หานซีพูดอย่างยากลำบาก เธอหยิบผ้าอนามัยออกจากกระเป๋า ลุกขึ้นยืนและอยากจะออกไป แต่ความเจ็บปวดก็โจมตีเข้าที่ช่องท้องส่วนล่าง เธอเดินโซเซและล้มลงกับพื้นโชคดีที่ฉินหมิงมีสายตาและมือที่รวดเร็ว เขาเอื้อมมือไปรวบเอวและอุ้มหานซีไว้ในอ้อมแขนของเขาทันเวลา“คุณกำลังทรมานจากการปวดประจำเดือนใช่ไหมครับ? ”ฉินหมิงขมวดคิ้วไม่นานก็เดาออกม“ฉันไม่เป็นไร แค่ทนหน่อยก็โอเคแล้ว…”“นายปล่อยฉันได้แล้ว…”เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้ชายที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวยงามของหานซีก็แดงก่ำ จากนั้นเธอก็พยายามดิ้นรนสองสามครั้ง แต่ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนของฉินหมิงได้“พูดจามั่วซั่ว!”“เรื่องแบบนี้จะทนได้ไงกันล่ะครับ รีบไปรักษาดีกว่า! ”ใบหน้าของฉินหมิงเข้มขึ้น เขาอุ้มหานซีขึ้นและเดินอย่างรวดเร็วไปที่โซฟาท่ามกลางเสียงร้องของหานซี“นี่นาย…นายจะทำอะไร…”“นี่นาย…ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!”ใบหน้าหานซีแดงก่ำ ในใจเต้นตุ้บ ๆ ตั้บ ๆไม่รู้ว่าทำไมหรือบางทีเธออาจชอบผู้ชายประเภทที่ครอบงำและมีอำนาจ เธอไม่ปฏิเสธพฤติกรรมใกล้ชิดของฉินหมิงแต่กลับรู้สึกว่ารูปลักษณ์ที่ครอบงำของฉินหมิงนั้นมีเสน่ห์มากในฐานะผู้ชายพอมาถึ
ตอนนี้สร้อยคอถูกแกะสลักแล้ว นายท่านซูโทรไปขอที่อยู่ของฉินหมิงและคิดจะให้คนนำสร้อยคอไปส่งมอบให้เขาฉินหมิงมองดูเวลาและเห็นว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาจึงไม่คิดรบกวนนายท่านซูอีกต่อไปจากนั้นก็นัดแนะกับนายท่านซูว่าหลังเลิกงานเขาจะไปรับสร้อยเส้นนั้นเอง และอยากไปแสดงความขอบคุณต่อนายท่านซูด้วยตัวเอง……ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเจียงเฉิน และยังเป็นตระกูลที่ด้อยที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลหลักอีกด้วยบ้านพักสุดหรูสไตล์คฤหาสน์ของตระกูลซูตั้งอยู่บนเชิงเขาอันเขียวชอุ่ม ห้อมล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามราวกับสวรรค์บนดิน เป็นสถานที่อันเหมาะแก่การปลีกวิเวกและพักผ่อนอย่างที่สุด บริเวณลานบ้านนายท่านซูนั่งอยู่กลางสวน กำลังเล่นหมากล้อมคนที่เล่นหมากล้อมกับเขานั้นเป็นชายหนุ่มในวัยสามสิบต้น ๆชายหนุ่มผู้นี้มีคิ้วได้รูปและดวงตาเป็นประกายและรูปลักษณ์ที่ดูสง่างาม เขาคือซูห่าว หลานชายคนโตของตระกูลซู เขายังเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาทายาทตระกูลซู และเป็นผู้สืบทอดลำดับแรกของ ตระกูลในอนาคตอีกด้วยถัดจากนายท่านซูและซูห่าวไป สาวสวยคนหนึ่งกำลังเข็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น ทั
แต่เนื่องจากการแกะสลักสร้อยคอเป็นงานฝีมือที่สลับซับซ้อน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร จนกระทั่งเที่ยงวันนี้อาจารย์หานก็ทำผลงานชิ้นเอกสำเร็จลุล่วงลงไปได้“คุณปู่ อาจารย์หานเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาช่างฝีมือแกะสลักหยกอันโด่งดังในเจียงเฉิง ว่ากันว่าเขาฝึกฝนมาเกือบสิบปีแล้ว”“ถ้าคุณปู่ไม่สนิทกับเขา ผมคิดว่าครั้งนี้เขาคงไม่รับปากตอบตกลง!”ซูห่าวยิ้ม“ใช่น่ะสิ ครั้งนี้ปู่ขอร้องเขาจนเกือบจะอารมณ์เสียอยู่แล้ว โชคดีที่สุดท้ายเขาก็ยังรับปากจะทำให้”นายท่านซูหัวเราะและกล่าว“คุณปู่ จี้ของสร้อยคอทั้งสองชิ้นนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของหยกจักรพรรดิทั้งสองชิ้น และนับว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากทีเดียว”“ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความมุมานะอุตสาหะของอาจารย์หานที่ผ่านการฝึกฝีมือมากกว่าสิบปี นี่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้”“ปู่อยากจะยกสิ่งล้ำค่าแบบนี้ให้กับผู้อื่นฟรี ๆ จริงเหรอ?”ซูซินเหยามุ่ยหน้าและพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์หยกจักรพรรดินับว่าเป็นของมีค่าและหายากมาก หากอิงตามราคาในท้องตลาด สร้อยหยกจักรพรรดิทั้งสองเส้นนี้แต่ละเส้นจะมีมูลค่าอย่างน้อยสามร้อยถึงสี่ร้อยล้านบาท!สิ่งที่หายากยิ่งกว่านั้น
