ไม่งั้นจิตสำนึกของเขาคงมีปัญหา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่เกรงใจอย่ามาโทษกันล่ะ!”เหยียนซ่งไท่โกรธจนแทบจะระเบิด โมโหจนแทบอยากเคี้ยวฉินหมิงให้แหลกฉินหมิงรู้สึกลังเลมากถึงแม้ว่าหลินหว่านชิงจะหนุนหลังเขาอยู่ และไม่ได้กลัวการข่มขู่ของเหยียนซ่งไท่อย่างไรก็ตาม หลินหว่านชิงได้บอกไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่า เธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา และเธอไม่ต้องการให้เขาใช้ชื่อเธอกระทำการเสื่อมเสียในบริษัทนี้ยิ่งไปกว่านั้น เหยียนซ่งไท่ยังเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีอำนาจในบริษัท ผู้นำอาวุโสหลายคนของบริษัทหนุนหลังอยู่การทะเลาะกับเจ้านายในวันแรกของการทำงาน ย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาอย่างแน่นอนหากเรื่องราวบานปลายใหญ่โตส่งผลต่อบริษัท ความประทับใจดี ๆ ที่หลินหว่านชิงมีต่อเขาจะต้องลดลงมากแน่นอนเมื่อเห็นฉินหมิงนิ่งเงียบไป เหยียนซ่งไท่ก็คิดว่าฉินหมิงกลัว เขาเลยหัวเราะออกมา "ทำไมยังอยู่อีกล่ะ ยังไม่รีบออกไปอีก!"“ผู้อำนวยการเหยียนครับ ผมมารายงานตัวตามกฎและข้อบังคับของบริษัท คุณให้ผมออกไปแบบนี้ ดูเหมือนไม่เหมาะสมนิดหน่อยว่าไหมครับ?”ฉินห
เพียะ!ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แก้ม ฉินหมิงรู้สึกโกรธมาก และยกมือปิดหน้าไว้ เขารู้ว่าเหยียนซ่งไท่ต้องจงใจทำแน่!แต่ในช่วงสามปี นับตั้งแต่เขาเข้าไปอยู่ในตะกูลหม่า เขาเริ่มชินกับการเยาะเย้ยและการกลั่นแกล้ง ถูกหม่าลู่บั่นทอนความมั่นใจของเขาเหยียนซ่งไท่ที่กำลังทำให้เขาลำบาก ในที่สุดเขาจึงเลือกที่จะข่มความโกรธของเขาไว้“ยืนบื้ออะไรอยู่อีก!”“ทำไมไม่รีบเก็บเศษแก้วแล้วทำความสะอาด!”เหยียนซ่งไท่ตวาดใส่เขาฉินหมิงข่มความโกรธตัวเอง แล้วนั่งลงหยิบเศษแก้วที่แตกอยู่บนพื้น“คิดสู้กับฉันเหรอ?”“ตาบอดรึไง อย่างแกนี่มันกาก!”เหยียนซ่งไท่ยิ้มอย่างเย็นชา เหยียบลงหลังมือของฉินหมิง และขยี้เท้าอย่างแรงเศษแก้วแหลมคมอยู่ใต้ฝ่ามือของฉินหมิง ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้ามา เศษแก้วแหลมคมหลายชิ้นทิ่มแทงฝ่ามือของเขาจนเลือดไหลออกมาฟืด!ฉินหมิงหายใจเข้าและดึงมือเขากลับอย่างแรงเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเท้าของเหยียนซ่งไท่ที่เหยียบบนหลังมือของฉินหมิง เขาตั้งตัวไม่ทัน และล้มกับพื้นดังตึงจนหงายท้องขาชี้ฟ้า“แม่งเอ้ย ไอ้บัดซบนี่ อยากตายสินะ!”เหยียนซ่งไท่โกรธมากซะจนเขาเอาก้นบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือเขวี้ยงใส่หน้าฉินห
