ที่ด้านข้าง ในที่สุดพ่อเซียวก็ตัดสินใจเรื่องนี้ได้แล้ว "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลองดูก่อนเถอะ"เขาคิดว่า ไม่แน่ว่า เข็มนี้อาจจะลงแรงมาก แม้แต่เหิงเอ๋อร์ก็ทนไม่ได้ก็เป็นได้?ถ้าแม้แต่ครั้งแรกก็ทนไม่ไหว งั้นข้างหลังก็ไม่ต้องไปที่เรือนของหน่วนหน่วนแล้ว!ในเรื่องนี้ทุกคนไม่มีข้อคัดค้านถือโอกาสที่วันนี้คนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนต่างก็อยากเห็นว่าเฉียวเนี่ยนจะทดลองเข็มอย่างไรกันแน่คนทั้งกลุ่มจึงพากันไปที่เรือนของเซียวชิงหน่วนอย่างเอิกเกริกในห้องที่ใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันออก พ่อเซียวแม่เซียวนั่งอยู่ข้างๆ ดูประหม่าเล็กน้อยเซียวชิงหน่วนจึงอยู่เป็นเพื่อนแม่เซียว ปลอบโยนบ้างเป็นครั้งคราวเซียวเหอก็นั่งเก้าอี้ล้อไปด้านข้าง เหมือนกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะตื่นเต้น จึงส่งสายตาเป็นมั่นเป็นเหมาะเมื่อนางมองมาที่ตัวเองเขาเชื่อว่านางทําได้แต่เฉียวเนี่ยนไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิด คิดแต่ว่า ถ้าเซียวเหิงทนไม่ไหว นางก็จะลองเอง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องรักษาเซียวเหอให้หายให้ได้หลินยวนก็ตามมาด้วย นางยืนอยู่ข้างหลังแม่เซียว สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติถ้าเป็นไปได้ แน่นอนว่านางไม่อยากมาร่วมด้วยเลย เพียงแต่ทุกคน
หัวใจเจ็บแปลบเล็กน้อย เซียวเหิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ แล้วจึงเอ่ยปากเสียงเรียบ "เชิญ"เฉียวเนี่ยนพยักหน้า จากนั้นหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมา แทงเข้าไปในจุดฝังเข็มแรกนางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กล้ามเนื้อที่ขาของเซียวเหิงพองขึ้นอย่างฉับพลันเพราะเข็มเงินที่ฝังเข้าไป นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของมนุษย์เมื่อต้องรับมือกับความเจ็บปวดนางเงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นสีหน้าของเขาเป็นปกติ ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อยดีกว่าพวกเด็กรับใช้พวกนั้นเยอะเลยเฉียวเนี่ยนพอใจกับสิ่งนี้มาก จึงตีเหล็กตอนที่ยังร้อนอยู่ และเริ่มฝังเข็มที่สองสีหน้าของเซียวเหิงยังคงเป็นปกตินั่นทําให้พ่อเซียวแม่เซียวรู้สึกว่าคําพูดของพวกเด็กรับใช้เกินจริงเกินไปจนกระทั่ง เข็มที่ห้ามันเป็นเข็มที่แม้แต่จี้เยว่ก็ยังทนไม่ไหวและเป็นลมจากความเจ็บปวดแต่เซียวเหิงก็ยังคงไม่พูดอะไรสักคํา มีเพียงเหงื่อเย็นบนหน้าผากเท่านั้นที่พิสูจน์ได้ว่าเขาเจ็บจริงๆเฉียวเนี่ยนย่อมเห็นอยู่แล้ว แต่นางไม่เข้าใจว่าทําไมเซียวเหิงไม่ตะโกน ทําไมไม่แสดงออกมา เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อนางเหรอ?ในใจจึงรู้สึกรําคาญเล็กน้อย น้ำ
เพียงคำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้อีกสามคนในที่นั้นตกตะลึงไปตามๆ กันเซียวชิงหน่วนยังคงถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ นางเหลือบมองเซียวเหิง แล้วมองไปที่เฉียวเนี่ยนอีกครั้ง ด้วยกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะหลุดปากพูดอะไรที่เหลือเชื่อออกมาโชคดีที่เฉียวเนี่ยนตั้งสติกลับมาได้หลังตกใจไปชั่วขณะ นางหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่มองเขาอีก ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบ "แม่ทัพเซียวช่างล้อเล่นเก่งเสียจริง"พูดจบ นางก็เตรียมจะฝังเข็มต่อแต่ฉับพลัน ข้อมือของนางก็ถูกใครบางคนจับไว้แน่นเขาก็คือเซียวเหอเฉียวเนี่ยนมองเขาด้วยความตกใจ เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ มองไปที่เซียวเหิงด้วยสายตาไม่พอใจ "ข้าว่าเจ้าคงเจ็บจนสติเลอะเลือนไปแล้ว วันนี้พอแค่นี้แหละ"พูดจบเขาก็หันไปมองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง น้ำเสียงเย็นชาฟังดูอ่อนลงเล็กน้อย ทว่ายังคงความไม่พอใจอยู่ "เก็บของ พวกเราไปกัน"เฉียวเนี่ยนไม่คิดว่าเซียวเหอจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้ มือที่กำลังถือเข็มอยู่ของนางไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีในขณะที่แววตาของเซียวเหิงกลับพลันมืดครึ้ม รอยยิ้มที่เคยมีเมื่อครู่ก็จางหายไปจนสิ้นเขามองเฉียวเนี่
พูดจบ เซียวเหอจึงหันไปมองเฉียวเนี่ยน ส่งสัญญาณให้นางเดินออกไปพร้อมกับเขาเฉียวเนี่ยนเก็บเข็มทั้งหมด ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเซียวเหอออกไปในใจของนางยังคงกังวลอยู่ดี คนทั่วไปแม้แต่สี่หรือห้าเข็มก็แทบจะทนไม่ได้ แต่เซียวเหิงกลับอดทนจนถึงที่สุด เขาจะต้องมีความอดทนที่แข็งแกร่งเพียงใดกัน?แต่กระทั่งเดินออกจากห้องไปแล้ว นางก็ยังไม่หันกลับไปมองเซียวเหิงเลยแม้แต่ครั้งเดียวเซียวชิงหน่วนกลับมองออกว่าเฉียวเนี่ยนตั้งใจไม่มองมาทางนี้ไม่รู้เพราะอะไร แต่ในชั่วขณะนั้น นางกลับรู้สึกว่าเซียวเหิงช่างน่าสงสารเหลือเกินจนแม้กระทั่งเสียงเรียกของนางก็ยังแฝงไปด้วยความเวทนา "พี่รอง...""ออกไป"เสียงต่ำและแหบพร่าเป็นอย่างมากและหากตั้งใจฟังดีๆ อาจจะได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนอยู่ด้วยเซียวชิงหน่วนขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่านางยังอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลยก่อนจะเดินออกจากห้องไปประตูห้องถูกปิดลง ความเงียบสงบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องขาขวาของเขายังคงหลงเหลือความเจ็บปวดจากการฝังเข็มก่อนหน้านี้ ราวกับมีเส้นด้ายบางๆ ค่อยๆ ถูกดึงออกมา และเส้นด้ายนั้นเหมือนเชื่อมโยงเข้ากับหัวใจของเขาโดยตรง
สองวันต่อมาเมื่อเฉียวเนี่ยนฝึกขว้างก้อนหินครบหนึ่งร้อยลูกในช่วงเช้าเสร็จแล้ว นางจึงกลับห้องเพื่อเตรียมตัวฝังเข็มให้เซียวเหิงในช่วงบ่ายนับจนถึงตอนนี้ นางได้ลองฝังเข็มไปแล้วสามครั้งเมื่อวานเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าฝีมือการฝังเข็มของตนเริ่มมั่นคงขึ้น คิดว่าอีกสักหนึ่งหรือสองครั้ง ก็คงสามารถฝังเข็มให้เซียวเหอได้แล้วแต่ทันใดนั้นเอง หนิงซวงก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้อง สีหน้าของนางเคร่งเครียด "คุณหนู มีอาจารย์สำนักศึกษามาหาท่านที่หน้าจวน หรือว่าเกิดเรื่องกับเสี่ยวหูลู่หรือไม่เจ้าคะ?"เสี่ยวหูลู่ก็คือเด็กขอทานคนนั้น หลังจากเกิดเรื่องขึ้นวันนั้น เฉียวเนี่ยนจึงให้เงินและฝากเขาไว้กับอาจารย์สำนักศึกษาคนหนึ่งเมื่อได้ยินที่หนิงซวงพูด เฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกกังวลขึ้นมาวันนั้นนางให้เงินไปมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายของเสี่ยวหูลู่ตลอดทั้งปี การที่อาจารย์สำนักศึกษามาหานางในตอนนี้จึงไม่มีเหตุผลเลยนางรีบรุดออกจากจวนไปพร้อมกับหนิงซวงทันทีเมื่อไปถึง ก็เห็นอาจารย์สำนักศึกษากำลังเดินไปมาอย่างร้อนรนอยู่หน้าจวนพอเห็นเฉียวเนี่ยน อาจารย์สำนักศึกษาก็รีบก้าวเข้ามาหานาง "แม่นางเฉียว…อ้อ ไม่สิ ควรเรียกว่านายหญ