“ปู่สัญญากับฉินหมิงไว้ก่อนแล้ว จะให้กลับคำได้ยังไง!”“และในฐานะผู้นำตระกูลซู ถ้าปู่ไม่รักษาคำพูด ต่อไปตระกูลซูของเราจะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นหรอกหรือ?”นายท่านซูพูดด้วยสีหน้าจริงจังและแน่วแน่หากเป็นเรื่องอื่นด้วยความรักใคร่เอ็นดูที่มีต่อหลานสาว เขาคงจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเช่นนี้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และเขาจะเอาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลมาล้อเล่นไม่ได้"แต่......"ซูซินเหยายังคงต้องการเกลี้ยกล่อมปู่ของเธอ แต่กลับถูกนายท่านซูเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร“นี่ไม่เข้าท่าเลย”“ถ้าหลานต้องการ ก็เลือกมาหนึ่งเส้น ไม่อย่างนั้นปู่จะยกสร้อยคอสองเส้นนี้แก่ฉินหมิงเสีย เพื่อไม่ให้ดาวสมุทรคู่ต้องแยกจากกัน”นายท่านซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“หนูอยากได้ จะไม่อยากได้ได้ยังไง!”“แค่ชิ้นเดียวก็ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!”ซูซินเหยากัดฟันและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมโอนอ่อน จากนั้นเธอก็เลือกดาวเพลิงสมุทรและเก็บมันไว้ด้วยความยินดี หลังจากนั้นไม่นานฉินหมิงรีบไปยังตระกูลซู ภายใต้การนำของรปภ.จากตระกูลซู เขามาที่สวนและเข้าพบนายท่านซูและคนในครอบครัว“นาย
นายท่านซูยิ้มจางตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักในเมืองเจียงเฉิน และมีอำนาจเป็นอย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากฉินหมิงเลยนอกจากนี้ หากวันหนึ่งเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากจริง ๆ สิ่งที่แม้แต่ตระกูลซูยังไม่สามารถแก้ไขได้ ก็แทบไม่มีโอกาสที่ฉินหมิงซึ่งเป็นคนธรรมดาจะมีประโยชน์อะไร“ฉินหมิง ตอนนี้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ทำไมไม่อยู่ต่อและทานอาหารเย็นด้วยกันล่ะ?”ถังเฟิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ขอรบกวนนายท่านซูแล้วดีกว่า...”ฉินหมิงกล่าวคำอำลาและกำลังจะจากไป ขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของถังเฟิ่งและได้เห็นพลังงานสีดำก่อตัวขึ้นระหว่างคิ้วของอีกฝ่ายพลังงานสีดำนี้เพิ่งจะก่อตัวขึ้น และหากไม่ใช่เพราะทักษะทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดาของเขา ก็ยากที่จะตรวจจับได้“ฉินหมิง เกิดอะไรผิดปกติขึ้นหรือ?”เมื่อเห็นฉินหมิงลังเลที่จะพูด นายท่านซูและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตระหนก“นายท่านซูขออภัยด้วยที่ผมจะขอพูดตรง ๆ สักหน่อย มีไอทมิฬก่อตัวอยู่ระหว่างคิ้วของนายหญิงซู นี่เป็นสัญญาณร้าย เธอจะมีอายุอยู่ได้ไม่นาน…”ฉินหมิงลังเลแต่ก็พูดออกมา"อะไรนะ?"“คุณย่าของฉันสุขภาพแข็งแรงมาก เธอจะ
ฉินหมิงรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่เมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่าย ท้ายที่สุดเขาก็ยังแนะนำคุณฉีให้กับพวกเขาหลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นผสานกัน กล่าวคำอำลาหยิบสร้อยคอแล้วเดินจากไป“ช่างเป็นเด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ!”“นี่มันน่าโมโหจริง ๆ นะ!”เมื่อเห็นร่างของฉินหมิงหายไปจากสายตา นายท่านซูก็ตบโต๊ะ ถอนหายใจและจ้องมองด้วยความโกรธ ความประทับใจที่เขามีต่อฉินหมิงเหือดหายไปในทันที“นายท่านซู อย่าโมโหไปเลย บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจมีเจตนาดีและไม่ได้คิดจะประสงค์ร้ายอะไรกับเราก็ได้”ถังเฟิ่งปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้ม“เขาจะมีเจตนาดีได้ยังไง ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเจตนาไม่ดี!”"