แต่นางเองก็รู้ดี ว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใจคนไร้หัวใจ จะรับรู้ถึงความจริงใจได้อย่างไร?เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ฮูหยินหลินที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้ายังพอใจพวกเราเพราะเรื่องราวในอดีต แต่ว่าเรื่องนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าล้วนแต่หวังดีกับเจ้าทั้งนั้น! รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนดี สำหรับคนธรรมดา เขาคือคนดีที่หาได้ยากคนหนึ่ง แต่สำหรับเจ้าแล้ว เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่เจ้า...""เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่ข้าต้องการได้ หรือว่ามอบสิ่งที่จวนโหวต้องการไม่ได้กันแน่?" ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็อดทนไม่ไหว เอ่ยแทรกคำพูดของฮูหยินหลินหลินเย่ว์เหมือนถูกแทงใจดำ โวยวายเสียงทุ้มต่ำ "เฉียวเนี่ยน พ่อแม่แค่เป็นห่วงเจ้า เจ้าอย่าเนรคุณนัก!"เป็นห่วง?เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ "ข้าพูดผิดไปหรือไร? สิ่งที่ข้าต้องการ เขามีมากมาย ทั้งยังมอบมันทั้งหมดให้ข้าได้"พูดถึงเพียงเท่านั้น สายตาของนางก็กวาดมองใบหน้าคนตระกูลหลินทีละคน มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน "แต่สิ่งที่พวกท่านต้อง เขานั้นไม่มีจริงๆ"สิ่งที่พวกเขาต้องการ จะมีอะไรนอกเสียงจากคำสองพยางค์ว่าอำนาจพวกเขาอยากให่นางแต่งงานกับคนที่สามารถอุ้มชูคน
หลินยวนร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด อาจเป็นเพราะท่าทางน่าสงสารจับใจ ฮูหยินหลินถึงได้ใจอ่อนลงบ้าง เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ "บนโลกนี้ ไม่มีหญิงใจคิดจะอยากให้ตัวเองแปดเปื้อน ไม่แน่ว่า ยวนเอ๋อร์อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะเจ้าคะ"แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะแค่นหัวเราะออกมา "แต่เมื่อครู่คุณหนูพูดเองมิใช่หรือ นางกลัวว่าพวกท่านจะไม่ต้องการนาง หากวันนี้นางเสียบริสุทธิ? พวกท่านคงปวดในเหลือคณานับ คงโทษว่าเป็นความผิดของข้าทั้งหมด แล้วก็จะยิ่งรักนาง ปกป้องนาง แม่ทัพเซียวก็จะรู้สึกผิด จากนั้นก็แต่งงานเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม ทุกอย่างก็สมดั่งใจนาง"ยามเฉียวเนี่ยนพูด สายตานั้นหยุดอยู่บนร่างของหลินยวนหลินยวนส่ายหน้าสุดชีวิต "ไม่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่เช่นนั้น..."แต่เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา น้ำเสียงมีความเย้ยหยัน "ยิ่งไปกว่านั้น นายังส่งคนมาบอกข่าวท่านโหวน้อยอีก นางรู้ว่าไม่นานท่านโหวน้อยต้องตามมาแน่นอน นางรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเสียบริสุทธิ์""ไม่ใช่เช่นนั้น!" ในที่สุดหลินยวนก็ตะโกนลั่นออกมา ราวกับอยากจะใช้เสียงดังนั้นกลบเสียงของเฉียวเนี่ยนให้สิ้นแต่จะกลบได้อย่างไร?นางเห็นแววตาของพ่อแม่และพี่ใหญ่ที่ค่อยๆ
