ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกว่าไม่มีพลังงานทางจิตวิญญาณเหลืออยู่บนยอดเขาโชคดีที่โดยปกติเขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนบนภูเขาอวิ๋นอู้ และไม่สำคัญแม้ว่าพลังงานทางจิตวิญญาณจะถูกดูดซับก็ตามยิ่งไปกว่านั้นพลังงานเป็นสิ่งที่ยั่งยืน และใช้เวลาน้อยกว่าสองหรือสามเดือนกว่าพลังงานบนยอดเขาอวิ๋นอู้จะฟื้นตัวสู้ไม่เอาซะดีกว่า!หลังจากรวบรวมน้ำค้างยามเช้าบนยอดเขาแล้ว ฉินหมิงก็เดินลงจากภูเขาและจากไปขณะนี้การจัดซื้อวัตถุดิบยาจีนและน้ำค้างยามเช้าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ปัญหาในการผลิตเวชสำอางเองก็ได้รับการแก้ไขแล้วนอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในบรรดาเวชสำอางเหล่านี้คือน้ำค้างยามเช้าฉินหมิงวางแผนที่จะตั้งชื่อน้ำค้างยามเช้าว่าหลิงลู่ จากนี้ไปหลิงลู่จะเป็นสูตรเฉพาะของเขาเอง เช่นเดียวกับอาหารและอย่างอื่น ๆ อีกมากมายที่มีสูตรพิเศษเพราะอย่างนี้ ขอแค่เขาถือหลิงลู่ไว้ในมือ บริษัทเครื่องสำอางแบรนด์อื่น ๆ จะไม่สามารถเลียนแบบได้ สิ่งนี้สามารถรับประกันสิทธิ์ในแบรนด์ของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคตของบริษัทเชื่อว่าอีกไม่นานบริษัทจะสามารถพึ่งพาเวชสำอางพิเศษเฉพาะเหล
ตอนนี้ถ้าเอ้าเฟิงรู้ว่าเขาก้าวล้ำอำนาจของตนและแทรกแซงในเรื่องการจัดซื้อ เขาคงจะโกรธมากเลยทีเดียว!“นายจะพูดอะไรกันแน่?”“มัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ได้!”หลินหว่านชิงมองฉินหมิงด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าฉินหมิงต้องการจะสื่อถึงอะไร“จริง ๆ แล้วสิ่งที่ผมจะพูดก็คือ ซูกรุ๊ปเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบยารายใหญ่ที่สุดของในเมืองเจียงเฉิง หากบริษัทของเราต้องการซื้อวัสดุยาจีนเราสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ "“ไม่จำเป็นจะต้องขอความร่วมมือจากจี้เฉิงถังเลยครับ มากความเปล่า ๆ… ”ฉินหมิงพูดอย่างกล้าหาญแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยลงรอยกับเอ้าเฟิงเท่าไรนัก แต่สองสามครั้งมานี้เขาค่อนข้างรู้สึกไม่ดีเมื่อเขาล้ำเส้นอำนาจของอีกฝ่ายและยังแทรกแซงหน้าที่ของเขาอีกด้วยถ้าเอ้าเฟิงยินยอมที่จะร่วมมือกับซูกรุ๊ป สิ่งที่แย่ที่สุดที่เขาทำได้คือส่งมอบสัญญาที่เขาเซ็นสัญญาเมื่อคืนนี้ให้กับเอ้าเฟิง ส่วนเรื่องเครดิตก็ให้เป็นชื่อของเอ้าเฟิงก็ยังได้ถ้าทำวิธีนี้ เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินอำนาจของเอ้าเฟิงและเขายังสามารถให้คำอธิบายแก่ซูซินเหยาได้ด้วย“สิ่งที่คุณพูดมามันง่ายเกินไปหรือเปล่าครับ!”“แม้ว่าการร่วมมือกับซูกรุ๊ปจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ผมจะให้คุณดูสัญญาก็ได้!”“แต่พวกเราต้องมาเดิมพันกันก่อน!”ฉินหมิงพูดถึงการเดิมพันอย่างใจเย็น“เดิมพันอะไรของคุณ?”เอ้าเฟิงเอ่ยถาม“ไม่ใช่ว่าคุณไม่เชื่อผมเหรอครับ ว่าผมและซูกรุ๊ปได้ทำการร่วมมือกันแล้ว?”“ถ้าผมหยิบสัญญาขึ้นมา อย่ามาแว้งกัดผมละกันนะครับ!”ฉินหมิงรู้ว่าเขาก้าวล้ำอำนาจของเอ้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงฉีดวัคซีนกันเอ้าเฟิงล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เอ้าเฟิงบ้าโกรธและกัดเขา“ผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องกัดคุณนี่ครับ!”“ประสาทซะจริง!”สีหน้าของเอ้าเฟิงดูไม่สู้ดี เขากำลังคิดว่าฉืนหมิงกำลังด่าเขาทางอ้อม“ดีครับ นี่คุณพูดเองนะครับ อย่าผิดสัญญาก็แล้วกัน!”