หลี่เจียฮุ่ยพูดอย่างกังวลใจ เธอหวังว่าฉินหมิงจะได้สติและไม่หลงเดินทางผิดฉินหมิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารู้ว่าหลี่เจียฮุ่ยเข้าใจผิด แต่เขาก็รู้ด้วยว่าหลี่เจียฮุ่ยปรารถนาดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม“ตกลง ฉันจะฟังเธอ ฉันจะไม่กลับไปประมูลหยกดิบอีกแล้ว”ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มตอนที่เขาตั้งค่ายกลรวมวิญญาณครั้งก่อน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเสี่ยงโชคกับหยกดิบสายน้ำในอุตสาหกรรมนี้เชี่ยวกรากเกินไป หากเขาหลงระเริงและมีคนพบว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในหยกดิบ ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ!เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพาตัวเองไปสู่จุดจบได้อย่างง่ายดาย!ดังนั้นหลังจากตอนนั้นจนครั้งล่าสุด เขาไม่เคยเสี่ยงโชคกับหยกดิบอีกเลย และเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะกอบโกยเงินทองจะอุตสาหกรรมนี้มากมายเท่าไร"ดีแล้ว"หลังจากได้รับคำรับรองจากฉินหมิงแล้วหลี่เจียฮุ่ยก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นดูเหมือนเธอจะจำอะไรบางอย่างได้ และพูดด้วยความโกรธว่า "ฉินหมิง ถึงนายจะพอมีโชคอยู่กับตัว แต่อนาคตนายจำเป็นต้องซื้อบ้านและรถยนต์ และจะต้องใช้เงินอีกไม่น้อยเลยด้วย!""แม้ว่าตอนนี้นายจะมีเงินอยู่บ้าง แต่นายก็ไม่อาจใช้มัน
หลี่เจียฮุ่ยยิ้มและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอพูดดูเหมือนจะมีความคลุมเครือทำให้เธอหน้าแดงฉินหมิงแค่เล่นตลกไม่คิดใส่ใจอะไร เขาชี้ไปที่ร้านขายเครื่องสำอางที่อยู่ไม่ไกลและพูดว่า "เจียฮุ่ย เธอยังอยากซื้อเครื่องสำอางบ้างไหม?""ร้านขายเครื่องสำอางด้านหน้าก็ดูสวยดีนะ ไปลองดูกัน""อืม"ใบหน้าที่สวยงามของหลี่เจียฮุ่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง และทั้งสองก็เดินไปด้วยกันนี่คือร้านเครือเครื่องสำอางแบรนด์ใหญ่ที่จำหน่ายเครื่องสำอางระดับไฮเอนด์และกลางถึงไฮเอนด์เป็นหลัก รวมถึงเครื่องสำอางชื่อดังระดับนานาชาติมากมาย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว น้ำหอม เวชสำอาง ฯลฯ มากมายฉินหมิงและหลี่เจียฮุ่ยเดินเข้าไปในร้านเครื่องสำอางอาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ลูกค้าในร้านจึงเยอะมาก และพนักงานหลายคนก็ยุ่งเกินกว่าจะออกไปได้ฉินหมิงเดินไปรอบ ๆ กับหลี่เจียฮุ่ยสักพัก แต่ไม่มีพนักงานมาทักทายพวกเขาหลังจากมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นพนักงานที่กำลังว่างอยู่ และทั้งสองก็เดินเข้าไปหาพนักงานคนนั้น“สวัสดีค่ะ ฉันต้องการซื้อเครื่องสำอางที่ช่วยเรื่องเติมความชุ่มชื้น ไม่รู้ว่าอันไหนน่าใช้กว่ากัน ช่วยแนะนำหน่อยได้
จากการคำนวณของเขา เวชสำอางจะเข้าสู่ตลาดผ่านโจวกรุ๊ปและราคาขายปลีกขั้นสุดท้ายคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณหกพันถึงเจ็ดพันแต่ตอนนี้ราคาขายปลีกสูงถึงชุดละหนึ่งหมื่นสองพันไปแล้ว ถ้าไม่เรียกว่าแพงแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?“ราคาเพียงชุดละหนึ่งหมื่นสองพัน แพงเกินไปหรือเปล่า?”“คุณเป็นคนจน ไม่มีเงินพอ แล้วจะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”พนักงานโกรธและไม่คิดจะรักษาน้ำใจตอนนี้เธอตัดสินฉินหมิงไปแล้วว่าเขามาหาเธอหลังจากที่เขาตัดสินใจแน่แล้วว่าเขาต้องการซื้อมันแต่ตอนนี้ทั้งที่เธอยอมสละเวลาพักมา แต่ฉินหมิงกลับคิดว่ามันแพงเกินไป เธอจึงไม่อาจมองฉินหมิงในแง่ดีได้!"นี่......"ฉินหมิงรู้สึกอับอายที่ถูกดุเขายังมีเงินเหลืออยู่ในบัตรธนาคารประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบล้าน และกับเงินแค่หนึ่งหมื่นสองพันก็ถือว่าเล็กน้อยสำหรับเขาแต่ความแตกต่างระหว่างราคาหน้าโรงงานและราคาขายปลีกของเวชสำอางนั้นต่างกันเกินไป และเขาก็สับสนเล็กน้อย ได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นท้ายที่สุดแล้วบริษัทได้จัดส่งสินค้าให้กับโจวกรุ๊ปในราคาชุดละสามพัน ตอนนี้ราคาขายปลีกสูงมากมีความเป็นไปได้มากที่โจวกรุ๊ปจะสามารถทำกำไรมหาศาลจากมันได้หากเป็นกรณีนี้จร
ซุนกวนชงกอดหม่าลู่แล้วเดินเข้ามาด้วยท่าทีรักใคร่เขาไม่ได้เจอเธอมาสักพักแล้ว และเอวของหม่าลู่ก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ แต่มันก็ไม่อาจซ่อนการตั้งครรภ์ของเธอได้อีกต่อไปถ้าใครที่สังเกตให้ดีสักหน่อยก็จะสามารถบอกได้ว่าเธอท้องอยู่“คุณซุน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะคะ?”เมื่อเห็นซุนกวนชง ทัศนคติของพนักงานก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที และเธอก็ทักทายเขาด้วยใบหน้าประจบสอพลอ“ฉันก็แค่มาเพื่อตรวจสอบเท่านั้น”ซุนกวนชงมีท่าทีวางตัว ดูเย่อหยิ่งเช่นเคยร้านเครื่องสำอางในเครือขนาดใหญ่ตรงหน้าเขาเป็นธุรกิจของซุนเอนเตอร์ไพรซ์ ร้านค้าหลายสิบแห่งในเจียงเฉิงเดี๋ยวภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมด เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของร้านค้าในเครือหลายสิบแห่งเหล่านี้“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรกัน?”ซุนกวนชงถามพนักงาน"ดิฉันต้องขอรายงานค่ะคุณซุน ยาจกพวกนี้กำลังมาสร้างปัญหาที่นี่เพราะพวกเขาต้องการซื้อเครื่องสำอางแบรนด์อานิสทรี แต่พวกเขาพบว่ามันแพงเกินไป..."บริกรชี้ไปที่ฉินหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทางดูถูก“ใครกล้าก่อปัญหาในพื้นที่ของซุนเอนเตอร์ไพรซ์ของเรา ช่างกล้าจริง ๆ!”ซุนก
“ทั้งสองคนนี้เป็นภรรยาเก่าของฉันและเป็นชายชู้ของเธอ!”ฉินหมิงเอ่ยเสียงเรียบ โดยปราศจากความโกรธหรือความผันผวนทางอารมณ์ใด ๆ“อ๋อพวกเขานั่นเอง!”หลี่เจียฮุ่ยตระหนักได้ทันทีเธอรู้ว่าฉินหมิงถูกหม่าลู่ไล่ออกจากบ้าน และนั่นช่างเป็นวิธีที่โหดร้ายเกินไป!แม้ว่าเธอจะมีนิสัยที่เรียบร้อย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจแทนฉินหมิง เธอจึงมองไปที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก“ฉินหมิง ฉันไม่คิดว่าหลังจากที่เราหย่ากันได้ไม่นาน คุณจะไปหาผู้หญิงคนอื่นได้เร็วขนาดนี้!”“คุณนี่ลื่นเป็นปลาไหลเชียวนะ!”ใบหน้าของหม่าลู่ดูบอกบุญไม่รับเดิมทีเธอหมายหัวไปแล้วว่าฉินหมิงเป็นคนไร้ค่า แล้วหลังจากที่เธอทิ้งเขาไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพชอย่างแน่นอน เขาคงไม่มีปัญญาหาผู้หญิงคนไหนได้ไปตลอดชีวิต!แต่เธอไม่คิดเลยว่าในวันหย่าร้าง ฉินหมิงจะพูดคุยกับหลินหว่านชิง สาวงามอันดับหนึ่งจากสี่ของเจียงเฉิง!และตอนนี้เขาก็ได้พบกับสาวงามที่น่าทึ่งอีกคนหนึ่งแล้วเมื่อได้เห็นคนสวยกว่ามายืนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงจินตนาการได้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร!“ลู่ลู่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”“ผู้หญิงคนนี้งดงามมาก เธอจะไ
ฉินหมิงกอดเอวอันคอดกิ่วและนุ่มนวลของหลี่เจียฮุ่ยแล้ววางแผนที่จะจากไปเพราะอย่างไรเขาก็ได้ก้าวผ่านเรื่องของหม่าลู่มาได้แล้วและหลี่เจียฮุ่ยก็ช่วยรักษาหน้าเขาเอาไว้ได้มากทีเดียวตราบใดที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ไม่คิดจะหาเรื่องเขาอีก เขาก็ไม่คิดจะทำตัวร้าย ๆ ใส่อีกฝ่ายอย่างที่พวกเขาทำ"เดี๋ยว"“เรายังไม่ได้ซื้อเครื่องสำอางเลยนี่นา”หลี่เจียฮุ่ยจับมือของฉินหมิง เสียงกระซิบอันนุ่มนวลของเธอทำให้คนอื่นชาไปทั้งร่าง“เครื่องสำอางที่นี่แพงเกินไป ถ้างั้นก็อย่าซื้อเลย!”"ถ้าเธอต้องการเครื่องสำอางแบรนด์อานิสทรีจริง ๆ ฉันจะจัดหาชุดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากับเธอสองชุดทีหลังเอง"ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารับผิดชอบในการผลิตเวชสำอางของอานิสทรี กรุ๊ป ตราบใดที่เติมน้ำค้างวิญญาณลงในเวชสำอางให้มากขึ้นผลที่ได้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วยในเวลานั้น เขาสามารถสร้างเวชสำอางให้กับหลี่เจียฮุ่ยเป็นพิเศษได้หลายชุดทีเดียว"ไม่ ฉันต้องการชุดนี้!"“เพียงหนึ่งหมื่นสองพันเท่านั้นนี่นา!”“พนักงานห่อให้ฉันหน่อย ฉันอยากได้ชุดนี้!”หลี่เจียฮุ่ยกล่าวอย่างใจเย็นและอารมณ์ดี แม้รู้ว่าแพ้แต่สู้ไม่ถอย ถึงจะแพ้ก็ไม่เสียหน้าเธอยอ
ฉินหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา“ในห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ เครื่องสำอางของอาร์ทิสทรีกรุ๊ปขายในราคาหกหมื่นหกพันบ้าง แต่ร้านเครื่องสำอางในเครือซุนเอนเตอร์ไพรส์ขึ้นราคาเกือบสองเท่าโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งนี้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค จะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่การโก่งราคา!“ทำไม นายคิดจะรายงานฉันหรือไง?”“ก็ไปรายงานเลยสิ!”“แต่ฉันจะบอกนายให้นะ ซุนเอนเตอร์ไพรส์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมาก แม้ว่านายจะไปรายงานฉันก็ไม่เสียเงินสักแดงเดียว!”ซุนกวนชงพูดเยาะเย้ยร้านค้าในเครือของพวกเขาขึ้นราคากว่าเครื่องสำอางแบรนด์กลุ่มธุรกิจอาร์ทิสทรีกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวซึ่งเป็นเพียงผลข้างเคียงแม้ว่าคนในแผนกที่เกี่ยวข้องจะรู้เรื่องนี้พวกเขาก็จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่ดีอีกทั้งซุนเอนเตอร์ไพรส์ของพวกเขาได้ดำเนินกิจการในเมืองเจียงเฉิงมาหลายปีแล้ว และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ซับซ้อนมากยกเว้นเสียแต่ว่าฉินหมิงจะมีอำนาจคับฟ้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีปัญญาซะหรอก!“งั้นเหรอ งั้นมารอดูกันได้เลย!”“ครั้งนี้ ฉันต้องการให้ร้านในเครือเครื่องสำอางทั้งหมดซุนเอนเตอร์ไพรส์ที่นายเป็นเจ
“ฮัลโหลครับคุณโจว ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผม มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?”ซุนกวนชงแสร้งพูดยิ้มทำเป็นพูดประจบสอพลอเขากับโจวเจี้ยนสองคนก็เป็นถึงนายน้อยของตระกูลใหญ่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตระกูลโจวนั้นทรงพลังและเป็นตระกูลชั้นหนึ่งซุนเอนเตอร์ไพรส์เป็นตระกูลรองที่ดีที่สุด และความแข็งแกร่งในทุกด้านยังด้อยกว่าตระกูลโจวมากเพราะฉะนั้นตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าโจวเจี้ยน เขาจึงไม่กล้าเบ่งอำนาจมากนักอีกอย่าง อุปทานของร้านเครือเครื่องสำอางมากกว่าหนึ่งโหลที่เขาควบคุมทั้งหมดได้รับการควบคุมโดยโจวกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเขาเขาไม่จำเป็นต้องญาติดีกับลูกคนรวย แต่คนเดียวที่เขาทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้คือโจวเจี้ยน!“ซุนกวนชง นายนี่ทำเรื่องงามหน้านักนะ!”“นับจากวันนี้เป็นต้นไป โจวกรุ๊ปของฉันจะตัดความร่วมมือทั้งหมดกับร้านค้าในเครือเครื่องสำอางของนายและจะไม่จัดหาผลิตภัณฑ์อะไรให้กับนายอีกต่อไป…”โจวเจี้ยนตะโกนด้วยความโกรธ“อะไรนะครับ?”ซุนกวนฉงเหมือนฟ้าผ่าลงถึงตะลึงงันอยู่ตรงนั้นแม้ไม่รู้ว่าทำไมโจวเจี้ยนถึงได้ตัดความร่วมมือจากทางซุนเอนเตอร์ไพรส์ แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วอย่างหนึ่งเมื่อร้านเครือเครื่อ