ประโยคนั้นหมายความว่า นางจะพยายามเพื่อเขาตลอดไปความซาบซึ้งเอ่อล้นในใจจิ่งเหยียน แต่เขากลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ "ข้าน้อยจิ่งจะคู่ควรได้อย่างไร..."แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเรียกเขาเสียงจริงจัง "จิ่งเหยียน"จิ่งเหยียนช้อนตาขึ้นมองตามเสียง ก็เห็นเฉียวเนี่ยนกำลังขมวดคิ้ว จ้องมองเขาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด "จากนี้ไปห้ามพูดจาด้อยค่าตัวเองเช่นนี้อีก ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี ถึงจะปกป้องข้าได้"จิ่งเหยียนชะงักไปประโยคที่ว่า 'ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว' กดทับหัวใจเขาราวกับหนักเป็นตันเขาไม่รู้ว่าเพราะหัวได้รับบาดจเจ็บหรือไร ตั้งแต่ที่เฉียวเนี่ยนถามตัวเองว่าจะมาสู่ขอนางหรือไม่ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่อง ราวกับอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ไม่ใช่เรื่องจริงจนกระทั่งวินาทีนี้ เขามอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้แก่เขา เขาถึงได้รู้ตัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้าถึงได้รีบออกมาตามหาเจ้าขอทานน้อย แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ว่าเข้าเองก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกัน เจ้าบาดเจ็บเพราะข้า หากเกิดเรื่องระหว่างเจ้
แต่สองตาที่เฉียวเนี่ยนมองเซียวเหิงนั้นกลับแสนว่างเปล่า "มีอะไรน่าสงสัยกัน ข้าตกลงปลงใจกับเขา หากแม่ทัพเซียวถามเช่นนั้น ก็คงต้องตอบว่า ไม่รู้ว่าเริ่มต้นเมื่อใด แต่ยามนี้แสนลึกซึ้งกระมัง!"เมื่อได้ยินดังนั้นบรรยากาศรอบกายของเซียวเหิงก็พลันเย็นยะเยือก แม้แต่ดวงตาคู่นั้นของเขาก็เหมือนกลายเป็นน้ำแข็งในพริบตายามนี้แสนลึกซึ้ง?ลึกซึ้งอย่างนั้นหรือ?หากนางลึกซึ้งกันแล้ว ยามนี้คงไม่ได้เรียกว่าจู่ๆ ก็ชอบจิ่งเหยียน!ทันใดนั้นเซียวเหิงก็หัวเราะเสียงเย็น "ความลึกซึ้งของคุณหนูเฉียว จากเปลี่ยนเร็วยิ่งนัก"น้ำเสียงนั้นประชดประชันอย่างเห็นได้ชัดเฉียวเนี่ยนเข้าใจว่าความโดยนันของเขา ทันใดนั้นสีหน้าก็เย็นชา "ความรู้สึกที่ข้ามีต่อแม่ทัพเซียว เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่ก่อนแม่ทัพเซียวก็ไม่เคยเห็นข้าในสายตาอยู่แล้ว? เหตุใดยามนี้ทำเหมือนกับใส่ใจนัก?"เฉียวเนี่ยนพูดเพียงเท่านั้น แต่เซียวเหิงมีหรือจะยอมรับว่าตัวเองใส่ใจ?เขากัดฟันกรอด ใบหน้าเย็นชาแค่นยิ้มเย้ย "คุณหนูเฉียวพูดเป็นเล่นไป ข้าเพียงแค่ถามคุณหนูเฉียวด้วยความหวังดี เรื่องนี้ทางที่ดีควรฟังพ่อแม่"แววตาของเฉียวเนี่ยนเรียบเฉย "เรื่องนี้แม่ทัพ
