นายท่านซูยิ้มจางตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักในเมืองเจียงเฉิน และมีอำนาจเป็นอย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากฉินหมิงเลยนอกจากนี้ หากวันหนึ่งเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากจริง ๆ สิ่งที่แม้แต่ตระกูลซูยังไม่สามารถแก้ไขได้ ก็แทบไม่มีโอกาสที่ฉินหมิงซึ่งเป็นคนธรรมดาจะมีประโยชน์อะไร“ฉินหมิง ตอนนี้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ทำไมไม่อยู่ต่อและทานอาหารเย็นด้วยกันล่ะ?”ถังเฟิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ขอรบกวนนายท่านซูแล้วดีกว่า...”ฉินหมิงกล่าวคำอำลาและกำลังจะจากไป ขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของถังเฟิ่งและได้เห็นพลังงานสีดำก่อตัวขึ้นระหว่างคิ้วของอีกฝ่ายพลังงานสีดำนี้เพิ่งจะก่อตัวขึ้น และหากไม่ใช่เพราะทักษะทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดาของเขา ก็ยากที่จะตรวจจับได้“ฉินหมิง เกิดอะไรผิดปกติขึ้นหรือ?”เมื่อเห็นฉินหมิงลังเลที่จะพูด นายท่านซูและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตระหนก“นายท่านซูขออภัยด้วยที่ผมจะขอพูดตรง ๆ สักหน่อย มีไอทมิฬก่อตัวอยู่ระหว่างคิ้วของนายหญิงซู นี่เป็นสัญญาณร้าย เธอจะมีอายุอยู่ได้ไม่นาน…”ฉินหมิงลังเลแต่ก็พูดออกมา"อะไรนะ?"“คุณย่าของฉันสุขภาพแข็งแรงมาก เธอจะ
ฉินหมิงรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่เมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่าย ท้ายที่สุดเขาก็ยังแนะนำคุณฉีให้กับพวกเขาหลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นผสานกัน กล่าวคำอำลาหยิบสร้อยคอแล้วเดินจากไป“ช่างเป็นเด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ!”“นี่มันน่าโมโหจริง ๆ นะ!”เมื่อเห็นร่างของฉินหมิงหายไปจากสายตา นายท่านซูก็ตบโต๊ะ ถอนหายใจและจ้องมองด้วยความโกรธ ความประทับใจที่เขามีต่อฉินหมิงเหือดหายไปในทันที“นายท่านซู อย่าโมโหไปเลย บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจมีเจตนาดีและไม่ได้คิดจะประสงค์ร้ายอะไรกับเราก็ได้”ถังเฟิ่งปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้ม“เขาจะมีเจตนาดีได้ยังไง ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเจตนาไม่ดี!”"ในความคิดของหนู พอเขาเห็นคุณย่าอยู่บนรถเข็นถึงได้คิดว่าคุณย่าเป็นอัมพาต จึงจงใจทำให้พวกเราตื่นตระหนกและคิดจะฉวยโอกาสนี้ประจบประแจงตระกูลซูของเรา!"“เพียงแต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าคุณย่ากำลังทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บตามข้อต่อจริง ๆ สุดท้ายเขาถึงไม่ได้ทำอย่างที่ใจปรารถนา!”ซูซินเหยาเย้ยหยัน"ก็เป็นไปได้"ซูห่าวพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่น้องสาวของเขาพูดนั้นสมเหตุสมผลท้ายที่สุดแล้วตระกูลซูก็ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแ
“คุณฉี อย่าได้เข้าใจผมผิด เราไม่ได้ขอให้ใครมารักษาแทนคุณ”“ฉินหมิงเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ”นายท่านซูรีบอธิบายตัวเอง"ว่าไงนะ?"“ฉินหมิง?”หัวใจของคุณฉีเต้นรัว และทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน"ใช่แล้วคุณฉี มีเรื่องอะไรเหรอ?"นายท่านซูและคนอื่น ๆ มองดูคุณฉีด้วยความประหลาดใจ และสงสัยว่าทำไมคุณฉีถึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบใหญ่โตเช่นนี้“นายท่านซู คุณช่วยบอกรายละเอียดของชายคนที่ชื่อฉินหมิงหน่อยได้ไหม เขาอายุเท่าไร และเขามีหน้าตาเป็นยังไง?…”จังหวะหายใจของคุณฉีเร็วเล็กน้อย และเขาไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อนี้เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า“เขาอายุประมาณยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี สูงและผอม...”