เอาตัวมันไป!”เฉียนเป้าพูดอย่างเย็นชา ลูกน้องหลายคนลากหยางซู่และเถียนปั๋วออกไปราวกับสุนัขจากนั้นเฉียนเป้าก็คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉินหมิงอีกครั้ง “คุณฉิน ผมมีลูกน้องมากมายทั้งดีและไม่ดี ครั้งนี้เป็นผมที่จัดการไม่ดี ทำให้คุณขุ่นเคือง ต้องขอโทษคุณด้วย…”“แต่ว่าผมเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันได้เลย ว่าผมเฉียนเป้ามักจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และดำเนินชีวิตตามมโนธรรมของ… ”“ขอร้องเถอะนะครับ ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง…”“ที่คุณพูดน่ะ จริงหรือเปล่า?”ฉินหมิงมองเฉียนเป้าด้วยสายตาเย็นชาเฉียนเป้ารู้สึกถึงความกดดัน แต่เขายังคงมองสบตาของฉินหมิงโดยไม่หลบเลี่ยงพอมองตาของเฉียนเป้า สายตาเขาถือว่าจริงใจมากไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ความโกรธในใจของฉินหมิงอดไม่ได้ที่จะบรรเทาลงเล็กน้อย “เห็นว่าคุณจริงใจหรอกนะ ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย! "“แต่อย่าให้มีครั้งหน้าล่ะ!”“คุณฉิน ขอบคุณ ขอบคุณมาก… ”“ผมสัญญาต่อหน้าคุณว่าต่อไปนี้ผมจะจัดการดูแลลูกน้องให้ดี กำจัดลูกน้องที่ไม่รักดีไม่ให้มีครั้งต่อไปอีก!”เฉียนเป้าดีใจมากและสัญญาซ้ำแล้วซ้ำอีก“พอเถอะครับ ลุกขึ้นเถอะ!”น้ำเสียงของฉินหมิงอ่อนลงมาก“ได้ ได้… ”ราวกับว่า
ขอบคุณ ขอบคุณคุณมาก… ”สองพ่อลูกรอดชีวิตได้ พวกเขาดีใจมากและอดไม่ได้ที่จะขอบคุณฉินหมิงถ้าครั้งนี้ไม่ได้ฉินหมิงช่วยไว้ พวกเขาสองพ่อลูกคงโดนหักขาโยนทิ้งเหมือนหมาข้างถนนไปแล้วแต่ฉินหมิงก็ช่วยเขาไว้จากนั้นสองพ่อลูกและเฉียนเป้านั้นก็ได้บอกลาทุกคน ทั้งหมดต่างก็รีบออกไปพร้อมกับคนของตนเมื่อเห็นเฉียนเป้าและคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไป ในที่สุดเฉินถิงถิงและหลี่หยวนหยวนก็ฟื้นจากอาการตกใจ“ฉินหมิง นี่นาย…นาย ตกลงแล้วนายเป็นใครกันแน่เนี่ย?”หลี่หยวนหยวนมองฉินหมิงด้วยความตกใจ ราวกับมองคนแปลกหน้า“ผมก็เป็นผมสิครับ จะเป็นใครได้อีก”ฉินหมิงยักไหล่พูด“แต่ว่า…แค่เวลาเดือนเดียวสั้น ๆ ที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนได้ขนาดนี้! ”ใบหน้าหลี่หยวนหยวนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“หนังสือบอกไว้ว่าหลังจากกันไปเพียงสามวันยังเปลี่ยนแปลงได้ นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนใช่ไหมล่ะ?ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หลี่หยวนหยวนหน้าแดงเล็กน้อย ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเคยตั้งแง่กับฉินหมิงมาก่อน เธอกัดริมฝีปากและพูดอย่างจริงใจ “ฉินหมิง ฉันขอโทษ เมื่อกี้ที่พูดไร้มารยาทไปฉันต้องขอโทษนายด้วย หวังว่านายจะไม
หานซีกล่าวเสียงเรียบ“ได้ครับ”ฉินหมิงพยักหน้า เก็บข้าวของและเดินออกไปกับหานซีเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินออกไป เพื่อนร่วมงานทุกคนในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจพวกเขารู้ดีว่าฉินหมิงคือเลขาประธาน ตามเหตุผลแล้วจากนี้ไปฉินหมิงควรอยู่และทำงานในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปเช่นอู๋จิงและเฉินถิงถิงแต่ตอนนี้หานซีกลับให้ฉินหมิงไปที่สำนักงานผู้จัดการทั่วไปคนเดียว ชายหญิงสองต่อสอง มันดูแปลก ๆ ไปหรือเปล่า?แต่ว่าหลังจากคิดถึงข่าวลือล่าสุดในบริษัทที่ว่าฉินหมิงและหานซีเป็นแฟนกัน ทุกคนก็ได้สติอย่างรวดเร็ว แต่ละคนอุทานโดยปริยายว่าฉินหมิงโชคดีมาก!...สำนักงานผู้อำนวยการฝ่ายขายไม่นานตู้เซียวก็ได้ยินข่าวที่หานซีให้ฉินหมิงย้ายมาทำงานด้วยกัน สีหน้าเขาดูไม่ดีมาก“น่าเกลียดจริง ๆ!”“ไหนบอกกับปากตัวเองว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหมอนั่นไง!”“แล้วตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแสดงความรัก ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเหรอ!?” “เห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง!?”ตู้เซียวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะโยนลงพื้นจนถ้วยชาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเมื่อ