ใบหน้าฉินหมิงเต็มไปด้วยความสุขที่เอ้าเฟิงกำลังจะตกหลุมพลางที่เขาขุดไว้แค่รอให้เอ้าเฟิงกระโดดเข้าไปในหลุมก็เท่านั้นเองเอ้าเฟิงโบกมือพูดกับฉินหมิงโดยไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา “ถ้าไม่มีสัญญาอะไรนั่น คุณจะทำอย่างไรล่ะ?”“ผมยอมให้คุณทำอะไรก็ได้เลยครับ!”ฉินหมิงพูดอย่างหนักแน่น“ดีครับ รักษาคำพูดด้วยละกันนะครับ!”เอ้าเฟิงมีความสุขมาก ราวกับว่าเขาชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เกือบจะบานเหมือนดอกไม้“ฉินหมิง ตกลงว
แต่ว่าตอนนี้เธอรู้ความเป็นมาเป็นไรของเรื่องนี้แล้ว เธอมั่นใจว่าจี้สร้อยดาวเหมันต์สมุทรเป็นของจริงแน่นอน!สิ่งที่สำคัญก็คือแม้จี้สร้อยคอดาวเหมันต์สมุทรนี้ไม่มีค่า และฉินหมิงไม่ใช่คนที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจ แต่เขายินดีที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอแม้ว่าเธอจะสงบ แต่ก็มึคลื่นสะพัดเป็นระลอก ๆ อยู่ในใจของเธอ“ก็แค่คนโชคดีน่ะครับ ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อย!”สีหน้าของเอ้าเฟิงดูแย่อย่างมากตอนนี้เขาคิดว่าฉินหมิงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตระกูลซูจริง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉินหมิงก็แค่โชคดีและได้พบกับนายท่านซูโดยบังเอิญฉินหมิงไม่ได้สนใจเอ้าเฟิง แล้วพูดต่อว่า “ก็เพราะว่าเรื่องนี้แหละครับ ผมและนายท่านซูเลยมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน”“เมื่อวานผมได้โทรบอกท่านว่าพวกเรากำลังจัดการซื้อวัตถุดิบยา ท่านก็ยินยอมตกลงทันทีเลยครับ…”“เป็นอย่างนี้นี้เอง!“นายทำได้ไม่เลวเลยนะ!”“ดูเหมือนว่าคิดถูกจริง ๆ ที่ฉันตกลงให้นายเข้าร่วมบริษัท!”ใบหน้าสวยยิ้มขึ้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมฉินหมิงไม่ขาดปากเมื่อเธอจัดให้ฉินหมิงเข้าร่วมบริษัทเป็นครั้งแรก เธอก็กังวลเล็กน้อยว่าฉินหมิงจะใช้ชื่อของเธอเพื่อวางอำนาจบาตรใหญ่ที่บริษัท
“ประธานหลินครับ ถ้าหากไม่มีคำสั่งเรื่องอื่นแล้ว อย่างนั้นผมขอตัวไปโรงงานก่อนนะครับ”ฉินหมิงขอตัวลาแล้วเดินออกจากห้องสำนักงานเมื่อเห็นเงาของฉินหมิงลับตาไปแล้ว เอ้าเฟิงก็กำหมัดขึ้นมาทันที ใบหน้าเขาใครได้เห็นก็คงกลัวเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่วันก่อนฉินหมิงเพิ่งจะแย่งอำนาจของเขาจากการผลิตไป และตอนนี้เขายังจะกล้าทำมันอีกครั้ง เขาจะกลืนความขมขื่นนี้ได้อย่างไร?“รองประธานเอ้า คุณเองก็กลับไปทำงานให้ดี ๆ เถอะค่ะ!”หลินหว่านชิงพูดเสียงเรียบเนื่องจากตู้เซียวคอยจ้องแต่จะใส่ร้ายให้ฉินหมิง แต่เธอก็คิดอยู่เสมอว่าเธอไล่เอ้าเฟิงไม่ได้ ดังนั้นทุกวันนี้เธอจึงไม่ให้ความสำคัญกับเอ้าเฟิงมากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป “ประธานหลินผมมีอะไรที่อยากบอกคุณ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหมน่ะครับ…”เอ้าเฟิงลังเลที่จะพูดเล็กน้อยแล้วอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ“มีอะไรเหรอ คุณพูดมาเลยค่ะฉันฟังอยู่”หลินหว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าเอ้าเฟิงจะมาไม้ไหนอีก“ประธานหลิน ผมรู้ว่าใจคุณอยากจะส่งเสริมเลขาฉิน…”“แต่ว่าเขาทะเยอทะยานเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคุณที่จะส่งเสริมเขาแบบนี้!”เอ้าเฟิงพูดอย่างใจเย็น“ทะเยอทะยานเกินไปเหรอ?
"เป็นไปไม่ได้!"“ฉินหมิงจะไม่ทรยศฉันอย่างแน่นอน เขาไม่ใช่คนแบบนั้นแน่!”หลินหว่านชิงตะคอกอย่างเย็นชาและระงับความสงสัยในใจของตัวเองอย่างรวดเร็วขณะนี้บริษัทสามารถสร้างแนวโน้มการพัฒนาได้ดั่งที่คาดหมายไว้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีผลมาจากฉินหมิง ฉินหมิงทุ่มเทให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก เธอจะสงสัยในตัวฉินหมิงได้อย่างไร!นอกจากนี้ฉินหมิงยังเคยช่วยชีวิตเธอและเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน ถ้าไม่ไว้ใจฉินหมิงแล้วจะให้เธอไว้ใจใครได้อีก?“คุณหลิน อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน!”“ตอนนี้ฉินหมิงมีแต่ตัว เขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่งพาคุณเท่านั้น แต่พอวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จจากการที่คุณมอบอำนาจให้ เขาอาจจะหักหลังคุณทันที…”เอ้าเฟิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แต่หลินหว่านชิงก็ตัดบทเขาก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ"เลิกพูดได้แล้ว!"“เอ้าเฟิง เห็นแก่ที่คุณมีส่วนช่วยบริษัทมามากมายในช่วงสองปีนี้ การที่คุณใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ ฉันจะทำเป็นแกล้งไม่ได้ยิน แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว!"“เอาล่ะ คุณกลับไปทำงานเถอะ!”ใบหน้าที่สวยงามของหลินหว่านชิงเย็นชา เธอต่อว่าเขาด้วยความโกรธที่ผ่านมาในโลกธุรกิจ เธอเป็นที่รู้จักดีว่ามีทั้งความ
เมื่อมีความงดงามแห่งวัยเยาว์อยู่กับตัว เธอจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายรอบตัวเธอได้อย่างรวดเร็วภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของทุกคนฉินหมิงและหลี่เจียฮุ่ยเดินตามบริกรเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัวและนั่งหันหน้าเข้าหากันหลังจากสั่งอาหารแล้ว ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีที่บริกรออกไปอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีความห่างเหินระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่น้อย และนั่นทำให้ทั้งคู่ดูไม่เป็นธรรมชาติเวลาผ่านไปครู่ใหญ่“ฉินหมิง ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นายเป็นยังไงบ้าง?”“เจียฮุ่ย เธอเป็นยังไงบ้าง?”ฉินหมิงและหลี่เจียฮุ่ยพยายามทำลายความเงียบและถามขึ้นพร้อมกันหลังจากถามออกไปแล้ว ทั้งคู่ก็ตกตะลึง ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะคิดเหมือนกันได้ขนาดนี้ฮิฮิ!ในที่สุดหลี่เจียฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ รอยยิ้มอันแสนหวานของเธอทั้งสวยและมีเสน่ห์“ทำไมนายต้องพูดตามฉันด้วย”หลี่เจียฮุ่ยกลอกตามองฉินหมิงและพูด"ฉัน......"ฉินหมิงเกาหัวด้วยความลำบากใจ "ตั้งแต่ที่เราเจอกันล่าสุดนี้คงจะนานไม่ใช่เล่น ฉันถึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี"“ฉันก็เหมือนกัน อันที่จริงฉันมีเรื่องจะถามนายเยอะเลย แต่พอได้เจอนา
หลี่เจียฮุ่ยตระหนักได้ทันทีว่าเธอคิดมากเกินไปเพราะไม่ว่าอย่างไร ฉินหมิงเป็นเพียงเด็กกำพร้า เขาไม่ได้มีความสามารถและครอบครัวก็ไม่มีภูมิหลังที่ใหญ่โตอะไร แถมซูซินเหยาก็เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลซู ไม่เพียงแต่เธอจะงดงามน่าทึ่งเท่านั้น แต่เธอยังต้องการทั้งเงินและอำนาจด้วย มีบรรดาเศรษฐีมากมายที่ต้องการจะเกี่ยวดองกับเธอ เธอจะชอบฉินหมิงแสนธรรมดาคนนี้ได้อย่างไร?!“เจียฮุ่ย ตอนนี้เธอทำงานอะไรอยู่เหรอ?”ฉินหมิงถามโดยอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหลี่เจียฮุ่ย“โอ้ ฉันเข้าบริษัทใหญ่ได้หลังเรียนจบ”“ฉันโชคดีมากที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการแผนกของบริษัท มีเงินเดือนประมาณห้าหมื่นห้าพันบาท”หลี่เจียฮุ่ยรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็คิดถึงสถานการณ์ของฉินหมิงและคิดว่า "ฉินหมิงฉันจำได้ว่าครั้งก่อนนายบอกว่านายทำงานเป็นเลขานุการของประธานบริษัทเครื่องสำอาง"“ถึงตำแหน่งนี้จะไม่แย่อะไร แต่เลขานุการก็เป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ แถมนี้เป็นตำแหน่งงานที่ผู้หญิงมักจะทำกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีทั้งอำนาจหรืออนาคตที่ยืนยาว และนี่ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะลงหลักปักฐานได้นานด้วย”เมื่อพู