นายท่านซูบรรยายสั้น ๆ ถึงรูปลักษณ์ของฉินหมิง“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!”คุณฉีถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจและได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ดูคล้ายกับเสียสติ“คุณฉี คุณ... รู้จักเขาเหรอ?”นายท่านซูเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว“ผมรู้จักเขา คุณฉินเป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนที่มีฝีมือมาก ความสำเร็จทางการแพทย์ของเขาสูงมาก และแม้แต่ผมก็เทียบกับเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”คุณฉีพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไป
“คุณขอให้เขาลองรักษาให้ก็ได้นี่”คุณฉีพูดอย่างรวดเร็ว"ใช่แล้ว ผมลืมฉินหมิงไปได้ยังไง!"“เขาเคยพูดว่าเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาภรรยาของผมให้หายขาดได้หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เขาต้องมีวิธีรักษาอย่างแน่นอน!”นายท่านซูมีความสุขมากและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหวังจะโทรหาฉินหมิงแต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาเพิ่งไล่ฉินหมิงออกจากบ้านไป ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นทันทีซูซินเหยามองเห็นความลำบากใจของนายท่านซูจึงเริ่มออกปากพูดขึ้น "คุณปู่ ฉินหมิงเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เขาน่าจะยังไปได้ไม่ไกลมาก"“หนูจะไปตามขอร้องให้เขากลับมารักษาคุณย่าเอง!”“เอาล่ะ รีบตามเขาไปเร็วเข้า”“จำเอาไว้ให้ดีว่าหลานจะต้องจริงใจให้มากกว่านี้ ยังไงก็ต้องขอร้องให้เขากลับมาให้ได้…”นายท่านซูเตือนให้หลานสาวไปตามฉินหมิงกลับมาด้วยความจริงใจ"หนูเข้าใจแล้ว..."ก่อนที่นายท่านซูท่านได้พูดจบ ซูซินเหยาก็รีบพุ่งตัวออกไปเหมือนลูกธนูและรีบวิ่งไปยังทิศทางที่ฉินหมิงจากไปที่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลซูฉินหมิงมาที่ลานจอดรถและกำลังจะขับรถออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง“ฉินหมิง
ฉินหมิงกล่าวอย่างจริงใจครั้งก่อนตอนที่เขาอยู่กับตระกูลหลิน เขาได้เห็นทักษะทางการแพทย์ของคุณฉีมาแล้ว ความสำเร็จของคุณฉีทั้งในด้านการแพทย์แผนจีนและการแพทย์แผนตะวันตกนั้นนับว่าสูงมากและไม่อาจหาอะไรเปรียบได้แม้ว่าทักษะการฝังเข็มของเขาจะดีกว่าของคุณฉี แต่ในแง่ของประสบการณ์ทางการแพทย์และข้อมูลเชิงลึก แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่มีทางตามคุณฉีได้ทันเป็นการดีกว่ามากสำหรับตระกูลซูที่จะขอให้คุณฉีทำการรักษามากกว่าขอให้คนที่ไม่ได้เป็นหมอเต็มตัวอย่างเขาไปรักษาให้!"นี่คุณ…"ซูซินเหยาเกือบจะระเบิดความโกรธออกมาถ้าคุณฉีทำได้ ทำไมเธอจะต้องรีบแจ้นมาหาฉินหมิงอย่างรีบร้อนแบบนี้กัน?!แต่ถึงอย่างนั้นฉินหมิงกลับปฏิเสธที่จะรักษา และใช้คุณฉีเป็นโล่ ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าเขาจงใจเย้ยหยันเธอ!แล้วหญิงสาวผู้รักศักดิ์ศรีอย่างเธอจะทนได้อย่างไร?!“นายฉิน อย่าหน้าด้านให้มากนักเลย!”“ฉันขอเตือนคุณเอาไว้เลยนะ ฉันมาขอให้คุณไปรักษาคุณย่าก็เพราะตระกูลซูให้เกียรติคุณมาก นี่ถือเป็นเกียรติของคุณแล้ว!”"อย่าแกล้งโง่ให้มากนักเลย!"ซูซินเหยาตำหนิด้วยความโกรธ"ขอบคุณตระกูลซูที่มองผมแบบนั้น แต่ผมไม่บังอาจรับเกียรตินั้
ซูห่าวดุด้วยใบหน้าที่เย็นชา"ขอโทษเหรอ?"“คนอย่างเขามีอะไรให้ฉันต้องขอโทษ?”"ไม่มีทางเสียหรอก!"ซูซินเหยาไม่พอใจอย่างหนัก"นี่เธอ…"จมูกของซูห่าวมู่ทู่ เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉินหมิงก็ขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เพราะผมคงช่วยอะไรไม่ได้!”“ผมแค่อยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด หวังว่าตระกูลซูของพวกคุณจะไม่ใช้อำนาจของตัวเองสร้างความลำบากให้คนอื่นก็พอ!”ฉินหมิงตะคอกอย่างเย็นชา ก่อนหันหลังกลับและจากไป ไม่อยากสุงสิงกับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้"คุณฉิน คุณจะกลับไปไม่ได้นะ!"ซูห่าวตกใจและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดฉินหมิงเอาไว้“นายน้อยซูคุณคุณยังมีอะไรจะพูดอีก?”ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็น“คุณฉิน ก่อนหน้านี้เราเข้าใจคุณผิดไปเราไม่ควรกังขาในทักษะทางการแพทย์ของคุณ และยิ่งไม่ควรขับไล่คุณไปแบบนี้…”“ทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง ผมขอโทษคุณแทนคุณปู่ของผมด้วย ผมหวังว่าครั้งนี้คุณจะยกโทษให้เราและตามผมกลับไปเพื่อรักษาคุณย่าที…”ซูห่าวโค้งคำนับอย่างจริงใจ และท่าทีของเขาก็ดูจริงใจมากกว่าของซูซินเหยาไม่น้อยเลย“นายน้อยซู ผมต้องขอโทษด้วย ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับอาการป่วยไข้ข
ซูห่าวดุด้วยความโกรธเขารู้ดีว่าถ้าน้องสาวของเขาไม่ปะทะกับฉินหมิงเมื่อครู่ ฉินหมิงก็คงจะไม่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นขนาดนี้เวลาแก้ปม คนเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ มีเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้นที่จะสามารถร้องขอการให้อภัยจากฉินหมิง เรื่องนี้อาจจะมีโอกาสแก้ไขได้อยู่!“พี่อยากให้ฉันคุกเข่าให้เขาเนี่ยนะ?”"ไม่มีทางซะหรอก!"“พี่จะบ้าก็บ้าไปคนเดียว ฉันไม่บ้าไปกับพี่หรอก!”ซูซินเหยากัดฟันขาวของเธอแล้วพูด"เธอ…"“เธอรู้ไหมว่าสถานการณ์ปัจจุบันของคุณย่าวิกฤตมาก และชีวิตของคุณย่าก็สามารถตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา ถ้าหากคุณฉินไม่รับปากจะรักษาให้ เธอก็น่าจะรู้ถึงผลที่ตามมานี่!”“เธออยากเป็นคนฆ่าคุณย่าใช่ไหม?”ซูห่าวจ้องมอง เกือบจะทนไม่ไหวกับความเอาแต่ใจของน้องสาวตัวเอง"ฉัน…"ซูซินเหยารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจเธอมักจะหยิ่งผยองและเอาแต่ใจมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจอยู่เสมออีกด้วยแต่ตอนนี้หลังจากที่พี่ชายเตือนสติ สุดท้ายเธอก็ตระหนักได้ว่าชีวิตของคุณย่าอยู่ในน้ำมือของฉินหมิงหากคุณย่าต้องสูญเสียโอกาสเดียวในการได้รับการรักษาไปเพราะความเอาแต่ใจของเธอ วันข้างหน้าเธอจะกล้าสู้หน้ากั
ฉินหมิงลังเล ก่อนจะพูดขึ้น"ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่คุณพยายามสุดความสามารถ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ตระกูลซูของเราจะจะไม่มีวันลืมความเมตตาของคุณแน่นอน!"นายซูพูดอย่างจริงจังแม้ว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับอาการของภรรยาของเขามาก แต่ฉินหมิงก็บอกเองกับปากว่าเขามั่นใจประมาณ หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ในแง่ของการแพทย์ ความมั่นใจในระดับสูงเช่นนี้ไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาอะไร“จะอยู่หรือตายล้วนถูกสวรรค์กำหนดไว้แล้วไม่ว่าจะได้รับการรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ”“ฉินหมิง เพียงแค่เริ่มรักษาได้ทุกทุกวิธีที่นายต้องการเถอะ ไม่จำเป็นต้องกดดันอะไรมากนัก”ถังเฟิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดีตอนนี้เธออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว เธอใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานและประเมินความตายต่ำเกินไป แต่ต่อให้เธอจะรักษาไม่หาย ก็ถือว่าใช้ชีวิตมามากพอแล้ว“เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้ดีที่สุด!”ฉินหมิงยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือให้ถังเฟิ่งเพื่อยืดข้อมือออกและสัมผัสชีพจรของเธออย่างระมัดระวังการแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับ "การดู การดมกลิ่น การฟัง และความรู้สึก" เขาสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บป่วยของถังเฟิ่งโดยประมาณแล้ว