เมื่อคิดเช่นนี้ คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงรีบเดินออกไปอีกครั้ง "ข้าจะไปหาหลินเย่ว์!"คราวนี้ เซียวเหอไม่ได้ขวางนางอีก เพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของนางด้วยสายตาเป็นกังวล…หลินเย่ว์ไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะมาหาเขาดังนั้น เมื่อได้ยินรายงานจากบ่าวในจวน เขาจึงนึกว่าตนเองฟังผิดไปจนอดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง "เจ้าว่าใครมาหาข้านะ?""คุณหนูใหญ่ขอรับ!" เด็กรับใช้รีบตอบ "ดูท่าจะร้อนใจไม่น้อยด้วย"ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลินเย่ว์ก็เต็มไปด้วยความฉงน คิดเพียงว่าเฉียวเนี่ยนจะมาหาเขาด้วยเรื่องสำคัญอะไร?หรือว่านางมีเรื่องจะขอร้องเขา?หลินเย่ว์ครุ่นคิดไปพลาง ก้าวเดินออกไปพลางแต่พอเดินไปได้เพียงสองก้าว เขาก็หยุดลงทันทีพิธีกลับเยี่ยมบ้านภรรยาก่อนหน้านี้ เฉียวเนี่ยนก็ไม่กลับมา เท่ากับว่านางตัดขาดจากจวนโหวไปแล้วตอนนี้พอมีเรื่องเดือดร้อน นางก็กลับมาหาเขา?นางเห็นจวนโหวเป็นที่ใดกันแน่?จะมาก็มา จะไปก็ไปตามอำเภอใจ?เขาเป็นถึงท่านโหวน้อยแห่งจวนโหว ใช่คนที่นางคิดจะพบเมื่อไรก็พบได้หรือ?หลินเย่ว์ตั้งใจจะทำให้เฉียวเนี่ยนรอเขาเสียหน่อยคิดว่าอย่างไร
ขณะเดียวกัน ณ วัดร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง เสี่ยวชุ่ยได้นำเสี่ยวหูลู่ที่ถูกมัดมือมัดเท้าส่งมอบให้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเพราะชายเหล่านั้นตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ เสี่ยวชุ่ยจึงอดหวาดหวั่นไม่ได้ แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็ยังสั่นเครือ "ข้านำตัวเด็กมาให้พวกเจ้าแล้ว รีบพาเขาออกไปจากเมืองหลวงให้ไกลที่สุด และอย่ากลับมาอีกเลย เข้าใจไหม?"ชายที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ลำบากคุณหนูแล้ว" พูดจบก็ดึงเสี่ยวหูลู่เข้ามาข้างตัวอย่างแรงเสี่ยวหูลู่ไม่เพียงแต่ถูกมัดมือมัดเท้า แม้แต่ปากก็ยังถูกอุดด้วยผ้า ทำให้ส่งเสียงออกมาไม่ได้เลย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวสุดขีดเขามองไปที่เสี่ยวชุ่ย ราวกับกำลังอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้ายแต่เสี่ยวชุ่ยก็เพียงแค่ถลึงตาใส่เสี่ยวหูลู่ ก่อนจะหันไปบอกพวกชายฉกรรจ์ "ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวก่อน!"พูดจบ นางก็หมุนตัวเตรียมเดินจากไปทว่านึกไม่ถึงว่า ชายฉกรรจ์สองคนจะก้าวพรวดเข้ามา แล้วปิดประตูวัดร้างลงทันทีเสี่ยวชุ่ยตกใจ รีบลดเสียงลงเอ่ยถามอย่างระแวง "พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!"หัวหน้ากลุ่มหัวเราะเย็นชา "คุณหนูของเจ้าให้เงินพวกข้าสองเท่า วันนี้ เจ้าก็ไปไห
มือของเขาถูกมัดไขว้หลัง ทำให้การตัดเชือกเป็นไปอย่างยากลำบากแต่เสี่ยวหูลู่ไม่คิดยอมแพ้ มือเล็กๆ ของเขาถูกเศษกระเบื้องบาดจนเลือดไหล ทว่าเขากลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เสี่ยวชุ่ยจึงคิดว่าเสี่ยวหูลู่ไม่มีทางหนีไปได้แน่แต่คิดไม่ถึงว่า ในวินาทีต่อมา เชือกที่มัดตัวเสี่ยวหูลู่ไว้จะขาดออกเขารีบทิ้งเศษกระเบื้อง แล้วแก้เชือกที่มัดเท้าของตัวเองออก จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังรูโหว่ข้างกำแพงทันที"อื้อ! อื้อ!"เสี่ยวชุ่ยร้องออกมาเสียงของนางดึงดูดความสนใจของเสี่ยวหูลู่เขาหันไปมองเสี่ยวชุ่ย พบว่านางน้ำตาคลอเบ้า สายตาเต็มไปด้วยการวิงวอนไม่ต่างจากตอนที่เขามองเสี่ยวชุ่ยก่อนหน้านี้เสี่ยวหูลู่ขมวดคิ้วแน่น เขาไม่คิดจะช่วยผู้หญิงสารเลวคนนี้เลยแม้แต่น้อยแต่พอร่างของเขากำลังจะมุดออกไปได้ครึ่งตัว จู่ๆ เสี่ยวหูลู่ก็หยุด แล้ววิ่งกลับไปทางด้านหลังเสี่ยวชุ่ยอย่างรวดเร็วใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเขาคิดว่า ถ้าตัวเองหนีไปคนเดียว เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากเสี่ยวชุ่ยที่เคยทำกับเขา เป็นคนเลวที่เห็นคนตายต่อหน้าต่อตาแล้วไม่ช่วย!แต่เขาไม่อยากเป็นคนเลว!ม
“อย่าหุนหันพลันแล่น!” เซียวเหอลงจากม้าเป็นคนแรก พร้อมตะโกนใส่พวกโจรภูเขาเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงฉานปรากฏบนคอของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาก็พลันบีบรัดเซียวเหิงและหลินเย่ว์รีบลงจากม้าตามมาติดๆสีหน้าของเซียวเหิงดูมืดมนอย่างยิ่ง และกำหมัดแน่นเขาโกรธตัวเองที่ยามนั้นทำไมไม่กำจัดพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงกลพวกโจรภูเขา!หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จิตใจว้าวุ่น เขาตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง! ปล่อยน้องสาวข้า!"ดวงตาของเฉียวเนี่ยนหม่นหมองนางนึกไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมาด้วยแล้วพลันพบว่า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังไม่อยากเจอหลินเย่ว์ยิ่งไม่อยากได้ยินเขาเรียกนางว่า 'น้องสาว'ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเกลียดพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้?ก่อนที่นางจะครุ่นคิดมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงของชายที่มีหนวดเคราตะโกนว่า "อยากให้พวกข้าปล่อยคนอย่างนั้นหรือ? ง่ายมาก! เอาหัวของเซียวเหิงมาให้พวกเรา!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหอและหลินเย่ว์ก็ตกใจแต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะชักดาบยาวที่เอวออกมาและวางไว้บนคอของตนโด
ในขณะเดียวกัน ที่แม่น้ำฉางหยาง เฉียวเนี่ยนก็ฟื้นขึ้นมาเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้ากำลังจ้องมองนางอย่างไม่วางตานางตกใจมาก หันหลังถอยทันที แต่ไม่ทันระวัง พื้นด้านหลังของนางกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว เกือบจะทำให้เธอล้มลงไปในแม่น้ำ แต่ชายที่มีหนวดเคราคนนั้นรีบคว้าแขนของนางไว้พอดี ทำให้นางทรงตัวได้ทันเฉียวเนี่ยนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ข้างหลังของนางคือแม่น้ำกว้างที่ไร้ขอบเขตที่นี่คือแม่น้ำฉางหยาง?ยังไม่ทันที่เฉียวเนี่ยนจะได้ตอบสนองอะไร เสียงจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นมา "อย่าขยับ แม่น้ำฉางหยางลึกมาก ถ้าตกลงไปแล้วก็ขึ้นมาได้ยาก!"เฉียวเนี่ยนมองไปที่ชายที่พูด เขาดูไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี ยังเป็นเพียงแค่หนุ่มวัยรุ่นขณะนี้เขากำลังเช็ดดาบยาวในมืออย่างตั้งอกตั้งใจเฉียวเนี่ยนเริ่มนึกบางอย่างออกนางปลอมตัวเป็นบ่าวหญิง หลบหนีออกจากเรือนอย่างลับ ๆ ผ่านการหลอกลวงองครักษ์ทั้งในและนอกเรือนแต่กลับมาพบกับชายสองคนนี้ระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นชายที่มีหนวดเคราคนนี้ที่จำนางได้เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วและถามขึ้น "พวกเจ้าคือโจรภูเขาจากหยงเป่ยใช่ไหม?"พวกเขาคือคนที่ฆ่าจิ่งเหยียน!ช
เซียวชิงหน่วนตกใจจนแทบขาดสติ ดวงตาทั้งสองแดงบวม พอเห็นเซียวเหอ นางก็แทบจะร้องไห้ออกมาในทันที แต่พอเห็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ น้ำตาที่จวนจะไหลกลับกลั้นเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในแววตากลับเผยให้เห็นความตระหนกยิ่งกว่าเดิม "พวกท่านมาทั้งหมดได้อย่างไร? แล้วเนี่ยนเนี่ยนเล่า? เป้าหมายของโจรภูเขาคือเนี่ยนเนี่ยนนะ!"อีกฝ่ายมีเพียงสองคน หลังจากมัดนางไว้ที่นี่ ก็รีบร้อนออกไปหาเฉียวเนี่ยนทันที!นางก็เป็นเพียงแค่เหยื่อล่อ ที่ถูกใช้ลวงเซียวเหิงให้ออกจากเรือนที่อยู่นอกเมืองหลวงเท่านั้น!ล่อเสือออกจากถ้ำ!เซียวเหิงหันหลังแล้วรีบจากไปทันที!ความหวาดกลัวในใจได้กลืนกินเขาไปหมดแล้วที่ผ่านมาก็มัวแต่วกวนอยู่กับรอยสักหัวเสือนั่นจนไม่ทันคิดกลัวว่าเมื่อหน่วนหน่วนตกอยู่ในมือโจรภูเขา นางจะต้องถูกทรมานอย่างโหดร้าย จึงรีบรุดมาด้วยความไม่ทันไตร่ตรอง!เซียวเหอก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน แต่ในใจก็ยังแอบมีความหวังอยู่บ้างคนที่ซุนเซี่ยนส่งมา ล้วนเป็นยอดฝีมือจากในกองทัพ ยังรวมกับคนของเขาช่วยกันเฝ้าอยู่หน้าจวนของเซียวเหิงหากโจรภูเขาบุกเข้าไปในจวนเซียวเหิงจริง อย่างน้อยคนของเขาก็คงพอถ่วงเวลาไว้ได้บ้างอย่างน้อย ก็
เมื่อเฉียวเอ๋อร์กลับมา ฮุ่ยเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านนอกห้องแล้วห้องของเฉียวเนี่ยนปิดสนิท ชวนให้ผู้คนสงสัย "ฮูหยินเล่า?"ฮุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างเยือกเย็น "ฮูหยินบอกเมื่อครู่ว่ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงล้มตัวนอนพักแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะมองประตูห้องอย่างแปลกใจ "ฮูหยินไม่สบายหรือ? ให้ข้าไปตามหมอมาดูหรือไม่?"ฮุ่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า "น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอกระมัง เจ้าอย่าคิดมากเลย ปล่อยให้ฮูหยินพักผ่อนเถอะ"แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของฮุ่ยเอ๋อร์ เฉียวเอ๋อร์กลับเริ่มระแวง นางดูออกว่าสีหน้าของฮุ่ยเอ๋อร์นั้นไม่เป็นธรรมชาติราวกับเพิ่งตระหนักอะไรขึ้นมา นางจึงกดเสียงให้เบาลง "หรือว่าเกิดเรื่องกับฮูหยินขึ้นแล้ว?"ฮุ่ยเอ๋อร์ไม่คิดว่าเฉียวเอ๋อร์จะจับพิรุธได้ทันที สายตาก็พลันหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ไม่มีอะไร เจ้าอย่าคิดมากไปเลย"แต่เฉียวเอ๋อร์ไม่เชื่อ นางยื่นถ้วยน้ำเชื่อมที่ถืออยู่ให้ฮุ่ยเอ๋อร์ แล้วก็หันกลับไปเคาะประตู "ฮูหยิน บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?"ไม่มีแม้แต่คำตอบ เฉียวเอ๋อร์จึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปภายในห้อง ไร้ซึ่งเงาของเฉียวเนี่ยน"เ
แต่รอยยิ้มในตอนนี้กลับดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้มเมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังเฉียวเนี่ยนได้ เซียวเหิงจึงยอมปริปาก "หน่วนหน่วนหายตัวไป""อะไรนะ?!" เฉียวเนี่ยนตกตะลึง ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเข้ามาครอบงำนาง"หน่วนหน่วนหายตัวไปหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน?""ครึ่งชั่วยามก่อน""เช่นนั้นท่านยังไม่ไปออกตามหาหน่วนหน่วนอีกรึ เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่!" เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาด้วยความตื่นตระหนก "หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมือของพวกโจรภูเขาจะทำอย่างไร!"ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นเขามองไปยังนาง ดวงตาฉายแววเย็นชา "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเป็นพวกโจรภูเขา?""คราวก่อนท่านพูดเองนี่ ว่าพวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง" เฉียวเนี่ยนพูด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก "อีกอย่าง ตอนนี้เรื่องที่ว่าข้ารู้ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ท่านต้องใส่ใจหรือ? หากว่าหน่วนหน่วนตกไปอยู่ในเงื้อมือของโจรภูเขาจริง ๆ ต้องจบไม่สวยแน่! ท่านรีบไปตามหานางเถอะ!"เซียวเหิงรู้สึกสั่นไหวในใจหน่วนหน่วนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เขาจะไม่เป็นห่วงนางได้อย่างไร?เพื่อปล้นสะดมทรัพย์สินแล้ว พวกโจรภูเขาเหล
ก็แค่ข่าวนั้น เซียวเหอก็ยังให้จี้เยว่หาคนไปปิดเอาไว้ก่อนไม่ว่าจะอย่างไร ในใจของเขา ความปลอดภัยของเนี่ยนเนี่ยนก็ยังคงมาเป็นอันดับแรกเสมอเขาไม่มีวันจะยอมเอาเนี่ยนเนี่ยนไปเสี่ยงอันตราย เพียงเพราะต้องการสร้างผลงานชื่อเสียงแต่พอจี้เยว่เพิ่งจะปิดข่าวลงได้ ซุนเซี่ยนก็กลับส่งคนออกไปแพร่ข่าวไปทั่วอีก จนในที่สุด ข่าวลือในเมืองหลวงก็ยิ่งลุกลามใหญ่โตจี้เยว่รู้สึกขุ่นเคือง "คุณชายใหญ่ ซุนเซี่ยนนี่มันไม่ได้เห็นค่าชีวิตของนายหญิงน้อยใหญ่ของพวกเราเลยสักนิด!"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยนั้นล้วนแต่เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิต หัวหน้าของพวกมันตายไปแล้วยังกล้าลงมาหาเรื่องตระกูลเซียวถึงเมืองหลวง ดูจากแค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่พวกที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆหากนายหญิงน้อยใหญ่ตกอยู่ในมือของพวกมัน ใครจะรู้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนเซียวเหอสีหน้าหม่นลงเล็กน้อยตั้งแต่ซุนเซี่ยนมาหาเขา เขาก็รู้แล้วว่าซุนเซี่ยนกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ ในตอนนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า "แล้วทางเหิงเอ๋อร์ล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?""คุณชายรองไม่ได้ไปที่ค่ายทหารเลยตั้งแต่เมื่อวาน อยู่แต่ในเรือนฝั่งอื่นตลอดวัน คงจะเดาได้แล้วว่าพวกโจรภูเขาจะม
