวเจี้ยนยังเป็นประหนึ่งรัชทายาทของตระกูลโจว สถานะของเขานั้นสูงกว่าฉินหมิงคนธรรมดา ๆ แบบนี้หลายร้อยเท่า!สองคนนี้แตกต่างกันราวกับเมฆและโคลน พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร!ถ้าเธอเชื่อฉินหมิง มันก็คงจะแปลกมาก!“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ผมพูดความจริง...”เมื่อเห็นว่าหยางจิงเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด ฉินหมิงก็ต้องการอธิบายต่ออีกสักสองสามคำ แต่ก็ถูกหยางจิงขัดจังหวะไว้ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ“เอาล่ะ ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของคุณอีกแล้ว!”"ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม สรุปก็คือโจวกรุ๊ปเดินอยู่บนเส้นทางของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสินค้าหรูหรา แบรนด์ของบริษัทคังกรุ๊ปของเราไม่ตรงตามข้อกำหนดของโจวกรุ๊ป มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะยกเว้นและยอมร่วมมือกับบริษัทของเรา!”หยางจิงโบกมือ สีหน้ายิ่งไม่น่ามองมากขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อฉินหมิงนั้นไม่เลวเลย เธอรู้สึกว่าฉินหมิงน่าจะเป็นคนที่น่าเชื่อถื
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