นางกลัวว่าท่านโหวน้อยจะลงไม้ลงมือกับคุณหนูของนางจริงๆเฉียวเนี่ยนยิ้มบาง "ไม่เป็นไร!"คิดไม่ถึงเลยว่าหนิงซวงจะร้องเสียงหลงขึ้นมา "คุณหนูบาดเจ็บนี่เจ้าคะ!"เฉียวเนี่ยนชะงักไป "ไม่นี่!"หลินเย่ว์ไม่ได้ตบตีนาง นางจะบาดเจ็บได้อย่างไร?เมื่อเห็นหนิงซวงยกมือซ้ายขึ้น แขนเสื้อด้านขวากลับเปื้อนคราบเลือด"เหตุใดถึงเลือดออกเยอะปานนี้?" หนิงซวงร้อนรน "เลือดของใครกัน?"เมื่อเห็นคราบเลือดวงใหญ่บนแขนเสื้อของตัวเอง เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกปวดร้าวใจหัวใจอย่างประหลาด"เซียวเหิง"ขณะพูดอยู่นั้นนางก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆนี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเซียวเหิงทำตัวเป็นไปได้ทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนอยู่นอกห้อง เขานั้นซ่อนตัวเสียดิบดี แม้แต่ตอนอยู่ในห้องของหลินยวน ยังจงใจซ่อนมือไว้ด้านหลัง ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครเห็นว่าเขาบาดเจ็บแต่เมื่อครู่เขาจงใจถลกแขนเสื้อต่อหน้านาง ทั้งยังจงใจทิ้งคราบเลือดไว้บนเสื้อผ้าของนาง ประหนึ่งกลัวว่านางจะไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บเขาคงไม่คิดไม่ถึงว่าอันที่จริงนางรู้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะแต่ก่อนหากเขาบาดเจ็บ นางจะแสนปวดใจ ร้องไห้คร่ำครวญยิ่งกว่ายามตัว
ไม่นานฮูหยินเฒ่าก็เริ่มเหนื่อยล้าก่อนจะค่อยๆ หลับไปเฉียวเนี่ยนห่มผ้าให้ฮูหยินเฒ่าก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับซูมามาประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนเอ่ยอย่างกังวลใจ "เหตุใดอาการท่านย่าถึงได้แย่ลงเรื่อยๆ เช่นนี้?"ซูมามาทอดถอนใจ "หมอประจำจวนบอกว่า ร่างกายของฮูหยินเฒ่าคงฝืนได้อีกต่อไปไม่นาน ยามนี้ได้แต่เพิ่งยาบำรุงชั้นดีที่แม่ทัพเซียวเทียวมาส่งให้ทุกเดือน"เพียงได้ยินคำพูดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเซียวเหิงวัตถุดิบยาราคาแพงที่ฮ่องเต้มอบให้เป็นรางวัล เกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่จวนโหวหากไม่ใช่เพราะรางวัลนั้น แต่อาศัยเพียงแค่จวนโหวที่จวนจะล้มละลายนี้ ไม่มีทางประคองอาการของฮูหยินเฒ่ามาได้นานจนถึงป่านนี้แน่นอนเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ซูมามาจึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เมื่อครู่ข้าได้ยิน คุณหนูใหญ่เจอคนถูกใจแล้วหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนกังวลเพราะอาการของฮูหยินเฒ่า จึงพยักหน้าตอบเพียงเท่านั้นแต่ซูมามากลับเอ่ยขึ้นว่า "หากเป็นไปได้ คุณหนูใหญ่รีบแต่งงานเถิดเจ้าค่ะ! ความปรารถนาเดียวของฮูหยินเฒ่า คือการได้เห็นคุณหนูใหญ่สวมชุดเจ้าสาว หากคุณหนูยังไม่แต่งงานเสียที เกรงว่า..."พูดถึงเพียงเท่านั
