คำพูดนั้นของเฉียวเนี่ยนเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่แทงกลางใจท่านโหวหลินท่านโหวหลินทำทีแก้ต่าง "ไม่ ไม่ใช่ว่าพ่อตั้งใจทอดทิ้งเจ้าไว้ที่กรมซักล้าง แต่ฮองเฮารับสั่ง พ่อเองก็ไม่อาจขัดขืน"เมื่อพูดถึงเท่านั้น ท่านโหวหลินก็รู้สึกปวดใจ แม้แต่ใจหายยังแสนยากลำบาก เขาสูดลมหายใจอยู่หลายครั้งกว่ามีแรงพูดต่อ "พ่อ พ่อไม่ได้ไม่ใยดีเจ้า แต่ฮ่องเต้จับตาดูจวนโหวอยู่ตลอด พ่อกลัวว่าหากเดินหมากผิดไปสักครึ่งก้าว กลัวว่าฮ่องเต้จะรู้จัดอ่อน! พ่อกลัวว่าจวนโหวจะล่มสลายเพราะน้ำมือพ่อ พ่อจึงจำต้อ...""จำต้องทอดทิ้งข้า"เฉียวเนี่ยนจบประโยคนั้นแทนท่านโหวหลิน น้ำเสียงแสนเรียบเฉยนางเข้าใจดี ท่านโหวหลินในฐานะประมุขของตระกูล ย่อมคิดถึงชีวิตนับร้อยของทั้งนายทั้งบ่าวในจวนโหวนางเขาใจว่าท่านโหวหลินนั้นลำบากใจและต้องเสียสละแต่นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตก แต่กลับไม่ปริปากสักคำยามนางถูกกล่าวหานางไม่อาจเข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน เพียงแค่คำถามง่ายๆ ถึงได้สะเทือนถึงความเป็นความตายของจวนโหวปานนั้นเขาจะส่งใครสักคนไปถามสารทุกข์สุขดิบนางไม่ได้เชียวหรือ?เพียงแค่ปร
ภาพที่เห็นมีเพียงใบหน้าเคร่งเครียดของเขา น้ำเสียงนั้นเศร้าโศกเหลือเกิน "ข้ารู้ว่าข้าจัดการเรื่องวันนี้ได้ไม่ดีนัก แต่ในเมื่อข้ารับปากแล้วว่าจะช่วยหาคู่ที่เหมาะสมให้เจ้า ก็ต้องทำให้ได้อย่างนี้พูด เจ้าไม่เห็นข้าเป็นพี่ใหญ่ แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวเสมอมา ข้าไม่มีวันให้ยอมให้เจ้าแต่งงานกับคนไร้อำนาจไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้ชายที่ไม่มีวันปกป้องเจ้าได้"เมื่อหลินเย่ว์พูดคำนั้น เฉียวเนี่ยนเกือบจะเผลอหัวเราออกมาเขาเห็นนางเป็นน้องสาวเสมอมา?ทว่าแต่ละเรื่องที่เขาทำ มีพี่ใหญ่ที่ไหนทำกับน้องสาวเช่นนี้?เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นเฉียวเนี่ยนพูดมาหลายต่อหลายหน ยามนี้จึงไม่อยากเอ่ยถึงอีกต่อไปแม้จะพูดออกไป ด้วยนิสัยอย่างหลินเย่ว์ก็คงจำไม่ได้อยู่ดีนางจึงเอ่ยเสียงเย็นเพียงว่า "แต่เขาคือคนที่ปกป้องข้าในวันนี้ หากไม่มีเขา วันนี้ข้าคงนอนอยู่ในโลงศพไปแล้ว"หากไม่ใช่เพราะจิ่งเหยียนเข้ามารับแทนนางจนปางตาง นางจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?หลินเย่ว์กลับไม่รู้สึกว่าสิ่งที่จิ่งเหยียนทำนั้นดีเด่อะไร"เซียวเหิงกับข้าลงไปชั้นสองอยู่แล้ว! ต่อให้วันนี้จิ่งเหยียนไม่อยู่ที่นั่น เจ้าสารเลวแซ่วสวีนั่นก็ไม่มีทางทำอะไรเ
แต่นางเองก็รู้ดี ว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใจคนไร้หัวใจ จะรับรู้ถึงความจริงใจได้อย่างไร?เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ฮูหยินหลินที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้ายังพอใจพวกเราเพราะเรื่องราวในอดีต แต่ว่าเรื่องนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าล้วนแต่หวังดีกับเจ้าทั้งนั้น! รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนดี สำหรับคนธรรมดา เขาคือคนดีที่หาได้ยากคนหนึ่ง แต่สำหรับเจ้าแล้ว เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่เจ้า...""เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่ข้าต้องการได้ หรือว่ามอบสิ่งที่จวนโหวต้องการไม่ได้กันแน่?" ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็อดทนไม่ไหว เอ่ยแทรกคำพูดของฮูหยินหลินหลินเย่ว์เหมือนถูกแทงใจดำ โวยวายเสียงทุ้มต่ำ "เฉียวเนี่ยน พ่อแม่แค่เป็นห่วงเจ้า เจ้าอย่าเนรคุณนัก!"เป็นห่วง?เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ "ข้าพูดผิดไปหรือไร? สิ่งที่ข้าต้องการ เขามีมากมาย ทั้งยังมอบมันทั้งหมดให้ข้าได้"พูดถึงเพียงเท่านั้น สายตาของนางก็กวาดมองใบหน้าคนตระกูลหลินทีละคน มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน "แต่สิ่งที่พวกท่านต้อง เขานั้นไม่มีจริงๆ"สิ่งที่พวกเขาต้องการ จะมีอะไรนอกเสียงจากคำสองพยางค์ว่าอำนาจพวกเขาอยากให่นางแต่งงานกับคนที่สามารถอุ้มชูคน
หลินยวนร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด อาจเป็นเพราะท่าทางน่าสงสารจับใจ ฮูหยินหลินถึงได้ใจอ่อนลงบ้าง เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ "บนโลกนี้ ไม่มีหญิงใจคิดจะอยากให้ตัวเองแปดเปื้อน ไม่แน่ว่า ยวนเอ๋อร์อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะเจ้าคะ"แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะแค่นหัวเราะออกมา "แต่เมื่อครู่คุณหนูพูดเองมิใช่หรือ นางกลัวว่าพวกท่านจะไม่ต้องการนาง หากวันนี้นางเสียบริสุทธิ? พวกท่านคงปวดในเหลือคณานับ คงโทษว่าเป็นความผิดของข้าทั้งหมด แล้วก็จะยิ่งรักนาง ปกป้องนาง แม่ทัพเซียวก็จะรู้สึกผิด จากนั้นก็แต่งงานเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม ทุกอย่างก็สมดั่งใจนาง"ยามเฉียวเนี่ยนพูด สายตานั้นหยุดอยู่บนร่างของหลินยวนหลินยวนส่ายหน้าสุดชีวิต "ไม่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่เช่นนั้น..."แต่เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา น้ำเสียงมีความเย้ยหยัน "ยิ่งไปกว่านั้น นายังส่งคนมาบอกข่าวท่านโหวน้อยอีก นางรู้ว่าไม่นานท่านโหวน้อยต้องตามมาแน่นอน นางรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเสียบริสุทธิ์""ไม่ใช่เช่นนั้น!" ในที่สุดหลินยวนก็ตะโกนลั่นออกมา ราวกับอยากจะใช้เสียงดังนั้นกลบเสียงของเฉียวเนี่ยนให้สิ้นแต่จะกลบได้อย่างไร?นางเห็นแววตาของพ่อแม่และพี่ใหญ่ที่ค่อยๆ
ประโยคนั้นหมายความว่า นางจะพยายามเพื่อเขาตลอดไปความซาบซึ้งเอ่อล้นในใจจิ่งเหยียน แต่เขากลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ "ข้าน้อยจิ่งจะคู่ควรได้อย่างไร..."แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเรียกเขาเสียงจริงจัง "จิ่งเหยียน"จิ่งเหยียนช้อนตาขึ้นมองตามเสียง ก็เห็นเฉียวเนี่ยนกำลังขมวดคิ้ว จ้องมองเขาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด "จากนี้ไปห้ามพูดจาด้อยค่าตัวเองเช่นนี้อีก ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี ถึงจะปกป้องข้าได้"จิ่งเหยียนชะงักไปประโยคที่ว่า 'ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว' กดทับหัวใจเขาราวกับหนักเป็นตันเขาไม่รู้ว่าเพราะหัวได้รับบาดจเจ็บหรือไร ตั้งแต่ที่เฉียวเนี่ยนถามตัวเองว่าจะมาสู่ขอนางหรือไม่ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่อง ราวกับอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ไม่ใช่เรื่องจริงจนกระทั่งวินาทีนี้ เขามอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้แก่เขา เขาถึงได้รู้ตัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้าถึงได้รีบออกมาตามหาเจ้าขอทานน้อย แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ว่าเข้าเองก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกัน เจ้าบาดเจ็บเพราะข้า หากเกิดเรื่องระหว่างเจ้