เหยียนเก๋อเมิ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของเหยียนซ่งไท่และยังเป็นหัวหน้ารปภ.อีกด้วย ซึ่งก็เป็นฝืมือของเหยียนซ่งไท่ที่เลื่อนขั้นให้กับเขาแน่นอนว่าเมื่อเป็นคำสั่งของเหยียนซ่งไท่ เขาจะไม่มีทางขัดคำสั่งอย่างแน่นอน“แม่งเอ๊ย กล้าทำร้ายพี่ฉันเหรอ ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหมแก!”“มาให้ฉันจัดการซะดี ๆ ! วันนี้แหละฉันจะทำให้แกพิการ ฉันจะตีแกให้ตายเอง” เหยียนเก๋อเหมิงตะคอกพร้อมหยิบกระบองยางของยามออกมารปภ.คนอื่น ๆ ก็หยิบกระบองยางของยามออกมาเช่นเดียวกัน และพากันจู่โจมฉิงหมิงเหมือนหมาหมู่“ระวังค่ะ!”เฉินถิงถิงมองดูอย่างอกสั่นขวัญหายที่ฉินหมิงขัดแย้งกับผู้อำนวยการเหยียนก็เพราะเขาพยายามช่วยเหลือเธอแต่ตอนนี้สติเธอกระเจิดกระเจิง ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความร้อนรน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเมื่อก่อนเหยียนเก๋อเมิ่งเคยเป็นอันธพาลชื่อดังในย่านท้องถนน การที่ต้องต่อสู้กับห้าหกคนพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา ต่อมาเขาพลาดท่าทำร้ายคนอื่นจนถึงขั้นพิการจึงต้องเข้าคุกไปถึงสองปี จากนั้นผู้อำนวยการเหยียน ก็เป็นคนที่ช่วยฉุดเขาขึ้นมา“หมอนี่ตาบอดหรือไงถึงกล้าล่วงเกินผู้อำนวยการเหยียน ต้องเจอความโหดร้ายของเหยียนเก๋อเมิ่ง กลัวว่าเ
แม้ว่าเหยียนเก๋อเมิ่งจะแก้แค้นให้เขาไม่สำเร็จ แต่ก็ทำให้ไล่ฉินหมิงออกจากบริษัทได้ ซึ่งก็ช่วยระบายโทสะเขาไปได้นอกจากนี้ขอแค่ฉินหมิงโดนไล่ออก เขาก็จะไม่มีบริษัทคอยคุ้มครองและช่วยไกล่เกลี่ย เขาสามารถแจ้งความกับตำรวจอย่างเปิดเผยและจับกุมฉินหมิงซะ“ไล่ผมออกเหรอ?”“เพราะว่าแกมันไม่มีคุณสมบัติ!”ฉินหมิงมองเหยียนซ่งไท่อย่างเยือกเย็น เขาค่อย ๆ ก้าวไปหาฝ่ายตรงข้ามทีละก้าว“แก…แกคิดจะทำอะไร?”“ฉันเตือนแกไว้ก่อน แก…อย่าเข้ามานะ…”เหยียนซ่งไท่ถอยหลังไม่หยุด ในใจของเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยพอใจนะ!“ผมต่อยคุณอีกสักหมัดเป็นไง!”ฉินหมิงยิ้มเย็น ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกไม่สู้สั่งสอนเหยียนซ่งไท่เพิ่มถือเป็นการระบายโทสะให้ตัวเองดีกว่าเขายังจำได้ดีว่า ชายแก่ที่ทำตัวเหมือนเด็กนี่ต้องการชีวิตเขาถึงตอนนั้นถ้าหลินหว่านชิงรู้สึกไม่ดีกับเขาหรือจะไล่เขาออกจากบริษัท ก็ยังถือว่าคุ้มค่า“แกกล้า…”เหยียนซ่งไท่เปลี่ยนสีหน้า ใจคิดอยากจะหนีแต่ก็กลับไร้ทางหนี“หยุดนะ!”เมื่อฉินหมิงยกหมัดขึ้นกำลังจะต่อย ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดอย่างเย็นชาดั
เฉินถิงถิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอรู้ว่าในบริษัทเหยียนซ่งไท่มีตำแหน่งและอำนาจในระดับสูง แม้ว่าเธอจะพูดความจริงออกมา อย่างมากที่สุดหานซีก็แค่ตำหนิเหยียนซ่งไท่ไม่กี่ประโยค ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่ดีหลังจากเรื่องจบตัวเธอเองที่จะต้องรับกับผลเสียที่ตามมา เหยียนซ่งไท่จะต้องใช้อำนาจไล่เธอออกอย่างแน่นอน!เธอคิดถึงแม่ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงในพยาบาลขึ้นมา ไหนจะน้องชายที่กำลังเรียนหนังสือ ไหนจะความหวังที่ญาติตั้งไว้สูงกับเธอ!ในตอนนี้เฉินถิงถิงได้เกิดลังเลใจขึ้นมา“เป็นอะไรไป คุณพูดต่อสิ?”หานซีเร่งเร้า“ดิฉัน…ดิฉันกับผู้อำนวยการเหยียนคุยเรื่องงานที่ห้องสำนักงานค่ะ เขาไม่ได้ลวนลามฉันค่ะ…”เฉินถิงถิงพูดออกมาอย่างอึกอักพลางก้มหัวลงไม่กล้าสบสายตาฉินหมิงเธอซาบซึ้งมากที่ฉินหมิงช่วยเธอเอาไว้ แต่เธอก็ไม่สามารถรับผลเสียหากถูกไล่ออกไหว เธอทำได้แค่แอบพร่ำขอโทษฉินหมิงในใจเท่านั้น“อะไรนะ?”ฉินหมิงรู้สึกราวกับโดนสายฟ้าฟาด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อเขาคิดไม่ถึงว่าตนช่วยเฉินถิงถิงทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเฉินถิงถิงหักหลังเขาแสนสาหัส!“นี่ผู้ช่วยหาน คุณได้ยินทั้งหมดแล้วใช่ไหม ผมถูกใส่ร้
“ผมบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ไง!”“นี่ผู้ช่วยหาน คุณคงไม่ได้ตั้งใจจะปกป้องหมอนี่ใช่ไหม?”สีหน้าเหยียนซ่งไท่ไม่สบอารมณ์ เขาต้องการส่งฉินหมิงให้ตำรวจจัดการไม่อย่างนั้นคงยากที่จะกำจัดความแค้นในใจได้!หานซีเริ่มไม่พอใจความดื้อด้านของเหยียนซ่งไท่ “นี่ผู้อำนวยการเหยียน ฉันทั้งใช้ไม่อ่อนไม้แข็งกับคุณแล้วนะ ฉันถือว่าให้เกียรติคุณมากแล้ว คุณเองก็อย่ามากเกินไปนัก!“ฉินหมิงเป็นเพื่อนของหว่าน…ของฉันเอง!”“สรุปคุณจะตกลงหรือไม่ตกลงก็ช่าง เพราะเรื่องนี้ก็จะจบแบบนี้!หานซีหงุดหงิดเล็กน้อย พอประจำเดือนมาก็หงุดหงิดเพิ่มไปอีก เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่สนใจว่าคำพูดของเธอมันจะทำให้เกิดความโกลาหลหรือไม่แน่นอนว่าคำพูดของเธอทำให้คนอื่นคิดไปอีกความหมายหนึ่งทันทีที่หานซีพูดออกมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ฮือฮา“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”“มิน่าล่ะหมอนี่ถึงได้กล้าท้าทายผู้อำนวยการเหยียน ที่แท้เขาก็เป็นคนของผู้ช่วยหานนี่เอง!”“ตอนนี้มีเรื่องดี ๆ ให้ดูซะแล้วซิ!”…ทุกคนต่างตกตะลึงกระซิบกระซาบพูดคุยกัน ใคร ๆ ต่างก็คิดไม่ถึงว่าฉินหมิงคนนี้ไม่เพียงแต่ต่อสู้ได้เก่ง เขายังมีแบ็คอัพใหญ่อย่างหานซีด้วย!เป็นอย่างนี้ยิ่งทำให
“ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ ผู้อำนวยการเหยียนรังแกลูกน้อง…”ใบหน้าฉินหมิงเต็มไปด้วยความขมขื่นและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกรอบ แต่ในใจเขากังวลเพราะว่าเฉินถิงถิงเป็นพยานให้กับเหยียนซ่งไท่ คงยากที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจากหลินหว่านชิง“ประธานหลิน มันใส่ร้ายผม!”“ตอนนั้นผมกับเลขาเฉินกำลังคุยเรื่องงานกันอยู่ เธอเป็นพยานให้ผมได้…”เหยียนซ่งไท่รีบพูด“เลขาเฉิน ที่ผู้อำนวยการเหยียนพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”หลินหว่านชิงโบกมือและเรียกเฉินถิงถิงให้ไปยืนต่อหน้าเธอ“ใช่ค่ะ…”เฉินถิงถิงก้มหัวลงไม่กล้าสบตาของหลินหว่านชิงและยิ่งไม่กล้าสบสายตาของฉินหมิง“ฉินหมิง ตอนนี้นายมีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า?”หลินหว่านชิงมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเรียบเฉย“ผม…ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ”ฉินหมิงถอนหายใจ ภายในใจสูญสิ้นความหวังเห็นฉินหมิงก้มศีรษะราวกับว่าเขาเป็นไก่ชนที่ตีแพ้ หลินหว่านชิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเธอไม่เหมือนกับหานซี เธอรู้จักนิสัยของฉินหมิงดีกว่าฉินหมิงอาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์หรือความสามารถโดดเด่นแต่ฉินหมิงนิสัยดี เขาเป็นผู้ชายที่มีความกล้าหาญอย่างมากกล้าทำกล้ายอมรับ เขาไม่ใช่คนประเภทหน้าไว้หลังหลอกแน
“เหยียนซ่งไท่ นี่คุณทำเรื่องงามหน้ามากเลยนะ!”หลินหว่านชิงเกรี้ยวกราดจ้องเหยียนซ่งไท่เขม็งเหยียนซ่งไท่เองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องราวจะมาถึงจุด ๆ นี้ ใบหน้าเขาเขียวคล้ำแต่คนอย่างเขาผ่านอุปสรรคมาอย่างโชกโชน ไม่นานเขาก็มีทีท่าสงบนิ่ง“ประธานหลิน ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เลขาเฉินเป็นพยานให้กับผม แต่ตอนนี้จู่ ๆ เธอกลับคำให้การ เธอพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด!“ในฐานะที่คุณเป็นประธานบริษัทคุณก็ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิครับ คุณฟังเลขาเฉินไม่กี่ประโยคก็หมายหัวว่าผมผิดแล้วอย่างนั้นเหรอ?เหยียนซ่งไท่เถียง“ทำไมคะ คุณไม่ยอมรับเหรอ?”หลินหว่านชิงยกยิ้มขึ้นมาแต่รอยยิ้มนั้นเย็นเยียบ“ก็แน่น่ะสิ ผมไม่ยอมรับ!”“ผมเป็นคนเก่าแก่ของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมทำงานอย่างหนักให้กับบริษัท แม้ว่าผมจะไม่มีเครดิตก็ตาม แต่ฉินหมิงนี่เพิ่งที่มาเป็นเลขาใหม่ไม่มีความสำคัญอะไรด้วยซ้ำ!”“แล้วอีกอย่างเมื่อกี้มันก็ยอมรับเรื่องนี้แล้ว ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมคุณถึงเชื่อมันแต่กลับไม่เชื่อผม!”เหยียนซ่งไท่เถียงสู้คอเป็นเอ็น“ทำไมงั้นเหรอ? ฉันจะบอกคุณว่าทำไม!”“เพราะว่าเมื่อสองวันก่อนฉินหมิงเขาได้ช่วย