“คุณฉิน โปรดยกโทษที่ฉันพูดตรง ๆ “ฉันได้ยินมาจากรั่วซวงและหลุนเอ๋อร์ว่าระดับการบ่มเพาะของคุณมาถึงขั้นขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานแล้ว ห่างจากระดับปรมาจารย์อีกไม่ไกลแล้ว”“ด้วยอายุที่น้อยแบบนี้ แต่ระดับการบ่มเพาะกลับสูงมากขนาดนี้ คุณจะต้องมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากแน่ ๆ”“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของคุณเป็นใครและมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรเหรอ?”เฝิงเจิ้นจี้ถามอย่างไม่ยอมตัดใจ“นี่...”ฉินหมิงสีหน้าลำบากใจมากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับมรรคาแห่งเต๋าและความลับของเขา เขาย่อมไม่สามารถบอกเฝิงเจิ้นได้เฝิงรั่วซวงเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของฉินหมิง จึงเอ่ยแทรกขึ้นช่วยพูดแทนฉินหมิงว่า “พ่อคะ พ่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทะเบียนบ้านสักหน่อย จะถามมากขนาดนี้ไปทำไม”“เอ่อ...เป็นฉันที่ล้ำเล้นแล้ว”เฝิงเจิ้นยิ้ม แต่ในใจรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยฉินหมิงเป็นแขกที่ตระกูลเขาเชิญมา ปกติเขาย่อมไม่ถามคำถามอะไรแบบนี้แต่คราวนี้แตกต่างออกไปเมื่อคืนที่ผ่านมา เฝิงหลุนยกย่องความเป็นเลิศของฉินหมิงต่อหน้าเขา แถมยังพูดด้วยว่าฉินหมิงและเฝิงรั่วซวงนั้นเหมาะสมกันมาก สิ่งนี้กระแทกใจของเขาโดยตรง!เนื่องจากลูกสาวเขาเคยถูกทำ
“ฉันเดาว่าโรคเก่าของคุณนายอาจจะกำเริบอีกแล้ว…”พี่เลี้ยงอู๋ตอบตามความเป็นจริง“บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น”เฝิงเจินถอนหายใจ สีหน้าของเขาดูเศร้าเล็กน้อย ภรรยาของเขามีร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่ยังเด็ก ในปีนั้นตอนที่เขาบุกโลกใต้ดินภรรยาของเขาก็มักจะขึ้นเหนือล่องใต้ไปกับเขาด้วยทุกที่ บางครั้งนอนกลางดินกินกลางทราย นี่ถึงทำให้ทิ้งต้นตอของโรคเอาไว้ต่อมาหลังจากที่ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวและลูกชายอย่างละคน ร่างกายของเธอก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ เธอล้มป่วยบ่อย ๆ และต้องพักรักษาตัวบนเตียงอย่างต่ำก็ครึ่งปีด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชิญหมอที่มีชื่อเสียงนับไม่ถ้วนมาตรวจดูอาการ สูญเสียเงินและพลังกับเรื่องนี้ไปนับไม่ถ้วน แต่อาการป่วยของภรรยาเขาก็ไม่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ สุขภาพของภรรยาเขาย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เธอมักจะหมดสติอย่างกะทันหันเป็นครั้งคราวนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!เขามองภาพทุกอย่างในดวงตา รู้สึกร้อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้“พี่ซวง เฝิงหลุน ทั้งสองคนไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณป้าเพียงแค่ถูกไอเย็นแทรกเข้าสู่ร่างกายก็เลยหมดสติไป”“ยังไม่มีอะไรร้ายแรงชั่วคราว”ฉินหมิงปลอบใจพวกเขาก
“อ้อ เขาคือคุณฉิน เป็นเพื่อนของหลุนเอ๋อร์น่ะ…” เฝิงเจิ้นอธิบายสั้น ๆ “เขาเป็นหมอเหรอ?”หมอชุยขมวดคิ้วเมื่อก่อนทุกครั้งที่ภรรยาของเฝิงเจิ้นป่วย ตราบเท่าที่เขารักษาเธอให้หายเฝิงเจิ้นก็จะมอบเงินให้กับเขาจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัลถ้าฉินหมิงเองก็เป็นหมอเหมือนกันและเข้ามาแทรกแซงการรักษาของเขากลางคัน นี่ไม่เท่ากับกำลังปล้นงานของเขาหรอกเหรอ!“นี่...”เฝิงเจิ้นไม่รู้ว่าฉินหมิงเป็นหมอไหม ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ฉินหมิงด้วยความสงสัยโดยไม่รู้ตัว“ผมไม่ใช่หมอหรอกครับ”ฉินหมิงส่ายหัวแล้วพูด“ไม่ใช่หมอ?”เฝิงเจิ้นสามพ่อลูกตะลึงงันในทันที โดยเฉพาะเฝิงเจิ้น เมื่อสักครู่นี้เขาเดาว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงมีขอบเขตที่จำกัด ตอนนี้เมื่อรู้ว่าฉินหมิงไม่ใช่หมอด้วยซ้ำ เขาก็เริ่มสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงมากยิ่งขึ้น!หมอชุยโกรธจนหลุดหัวเราะออกมา “คุณเฝิง คนคนนี้ไม่ใช่แม้แต่หมอด้วยซ้ำ กล้าดียังไงถึงมารักษาคนไข้แบบสุ่ม ๆ แบบนี้?”“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบผลที่ตามมา”“ผม…”ใบหน้าของเฝิงเจิ้นมืดลงเมื่อสักครู่นี้เขาร้อนใจเกินไป คว้าอะไรได้ก็อยากให้ลองไปหมด ตอนนี้เมื่
“ผมคิดว่าให้เขารักษาคงจะเหมาะกว่า!”เฝิงเจิ้นกล่าวอย่างเรียบเฉยแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิง แต่เมื่อพิจารณาว่าฉินหมิงเป็นแขกของพวกเขาและมีความตั้งใจดี เขาจึงปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ“แต่…”ฉินหมิงยังคงลังเล“ไม่ต้องแต่แล้ว!”“เอาเป็นว่าคุณควรถอยไปก่อน อย่าทำให้การรักษาของหมอชุยเสียเวลา!”เฝิงเจิ้นโบกมือ น้ำเสียงเขาดูเหลืออดขึ้นมาแล้ว“ก็…ได้ครับ”ฉินหมิงถอนหายใจพลางถอยออกมา จากนั้นหมอชุยก็ก้าวไปข้างหน้าหยิบเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ ออกมา และเริ่มทำการตรวจคุณผู้หญิงเฝิงตามปกติ“ในเมื่อวันนี้ลุงเฝิงมีเรื่องต้องทำ ผมคงไม่อยู่รบกวนแล้ว”“ผมขอตัวกลับก่อน”ฉินหมิงยกมือคำนับกล่าวคำอำลาถึงอย่างไรเฝิงเจิ้นก็ไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเขา ดังนั้นจึงดูเหมือนไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องอยู่ต่อ“เดี๋ยว!”“ฉินหมิง ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณที่จะมาที่บ้านของเราสักครั้ง หากคุณจากไปแบบนี้โดยยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ก็จะดูเหมือนว่าพวกเราละเลยคุณมากเกินไป”เฝิงรั่วซวงรีบห้ามอย่างรวดเร็วเมื่อวานนี้ฉินหมิงช่วยให้เธอได้รับความยุติธรรมด้วยตัวเอง เธอจดจำความเมตตานี้ไว้ในใจเสมอ แต่
“เอ๋ เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?...”หมอชุยรู้สึกประหลาดใจเขายังคงใช้หลาย ๆ วิธีต่อไป แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากคุณผู้หญิงเฝิง“หมอชุย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมภรรยาผมยังไม่ตื่น?”เฝิงเจิ้นถามอย่างกังวล“อาการของคุณผู้หญิงในครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าแต่ก่อน…”ท่าทางของหมอชุยเคร่งขรึมขึ้นมาอีกเล็กน้อยเมื่อก่อนเวลาที่คุณผู้หญิงเฝิงเป็นลม เขามักจะสามารถทำให้เธอฟื้นได้อย่างรวดเร็วโดยใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ไม่กี่วิธีตอนนี้เขาเกือบจะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากคุณผู้หญิงเฝิงถึงจะใช้เท้าคิดก็เห็นได้ชัดว่าอาการของคุณผู้หญิงเฝิงในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าเมื่อก่อนมาก!เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอชุยพูด เฝิงเจิ้นก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก “หมอชุย ถ้างั้นตอนนี้ควรทำยังไง?”“คุณเฝิงไม่ต้องกังวล ผมมีวิธีอื่นที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งก็คือการฉีดยากระตุ้นให้ตื่น…”หมอชุยลังเลที่จะพูดการฉีดยากระตุ้นให้ตื่นได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรักษาผู้ป่วยอาการโคม่า แต่บางครั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลโดยทั่วไปแพทย์จะไ
