นี่คือความปรารถนาสูงสุดของเขาในขณะนี้!“ฉินหมิง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“ตระกูลซูของเราได้กักยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งไว้ล่วงหน้าแล้วหนึ่งพันเม็ด ในบรรดานี้คุณปู่ของฉันขอให้ฉันนำมามอบให้คุณห้าร้อยเม็ด”ซูซินเหยาหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกออกมาหลายขวดแล้วมอบให้ฉินหมิงจำนวนยาหลอมลมปราณชั้นยอดที่ฉินหมิงหลอมครั้งสุดท้ายมีจำนวนจำกัด ตระกูลซูได้รับยาทั้งสิ้นเพียงสองพันหกร้อยเจ็ดสิบเม็ดเท่านั้นยาหลอมลมปราณชั้นยอดเหล่านี้มีจำนวนน้อยเกินไป ไม่เพียงพอให้ตระกูลซูใช้ทุกวัน ดังนั้นนายท่านซูจึงลอบกักยาหลอมลมปราณชั้นหนึ่งไว้อีกหนึ่งพันเม็ดอย่างไรก็ตาม ตระกูลซูและฉินหมิงนั้นมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน คนหนึ่งรับผิดชอบในด้านการจัดหาวัตถุดิบยา ส่วนอีกคนรับผิดชอบการหลอมยาทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมกันคนละครึ่ง ดังนั้นยาที่หลอมได้จึงต้องแบ่งให้เท่า ๆ กันนี่คือหลักการใช้ชีวิตของนายท่านซู“ผม…”ยาหลอมลมปราณชั้นยอดบนตัวฉินหมิงนั้นเพียงพอแล้ว ในตอนนี้เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้หลอมลมปราณระดับหนึ่งมากขนาดนี้เดิมทีเขาต้องการปฏิเสธความหวังดีของนายท่านหลิน แต่เมื่อเขาจำได้ว่าตระกูลหลินดูเหมือนจะต้องการยาหลอ
ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานของซูห่าว ตราบเท่าที่เขาใช้ยาปราณแท้หนึ่งเม็ด ระดับการบ่มเพาะของเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ทันที!“ดีจริง ๆ!”ซู่หาวตื่นเต้นมาก แต่เมื่อจำได้ว่าตัวยาหลักอายุห้าร้อยปีนั้นหายากและล้ำค่าเพียงใด ความตื่นเต้นของเขาก็ลดลงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้“คุณฉิน พูดตามตรงนะครับ ตัวยาหลักที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยปีขึ้นไปนั้นหาได้ยากมากจริง ๆ แม้แต่กับตระกูลซูของเราก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มา”“อย่างไรก็ตาม คุณวางใจเถอะ กลับไปผมจะส่งคนไปสอบถามตามเมืองรอบ ๆ เพิ่ม ขอแค่มีข่าว ผมสัญญาว่าจะแจ้งให้คุณทราบโดยเร็วที่สุด!”“ได้ ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับวัตถุดิบยา ฉินหมิงก็หยิบยายาเสริมความงามและยาอายุวัฒนะ จากนั้นถึงกลับไปที่ห้องโถงเห็นว่าฉินหมิงกลับมาแล้ว หลินหว่านชิงก็อดไม่ได้ถามแปลก ๆ "ฉินหมิง ฉันไม่เจอนายในห้องโถงเลย นายไปไหนมา?"“อ้อ ผมไปซื้อเม็ดยามาน่ะ…”“นี่คือยาเสริมความงาม สามารถช่วยบำรุงผิวหน้าให้คงความอ่อนเยาว์ตลอดไปได้ และได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณสาว ๆ…”ฉินหมิงหยิบขวดยายาเสริมความงาม
หลังจากที่ฉินหมิงเห็นกว่านโม๋ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าทำไมซูห่าวถึงได้เป็นศัตรูกับเหลิ่งจวิ้นข้างหลังหลินเถิงฮุ่ยนำคนของเขาหลายคนติดตามมาแล้ว เมื่อเห็นฉากที่เหลิ่งจวิ้นและคนของเขาล้อมฉินหมิงและหลินหว่านชิงเอาไว้“นายท่าน คุณหนูใหญ่ดูเหมือนจะมีปัญหา เราควรยื่นมือเข้าแทรกดีไหมครับ?”ลูกน้องคนหนึ่งของเขาถามหลินเถิงฮุ่ยเพื่อขอคำแนะนำ“ไม่จำเป็น!”“ดูเหมือนว่าเหลิ่งจวิ้นจะมุ่งเป้ามาที่ฉินหมิง เขาไม่น่าจะแตะต้องหว่านชิง”“อย่างไรก็ตาม เรามาดูสถานการณ์กันก่อน ถ้าเหลิ่งจวิ้นกล้าที่จะทำร้ายหว่านชิงจริง ๆ ก็ยังไม่สายเกินไปที่เราจะออกหน้า”หลินเถิงฮุ่ยลังเลเล็กน้อยและกล่าวตระกูลหลินและตระกูลเหลิ่งนั้นไม่ได้มีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์กัน ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเหลิ่งจวิ้นจะฉลาดพอและไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายหลินหว่านชิงของเขาสำหรับฉินหมิง ไอ้หนูที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่ง ถึงกับกล้าที่จะหมายปองลูกสาวของเขา!เขาเกลียดชังฉินหมิงจับใจ และหวังว่าเหลิ่งจวิ้นจะช่วยสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินหมิงแรง ๆ แล้วเขาจะออกหน้าแทนฉินหมิงได้ยังไง!แน่นอนว่า ถ้าลูกสาวของเขาได้เห็นกับตาตัวเองว่าฉินหม
ความเร็วในการพัฒนาความสัมพันธ์นี้ เร็วกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก ซึ่งเกินความคาดหมายของเขาอย่างมากชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกเกลียดชังฉินหมิงมากขึ้นไปอีกถ้าเมื่อสักครู่นี้เขาแค่อยากให้เหลิ่งจวิ้นสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินหมิงสักยก ตอนนี้เขาอยากให้เหลิ่งจวิ้นฆ่าฉินหมิงให้ตาย ๆ ไปเสียจะได้จบเรื่อง!“หลินหว่านชิง คนอื่นอาจจะกลัวตระกูลหลินของเธอ แต่ฉันเหลิ่งจวิ้นไม่กลัว!”“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเขาจะเป็นแฟนของเธอหรือเปล่า สรุปง่าย ๆ คือเขาทำลายเรื่องดี ๆ ของฉันเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นวันนี้ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด!”“ถ้าเธอยังเกะกะไม่เลิก อย่าหาว่าฉันหยาบคายกับเธอก็แล้วกัน!”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชามากไม่ต้องพูดถึงว่าฉินหมิงเป็นแค่แฟนของหลินหว่านชิง แม้ว่าฉินหมิงจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิน และสถานะของเขาก็ทัดเทียมกับเขามากที่สุด เขาก็ไม่กลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอ้หนูนี่ในตอนนี้เลย เขาไม่เห็นฉินหมิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!“ฉันไม่…”หลินหว่านชิงกำลังจะหักล้างคำพูดของเขา แต่ก็ถูกฉินหมิงขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดอะไร“หว่านชิง เรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากฉัน เพราะงั้นให้ฉันจัดการเถอะ”ฉินหมิงก้าวขึ้น
“หว่านชิง วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไรหรอกเชื่อสิ!”ฉินหมิงตบมือของหลินหว่านชิงแล้วเอ่ยปลอบใจให้เธอสบายใจก่อนเดินออกไปหลินหว่านชิงรู้สึกจนปัญญามาก เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะหวนกลับอีกแล้วเธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องเชื่อใจฉินหมิง“ไอ้หนู แกคงไม่คิดว่าจะมีวันนี้ใช่ไหม”“ครั้งที่แล้วที่แกลอบโจมตีฉัน ทำให้ฉันต้องนอนพักฟื้นนานกว่าครึ่งเดือน”“วันนี้ฉันจะใช้เลือดของแกล้างความอัปยศในครั้งนั้น!”กว่านโม๋จ้องเขาเขม็ง“ตาแก่ อย่าได้ไม่รู้ดีชั่ว ไม่เห็นน้ำใจของคนอื่น!”“ครั้งที่แล้วฉันอุตส่าห์มีเมตตา ไว้ชีวิตของแก”“แต่ครั้งนี้แกจะไม่โชคดีแบบนั้นอีกแล้ว!”ฉินหมิงพูดอย่างสงบ เขายกมือขึ้นไพล่หลังราวกับว่าเป็นปรมาจารย์ ดวงตาที่เข้มงวดของทั้งสองข้างมองไปที่กว่านโม๋ราวกับว่ากำลังมองดูมดปลวกตัวหนึ่ง“ผายลม!”“ไอ้หนู แกกำลังรนหาที่ตาย!”กว่านโม๋โกรธมาก กลิ่นอายที่ทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา จากนั้นเขาก็หยุดพูดไร้สาระ โจมตีไปที่หน้าอกของฉินหมิงอย่างรวดเร็วด้วยหมัดที่ทรงพลังพอที่จะทำให้รูปปั้นหินแหลกเป็นชิ้น ๆ“ฉินหมิง ระวัง…”ใบหน้าที่สวยงามของ
แต่ฉินหมิงสามารถเอาชนะกว่านโม๋ที่อยู่ในขั้นสูงระดับสวรรค์ประทานเพียงหมัดเดียวได้ ความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ได้ง่ายดายแค่ขั้นต้นระดับสวรรค์ประทานแน่นอน!“นายน้อยจวิ้น ผมรับประกันได้เลยว่าครั้งที่แล้วความแข็งแกร่งของเขายังอยู่ในขั้นต้นระดับสวรรค์ประทานจริง ๆ!”“เขาสามารถเอาชนะผมได้ด้วยกระบวนท่าเดียว นี่ต้องใช้วิธีที่น่ารังเกียจบางอย่างแน่…”กว่านโม๋จ้องฉินหมิงอย่างดุร้ายเนื่องจากครั้งที่แล้วเขาถูกลอบโจมตีและเล่นงานโดยฉินหมิง เขาจึงตระหนักได้ว่าฉินหมิงนั้นเจ้าเล่ห์มาก ในครั้งนี้เองเขาก็คงใช้วิธีการบางอย่าง ไม่อย่างนั้นฉินหมิงจะเอาชนะเขาด้วยการโจมตีครั้งเดียวได้ยังไง!“ไร้สาระ!”“พวกนายสองคนต่อสู้กันอย่างเปิดเผย เขาจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจอะไรได้”“และถ้าเขาใช้วิธีการที่น่ารังเกียจจริง ๆ พวกเรามีกันเยอะแยะขนาดนี้ มันจะรอดพ้นจากสายตาของพวกเราทุกคนได้เหรอ”เหลิ่งจวิ้นดุเขาอย่างไม่พอใจ“นี่...”กว่านโม๋พูดไม่ออก“ในความเห็นของผม นายน้อยจวิ้น เป็นไปได้ว่ากว่านโม๋เพิ่งจะทะลวงด่าน ระดับการบ่มเพาะยังไม่มั่นคงชั่วคราว ก็เลยเสียเปรียบ…”“ได้โปรดอนุญาตให้ผมออกไปสู้สักครั้ง ให้ผมได้ลอง
“อย่างไรก็ตาม บนร่างกายแกไม่มีพลังปราณ น่าจะเป็นปรมาจารย์กังฟูสายนอกคนหนึ่ง!”“ทักษะของกังฟูสายนอกนั้นระเบิดพลังได้รุนแรงในช่วงต้น ทว่าช่วงหลัง ๆ จะไร้เรี่ยวแรง ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าแกจะขยับได้อีกสักกี่ครั้ง!”เหลิ่งจวิ้นพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยเขาไม่เคยสังเกตเห็นความผันผวนของพลังปราณจากร่างของฉินหมิงเลย จึงคิดและเข้าใจว่าฉินนั้นหมิงเป็นเพียงปรมาจารย์กังฟูสายนอกคนหนึ่งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใครสามารถฝึกฝนกังฟูสายนอกจนมีระดับสูงเทียบเท่ากับขั้นสูงระดับสวรรค์ประทานได้ แต่ฉินหมิงกลับทำได้ นี่นับว่าเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาได้ยากคนหนึ่ง!อย่างไรก็ตาม กังฟูสายนอกนั้นไม่มีพลังปราณ ย่อมไม่อาจต่อสู้ในสงครามยืดเยื้อได้ เพราะปราศจากการสนับสนุนจากพลังปราณอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของฉินหมิงเองก็ด้อยกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาประเมินว่าอย่างมากสุด ตัวเองจะจัดการกับฉินหมิงในกระบวนท่าที่สามหรือไม่ก็สี่!ราวกับจะยืนยันการคาดเดาของเขาใบหน้าของฉินหมิงซีดลง จากนั้นเขาค่อยก็ ๆ เริ่มสูญเสียกำลัง ถูกเขาทุบตีจนล่าถอยไป สถานการณ์อันตรายอย่างมาก“ไอ้หนู มันจบแล้ว!”“ล้ม
“พรวด...”เหลิ่งจวิ้นกระอักเลือดออกมา ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปหลายเมตรก่อนจะกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงเมื่อเห็นฉากนี้แล้วกว่านโม๋ได้แต่ตกตะลึงลูกน้องคนอื่น ๆ ของเหลิ่งจวิ้นเองก็ตกตะลึงเหมือนกันแม้แต่หลินเถิงฮุ่ยที่มองเหตุการณ์นี้จากด้านหลังก็ยังทำอะไรไม่ถูก !เหลิ่งจวิ้นเป็นผู้นำของกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเมืองเจียงเฉิง แม้ว่าชื่อเสียงในฐานะเพลย์บอยของเขาจะทำให้เขามีภาพลักษณ์ไม่ดี แต่ความสามารถด้านการต่อสู้และการบ่มเพาะของเขานั้นแข็งแกร่งมากจนคนในรุ่นราวคราวเดียวกันแทบไม่มีใครเทียบกับเขาได้ต่อให้ซูห่าวและเค่ออั๋งจะเผชิญหน้ากับเหลิ่งจวิ้นพร้อมกัน พวกเขาก็ไม่อาจเอชนะเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาชนะเหลิ่งจวิ้นเลยแต่ฉินหมิงเด็กหนุ่มที่ไร้ชื่อเสียงคนนี้ ไม่เพียงแต่เอาชนะเหลิ่งจวิ้นได้เท่านั้น เขายังทำให้เหลิ่งจวิ้นได้รับบาดเจ็บด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยความตกใจในใจของพวกเขานั้น ใครก็ยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ!โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลินเถิงฮุ่ย เขาตกใจมากจนกรามของเขาแทบจะรวงลงมากับพื้น!เขารู้ภูมิหลังของฉินหมิงดี เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ผ่านการหย่าร้างมาก่อน ไร้ซึ่งภูมิหลังแล