ข่าวลืองั้นหรือ?เซียวเหอคิดในใจว่าเป็นไปได้สูง ที่จะเป็นเรื่องที่เขาสั่งให้จี้เยว่ทำเมื่อคืนเขาขมวดคิ้วและถามกลับ "ใต้เท้าซุน นี่คือเหตุผลที่ท่านมาวันนี้หรือ?"แต่แล้วก็ได้ยินซุนเซี่ยนลดเสียงลงเอ่ยว่า "ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ย ปรากฏตัวอยู่ในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้?"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยหรือ?เซียวเหอตะลึง "นี่เป็นข้อมูลของเมื่อไหร่กัน?""ไม่กี่วันก่อนหน้านี้น่ะสิ! แม่ทัพเซียวก็รู้ ไม่เช่นนั้นบาทก็ไม่มีทางให้ข้าใช้ข้ออ้างนั้นหรอก!"เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราษฎรแตกตื่น เรื่องนี้จึงยังไม่ได้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่เซียวเหอเลย ต่อให้เป็นเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำพูดของซุนเซี่ยน เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวเหอในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเฉียวเนี่ยนถึงให้คนส่งข่าว แพร่เรื่องที่นางถูกเซียวเหิงกักขังออกไปนางไม่ได้ต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยนางด้วยซ้ำ ข่าวคราวเหล่านั้น นางจงใจแพร่ไปให้พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยได้ยิน!ก่อนหน้านี้ เซียวเหิงเคยนำทัพปราบปรามพวกโจรภูเขาจนรังโจรภูเขาของพวกมันพินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมันปรากฏตัวในเมืองหลวง ยากนักท
อีกด้านหนึ่ง เซียวเหอก็ได้รับข่าวคราวมาแล้วแต่จี้เยว่กลับไม่เข้าใจ "เหตุใดนายหญิงน้อยใหญ่ถึงต้องการให้พวกเราแพร่ข่าวคราวของนางออกไป? ต่อให้คนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องแล้วอย่างไร? มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายรองคงไม่สนใจคำพูดคนรอบข้างแล้วมิใช่หรือขอรับ?"เซียวเหอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันหรือเนี่ยนเนี่ยนต้องการให้คำพูดของพวกชาวบ้านทำให้เรื่องนี้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงบีบบังคับเซียวเหิง ให้ปล่อยตัวนางออกมา?อย่างไรเสีย การแย่งชิงสะใภ้ใหญ่ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของโลกภายนอกอยู่แล้วหากเหล่าขุนนางร่วมมือกันเล่นงานเซียวเหิง ย่อมถึงขั้นที่แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แต่ว่า...ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น เรียกได้ว่าเล็กน้อยจนแทบจะเป็นศูนย์ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนที่พวกเขาแพร่ข่าวจนทั่วทั้งเมืองนั้น เซียวเหิงก็ต้องใช้อำนาจของตนเองในการปิดเรื่องนี้ให้เงียบลงแม้จะเล็ดรอดไปถึงหูฮ่องเต้ แต่ด้วยนิสัยของเซียวเหิง เพียงคำว่า 'กระหม่อมไม่ทราบเรื่อง' ประโยคเดียว ต่อให้ฮ่องเต้สั่งลงโทษหนัก ใช้ไม้ตีทหารฟาดจนเลือดเนื้อเละเทะ เขาก็อาจไม่ยอมปริปากเลยก็ได้!เมื่อเห็นเซียวเหอไม่กล่าวอันใด จ
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน