“คุณอา พวกเราไปดูกันดีกว่าค่ะ”หลี่หยวนหยวนหัวเราะพลางพูดหลี่ฉินลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบ จากนั้นหลายคนรวมทั้งฉินหมิงและเฉินถิงถิงก็ติดตามเขาออกไปพอมาถึงด้านนอกหลิวฉวนย่าสั่งคนของเขาให้โยนหยางซู่และคนอื่น ๆ ลงไปกับพื้นทันใดนั้นก็มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นและรถสีดำหลายสิบคันพุ่งเข้ามาใกล้ พวกเขารีบขับรถไปที่บ้านแถวสุดท้ายของชุมชน ปิดล้อมทางแยกแล้วหยุดรถเมื่อประตูรถเปิด ชายหนุ่มสามสิบสี่สิบคนสวมชุดสูทสีดำ รูปร่างแข็งแรงก็เดินออกมาจากรถพอเห็นฉากนี้แล้ว หลิวฉวนย่า หลี่ฉินและคนอื่น ๆ ต่างพากันตกใจ“ดีจริง ๆ!”“คนของพวกเรามาแล้ว!”หยางซู่ดีใจมาก เมื่อรู้ว่าในที่สุดกำลังเสริมของเขาก็มาถึงแล้ว!“คนพวกนี้เป็นใครกัน!”หลิวฉวนย่ามีสีหน้าตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“พ่อ พวกมันอาจจะเป็นกำลังเสริมของหยางซู่”หลิวซวินพูดร้อนรน“ยังมีกำลังเสริมอีกเหรอ?““ฉันอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและเขามีความสามารถขนาดไหน!”หลิวฉวนย่าหัวเราะเยาะ เขาคิดว่าตนมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองเก่า แม้ว่าหยางซู่จะเรียกกำลังเสริมเข้ามาก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้!“คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะจัดการ… ”เมื่
หลิวฉวนย่ารู้ดีถึงความกว้างขวางและอำนาจของเฉียนเป้า ต่อหน้าเฉียนเป้าเขาจะนับเป็นอะไรได้!ถ้าเฉียนเป้าอยากจะบีบเขาให้ตาย กลัวว่าก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง!“ให้ตายเถอะ แกเป็นบ้าอะไร?”“แกกล้าพูดอย่างนี้กับพ่อฉันเหรอ อยากตายหรือไง!”หลิวซวินโกรธมาก เขากระโดดออกมาและชี้หน้าเฉียนเป้าแล้วตะโกน ต้องการแสดงความยิ่งใหญ่และความสามารถอันทรงพลังของเขาต่อหน้าครอบครัวของเฉินถิงถิง!“บังอาจ!”“ลูกบ้า แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ”หลิวฉวนย่าถึงกับหน้าถอดสี ฝ่ามือเขาตบไปที่ใบหน้าหลิวซวินเพียะ!เสียงตบดังสนั่นหลิวซวินตกตะลึง เขาจับแก้มแล้วมองพ่อด้วยความไม่เชื่อ “พ่อ…พ่อตบผมทำไมครับ?”“ฉันตบเรียกสติแกไง!”“แกรู้ไหมว่าท่านนี้เป็นใคร ท่านนี้คือพี่เป้าแห่งเขาอวิ๋นอู้!”หลินฉวนย่าตะโกนบอก“พี่…พี่เป้าอย่างนั้นเหรอ?”หลิวซวินตกตะลึง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเฉียนเป้ามาก่อน แต่เขาก็คุ้นเคยกับชื่อของเฉียนเป้าเป็นอย่างดีนอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าเฉียนเป้าเป็นบอสใหญ่ของหลายที่ใกล้เขาอวิ๋นอู้ แน่นอนว่าพ่อของเขาไม่สามารถสู้ได้!“ไอ้ลูกบ้า แกกล้าพูดหยาบคายกับพี่เป้าได้อย่างไร ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษพี่เป้าอีก
ปรากฏว่าเฉียนเป้าก็เป็นนักเลงใต้ดินที่แท้จริงและเป็นคนโหดเหี้ยมที่รู้จักกันดีบนท้องถนน ไม่รู้ว่ามือเขาผ่านเลือดมากี่ครั้งกี่หนแล้ว ถ้าพวกเขาสองคนกล้ากระตุกหนวดเฉียนเป้า ไม่แน่ว่าเฉียนเป้าอาจคร่าสองชีวิตพ่อลูกถึงตายก็ได้!“ใครก็ได้!”“เอาพวกมันสองคนไป ทำตามกฏของโลกนักเลง แต่ละคนหักขาข้างหนึ่งเป็นการลงโทษ! "เฉียนเป้าหัวเราะอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินคำสั่งของเขา คนของเขาหลายคนที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้ามาและจับตัวหลิวฉวนย่าและหลิวซวินสองพ่อลูกทันที“พี่เป้า อย่าเลยนะครับพี่…”“โปรดเมตตา ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะนะพี่…”สองพ่อลูกต่างมีสีหน้าซีดเผือด ก้มหัวร้องขอชีวิตไม่หยุดแต่มันก็ไม่มีประโยชน์“เอาตัวมันไป!”สีหน้าเฉียนเป้าเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดหากไม่ทำตามกฏก็ถือว่าไม่รักษาความยุติธรรมถึงแม้เขาไม่รู้ว่าระหว่างหยางซู่กับหลิวฉวนย่ามีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่หลิวฉวนย่าในฐานะเป็นคนของลัทธิเต๋าครึ่งหนึ่ง กล้ามาทำร้ายคนของเขาโดยไม่บอกกล่าว!นี่เป็นการท้าทายอำนาจเหมือนตบหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น!เขาแค่ขอให้คนหักขาข้างหนึ่งของหลิวฉวนย่าและลูกชายของเขา การลงโทษพวกเขาเบา ๆ นี่ก็ถือว่าเมตตาแล
ตอนนี้หยางซู่พูดจาไร้มารยาทกับฉินหมิง ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นมาอย่างไร เขาก็ไม่มีวันทนรับได้!“พี่เป้า เมื่อกี้พี่ยังน่าเกรงขามมากอยู่เลย! ”“พี่นี่ทำให้ผมทึ่งจริง ๆ นะ! ”ฉินหมิงหัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมแววตาอาฆาตในดวงตาของเขาหัวใจของเฉียนเป้าสั่นไหวและเขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉินหมิงเสียงดัง “คุณฉิน ผมไม่รู้ว่าคุณมาด้วย ถ้าผมล่วงเกินคุณไปตรงไหน ขอคุณได้โปรดอภัยให้ด้วย… ”พอได้เห็นฉากนี้หยางซู่และเถียนปั๋วสองคนตกตะลึงหลิวฉวนย่าและหลิวซวินก็ตกตะลึงแม้แต่เฉินถิงถิง หลี่ฉินและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกันพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียนเป้าซึ่งที่เคยเย่อหยิ่งเมื่อกี้ จนกดข่มทุกคนได้แต่ตอนนี้กลับคุกเข่าให้ฉินหมิง!นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าตัวตนของฉินหมิงจะเป็นคนใหญ่คนโตมากกว่าเฉียนเป้า!ผู้คนที่ดูต่างตกใจ มองหน้ากันไปกันมา พวกเขาทุกคนเห็นความตกตะลึงในสายตาของกันและกันโดยเฉพาะหลี่หยวนหยวน เธอตกตะลึงที่สุด!เมื่อหนึ่งเดือนก่อนฉินหมิงยังเป็นพนักงานบริษัทต๊อกต๋อยที่บริษัทมาเจีย เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ต่างดูถูกเขา!แต่ตอนนี้เพียงแค่เวลาสั้น ๆ หนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินหมิงก็ลอกคราบเหมือนเก
เอาตัวมันไป!”เฉียนเป้าพูดอย่างเย็นชา ลูกน้องหลายคนลากหยางซู่และเถียนปั๋วออกไปราวกับสุนัขจากนั้นเฉียนเป้าก็คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉินหมิงอีกครั้ง “คุณฉิน ผมมีลูกน้องมากมายทั้งดีและไม่ดี ครั้งนี้เป็นผมที่จัดการไม่ดี ทำให้คุณขุ่นเคือง ต้องขอโทษคุณด้วย…”“แต่ว่าผมเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันได้เลย ว่าผมเฉียนเป้ามักจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และดำเนินชีวิตตามมโนธรรมของ… ”“ขอร้องเถอะนะครับ ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง…”“ที่คุณพูดน่ะ จริงหรือเปล่า?”ฉินหมิงมองเฉียนเป้าด้วยสายตาเย็นชาเฉียนเป้ารู้สึกถึงความกดดัน แต่เขายังคงมองสบตาของฉินหมิงโดยไม่หลบเลี่ยงพอมองตาของเฉียนเป้า สายตาเขาถือว่าจริงใจมากไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ความโกรธในใจของฉินหมิงอดไม่ได้ที่จะบรรเทาลงเล็กน้อย “เห็นว่าคุณจริงใจหรอกนะ ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย! "“แต่อย่าให้มีครั้งหน้าล่ะ!”“คุณฉิน ขอบคุณ ขอบคุณมาก… ”“ผมสัญญาต่อหน้าคุณว่าต่อไปนี้ผมจะจัดการดูแลลูกน้องให้ดี กำจัดลูกน้องที่ไม่รักดีไม่ให้มีครั้งต่อไปอีก!”เฉียนเป้าดีใจมากและสัญญาซ้ำแล้วซ้ำอีก“พอเถอะครับ ลุกขึ้นเถอะ!”น้ำเสียงของฉินหมิงอ่อนลงมาก“ได้ ได้… ”ราวกับว่า
ขอบคุณ ขอบคุณคุณมาก… ”สองพ่อลูกรอดชีวิตได้ พวกเขาดีใจมากและอดไม่ได้ที่จะขอบคุณฉินหมิงถ้าครั้งนี้ไม่ได้ฉินหมิงช่วยไว้ พวกเขาสองพ่อลูกคงโดนหักขาโยนทิ้งเหมือนหมาข้างถนนไปแล้วแต่ฉินหมิงก็ช่วยเขาไว้จากนั้นสองพ่อลูกและเฉียนเป้านั้นก็ได้บอกลาทุกคน ทั้งหมดต่างก็รีบออกไปพร้อมกับคนของตนเมื่อเห็นเฉียนเป้าและคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไป ในที่สุดเฉินถิงถิงและหลี่หยวนหยวนก็ฟื้นจากอาการตกใจ“ฉินหมิง นี่นาย…นาย ตกลงแล้วนายเป็นใครกันแน่เนี่ย?”หลี่หยวนหยวนมองฉินหมิงด้วยความตกใจ ราวกับมองคนแปลกหน้า“ผมก็เป็นผมสิครับ จะเป็นใครได้อีก”ฉินหมิงยักไหล่พูด“แต่ว่า…แค่เวลาเดือนเดียวสั้น ๆ ที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนได้ขนาดนี้! ”ใบหน้าหลี่หยวนหยวนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“หนังสือบอกไว้ว่าหลังจากกันไปเพียงสามวันยังเปลี่ยนแปลงได้ นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนใช่ไหมล่ะ?ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หลี่หยวนหยวนหน้าแดงเล็กน้อย ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเคยตั้งแง่กับฉินหมิงมาก่อน เธอกัดริมฝีปากและพูดอย่างจริงใจ “ฉินหมิง ฉันขอโทษ เมื่อกี้ที่พูดไร้มารยาทไปฉันต้องขอโทษนายด้วย หวังว่านายจะไม
หานซีกล่าวเสียงเรียบ“ได้ครับ”ฉินหมิงพยักหน้า เก็บข้าวของและเดินออกไปกับหานซีเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินออกไป เพื่อนร่วมงานทุกคนในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจพวกเขารู้ดีว่าฉินหมิงคือเลขาประธาน ตามเหตุผลแล้วจากนี้ไปฉินหมิงควรอยู่และทำงานในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปเช่นอู๋จิงและเฉินถิงถิงแต่ตอนนี้หานซีกลับให้ฉินหมิงไปที่สำนักงานผู้จัดการทั่วไปคนเดียว ชายหญิงสองต่อสอง มันดูแปลก ๆ ไปหรือเปล่า?แต่ว่าหลังจากคิดถึงข่าวลือล่าสุดในบริษัทที่ว่าฉินหมิงและหานซีเป็นแฟนกัน ทุกคนก็ได้สติอย่างรวดเร็ว แต่ละคนอุทานโดยปริยายว่าฉินหมิงโชคดีมาก!...สำนักงานผู้อำนวยการฝ่ายขายไม่นานตู้เซียวก็ได้ยินข่าวที่หานซีให้ฉินหมิงย้ายมาทำงานด้วยกัน สีหน้าเขาดูไม่ดีมาก“น่าเกลียดจริง ๆ!”“ไหนบอกกับปากตัวเองว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหมอนั่นไง!”“แล้วตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแสดงความรัก ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเหรอ!?” “เห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง!?”ตู้เซียวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะโยนลงพื้นจนถ้วยชาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเมื่อ
หลินหว่านชิงและหานซีสองคนเป็นสาวสวยที่คนในบริษัทต่างก็รู้จัก พวกเธอเป็นเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ มีคนจีบไม่รู้กี่คนต่อกี่คนเอ้าเฟิงและตู้เซียวได้รับการยอมรับว่าเป็นสองคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในบริษัท และยังเป็นผู้มีอิทธิพลในบริษัทอีกด้วยโดยเฉพาะเอ้าเฟิง ปู่ของเขาคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของกลุ่มธุรกิจหลินชื่อกรุ๊ป ภูมิหลังทางครอบครัวของเขาไม่ใช่คนรวยธรรมดา และทรัพย์สินสุทธิของเขาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านนอกจากนี้เขาทั้งหล่อและได้รับความนิยมในบริษัท ความหล่อนั้นมากกว่าตู้เซียวนิดหน่อย ทั้งสองคนเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของพนักงานหญิงหลายคนในบริษัท!ไม่เพียงแต่เท่านั้นเอ้าเฟิงยังเป็นหนึ่งในคนตามจีบหลินหว่านชิงที่ทุ่มเทที่สุด เขาตามจีบหลินหว่านชิงมานานกว่าสองปี ในตอนแรกเขาเต็มใจที่จะตามหลินหว่านชิวมายังกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไข เขาแค่อยากจะดึงดูดใจของหลินหว่านชิง คิดที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอเพราะอยากจะให้เธอรู้สึกดีกับเขาอาจเป็นเพราะหลินหว่านชิงและหานซีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดและรักกันประดุจพี่สาวน้องสาวเอ้าเฟิงและตู้เซียวในฐานะคนที่ตามจีบผู้หญิงทั้งสองจึงค่อย ๆ มารู้จั