ขอบคุณ ขอบคุณคุณมาก… ”สองพ่อลูกรอดชีวิตได้ พวกเขาดีใจมากและอดไม่ได้ที่จะขอบคุณฉินหมิงถ้าครั้งนี้ไม่ได้ฉินหมิงช่วยไว้ พวกเขาสองพ่อลูกคงโดนหักขาโยนทิ้งเหมือนหมาข้างถนนไปแล้วแต่ฉินหมิงก็ช่วยเขาไว้จากนั้นสองพ่อลูกและเฉียนเป้านั้นก็ได้บอกลาทุกคน ทั้งหมดต่างก็รีบออกไปพร้อมกับคนของตนเมื่อเห็นเฉียนเป้าและคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไป ในที่สุดเฉินถิงถิงและหลี่หยวนหยวนก็ฟื้นจากอาการตกใจ“ฉินหมิง นี่นาย…นาย ตกลงแล้วนายเป็นใครกันแน่เนี่ย?”หลี่หยวนหยวนมองฉินหมิงด้วยความตกใจ ราวกับมองคนแปลกหน้า“ผมก็เป็นผมสิครับ จะเป็นใครได้อีก”ฉินหมิงยักไหล่พูด“แต่ว่า…แค่เวลาเดือนเดียวสั้น ๆ ที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนได้ขนาดนี้! ”ใบหน้าหลี่หยวนหยวนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“หนังสือบอกไว้ว่าหลังจากกันไปเพียงสามวันยังเปลี่ยนแปลงได้ นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนใช่ไหมล่ะ?ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หลี่หยวนหยวนหน้าแดงเล็กน้อย ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเคยตั้งแง่กับฉินหมิงมาก่อน เธอกัดริมฝีปากและพูดอย่างจริงใจ “ฉินหมิง ฉันขอโทษ เมื่อกี้ที่พูดไร้มารยาทไปฉันต้องขอโทษนายด้วย หวังว่านายจะไม
หานซีกล่าวเสียงเรียบ“ได้ครับ”ฉินหมิงพยักหน้า เก็บข้าวของและเดินออกไปกับหานซีเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินออกไป เพื่อนร่วมงานทุกคนในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจพวกเขารู้ดีว่าฉินหมิงคือเลขาประธาน ตามเหตุผลแล้วจากนี้ไปฉินหมิงควรอยู่และทำงานในสำนักงานผู้จัดการทั่วไปเช่นอู๋จิงและเฉินถิงถิงแต่ตอนนี้หานซีกลับให้ฉินหมิงไปที่สำนักงานผู้จัดการทั่วไปคนเดียว ชายหญิงสองต่อสอง มันดูแปลก ๆ ไปหรือเปล่า?แต่ว่าหลังจากคิดถึงข่าวลือล่าสุดในบริษัทที่ว่าฉินหมิงและหานซีเป็นแฟนกัน ทุกคนก็ได้สติอย่างรวดเร็ว แต่ละคนอุทานโดยปริยายว่าฉินหมิงโชคดีมาก!...สำนักงานผู้อำนวยการฝ่ายขายไม่นานตู้เซียวก็ได้ยินข่าวที่หานซีให้ฉินหมิงย้ายมาทำงานด้วยกัน สีหน้าเขาดูไม่ดีมาก“น่าเกลียดจริง ๆ!”“ไหนบอกกับปากตัวเองว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหมอนั่นไง!”“แล้วตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแสดงความรัก ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเหรอ!?” “เห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง!?”ตู้เซียวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะโยนลงพื้นจนถ้วยชาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเมื่อ
หลินหว่านชิงและหานซีสองคนเป็นสาวสวยที่คนในบริษัทต่างก็รู้จัก พวกเธอเป็นเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ มีคนจีบไม่รู้กี่คนต่อกี่คนเอ้าเฟิงและตู้เซียวได้รับการยอมรับว่าเป็นสองคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในบริษัท และยังเป็นผู้มีอิทธิพลในบริษัทอีกด้วยโดยเฉพาะเอ้าเฟิง ปู่ของเขาคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของกลุ่มธุรกิจหลินชื่อกรุ๊ป ภูมิหลังทางครอบครัวของเขาไม่ใช่คนรวยธรรมดา และทรัพย์สินสุทธิของเขาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านนอกจากนี้เขาทั้งหล่อและได้รับความนิยมในบริษัท ความหล่อนั้นมากกว่าตู้เซียวนิดหน่อย ทั้งสองคนเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของพนักงานหญิงหลายคนในบริษัท!ไม่เพียงแต่เท่านั้นเอ้าเฟิงยังเป็นหนึ่งในคนตามจีบหลินหว่านชิงที่ทุ่มเทที่สุด เขาตามจีบหลินหว่านชิงมานานกว่าสองปี ในตอนแรกเขาเต็มใจที่จะตามหลินหว่านชิวมายังกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไข เขาแค่อยากจะดึงดูดใจของหลินหว่านชิง คิดที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอเพราะอยากจะให้เธอรู้สึกดีกับเขาอาจเป็นเพราะหลินหว่านชิงและหานซีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดและรักกันประดุจพี่สาวน้องสาวเอ้าเฟิงและตู้เซียวในฐานะคนที่ตามจีบผู้หญิงทั้งสองจึงค่อย ๆ มารู้จั
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองหานซีที่อยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกมีความสุขมากหานซีเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งในโลก มันเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่มีความงามสุดยอดอยู่เคียงข้างนอกจากนี้หานซียังมีหุ่นที่เซ็กซี่และร้อนแรง เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยสร้างส่วนโค้งรูปตัวเอสที่สมบูรณ์แบบซึ่งเน้นส่วนนูนและส่วนโค้งเว้าของเธออย่างเต็มที่แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อมองไปจากทิศของฉินหมิง และมองตามการเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจของ หานซีก็สามารถมองเห็นแสงสว่างของฤดูใบไม้ผลิแวบผ่านชุดกระโปรงที่หลวมตรงช่วงหน้าอกของเธอได้ในบางครั้ง ความรู้สึกที่ลึกลับนั้นน่าตื่นเต้นและมหัศจรรย์ถึงขนาดทำให้ฉินหมิงต้องหยุดมอง!“นี่ฉินหมิง นายมองพอแล้วหรือยัง!”“นายจะพักฉันไม่ว่า แต่นายจะมาจ้องฉันทำไม!”เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองที่ไร้ยางอายของฉินหมิง ใบหน้าที่สวยงามของหานซีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอก็อดไม่ได้ที่จะจ้องฉินหมิงด้วยความเขินอาย”ผม…ผมไม่ได้จ้องนะครับ… ”“ผมไม่ได้อยากจะจ้องคุณนะครับ ผมแค่อยากจะถามคุณคำถามหนึ่งนะครับ… ”ฉินหมิงรู้สึกเขินอายเมื่อหานซีจับได้ว่าเขากำลังมองเธออย
ร่างกายของหานซีสั่นและมองไปที่ฉินหมิงด้วยความประหลาดใจประจำเดือนของผู้หญิงมักจะกินเวลาประมาณหกหรือเจ็ดวันในแต่ละเดือน แต่วันนี้เป็นเวลาสิบกว่าวันแล้วนับตั้งแต่เธอเริ่มมีประจำเดือน ประจำเดือนมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหายไปเลยซึ่งถือว่าผิดปกติมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญนั้นคือเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเธอเอง เธอไม่เข้าใจเลยว่าฉินหมิงรู้ได้อย่างไร แถมยังรู้ลึกรู้ละเอียดด้วย!นี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !”“ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าผมมีทักษะการแพทย์ ผมสามารถบอกได้จากผิวของคุณ… ”ฉินหมิงพูดอย่างง่าย ๆ “จริงหรือเปล่าเนี่ย? ”“นายคงไม่หลอกฉันเล่นใช่ไหม! ”หานซีมองไปที่ฉินหมิงด้วยความประหลาดใจและไม่แน่ใจครัง้ที่แล้วฉินหมิงพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ เธอนึกว่าฉินหมิงพูดหยอกล้อเธอซะอีกแต่ว่าครั้งนี้ฉินหมิงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่แน่ใจ เป็นไปได้ไหมว่าฉินหมิงมีทักษะทางการแพทย์จริง ๆ?“ผมจะหลอกคุณทำไมกันเล่า!”“คุณวางใจเถอะครับ ครั้งที่แล้วที่ผมเขียนใบสั่งยาให้คุณ ขอแค่คุณกินยาตามเวลา ผมรับรองได้เลยว่ายาจะช่วยอาการคุณได้แน่นอ