ทว่าหนิงซวงกลับไม่เข้าใจ "หากไม่อยู่แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ์"หากไม่อยู่ ก็แน่ชัดแล้วว่าท่านโหวหลินได้เล่นงานจิ่งเหยียนแล้ว!เพียงแต่เฉียวเนี่ยนไม่พูดออกไป นางไม่อยากให้หนิงซวงพลอยกังวลไปด้วย ทำได้เพียงพยักหน้ายิ้มให้หนิงซวง "ไม่เป็นไร กลับจวนก่อนเถิด"หนิงซวงทำงานฉับไว กลับมาถึงจวนได้ไม่นานก็หาคนไปยังหมู่บ้านมู่เถียนได้แล้วระหว่างนั้นเฉียวเนี่ยนก็รออยู่ที่จวนตลอด ทว่าจิตใจนั้นยากจะสงบจวบจวนพลบค่ำ บ่าวที่ไปยังหมู่บ้านมู่เถียนถึงวิ่งพรวดพราดกลับมาเฉียวเนี่ยนถามในทันใด "ว่าอย่างไร? เจอรองแม่ทัพจิ่งหรือไม่?"บ่าวหนุ่มส่ายหน้า ยื่นยาที่ยังปิดสนิทดังเดิมให้ก่อนจะเอ่ย "เมื่อครู่ข้าไปที่หมู่บ้านมู่เถียนแล้วแต่ไม่พบรองแม่ทัพจิ่ง แม้แต่คนในบ้านรองแม่ทัพจิ่งก็ไม่เจอ ได้ยินชาวบ้านบอกว่า เมื่อคือคนของศาลาว่าการมาจับตัวพ่อของรองแม่ทัพจิ่งถึงบ้าน แม่และน้องสาวของรองแม่ทัพจิ่งคงเข้าเมืองหลวงมาหารองแม่ทัพจิ่งแล้ว"เกิดเรื่องขึ้นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!เฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น ถามต่อในทันใด "คนของศาลาว่าการพูดว่าอย่างไร พ่อของรองแม่ทัพจิ่งทำผิดอันใดรึ?""บอกว่าฆ่าคนขอรับ"คำพูดของบ่าวหนุ่ม ทำเอาเ
เสียงหัวเราะนั้นบาดหูเหลือเกิน ยั่วยุจนจิ่งเหยียนกำหมัดแน่นเฉียวเนี่ยนรีบเดินเข้ามาขวางหน้าจิ่งเหยียนเอสไว้ กลัวว่าเขาจะทำอะไรบู่มบ่ามนางมองไปชิวอวี่ เอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ "ฝีมือเจ้ารึ?"หากไม่ใช่ ชิวอวี่จะรู้ได้อย่างไรว่าจิ่งเหยียนอยู่ที่นี่ ทั้งยังจงใจมาเพื่อสมน้ำหน้าเช่นนี้?แต่นางกลับรู้สึกตงิดใจถึงชิวอวี่จะเป็นหลานชายของราชครูชิว แต่ไม่ใช่หลานชายสายตรง แถมยังไม่ใช่คนโปรด คนในศาลาว่าการก็ไม่ได้โง่เง่า จบคนมั่วซั่วเพียงเพราะคุณชายไม่เอาไหนคนหนึ่งเว้นเสียแต่ว่าราชครูชิวเป็นคนออกปากแต่ราชครูชิวตำแหน่งสูงปานนั้น แทบจะไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้เพื่อชิวอวี่!ทว่าชิวอวี่กลับยิ้มร่า แต่เพราะมุมปากเป็นแผล จึงเจ็บจี๊ดจนต้องร้องสูดปาก ก่อนจะเอ่ยต่อ "ข้าแซ่ชิวผู้นี้ไม่เข้าใจว่าคุณหนูเฉียวพูดเรื่องอะไร แต่ข้าขอเตือนรองแม่ทัพจิ่งว่าอยู่ให้ห่างจากหญิงผู้นี้เถิด ไม่เช่นนั้น เจ้าคงต้องเตรียมโลงศพไว้สามโลงรอรับศัพคนในครอบครัวเจ้าทีละคน!""สารเลว!" จิ่งเหยียนเดือดดาลจนทนไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะเฉียวเนี่ยนขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้คงถลาเข้าไปฉีกปากชิวอวี่แล้วแต่ชิวอวี่กลับยังคงไร้ท่าทีเกรงกลั
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน