จากการคำนวณของเขา เวชสำอางจะเข้าสู่ตลาดผ่านโจวกรุ๊ปและราคาขายปลีกขั้นสุดท้ายคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณหกพันถึงเจ็ดพันแต่ตอนนี้ราคาขายปลีกสูงถึงชุดละหนึ่งหมื่นสองพันไปแล้ว ถ้าไม่เรียกว่าแพงแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?“ราคาเพียงชุดละหนึ่งหมื่นสองพัน แพงเกินไปหรือเปล่า?”“คุณเป็นคนจน ไม่มีเงินพอ แล้วจะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”พนักงานโกรธและไม่คิดจะรักษาน้ำใจตอนนี้เธอตัดสินฉินหมิงไปแล้วว่าเขามาหาเธอหลังจากที่เขาตัดสินใจแน่แล้วว่าเขาต้องการซื้อมันแต่ตอนนี้ทั้งที่เธอยอมสละเวลาพักมา แต่ฉินหมิงกลับคิดว่ามันแพงเกินไป เธอจึงไม่อาจมองฉินหมิงในแง่ดีได้!"นี่......"ฉินหมิงรู้สึกอับอายที่ถูกดุเขายังมีเงินเหลืออยู่ในบัตรธนาคารประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบล้าน และกับเงินแค่หนึ่งหมื่นสองพันก็ถือว่าเล็กน้อยสำหรับเขาแต่ความแตกต่างระหว่างราคาหน้าโรงงานและราคาขายปลีกของเวชสำอางนั้นต่างกันเกินไป และเขาก็สับสนเล็กน้อย ได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นท้ายที่สุดแล้วบริษัทได้จัดส่งสินค้าให้กับโจวกรุ๊ปในราคาชุดละสามพัน ตอนนี้ราคาขายปลีกสูงมากมีความเป็นไปได้มากที่โจวกรุ๊ปจะสามารถทำกำไรมหาศาลจากมันได้หากเป็นกรณีนี้จร
ซุนกวนชงกอดหม่าลู่แล้วเดินเข้ามาด้วยท่าทีรักใคร่เขาไม่ได้เจอเธอมาสักพักแล้ว และเอวของหม่าลู่ก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ แต่มันก็ไม่อาจซ่อนการตั้งครรภ์ของเธอได้อีกต่อไปถ้าใครที่สังเกตให้ดีสักหน่อยก็จะสามารถบอกได้ว่าเธอท้องอยู่“คุณซุน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะคะ?”เมื่อเห็นซุนกวนชง ทัศนคติของพนักงานก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที และเธอก็ทักทายเขาด้วยใบหน้าประจบสอพลอ“ฉันก็แค่มาเพื่อตรวจสอบเท่านั้น”ซุนกวนชงมีท่าทีวางตัว ดูเย่อหยิ่งเช่นเคยร้านเครื่องสำอางในเครือขนาดใหญ่ตรงหน้าเขาเป็นธุรกิจของซุนเอนเตอร์ไพรซ์ ร้านค้าหลายสิบแห่งในเจียงเฉิงเดี๋ยวภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมด เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของร้านค้าในเครือหลายสิบแห่งเหล่านี้“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรกัน?”ซุนกวนชงถามพนักงาน"ดิฉันต้องขอรายงานค่ะคุณซุน ยาจกพวกนี้กำลังมาสร้างปัญหาที่นี่เพราะพวกเขาต้องการซื้อเครื่องสำอางแบรนด์อานิสทรี แต่พวกเขาพบว่ามันแพงเกินไป..."บริกรชี้ไปที่ฉินหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทางดูถูก“ใครกล้าก่อปัญหาในพื้นที่ของซุนเอนเตอร์ไพรซ์ของเรา ช่างกล้าจริง ๆ!”ซุนก
“ทั้งสองคนนี้เป็นภรรยาเก่าของฉันและเป็นชายชู้ของเธอ!”ฉินหมิงเอ่ยเสียงเรียบ โดยปราศจากความโกรธหรือความผันผวนทางอารมณ์ใด ๆ“อ๋อพวกเขานั่นเอง!”หลี่เจียฮุ่ยตระหนักได้ทันทีเธอรู้ว่าฉินหมิงถูกหม่าลู่ไล่ออกจากบ้าน และนั่นช่างเป็นวิธีที่โหดร้ายเกินไป!แม้ว่าเธอจะมีนิสัยที่เรียบร้อย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจแทนฉินหมิง เธอจึงมองไปที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก“ฉินหมิง ฉันไม่คิดว่าหลังจากที่เราหย่ากันได้ไม่นาน คุณจะไปหาผู้หญิงคนอื่นได้เร็วขนาดนี้!”“คุณนี่ลื่นเป็นปลาไหลเชียวนะ!”ใบหน้าของหม่าลู่ดูบอกบุญไม่รับเดิมทีเธอหมายหัวไปแล้วว่าฉินหมิงเป็นคนไร้ค่า แล้วหลังจากที่เธอทิ้งเขาไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพชอย่างแน่นอน เขาคงไม่มีปัญญาหาผู้หญิงคนไหนได้ไปตลอดชีวิต!แต่เธอไม่คิดเลยว่าในวันหย่าร้าง ฉินหมิงจะพูดคุยกับหลินหว่านชิง สาวงามอันดับหนึ่งจากสี่ของเจียงเฉิง!และตอนนี้เขาก็ได้พบกับสาวงามที่น่าทึ่งอีกคนหนึ่งแล้วเมื่อได้เห็นคนสวยกว่ามายืนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงจินตนาการได้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร!“ลู่ลู่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”“ผู้หญิงคนนี้งดงามมาก เธอจะไ