หมอชุยยิ้มอย่างเย็นชา“ลุงเฝิง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องยาตะวันตกมากนักเลยไม่รู้จะอธิบายยังไงดี”“เอาเป็นว่าคุณได้โปรดเชื่อผมเถอะ ด้วยสภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สามารถฉีดยากระตุ้นให้ตื่นได้อย่างแน่นอน!”ฉินหมิงหันความสนใจไปที่เฝิงเจิ้นและแนะนำอย่างหนักแน่นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้รักษาโรคที่ยากและซับซ้อนเป็นจำนวนมาก จนสั่งสมประสบการณ์ทางการแพทย์มาจำนวนหนึ่งประสบการณ์และสัญชาตญาณเหล่านี้บอกเขาว่าทันทีที่คุณผู้หญิงเฝิงได้รับการฉีดยากระตุ้นให้ตื่น มีแนวโน้มว่าอาการจะแย่ลงและถึงขั้นเสียชีวิตทันที!“คุณ…”“คุณเฝิง เด็กคนนี้ตั้งใจก่อปัญหาอย่างเห็นได้ชัด โปรดไล่เขาออกไปและอย่าทำให้การรักษาของผมต้องล่าช้าไปมากกว่านี้!”หมอชุยตะโกนด้วยความโกรธ“คุณฉินกรุณาหลีกทางด้วย!”“เพราะเห็นคุณเป็นแขกผมเลยยอมให้ หวังว่าคุณจะไม่ล้ำเส้นอีก!”เฝิงเจิ้นโกรธที่ฉินหมิงเข้ามาขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำอีกหากฉินหมิงบอกเหตุผลเขาก็อาจจะเชื่อทว่าฉินหมิงก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่หมอจริง ๆ ด้วยซ้ำ แล้วเขาจะเชื่อฉินหมิงได้อย่างไร?หากเปรียบเทียบทั้งสองคนแล้ว เขาเชื่อหมอชุยที่เป็นมืออาชีพมากก
“พ่อ…”พี่น้องเฝิงรั่วซวงและเฝิงหลุนไม่พอใจอย่างมากฉินหมิงก็เป็นแขกของพวกเขาเช่นกัน เฝิงเจิ้นไม่เพียงใช้กำลังกับฉินหมิงเท่านั้น แต่ยังเอ่ยปากไล่เขาออกไปด้วย นี่มันมากเกินไปแล้ว!“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ส่งแขก!”ดวงตาที่เฉียบคมของเฝิงเจิ้นมองไปทางเฝิงรั่วซวงและเฝิงหลุนทางเฝิงรั่วซวงไม่กลัว แต่เฝิงหลุนนั้นกลัวอำนาจของพ่อมาตั้งแต่เด็ก เขาตัวสั่นและไม่กล้าโต้แย้งพ่อของเขาอีกมีเจตนาดีแต่กลับถูกเข้าใจผิด!ไม่ว่าฉินหมิงจะอารมณ์ดีแค่ไหนเขาก็โกรธมากหากเขาไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ เขาคงจะออกไปนานแล้ว คงไม่อยู่ที่นี่เพื่อทำให้ตัวเองลำบากใจ!แต่เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เขาก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เฝิงเจิ้นปฏิเสธที่จะฟังคำห้ามของเขา เขาก็คงทำอะไรไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัว!”ฉินหมิงตะคอกอย่างเย็นชา หันหลังสะบัดแขนเสื้อจากไป“คุณชายฉิน เดี๋ยวผมไปส่ง…”เฝิงหลุนถอนหายใจพลางรีบไล่ตามเขาไป“เอาล่ะหมอชุย ตอนนี้เงียบแล้ว”“คุณรีบช่วยภรรยาของผมเร็ว ๆ เถอะ!”เฝิงเจิ้นเร่งเร้าโดยมองไปยังภรรยาของเขาที่อยู่บนเตียง ดวงตาที่เฉียบคมเดิมของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก“ครับ”
หมอชุยกล่าวอย่างใจเย็น โดยพยายามปัดความรับผิดชอบ“ส่งไปโรงพยาบาลเหรอ พูดง่ายจังนะ!”“ตอนนี้แม่ของฉันอยู่ในสภาพนี้ แล้วจะทนกับแรงกระแทกจากเคลื่อนย้ายได้ยังไง!”“กว่าจะพาไปถึงโรงพยาบาล แม่คงตายก่อน!”เฝิงรั่วซวงต่อว่าอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล“เอ่อ…”หมอชุยพูดไม่ออกเขารู้ว่าเฝิงรั่วซวงพูดถูก ด้วยสภาพร่างกายของคุณผู้หญิงเฝิงในตอนนี้ หากเธอถูกส่งไปโรงพยาบาลก็อาจจะตายระหว่างทาง!“รั่วซวง ไม่ต้องกังวล ฉันจะคิดหาทางได้แน่นอน ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดและจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของแก!”เฝิงเจิ้นพูดปลอบ แต่เขารู้สึกหนักอึ้งมากจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร“พ่อคิดวิธีอะไรออกบ้างไหมล่ะ?”“สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นความผิดของพ่อทั้งหมด ฉินหมิงอุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่าฉีดยาให้แม่สุ่มสี่สุ่มห้า แต่พ่อก็ไม่ยอมฟังแถมยังไล่เขาไปอีก!”“จนทำให้แม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!”“ถ้าแม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเรื่องนี้จริง ๆ หนูจะเกลียดพ่อไปตลอดชีวิตแน่!”เฝิงรั่วซวงคำรามด้วยความโกรธขณะที่เธอพูด เธอก็ทนความเศร้าในใจไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวก