“ผมจะให้คุณดูสัญญาก็ได้!”“แต่พวกเราต้องมาเดิมพันกันก่อน!”ฉินหมิงพูดถึงการเดิมพันอย่างใจเย็น“เดิมพันอะไรของคุณ?”เอ้าเฟิงเอ่ยถาม“ไม่ใช่ว่าคุณไม่เชื่อผมเหรอครับ ว่าผมและซูกรุ๊ปได้ทำการร่วมมือกันแล้ว?”“ถ้าผมหยิบสัญญาขึ้นมา อย่ามาแว้งกัดผมละกันนะครับ!”ฉินหมิงรู้ว่าเขาก้าวล้ำอำนาจของเอ้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงฉีดวัคซีนกันเอ้าเฟิงล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เอ้าเฟิงบ้าโกรธและกัดเขา“ผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องกัดคุณนี่ครับ!”“ประสาทซะจริง!”สีหน้าของเอ้าเฟิงดูไม่สู้ดี เขากำลังคิดว่าฉืนหมิงกำลังด่าเขาทางอ้อม“ดีครับ นี่คุณพูดเองนะครับ อย่าผิดสัญญาก็แล้วกัน!”ใบหน้าฉินหมิงเต็มไปด้วยความสุขที่เอ้าเฟิงกำลังจะตกหลุมพลางที่เขาขุดไว้แค่รอให้เอ้าเฟิงกระโดดเข้าไปในหลุมก็เท่านั้นเองเอ้าเฟิงโบกมือพูดกับฉินหมิงโดยไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา “ถ้าไม่มีสัญญาอะไรนั่น คุณจะทำอย่างไรล่ะ?”“ผมยอมให้คุณทำอะไรก็ได้เลยครับ!”ฉินหมิงพูดอย่างหนักแน่น“ดีครับ รักษาคำพูดด้วยละกันนะครับ!”เอ้าเฟิงมีความสุขมาก ราวกับว่าเขาชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เกือบจะบานเหมือนดอกไม้“ฉินหมิง ตกลงว
แต่ว่าตอนนี้เธอรู้ความเป็นมาเป็นไรของเรื่องนี้แล้ว เธอมั่นใจว่าจี้สร้อยดาวเหมันต์สมุทรเป็นของจริงแน่นอน!สิ่งที่สำคัญก็คือแม้จี้สร้อยคอดาวเหมันต์สมุทรนี้ไม่มีค่า และฉินหมิงไม่ใช่คนที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจ แต่เขายินดีที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอแม้ว่าเธอจะสงบ แต่ก็มึคลื่นสะพัดเป็นระลอก ๆ อยู่ในใจของเธอ“ก็แค่คนโชคดีน่ะครับ ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อย!”สีหน้าของเอ้าเฟิงดูแย่อย่างมากตอนนี้เขาคิดว่าฉินหมิงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตระกูลซูจริง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉินหมิงก็แค่โชคดีและได้พบกับนายท่านซูโดยบังเอิญฉินหมิงไม่ได้สนใจเอ้าเฟิง แล้วพูดต่อว่า “ก็เพราะว่าเรื่องนี้แหละครับ ผมและนายท่านซูเลยมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน”“เมื่อวานผมได้โทรบอกท่านว่าพวกเรากำลังจัดการซื้อวัตถุดิบยา ท่านก็ยินยอมตกลงทันทีเลยครับ…”“เป็นอย่างนี้นี้เอง!“นายทำได้ไม่เลวเลยนะ!”“ดูเหมือนว่าคิดถูกจริง ๆ ที่ฉันตกลงให้นายเข้าร่วมบริษัท!”ใบหน้าสวยยิ้มขึ้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมฉินหมิงไม่ขาดปากเมื่อเธอจัดให้ฉินหมิงเข้าร่วมบริษัทเป็นครั้งแรก เธอก็กังวลเล็กน้อยว่าฉินหมิงจะใช้ชื่อของเธอเพื่อวางอำนาจบาตรใหญ่ที่บริษัท
“ประธานหลินครับ ถ้าหากไม่มีคำสั่งเรื่องอื่นแล้ว อย่างนั้นผมขอตัวไปโรงงานก่อนนะครับ”ฉินหมิงขอตัวลาแล้วเดินออกจากห้องสำนักงานเมื่อเห็นเงาของฉินหมิงลับตาไปแล้ว เอ้าเฟิงก็กำหมัดขึ้นมาทันที ใบหน้าเขาใครได้เห็นก็คงกลัวเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่วันก่อนฉินหมิงเพิ่งจะแย่งอำนาจของเขาจากการผลิตไป และตอนนี้เขายังจะกล้าทำมันอีกครั้ง เขาจะกลืนความขมขื่นนี้ได้อย่างไร?“รองประธานเอ้า คุณเองก็กลับไปทำงานให้ดี ๆ เถอะค่ะ!”หลินหว่านชิงพูดเสียงเรียบเนื่องจากตู้เซียวคอยจ้องแต่จะใส่ร้ายให้ฉินหมิง แต่เธอก็คิดอยู่เสมอว่าเธอไล่เอ้าเฟิงไม่ได้ ดังนั้นทุกวันนี้เธอจึงไม่ให้ความสำคัญกับเอ้าเฟิงมากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป “ประธานหลินผมมีอะไรที่อยากบอกคุณ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหมน่ะครับ…”เอ้าเฟิงลังเลที่จะพูดเล็กน้อยแล้วอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ“มีอะไรเหรอ คุณพูดมาเลยค่ะฉันฟังอยู่”หลินหว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าเอ้าเฟิงจะมาไม้ไหนอีก“ประธานหลิน ผมรู้ว่าใจคุณอยากจะส่งเสริมเลขาฉิน…”“แต่ว่าเขาทะเยอทะยานเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคุณที่จะส่งเสริมเขาแบบนี้!”เอ้าเฟิงพูดอย่างใจเย็น“ทะเยอทะยานเกินไปเหรอ?