หลินหว่านชิงและหานซีสองคนเป็นสาวสวยที่คนในบริษัทต่างก็รู้จัก พวกเธอเป็นเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ มีคนจีบไม่รู้กี่คนต่อกี่คนเอ้าเฟิงและตู้เซียวได้รับการยอมรับว่าเป็นสองคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในบริษัท และยังเป็นผู้มีอิทธิพลในบริษัทอีกด้วยโดยเฉพาะเอ้าเฟิง ปู่ของเขาคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของกลุ่มธุรกิจหลินชื่อกรุ๊ป ภูมิหลังทางครอบครัวของเขาไม่ใช่คนรวยธรรมดา และทรัพย์สินสุทธิของเขาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านนอกจากนี้เขาทั้งหล่อและได้รับความนิยมในบริษัท ความหล่อนั้นมากกว่าตู้เซียวนิดหน่อย ทั้งสองคนเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของพนักงานหญิงหลายคนในบริษัท!ไม่เพียงแต่เท่านั้นเอ้าเฟิงยังเป็นหนึ่งในคนตามจีบหลินหว่านชิงที่ทุ่มเทที่สุด เขาตามจีบหลินหว่านชิงมานานกว่าสองปี ในตอนแรกเขาเต็มใจที่จะตามหลินหว่านชิวมายังกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไข เขาแค่อยากจะดึงดูดใจของหลินหว่านชิง คิดที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอเพราะอยากจะให้เธอรู้สึกดีกับเขาอาจเป็นเพราะหลินหว่านชิงและหานซีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดและรักกันประดุจพี่สาวน้องสาวเอ้าเฟิงและตู้เซียวในฐานะคนที่ตามจีบผู้หญิงทั้งสองจึงค่อย ๆ มารู้จั
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองหานซีที่อยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกมีความสุขมากหานซีเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งในโลก มันเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่มีความงามสุดยอดอยู่เคียงข้างนอกจากนี้หานซียังมีหุ่นที่เซ็กซี่และร้อนแรง เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยสร้างส่วนโค้งรูปตัวเอสที่สมบูรณ์แบบซึ่งเน้นส่วนนูนและส่วนโค้งเว้าของเธออย่างเต็มที่แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อมองไปจากทิศของฉินหมิง และมองตามการเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจของ หานซีก็สามารถมองเห็นแสงสว่างของฤดูใบไม้ผลิแวบผ่านชุดกระโปรงที่หลวมตรงช่วงหน้าอกของเธอได้ในบางครั้ง ความรู้สึกที่ลึกลับนั้นน่าตื่นเต้นและมหัศจรรย์ถึงขนาดทำให้ฉินหมิงต้องหยุดมอง!“นี่ฉินหมิง นายมองพอแล้วหรือยัง!”“นายจะพักฉันไม่ว่า แต่นายจะมาจ้องฉันทำไม!”เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองที่ไร้ยางอายของฉินหมิง ใบหน้าที่สวยงามของหานซีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอก็อดไม่ได้ที่จะจ้องฉินหมิงด้วยความเขินอาย”ผม…ผมไม่ได้จ้องนะครับ… ”“ผมไม่ได้อยากจะจ้องคุณนะครับ ผมแค่อยากจะถามคุณคำถามหนึ่งนะครับ… ”ฉินหมิงรู้สึกเขินอายเมื่อหานซีจับได้ว่าเขากำลังมองเธออย
ร่างกายของหานซีสั่นและมองไปที่ฉินหมิงด้วยความประหลาดใจประจำเดือนของผู้หญิงมักจะกินเวลาประมาณหกหรือเจ็ดวันในแต่ละเดือน แต่วันนี้เป็นเวลาสิบกว่าวันแล้วนับตั้งแต่เธอเริ่มมีประจำเดือน ประจำเดือนมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหายไปเลยซึ่งถือว่าผิดปกติมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญนั้นคือเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเธอเอง เธอไม่เข้าใจเลยว่าฉินหมิงรู้ได้อย่างไร แถมยังรู้ลึกรู้ละเอียดด้วย!นี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !”“ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าผมมีทักษะการแพทย์ ผมสามารถบอกได้จากผิวของคุณ… ”ฉินหมิงพูดอย่างง่าย ๆ “จริงหรือเปล่าเนี่ย? ”“นายคงไม่หลอกฉันเล่นใช่ไหม! ”หานซีมองไปที่ฉินหมิงด้วยความประหลาดใจและไม่แน่ใจครัง้ที่แล้วฉินหมิงพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ เธอนึกว่าฉินหมิงพูดหยอกล้อเธอซะอีกแต่ว่าครั้งนี้ฉินหมิงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่แน่ใจ เป็นไปได้ไหมว่าฉินหมิงมีทักษะทางการแพทย์จริง ๆ?“ผมจะหลอกคุณทำไมกันเล่า!”“คุณวางใจเถอะครับ ครั้งที่แล้วที่ผมเขียนใบสั่งยาให้คุณ ขอแค่คุณกินยาตามเวลา ผมรับรองได้เลยว่ายาจะช่วยอาการคุณได้แน่นอ
หานซีพูดอย่างยากลำบาก เธอหยิบผ้าอนามัยออกจากกระเป๋า ลุกขึ้นยืนและอยากจะออกไป แต่ความเจ็บปวดก็โจมตีเข้าที่ช่องท้องส่วนล่าง เธอเดินโซเซและล้มลงกับพื้นโชคดีที่ฉินหมิงมีสายตาและมือที่รวดเร็ว เขาเอื้อมมือไปรวบเอวและอุ้มหานซีไว้ในอ้อมแขนของเขาทันเวลา“คุณกำลังทรมานจากการปวดประจำเดือนใช่ไหมครับ? ”ฉินหมิงขมวดคิ้วไม่นานก็เดาออกม“ฉันไม่เป็นไร แค่ทนหน่อยก็โอเคแล้ว…”“นายปล่อยฉันได้แล้ว…”เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้ชายที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวยงามของหานซีก็แดงก่ำ จากนั้นเธอก็พยายามดิ้นรนสองสามครั้ง แต่ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนของฉินหมิงได้“พูดจามั่วซั่ว!”“เรื่องแบบนี้จะทนได้ไงกันล่ะครับ รีบไปรักษาดีกว่า! ”ใบหน้าของฉินหมิงเข้มขึ้น เขาอุ้มหานซีขึ้นและเดินอย่างรวดเร็วไปที่โซฟาท่ามกลางเสียงร้องของหานซี“นี่นาย…นายจะทำอะไร…”“นี่นาย…ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!”ใบหน้าหานซีแดงก่ำ ในใจเต้นตุ้บ ๆ ตั้บ ๆไม่รู้ว่าทำไมหรือบางทีเธออาจชอบผู้ชายประเภทที่ครอบงำและมีอำนาจ เธอไม่ปฏิเสธพฤติกรรมใกล้ชิดของฉินหมิงแต่กลับรู้สึกว่ารูปลักษณ์ที่ครอบงำของฉินหมิงนั้นมีเสน่ห์มากในฐานะผู้ชายพอมาถึ
ตอนนี้สร้อยคอถูกแกะสลักแล้ว นายท่านซูโทรไปขอที่อยู่ของฉินหมิงและคิดจะให้คนนำสร้อยคอไปส่งมอบให้เขาฉินหมิงมองดูเวลาและเห็นว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาจึงไม่คิดรบกวนนายท่านซูอีกต่อไปจากนั้นก็นัดแนะกับนายท่านซูว่าหลังเลิกงานเขาจะไปรับสร้อยเส้นนั้นเอง และอยากไปแสดงความขอบคุณต่อนายท่านซูด้วยตัวเอง……ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเจียงเฉิน และยังเป็นตระกูลที่ด้อยที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลหลักอีกด้วยบ้านพักสุดหรูสไตล์คฤหาสน์ของตระกูลซูตั้งอยู่บนเชิงเขาอันเขียวชอุ่ม ห้อมล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามราวกับสวรรค์บนดิน เป็นสถานที่อันเหมาะแก่การปลีกวิเวกและพักผ่อนอย่างที่สุด บริเวณลานบ้านนายท่านซูนั่งอยู่กลางสวน กำลังเล่นหมากล้อมคนที่เล่นหมากล้อมกับเขานั้นเป็นชายหนุ่มในวัยสามสิบต้น ๆชายหนุ่มผู้นี้มีคิ้วได้รูปและดวงตาเป็นประกายและรูปลักษณ์ที่ดูสง่างาม เขาคือซูห่าว หลานชายคนโตของตระกูลซู เขายังเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาทายาทตระกูลซู และเป็นผู้สืบทอดลำดับแรกของ ตระกูลในอนาคตอีกด้วยถัดจากนายท่านซูและซูห่าวไป สาวสวยคนหนึ่งกำลังเข็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น ทั