หานซีพูดอย่างยากลำบาก เธอหยิบผ้าอนามัยออกจากกระเป๋า ลุกขึ้นยืนและอยากจะออกไป แต่ความเจ็บปวดก็โจมตีเข้าที่ช่องท้องส่วนล่าง เธอเดินโซเซและล้มลงกับพื้นโชคดีที่ฉินหมิงมีสายตาและมือที่รวดเร็ว เขาเอื้อมมือไปรวบเอวและอุ้มหานซีไว้ในอ้อมแขนของเขาทันเวลา“คุณกำลังทรมานจากการปวดประจำเดือนใช่ไหมครับ? ”ฉินหมิงขมวดคิ้วไม่นานก็เดาออกม“ฉันไม่เป็นไร แค่ทนหน่อยก็โอเคแล้ว…”“นายปล่อยฉันได้แล้ว…”เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้ชายที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวยงามของหานซีก็แดงก่ำ จากนั้นเธอก็พยายามดิ้นรนสองสามครั้ง แต่ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนของฉินหมิงได้“พูดจามั่วซั่ว!”“เรื่องแบบนี้จะทนได้ไงกันล่ะครับ รีบไปรักษาดีกว่า! ”ใบหน้าของฉินหมิงเข้มขึ้น เขาอุ้มหานซีขึ้นและเดินอย่างรวดเร็วไปที่โซฟาท่ามกลางเสียงร้องของหานซี“นี่นาย…นายจะทำอะไร…”“นี่นาย…ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!”ใบหน้าหานซีแดงก่ำ ในใจเต้นตุ้บ ๆ ตั้บ ๆไม่รู้ว่าทำไมหรือบางทีเธออาจชอบผู้ชายประเภทที่ครอบงำและมีอำนาจ เธอไม่ปฏิเสธพฤติกรรมใกล้ชิดของฉินหมิงแต่กลับรู้สึกว่ารูปลักษณ์ที่ครอบงำของฉินหมิงนั้นมีเสน่ห์มากในฐานะผู้ชายพอมาถึ
ตอนนี้สร้อยคอถูกแกะสลักแล้ว นายท่านซูโทรไปขอที่อยู่ของฉินหมิงและคิดจะให้คนนำสร้อยคอไปส่งมอบให้เขาฉินหมิงมองดูเวลาและเห็นว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาจึงไม่คิดรบกวนนายท่านซูอีกต่อไปจากนั้นก็นัดแนะกับนายท่านซูว่าหลังเลิกงานเขาจะไปรับสร้อยเส้นนั้นเอง และอยากไปแสดงความขอบคุณต่อนายท่านซูด้วยตัวเอง……ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเจียงเฉิน และยังเป็นตระกูลที่ด้อยที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลหลักอีกด้วยบ้านพักสุดหรูสไตล์คฤหาสน์ของตระกูลซูตั้งอยู่บนเชิงเขาอันเขียวชอุ่ม ห้อมล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามราวกับสวรรค์บนดิน เป็นสถานที่อันเหมาะแก่การปลีกวิเวกและพักผ่อนอย่างที่สุด บริเวณลานบ้านนายท่านซูนั่งอยู่กลางสวน กำลังเล่นหมากล้อมคนที่เล่นหมากล้อมกับเขานั้นเป็นชายหนุ่มในวัยสามสิบต้น ๆชายหนุ่มผู้นี้มีคิ้วได้รูปและดวงตาเป็นประกายและรูปลักษณ์ที่ดูสง่างาม เขาคือซูห่าว หลานชายคนโตของตระกูลซู เขายังเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาทายาทตระกูลซู และเป็นผู้สืบทอดลำดับแรกของ ตระกูลในอนาคตอีกด้วยถัดจากนายท่านซูและซูห่าวไป สาวสวยคนหนึ่งกำลังเข็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น ทั
แต่เนื่องจากการแกะสลักสร้อยคอเป็นงานฝีมือที่สลับซับซ้อน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร จนกระทั่งเที่ยงวันนี้อาจารย์หานก็ทำผลงานชิ้นเอกสำเร็จลุล่วงลงไปได้“คุณปู่ อาจารย์หานเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาช่างฝีมือแกะสลักหยกอันโด่งดังในเจียงเฉิง ว่ากันว่าเขาฝึกฝนมาเกือบสิบปีแล้ว”“ถ้าคุณปู่ไม่สนิทกับเขา ผมคิดว่าครั้งนี้เขาคงไม่รับปากตอบตกลง!”ซูห่าวยิ้ม“ใช่น่ะสิ ครั้งนี้ปู่ขอร้องเขาจนเกือบจะอารมณ์เสียอยู่แล้ว โชคดีที่สุดท้ายเขาก็ยังรับปากจะทำให้”นายท่านซูหัวเราะและกล่าว“คุณปู่ จี้ของสร้อยคอทั้งสองชิ้นนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของหยกจักรพรรดิทั้งสองชิ้น และนับว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากทีเดียว”“ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความมุมานะอุตสาหะของอาจารย์หานที่ผ่านการฝึกฝีมือมากกว่าสิบปี นี่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้”“ปู่อยากจะยกสิ่งล้ำค่าแบบนี้ให้กับผู้อื่นฟรี ๆ จริงเหรอ?”ซูซินเหยามุ่ยหน้าและพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์หยกจักรพรรดินับว่าเป็นของมีค่าและหายากมาก หากอิงตามราคาในท้องตลาด สร้อยหยกจักรพรรดิทั้งสองเส้นนี้แต่ละเส้นจะมีมูลค่าอย่างน้อยสามร้อยถึงสี่ร้อยล้านบาท!สิ่งที่หายากยิ่งกว่านั้น
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