"เป็นไปไม่ได้!"“ฉินหมิงจะไม่ทรยศฉันอย่างแน่นอน เขาไม่ใช่คนแบบนั้นแน่!”หลินหว่านชิงตะคอกอย่างเย็นชาและระงับความสงสัยในใจของตัวเองอย่างรวดเร็วขณะนี้บริษัทสามารถสร้างแนวโน้มการพัฒนาได้ดั่งที่คาดหมายไว้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีผลมาจากฉินหมิง ฉินหมิงทุ่มเทให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก เธอจะสงสัยในตัวฉินหมิงได้อย่างไร!นอกจากนี้ฉินหมิงยังเคยช่วยชีวิตเธอและเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน ถ้าไม่ไว้ใจฉินหมิงแล้วจะให้เธอไว้ใจใครได้อีก?“คุณหลิน อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน!”“ตอนนี้ฉินหมิงมีแต่ตัว เขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่งพาคุณเท่านั้น แต่พอวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จจากการที่คุณมอบอำนาจให้ เขาอาจจะหักหลังคุณทันที…”เอ้าเฟิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แต่หลินหว่านชิงก็ตัดบทเขาก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ"เลิกพูดได้แล้ว!"“เอ้าเฟิง เห็นแก่ที่คุณมีส่วนช่วยบริษัทมามากมายในช่วงสองปีนี้ การที่คุณใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ ฉันจะทำเป็นแกล้งไม่ได้ยิน แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว!"“เอาล่ะ คุณกลับไปทำงานเถอะ!”ใบหน้าที่สวยงามของหลินหว่านชิงเย็นชา เธอต่อว่าเขาด้วยความโกรธที่ผ่านมาในโลกธุรกิจ เธอเป็นที่รู้จักดีว่ามีทั้งความ
เมื่อมีความงดงามแห่งวัยเยาว์อยู่กับตัว เธอจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายรอบตัวเธอได้อย่างรวดเร็วภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของทุกคนฉินหมิงและหลี่เจียฮุ่ยเดินตามบริกรเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัวและนั่งหันหน้าเข้าหากันหลังจากสั่งอาหารแล้ว ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีที่บริกรออกไปอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีความห่างเหินระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่น้อย และนั่นทำให้ทั้งคู่ดูไม่เป็นธรรมชาติเวลาผ่านไปครู่ใหญ่“ฉินหมิง ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นายเป็นยังไงบ้าง?”“เจียฮุ่ย เธอเป็นยังไงบ้าง?”ฉินหมิงและหลี่เจียฮุ่ยพยายามทำลายความเงียบและถามขึ้นพร้อมกันหลังจากถามออกไปแล้ว ทั้งคู่ก็ตกตะลึง ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะคิดเหมือนกันได้ขนาดนี้ฮิฮิ!ในที่สุดหลี่เจียฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ รอยยิ้มอันแสนหวานของเธอทั้งสวยและมีเสน่ห์“ทำไมนายต้องพูดตามฉันด้วย”หลี่เจียฮุ่ยกลอกตามองฉินหมิงและพูด"ฉัน......"ฉินหมิงเกาหัวด้วยความลำบากใจ "ตั้งแต่ที่เราเจอกันล่าสุดนี้คงจะนานไม่ใช่เล่น ฉันถึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี"“ฉันก็เหมือนกัน อันที่จริงฉันมีเรื่องจะถามนายเยอะเลย แต่พอได้เจอนา
หลี่เจียฮุ่ยตระหนักได้ทันทีว่าเธอคิดมากเกินไปเพราะไม่ว่าอย่างไร ฉินหมิงเป็นเพียงเด็กกำพร้า เขาไม่ได้มีความสามารถและครอบครัวก็ไม่มีภูมิหลังที่ใหญ่โตอะไร แถมซูซินเหยาก็เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลซู ไม่เพียงแต่เธอจะงดงามน่าทึ่งเท่านั้น แต่เธอยังต้องการทั้งเงินและอำนาจด้วย มีบรรดาเศรษฐีมากมายที่ต้องการจะเกี่ยวดองกับเธอ เธอจะชอบฉินหมิงแสนธรรมดาคนนี้ได้อย่างไร?!“เจียฮุ่ย ตอนนี้เธอทำงานอะไรอยู่เหรอ?”ฉินหมิงถามโดยอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหลี่เจียฮุ่ย“โอ้ ฉันเข้าบริษัทใหญ่ได้หลังเรียนจบ”“ฉันโชคดีมากที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการแผนกของบริษัท มีเงินเดือนประมาณห้าหมื่นห้าพันบาท”หลี่เจียฮุ่ยรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็คิดถึงสถานการณ์ของฉินหมิงและคิดว่า "ฉินหมิงฉันจำได้ว่าครั้งก่อนนายบอกว่านายทำงานเป็นเลขานุการของประธานบริษัทเครื่องสำอาง"“ถึงตำแหน่งนี้จะไม่แย่อะไร แต่เลขานุการก็เป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ แถมนี้เป็นตำแหน่งงานที่ผู้หญิงมักจะทำกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีทั้งอำนาจหรืออนาคตที่ยืนยาว และนี่ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะลงหลักปักฐานได้นานด้วย”เมื่อพู
“ชำระด้วยบัตรเครดิต!”ฉินหมิงไม่สนใจ เขาหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วส่งให้บริกรเงินในบัตรมีอยู่ประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบล้าน ซึ่งมากกว่าสามพันไปหลายเท่า นั่นไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงเมื่อมองดูบัตรธนาคารในมือของเธอ บริกรก็ตกใจคนที่สามารถมายังร้านอาหารระดับไฮเอนด์โดยพื้นฐานก็มักจะเป็นคนรวยไม่ก็เป็นคนที่มีเกียรติ และหลายคนเป็นทายาทตระกูลเศรษฐีซึ่งใช้บัตรจากธนาคารเจียงตูแม้ว่าบริกรจะจำไม่ได้ว่านี่คือบัตรสุพรีมการ์ดของธนาคารเจียงตู แต่เธอก็จำรูปลักษณ์ของบัตรธนาคารนี้ได้ และรู้ถึงน้ำหนักของบัตรธนาคารเจียงตูใบนี้ดี!เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกยินดี โชคดีที่กริยาท่าทางของเธอตอนนี้ค่อนข้างดีและเธอก็ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีออกมาไม่เช่นนั้น หากเธอทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง เธอคงไม่อาจทำงานที่นี่ต่อไปได้!“ฉินหมิง สถานการณ์ทางการเงินของนายไม่ค่อยดีนัก นายยังมีเรื่องที่ต้องใช้เงินอีกมากในอนาคต” “ฉันจะจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เอง!”หลี่เจียฮุ่ยรีบขอบัตรธนาคารคืนจากบริกรแล้วส่งคืนให้ฉินหมิง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งสัญญาณจ่ายพนักงานด้วยการโอนเงิน“ไม่ คราวนี้ฉันเป็นคนขอเลี้ยงอ
“เจียฮุ่ย การจราจรในเมืองนี้ค่อนข้างติดขัดและหาที่จอดรถได้ไม่สะดวกนัก ขี่มอเตอร์ไซค์มันสะดวกกว่า”“เธอจอดรถไว้ที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอาหลังจากช้อปปิ้งเสร็จแล้วแล้วกัน”ฉินหมิงรู้ว่าหลี่เจียฮุ่ยมาด้วยรถยนต์ ซึ่งไม่สะดวกเท่ากับการขี่มอเตอร์ไซค์"อืม...โอเค"หลี่เจียฮุ่ยพยักหน้า จากนั้นฉินหมิงก็พาเธอออกไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเขา……ฟูหลงมอลล์ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ใกล้ที่สุดกับร้านอาหารหลังจากที่ฉินหมิงจอดรถแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าพร้อมกับหลี่เจียฮุ่ยทั้งสองคนก็เดินไปรอบ ๆเมื่อเห็นร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ หลี่เจียฮุ่ยก็ดึงฉินหมิงให้เดินเข้าไปด้วยกันแม้ว่าร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้จะไม่ใช่แบรนด์ต่างประเทศ แต่ก็เป็นแบรนด์ในประเทศที่มีชื่อเสียงซึ่งอยู่ในระดับกลางถึงระดับสูงพื้นที่ภายในกว้างมาก ในร้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ โซนเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่ทางด้านซ้าย และโซนเสื้อผ้าสตรีทางด้านขวาหลี่เจียฮุ่ยดึงฉินหมิงเข้าไปในบริเวณเสื้อผ้าผู้ชาย“เจียฮุ่ย เธออยากซื้อเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ?”“เราหน้าจะไปที่โซนเสื้อผ้าสตรี แล้วพาฉันไปโซนเสื้อผ้าบุรุษทำไม?”ฉินหมิงป