ในความคิดของหนู พอเขาเห็นคุณย่าอยู่บนรถเข็นถึงได้คิดว่าคุณย่าเป็นอัมพาต จึงจงใจทำให้พวกเราตื่นตระหนกและคิดจะฉวยโอกาสนี้ประจบประแจงตระกูลซูของเรา!"“เพียงแต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าคุณย่ากำลังทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บตามข้อต่อจริง ๆ สุดท้ายเขาถึงไม่ได้ทำอย่างที่ใจปรารถนา!”ซูซินเหยาเย้ยหยัน"ก็เป็นไปได้"ซูห่าวพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่น้องสาวของเขาพูดนั้นสมเหตุสมผลท้ายที่สุดแล้วตระกูลซูก็ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแ
“คุณฉี อย่าได้เข้าใจผมผิด เราไม่ได้ขอให้ใครมารักษาแทนคุณ”“ฉินหมิงเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ”นายท่านซูรีบอธิบายตัวเอง"ว่าไงนะ?"“ฉินหมิง?”หัวใจของคุณฉีเต้นรัว และทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน"ใช่แล้วคุณฉี มีเรื่องอะไรเหรอ?"นายท่านซูและคนอื่น ๆ มองดูคุณฉีด้วยความประหลาดใจ และสงสัยว่าทำไมคุณฉีถึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบใหญ่โตเช่นนี้“นายท่านซู คุณช่วยบอกรายละเอียดของชายคนที่ชื่อฉินหมิงหน่อยได้ไหม เขาอายุเท่าไร และเขามีหน้าตาเป็นยังไง?…”จังหวะหายใจของคุณฉีเร็วเล็กน้อย และเขาไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อนี้เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า“เขาอายุประมาณยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี สูงและผอม...”นายท่านซูบรรยายสั้น ๆ ถึงรูปลักษณ์ของฉินหมิง“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!”คุณฉีถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจและได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ดูคล้ายกับเสียสติ“คุณฉี คุณ... รู้จักเขาเหรอ?”นายท่านซูเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว“ผมรู้จักเขา คุณฉินเป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนที่มีฝีมือมาก ความสำเร็จทางการแพทย์ของเขาสูงมาก และแม้แต่ผมก็เทียบกับเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”คุณฉีพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไป
“คุณขอให้เขาลองรักษาให้ก็ได้นี่”คุณฉีพูดอย่างรวดเร็ว"ใช่แล้ว ผมลืมฉินหมิงไปได้ยังไง!"“เขาเคยพูดว่าเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาภรรยาของผมให้หายขาดได้หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เขาต้องมีวิธีรักษาอย่างแน่นอน!”นายท่านซูมีความสุขมากและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหวังจะโทรหาฉินหมิงแต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาเพิ่งไล่ฉินหมิงออกจากบ้านไป ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นทันทีซูซินเหยามองเห็นความลำบากใจของนายท่านซูจึงเริ่มออกปากพูดขึ้น "คุณปู่ ฉินหมิงเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เขาน่าจะยังไปได้ไม่ไกลมาก"“หนูจะไปตามขอร้องให้เขากลับมารักษาคุณย่าเอง!”“เอาล่ะ รีบตามเขาไปเร็วเข้า”“จำเอาไว้ให้ดีว่าหลานจะต้องจริงใจให้มากกว่านี้ ยังไงก็ต้องขอร้องให้เขากลับมาให้ได้…”นายท่านซูเตือนให้หลานสาวไปตามฉินหมิงกลับมาด้วยความจริงใจ"หนูเข้าใจแล้ว..."ก่อนที่นายท่านซูท่านได้พูดจบ ซูซินเหยาก็รีบพุ่งตัวออกไปเหมือนลูกธนูและรีบวิ่งไปยังทิศทางที่ฉินหมิงจากไปที่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลซูฉินหมิงมาที่ลานจอดรถและกำลังจะขับรถออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง“ฉินหมิง