ฉินหมิงกอดเอวอันคอดกิ่วและนุ่มนวลของหลี่เจียฮุ่ยแล้ววางแผนที่จะจากไปเพราะอย่างไรเขาก็ได้ก้าวผ่านเรื่องของหม่าลู่มาได้แล้วและหลี่เจียฮุ่ยก็ช่วยรักษาหน้าเขาเอาไว้ได้มากทีเดียวตราบใดที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ไม่คิดจะหาเรื่องเขาอีก เขาก็ไม่คิดจะทำตัวร้าย ๆ ใส่อีกฝ่ายอย่างที่พวกเขาทำ"เดี๋ยว"“เรายังไม่ได้ซื้อเครื่องสำอางเลยนี่นา”หลี่เจียฮุ่ยจับมือของฉินหมิง เสียงกระซิบอันนุ่มนวลของเธอทำให้คนอื่นชาไปทั้งร่าง“เครื่องสำอางที่นี่แพงเกินไป ถ้างั้นก็อย่าซื้อเลย!”"ถ้าเธอต้องการเครื่องสำอางแบรนด์อานิสทรีจริง ๆ ฉันจะจัดหาชุดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากับเธอสองชุดทีหลังเอง"ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารับผิดชอบในการผลิตเวชสำอางของอานิสทรี กรุ๊ป ตราบใดที่เติมน้ำค้างวิญญาณลงในเวชสำอางให้มากขึ้นผลที่ได้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วยในเวลานั้น เขาสามารถสร้างเวชสำอางให้กับหลี่เจียฮุ่ยเป็นพิเศษได้หลายชุดทีเดียว"ไม่ ฉันต้องการชุดนี้!"“เพียงหนึ่งหมื่นสองพันเท่านั้นนี่นา!”“พนักงานห่อให้ฉันหน่อย ฉันอยากได้ชุดนี้!”หลี่เจียฮุ่ยกล่าวอย่างใจเย็นและอารมณ์ดี แม้รู้ว่าแพ้แต่สู้ไม่ถอย ถึงจะแพ้ก็ไม่เสียหน้าเธอยอ
ฉินหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา“ในห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ เครื่องสำอางของอาร์ทิสทรีกรุ๊ปขายในราคาหกหมื่นหกพันบ้าง แต่ร้านเครื่องสำอางในเครือซุนเอนเตอร์ไพรส์ขึ้นราคาเกือบสองเท่าโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งนี้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค จะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่การโก่งราคา!“ทำไม นายคิดจะรายงานฉันหรือไง?”“ก็ไปรายงานเลยสิ!”“แต่ฉันจะบอกนายให้นะ ซุนเอนเตอร์ไพรส์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมาก แม้ว่านายจะไปรายงานฉันก็ไม่เสียเงินสักแดงเดียว!”ซุนกวนชงพูดเยาะเย้ยร้านค้าในเครือของพวกเขาขึ้นราคากว่าเครื่องสำอางแบรนด์กลุ่มธุรกิจอาร์ทิสทรีกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวซึ่งเป็นเพียงผลข้างเคียงแม้ว่าคนในแผนกที่เกี่ยวข้องจะรู้เรื่องนี้พวกเขาก็จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่ดีอีกทั้งซุนเอนเตอร์ไพรส์ของพวกเขาได้ดำเนินกิจการในเมืองเจียงเฉิงมาหลายปีแล้ว และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ซับซ้อนมากยกเว้นเสียแต่ว่าฉินหมิงจะมีอำนาจคับฟ้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีปัญญาซะหรอก!“งั้นเหรอ งั้นมารอดูกันได้เลย!”“ครั้งนี้ ฉันต้องการให้ร้านในเครือเครื่องสำอางทั้งหมดซุนเอนเตอร์ไพรส์ที่นายเป็นเจ
“ฮัลโหลครับคุณโจว ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผม มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?”ซุนกวนชงแสร้งพูดยิ้มทำเป็นพูดประจบสอพลอเขากับโจวเจี้ยนสองคนก็เป็นถึงนายน้อยของตระกูลใหญ่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตระกูลโจวนั้นทรงพลังและเป็นตระกูลชั้นหนึ่งซุนเอนเตอร์ไพรส์เป็นตระกูลรองที่ดีที่สุด และความแข็งแกร่งในทุกด้านยังด้อยกว่าตระกูลโจวมากเพราะฉะนั้นตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าโจวเจี้ยน เขาจึงไม่กล้าเบ่งอำนาจมากนักอีกอย่าง อุปทานของร้านเครือเครื่องสำอางมากกว่าหนึ่งโหลที่เขาควบคุมทั้งหมดได้รับการควบคุมโดยโจวกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเขาเขาไม่จำเป็นต้องญาติดีกับลูกคนรวย แต่คนเดียวที่เขาทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้คือโจวเจี้ยน!“ซุนกวนชง นายนี่ทำเรื่องงามหน้านักนะ!”“นับจากวันนี้เป็นต้นไป โจวกรุ๊ปของฉันจะตัดความร่วมมือทั้งหมดกับร้านค้าในเครือเครื่องสำอางของนายและจะไม่จัดหาผลิตภัณฑ์อะไรให้กับนายอีกต่อไป…”โจวเจี้ยนตะโกนด้วยความโกรธ“อะไรนะครับ?”ซุนกวนฉงเหมือนฟ้าผ่าลงถึงตะลึงงันอยู่ตรงนั้นแม้ไม่รู้ว่าทำไมโจวเจี้ยนถึงได้ตัดความร่วมมือจากทางซุนเอนเตอร์ไพรส์ แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วอย่างหนึ่งเมื่อร้านเครือเครื่อ
เขาจะอธิบายให้พ่อและคณะกรรมการบริษัทตอนนั้นฟังได้อย่างไร!“ที่รัก เป็นเพราะฉินหมิง!”“เป็นเขาที่รายงานให้กับโจวกรุ๊ป!”“เขามันเป็นตัวต้นเหตุ!”หม่าลู่ใช้นิ้วชี้ไปที่ฉินหมิง เสียงคมบาดใจ“นี่แก กล้านักนะ!”ซุนกวนชงที่ได้สติกลับมาก็มองฉินหมิงด้วยความโกรธทันที ราวกับว่าจะจับฉินหมิงฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อกี้เขาและหม่าลู่คิดมาตลอดว่าฉินหมิงเป็นตัวตลกที่กำลังเล่นกลกับคนอื่นอยู่แต่ตอนนี้เขาทั้งสองคนเพิ่งจะเข้าใจว่า พวกเขานั่นแหละที่เป็นตัวตลก!“ใช่ ฉันเป็นคนทำเองแหละ!”“พวกนายสองคนบอกไม่ใช่เหรอว่าฉันทำอะไรพวกนายไม่ได้ ฉันคิดว่าตระกูลซุนของนายจะมีอำนาจใหญ่โตซะอีก!“ที่แท้นก็ไม่ใช่!”ฉินหมิงหัวเราะเยาะ“นี่แก…”ซุนกวนชงโกรธมาก เลือดของเขาพลุ่งพล่านไปที่อกแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากถ้าเขาไม่เคยเห็นพลังกังฟูขั้นสุดยอดของฉินหมิงมาก่อน รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกลอนฉินหมิง ตอนนี้เขาคงอัดเจ้าฉินหมิงน่วมไปนานแล้ว! “ ฉินหมิง นายมันรนหาที่ตาย!”“ในเมื่อนายรนหาที่ตาย ฉันก็จะสนองให้!”ซุนกวนชงหัวเราะด้วยความโกรธนับตั้งแต่เขาได้รับบาดเจ็บจากฉินหมิงครั้งที่แล้ว เขาแอบสาบานว่าจะแก้แค้น
“ไม่ต้องกังวล ก็แค่พวกปลาเล็กปลาน้อยก็เท่านั้นเอง”“ไม่ครณามือฉันหรอก!”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆ และความมั่นใจอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาตอนนี้พละกำลังของเขาอยู่ในระดับต้นของพลังพรสวรรค์ และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ต่อสู้กับระดับแนวหน้ามาแล้วสำหรับปรมาจารย์กังฟูภายนอกไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่มีพลังงานที่แท้จริงรั่วไหลออกมาจากร่างกายของพวกเขา เพราะฉะนั้นพวกเขาอาจมีพลังมากกว่าบอดี้การ์ดธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่แม้แต่นักสู้ด้วยซ้ำเขาจะสนใจพวกนั้นทำไม!“นี่แก แกพูดว่าใครเป็นปลาเล็กปลาน้อยฮะ!”“อยากตายนักหรือไง!”ปรมาจารย์กังฟูทั้งสี่คนโกรธหนักมากฉินหมิงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ดวงตากันกลับไปมองซุนกวนชง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่ซุนกวนชง ฉันว่าฉันเคยเตือนนายไปแล้วนะ ว่าอย่ามาระรานฉันอีก!”“ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง นายหยุดตอนนี้ยังทัน แล้วฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”“ไม่อย่างนั้น อย่ามาเสียใจทีหลัง!”พรึ่บ!คำพูดของฉินหมิงนั้นเทียบเท่ากับระเบิด และฝูงชนก็กรูมาให้ความสนใจทันที“เด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน อวดดีจริง ๆ !”“นั่นน่ะสิ หนึ่งต