แต่สองตาที่เฉียวเนี่ยนมองเซียวเหิงนั้นกลับแสนว่างเปล่า "มีอะไรน่าสงสัยกัน ข้าตกลงปลงใจกับเขา หากแม่ทัพเซียวถามเช่นนั้น ก็คงต้องตอบว่า ไม่รู้ว่าเริ่มต้นเมื่อใด แต่ยามนี้แสนลึกซึ้งกระมัง!"เมื่อได้ยินดังนั้นบรรยากาศรอบกายของเซียวเหิงก็พลันเย็นยะเยือก แม้แต่ดวงตาคู่นั้นของเขาก็เหมือนกลายเป็นน้ำแข็งในพริบตายามนี้แสนลึกซึ้ง?ลึกซึ้งอย่างนั้นหรือ?หากนางลึกซึ้งกันแล้ว ยามนี้คงไม่ได้เรียกว่าจู่ๆ ก็ชอบจิ่งเหยียน!ทันใดนั้นเซียวเหิงก็หัวเราะเสียงเย็น "ความลึกซึ้งของคุณหนูเฉียว จากเปลี่ยนเร็วยิ่งนัก"น้ำเสียงนั้นประชดประชันอย่างเห็นได้ชัดเฉียวเนี่ยนเข้าใจว่าความโดยนันของเขา ทันใดนั้นสีหน้าก็เย็นชา "ความรู้สึกที่ข้ามีต่อแม่ทัพเซียว เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่ก่อนแม่ทัพเซียวก็ไม่เคยเห็นข้าในสายตาอยู่แล้ว? เหตุใดยามนี้ทำเหมือนกับใส่ใจนัก?"เฉียวเนี่ยนพูดเพียงเท่านั้น แต่เซียวเหิงมีหรือจะยอมรับว่าตัวเองใส่ใจ?เขากัดฟันกรอด ใบหน้าเย็นชาแค่นยิ้มเย้ย "คุณหนูเฉียวพูดเป็นเล่นไป ข้าเพียงแค่ถามคุณหนูเฉียวด้วยความหวังดี เรื่องนี้ทางที่ดีควรฟังพ่อแม่"แววตาของเฉียวเนี่ยนเรียบเฉย "เรื่องนี้แม่ทัพ
นางกลัวว่าท่านโหวน้อยจะลงไม้ลงมือกับคุณหนูของนางจริงๆเฉียวเนี่ยนยิ้มบาง "ไม่เป็นไร!"คิดไม่ถึงเลยว่าหนิงซวงจะร้องเสียงหลงขึ้นมา "คุณหนูบาดเจ็บนี่เจ้าคะ!"เฉียวเนี่ยนชะงักไป "ไม่นี่!"หลินเย่ว์ไม่ได้ตบตีนาง นางจะบาดเจ็บได้อย่างไร?เมื่อเห็นหนิงซวงยกมือซ้ายขึ้น แขนเสื้อด้านขวากลับเปื้อนคราบเลือด"เหตุใดถึงเลือดออกเยอะปานนี้?" หนิงซวงร้อนรน "เลือดของใครกัน?"เมื่อเห็นคราบเลือดวงใหญ่บนแขนเสื้อของตัวเอง เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกปวดร้าวใจหัวใจอย่างประหลาด"เซียวเหิง"ขณะพูดอยู่นั้นนางก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆนี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเซียวเหิงทำตัวเป็นไปได้ทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนอยู่นอกห้อง เขานั้นซ่อนตัวเสียดิบดี แม้แต่ตอนอยู่ในห้องของหลินยวน ยังจงใจซ่อนมือไว้ด้านหลัง ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครเห็นว่าเขาบาดเจ็บแต่เมื่อครู่เขาจงใจถลกแขนเสื้อต่อหน้านาง ทั้งยังจงใจทิ้งคราบเลือดไว้บนเสื้อผ้าของนาง ประหนึ่งกลัวว่านางจะไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บเขาคงไม่คิดไม่ถึงว่าอันที่จริงนางรู้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะแต่ก่อนหากเขาบาดเจ็บ นางจะแสนปวดใจ ร้องไห้คร่ำครวญยิ่งกว่ายามตัว
ไม่นานฮูหยินเฒ่าก็เริ่มเหนื่อยล้าก่อนจะค่อยๆ หลับไปเฉียวเนี่ยนห่มผ้าให้ฮูหยินเฒ่าก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับซูมามาประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนเอ่ยอย่างกังวลใจ "เหตุใดอาการท่านย่าถึงได้แย่ลงเรื่อยๆ เช่นนี้?"ซูมามาทอดถอนใจ "หมอประจำจวนบอกว่า ร่างกายของฮูหยินเฒ่าคงฝืนได้อีกต่อไปไม่นาน ยามนี้ได้แต่เพิ่งยาบำรุงชั้นดีที่แม่ทัพเซียวเทียวมาส่งให้ทุกเดือน"เพียงได้ยินคำพูดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเซียวเหิงวัตถุดิบยาราคาแพงที่ฮ่องเต้มอบให้เป็นรางวัล เกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่จวนโหวหากไม่ใช่เพราะรางวัลนั้น แต่อาศัยเพียงแค่จวนโหวที่จวนจะล้มละลายนี้ ไม่มีทางประคองอาการของฮูหยินเฒ่ามาได้นานจนถึงป่านนี้แน่นอนเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ซูมามาจึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เมื่อครู่ข้าได้ยิน คุณหนูใหญ่เจอคนถูกใจแล้วหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนกังวลเพราะอาการของฮูหยินเฒ่า จึงพยักหน้าตอบเพียงเท่านั้นแต่ซูมามากลับเอ่ยขึ้นว่า "หากเป็นไปได้ คุณหนูใหญ่รีบแต่งงานเถิดเจ้าค่ะ! ความปรารถนาเดียวของฮูหยินเฒ่า คือการได้เห็นคุณหนูใหญ่สวมชุดเจ้าสาว หากคุณหนูยังไม่แต่งงานเสียที เกรงว่า..."พูดถึงเพียงเท่านั
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห