เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดความตั้งใจของเธออันที่จริงเธอเองก็เป็นเหมือนกับหานซี จุดประสงค์ของเธอก็คือต้องการช่วยให้ฉินหมิงและหลินหว่านชิงกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง “ไม่ต้องแล้ว น้ำใจนี้ของเธอฉันรับไว้แล้ว” ฉินหมิงปฏิเสธเจตนาดีของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอย่างสุภาพ“ทำไมถึงไม่ต้องแล้วล่ะ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกประหลาดใจมากย้อนกลับไปตอนที่ฉินหมิงเพิ่งจีบหลินหว่านชิงติดใหม่ ๆ เขายังขอบคุณเธอที่ช่วยทำให้เขาสมหวังอยู่เลย เธอรู้ดีว่าฉินหมิงชอบหลินหว่านชิงจริง ๆ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมฉินหมิงถึงยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้“เรื่องนี้ซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิด ไม่ใช่แค่ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ไม่เชื่อฉัน แม้แต่ตาและลุงของเธอเองก็สงสัยในตัวฉัน…”“สรุปก็คือ ช่วงนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวและสงบสติอารมณ์ ไว้เราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันใหม่ทีหลัง”ฉินหมิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“นายกำลังกังวลว่าคุณตาและคุณลุงจะขัดขวางพวกนายเหรอ”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเงียบเธอรู้ว่าสิ่งที่ฉินหมิงพูดนั้นสมเหตุสมผล ต่อให้ฉินหมิงจะผ่านการทดสอบจากลูกพี่ลูกน้องของเธอแล้ว แต่เขาก็ไม่มีทางผ่านการทดสอบของคุณตาและคุณลุงของเธอ!“สัตว์ร้ายฉิน ไม่ว่ายังไงก
เป็นเรื่องดีไม่น้อยที่จะใช้โอกาสนี้พบปะกับราชาแดนใต้ มีราชาแดนใต้เป็นเกราะคุ้มกันอยู่ ราชาแดนเหนืออาจจะมุ่งเป้ามาที่เขาน้อยลงเห็นฉินหมิงวางสายโทรศัพท์ ซูซินเหยาก็ครุ่นคิด เธอพูดอย่างไม่มีความสุขเล็กน้อยว่า “ฉินหมิง คุณจะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอ?”“อืม เฝิงหลุนมีธุระต้องการหาผมน่ะ…”ฉินหมิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดเขาเพิ่งมาที่บริษัทได้เพียงสองวัน แต่กลับออกไปข้างนอกทุกวัน ไม่แปลกใจเลยที่ซูซินเหยาจะติติงเขา“ทำไมถึงเป็นเฝิงหลุนอีกแล้ว!”ซูซินเหยาสับสนมาก เธอมองฉินหมิงขึ้น ๆ ลง ๆ หลายครั้งด้วยสีหน้าพิลึก “ฉินหมิง เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากโดนคนรักหักอก รสนิยมทางเพศของคุณก็เลยเปลี่ยนไป?”“รสนิยมทางเพศเปลี่ยนไปอะไร…”ฉินหมิงชะงักเล็กน้อย คำพูดยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว“ซินเหยา คุณอย่าพูดเหลวไหลเชียวนะ รสนิยมทางเพศของผมปกติดี!”ฉินหมิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ในใจกลับรู้สึกหวิว ๆ“ถ้างั้นก็ดีแล้ว”“ฉันไม่อยากให้ผู้ชายที่ตัวเองตกหลุมรัก มีรสนิยมพิเศษหรอก?”ซูซินเหยาพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่นฉินหมิงกลอกตาของเขา เขารู้ว่าซูซินเหยาจงใจล้อเขาเล่นจึงไม่ได้
“คุณฉิน โปรดยกโทษที่ฉันพูดตรง ๆ “ฉันได้ยินมาจากรั่วซวงและหลุนเอ๋อร์ว่าระดับการบ่มเพาะของคุณมาถึงขั้นขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว ห่างจากระดับปรมาจารย์อีกไม่ไกลแล้ว”“ด้วยอายุที่น้อยแบบนี้ แต่ระดับการบ่มเพาะกลับสูงมากขนาดนี้ คุณจะต้องมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากแน่ ๆ”“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของคุณเป็นใครและมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรเหรอ?”เฝิงเจิ้นจี้ถามอย่างไม่ยอมตัดใจ“นี่...”ฉินหมิงสีหน้าลำบากใจมากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับมรรคาแห่งเต๋าและความลับของเขา เขาย่อมไม่สามารถบอกเฝิงเจิ้นได้เฝิงรั่วซวงเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของฉินหมิง จึงเอ่ยแทรกขึ้นช่วยพูดแทนฉินหมิงว่า “พ่อคะ พ่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทะเบียนบ้านสักหน่อย จะถามมากขนาดนี้ไปทำไม”“เอ่อ...เป็นฉันที่ล้ำเล้นแล้ว”เฝิงเจิ้นยิ้ม แต่ในใจรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยฉินหมิงเป็นแขกที่ตระกูลเขาเชิญมา ปกติเขาย่อมไม่ถามคำถามอะไรแบบนี้แต่คราวนี้แตกต่างออกไปเมื่อคืนที่ผ่านมา เฝิงหลุนยกย่องความเป็นเลิศของฉินหมิงต่อหน้าเขา แถมยังพูดด้วยว่าฉินหมิงและเฝิงรั่วซวงนั้นเหมาะสมกันมาก สิ่งนี้กระแทกใจของเขาโดยตรง!เนื่องจากลูกสาวเขาเคยถูกทำ
“ฉันเดาว่าโรคเก่าของคุณนายอาจจะกำเริบอีกแล้ว…”พี่เลี้ยงอู๋ตอบตามความเป็นจริง“บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น”เฝิงเจินถอนหายใจ สีหน้าของเขาดูเศร้าเล็กน้อย ภรรยาของเขามีร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่ยังเด็ก ในปีนั้นตอนที่เขาบุกโลกใต้ดินภรรยาของเขาก็มักจะขึ้นเหนือล่องใต้ไปกับเขาด้วยทุกที่ บางครั้งนอนกลางดินกินกลางทราย นี่ถึงทำให้ทิ้งต้นตอของโรคเอาไว้ต่อมาหลังจากที่ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวและลูกชายอย่างละคน ร่างกายของเธอก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ เธอล้มป่วยบ่อย ๆ และต้องพักรักษาตัวบนเตียงอย่างต่ำก็ครึ่งปีด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชิญหมอที่มีชื่อเสียงนับไม่ถ้วนมาตรวจดูอาการ สูญเสียเงินและพลังกับเรื่องนี้ไปนับไม่ถ้วน แต่อาการป่วยของภรรยาเขาก็ไม่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ สุขภาพของภรรยาเขาย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เธอมักจะหมดสติอย่างกะทันหันเป็นครั้งคราวนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!เขามองภาพทุกอย่างในดวงตา รู้สึกร้อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“พี่ซวง เฝิงหลุน ทั้งสองคนไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณป้าเพียงแค่ถูกไอเย็นแทรกเข้าสู่ร่างกายก็เลยหมดสติไป”“ยังไม่มีอะไรร้ายแรงชั่วคราว”ฉินหมิงปลอบใจพวกเขาก
“อ้อ เขาคือคุณฉิน เป็นเพื่อนของหลุนเอ๋อร์น่ะ…” เฝิงเจิ้นอธิบายสั้น ๆ “เขาเป็นหมอเหรอ?”หมอชุยขมวดคิ้วเมื่อก่อนทุกครั้งที่ภรรยาของเฝิงเจิ้นป่วย ตราบเท่าที่เขารักษาเธอให้หายเฝิงเจิ้นก็จะมอบเงินให้กับเขาจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัลถ้าฉินหมิงเองก็เป็นหมอเหมือนกันและเข้ามาแทรกแซงการรักษาของเขากลางคัน นี่ไม่เท่ากับกำลังปล้นงานของเขาหรอกเหรอ!“นี่...”เฝิงเจิ้นไม่รู้ว่าฉินหมิงเป็นหมอไหม ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ฉินหมิงด้วยความสงสัยโดยไม่รู้ตัว“ผมไม่ใช่หมอหรอกครับ”ฉินหมิงส่ายหัวแล้วพูด“ไม่ใช่หมอ?”เฝิงเจิ้นสามพ่อลูกตะลึงงันในทันที โดยเฉพาะเฝิงเจิ้น เมื่อสักครู่นี้เขาเดาว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงมีขอบเขตที่จำกัด ตอนนี้เมื่อรู้ว่าฉินหมิงไม่ใช่หมอด้วยซ้ำ เขาก็เริ่มสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงมากยิ่งขึ้น!หมอชุยโกรธจนหลุดหัวเราะออกมา “คุณเฝิง คนคนนี้ไม่ใช่แม้แต่หมอด้วยซ้ำ กล้าดียังไงถึงมารักษาคนไข้แบบสุ่ม ๆ แบบนี้?”“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบผลที่ตามมา”“ผม…”ใบหน้าของเฝิงเจิ้นมืดลงเมื่อสักครู่นี้เขาร้อนใจเกินไป คว้าอะไรได้ก็อยากให้ลองไปหมด ตอนนี้เมื่
“ผมคิดว่าให้เขารักษาคงจะเหมาะกว่า!”เฝิงเจิ้นกล่าวอย่างเรียบเฉยแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิง แต่เมื่อพิจารณาว่าฉินหมิงเป็นแขกของพวกเขาและมีความตั้งใจดี เขาจึงปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ“แต่…”ฉินหมิงยังคงลังเล“ไม่ต้องแต่แล้ว!”“เอาเป็นว่าคุณควรถอยไปก่อน อย่าทำให้การรักษาของหมอชุยเสียเวลา!”เฝิงเจิ้นโบกมือ น้ำเสียงเขาดูเหลืออดขึ้นมาแล้ว“ก็…ได้ครับ”ฉินหมิงถอนหายใจพลางถอยออกมา จากนั้นหมอชุยก็ก้าวไปข้างหน้าหยิบเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ ออกมา และเริ่มทำการตรวจคุณผู้หญิงเฝิงตามปกติ“ในเมื่อวันนี้ลุงเฝิงมีเรื่องต้องทำ ผมคงไม่อยู่รบกวนแล้ว”“ผมขอตัวกลับก่อน”ฉินหมิงยกมือคำนับกล่าวคำอำลาถึงอย่างไรเฝิงเจิ้นก็ไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเขา ดังนั้นจึงดูเหมือนไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องอยู่ต่อ“เดี๋ยว!”“ฉินหมิง ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณที่จะมาที่บ้านของเราสักครั้ง หากคุณจากไปแบบนี้โดยยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ก็จะดูเหมือนว่าพวกเราละเลยคุณมากเกินไป”เฝิงรั่วซวงรีบห้ามอย่างรวดเร็วเมื่อวานนี้ฉินหมิงช่วยให้เธอได้รับความยุติธรรมด้วยตัวเอง เธอจดจำความเมตตานี้ไว้ในใจเสมอ แต่
“เอ๋ เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?...”หมอชุยรู้สึกประหลาดใจเขายังคงใช้หลาย ๆ วิธีต่อไป แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากคุณผู้หญิงเฝิง“หมอชุย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมภรรยาผมยังไม่ตื่น?”เฝิงเจิ้นถามอย่างกังวล“อาการของคุณผู้หญิงในครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าแต่ก่อน…”ท่าทางของหมอชุยเคร่งขรึมขึ้นมาอีกเล็กน้อยเมื่อก่อนเวลาที่คุณผู้หญิงเฝิงเป็นลม เขามักจะสามารถทำให้เธอฟื้นได้อย่างรวดเร็วโดยใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ไม่กี่วิธีตอนนี้เขาเกือบจะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากคุณผู้หญิงเฝิงถึงจะใช้เท้าคิดก็เห็นได้ชัดว่าอาการของคุณผู้หญิงเฝิงในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าเมื่อก่อนมาก!เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอชุยพูด เฝิงเจิ้นก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก “หมอชุย ถ้างั้นตอนนี้ควรทำยังไง?”“คุณเฝิงไม่ต้องกังวล ผมมีวิธีอื่นที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งก็คือการฉีดยากระตุ้นให้ตื่น…”หมอชุยลังเลที่จะพูดการฉีดยากระตุ้นให้ตื่นได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรักษาผู้ป่วยอาการโคม่า แต่บางครั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลโดยทั่วไปแพทย์จะไ
หมอชุยยิ้มอย่างเย็นชา“ลุงเฝิง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องยาตะวันตกมากนักเลยไม่รู้จะอธิบายยังไงดี”“เอาเป็นว่าคุณได้โปรดเชื่อผมเถอะ ด้วยสภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สามารถฉีดยากระตุ้นให้ตื่นได้อย่างแน่นอน!”ฉินหมิงหันความสนใจไปที่เฝิงเจิ้นและแนะนำอย่างหนักแน่นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้รักษาโรคที่ยากและซับซ้อนเป็นจำนวนมาก จนสั่งสมประสบการณ์ทางการแพทย์มาจำนวนหนึ่งประสบการณ์และสัญชาตญาณเหล่านี้บอกเขาว่าทันทีที่คุณผู้หญิงเฝิงได้รับการฉีดยากระตุ้นให้ตื่น มีแนวโน้มว่าอาการจะแย่ลงและถึงขั้นเสียชีวิตทันที!“คุณ…”“คุณเฝิง เด็กคนนี้ตั้งใจก่อปัญหาอย่างเห็นได้ชัด โปรดไล่เขาออกไปและอย่าทำให้การรักษาของผมต้องล่าช้าไปมากกว่านี้!”หมอชุยตะโกนด้วยความโกรธ“คุณฉินกรุณาหลีกทางด้วย!”“เพราะเห็นคุณเป็นแขกผมเลยยอมให้ หวังว่าคุณจะไม่ล้ำเส้นอีก!”เฝิงเจิ้นโกรธที่ฉินหมิงเข้ามาขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำอีกหากฉินหมิงบอกเหตุผลเขาก็อาจจะเชื่อทว่าฉินหมิงก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่หมอจริง ๆ ด้วยซ้ำ แล้วเขาจะเชื่อฉินหมิงได้อย่างไร?หากเปรียบเทียบทั้งสองคนแล้ว เขาเชื่อหมอชุยที่เป็นมืออาชีพมากก