ไม่นานฮูหยินเฒ่าก็เริ่มเหนื่อยล้าก่อนจะค่อยๆ หลับไปเฉียวเนี่ยนห่มผ้าให้ฮูหยินเฒ่าก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับซูมามาประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนเอ่ยอย่างกังวลใจ "เหตุใดอาการท่านย่าถึงได้แย่ลงเรื่อยๆ เช่นนี้?"ซูมามาทอดถอนใจ "หมอประจำจวนบอกว่า ร่างกายของฮูหยินเฒ่าคงฝืนได้อีกต่อไปไม่นาน ยามนี้ได้แต่เพิ่งยาบำรุงชั้นดีที่แม่ทัพเซียวเทียวมาส่งให้ทุกเดือน"เพียงได้ยินคำพูดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเซียวเหิงวัตถุดิบยาราคาแพงที่ฮ่องเต้มอบให้เป็นรางวัล เกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่จวนโหวหากไม่ใช่เพราะรางวัลนั้น แต่อาศัยเพียงแค่จวนโหวที่จวนจะล้มละลายนี้ ไม่มีทางประคองอาการของฮูหยินเฒ่ามาได้นานจนถึงป่านนี้แน่นอนเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ซูมามาจึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เมื่อครู่ข้าได้ยิน คุณหนูใหญ่เจอคนถูกใจแล้วหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนกังวลเพราะอาการของฮูหยินเฒ่า จึงพยักหน้าตอบเพียงเท่านั้นแต่ซูมามากลับเอ่ยขึ้นว่า "หากเป็นไปได้ คุณหนูใหญ่รีบแต่งงานเถิดเจ้าค่ะ! ความปรารถนาเดียวของฮูหยินเฒ่า คือการได้เห็นคุณหนูใหญ่สวมชุดเจ้าสาว หากคุณหนูยังไม่แต่งงานเสียที เกรงว่า..."พูดถึงเพียงเท่านั
ทว่าหนิงซวงกลับไม่เข้าใจ "หากไม่อยู่แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ์"หากไม่อยู่ ก็แน่ชัดแล้วว่าท่านโหวหลินได้เล่นงานจิ่งเหยียนแล้ว!เพียงแต่เฉียวเนี่ยนไม่พูดออกไป นางไม่อยากให้หนิงซวงพลอยกังวลไปด้วย ทำได้เพียงพยักหน้ายิ้มให้หนิงซวง "ไม่เป็นไร กลับจวนก่อนเถิด"หนิงซวงทำงานฉับไว กลับมาถึงจวนได้ไม่นานก็หาคนไปยังหมู่บ้านมู่เถียนได้แล้วระหว่างนั้นเฉียวเนี่ยนก็รออยู่ที่จวนตลอด ทว่าจิตใจนั้นยากจะสงบจวบจวนพลบค่ำ บ่าวที่ไปยังหมู่บ้านมู่เถียนถึงวิ่งพรวดพราดกลับมาเฉียวเนี่ยนถามในทันใด "ว่าอย่างไร? เจอรองแม่ทัพจิ่งหรือไม่?"บ่าวหนุ่มส่ายหน้า ยื่นยาที่ยังปิดสนิทดังเดิมให้ก่อนจะเอ่ย "เมื่อครู่ข้าไปที่หมู่บ้านมู่เถียนแล้วแต่ไม่พบรองแม่ทัพจิ่ง แม้แต่คนในบ้านรองแม่ทัพจิ่งก็ไม่เจอ ได้ยินชาวบ้านบอกว่า เมื่อคือคนของศาลาว่าการมาจับตัวพ่อของรองแม่ทัพจิ่งถึงบ้าน แม่และน้องสาวของรองแม่ทัพจิ่งคงเข้าเมืองหลวงมาหารองแม่ทัพจิ่งแล้ว"เกิดเรื่องขึ้นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!เฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น ถามต่อในทันใด "คนของศาลาว่าการพูดว่าอย่างไร พ่อของรองแม่ทัพจิ่งทำผิดอันใดรึ?""บอกว่าฆ่าคนขอรับ"คำพูดของบ่าวหนุ่ม ทำเอาเ
เสียงหัวเราะนั้นบาดหูเหลือเกิน ยั่วยุจนจิ่งเหยียนกำหมัดแน่นเฉียวเนี่ยนรีบเดินเข้ามาขวางหน้าจิ่งเหยียนเอสไว้ กลัวว่าเขาจะทำอะไรบู่มบ่ามนางมองไปชิวอวี่ เอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ "ฝีมือเจ้ารึ?"หากไม่ใช่ ชิวอวี่จะรู้ได้อย่างไรว่าจิ่งเหยียนอยู่ที่นี่ ทั้งยังจงใจมาเพื่อสมน้ำหน้าเช่นนี้?แต่นางกลับรู้สึกตงิดใจถึงชิวอวี่จะเป็นหลานชายของราชครูชิว แต่ไม่ใช่หลานชายสายตรง แถมยังไม่ใช่คนโปรด คนในศาลาว่าการก็ไม่ได้โง่เง่า จบคนมั่วซั่วเพียงเพราะคุณชายไม่เอาไหนคนหนึ่งเว้นเสียแต่ว่าราชครูชิวเป็นคนออกปากแต่ราชครูชิวตำแหน่งสูงปานนั้น แทบจะไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้เพื่อชิวอวี่!ทว่าชิวอวี่กลับยิ้มร่า แต่เพราะมุมปากเป็นแผล จึงเจ็บจี๊ดจนต้องร้องสูดปาก ก่อนจะเอ่ยต่อ "ข้าแซ่ชิวผู้นี้ไม่เข้าใจว่าคุณหนูเฉียวพูดเรื่องอะไร แต่ข้าขอเตือนรองแม่ทัพจิ่งว่าอยู่ให้ห่างจากหญิงผู้นี้เถิด ไม่เช่นนั้น เจ้าคงต้องเตรียมโลงศพไว้สามโลงรอรับศัพคนในครอบครัวเจ้าทีละคน!""สารเลว!" จิ่งเหยียนเดือดดาลจนทนไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะเฉียวเนี่ยนขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้คงถลาเข้าไปฉีกปากชิวอวี่แล้วแต่ชิวอวี่กลับยังคงไร้ท่าทีเกรงกลั
ทั้งสองคนกอดกันกลมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจิ่งเหยียนถึงได้หันหลังเดินจากไปส่วนเฉียวเนี่ยนยืนนิ่งอยู่เดิมเหม่อมองแผ่นหลังของจิ่งเหยียน แววตาเหลือเพียงความเย็นชาเมื่อกลับมาถึงจวนโหวฟ้าก็มืดแล้วเพิ่งจะเข้าประตูมาก็มีบ่าวมาบอกน่างว่า ตอนนี้ท่านโหวหลินรอนางอยู่ที่โถงหน้าโถงหน้ามีเพียงท่านโหวหลินเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ท่านโหวหลินก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้น แสร้งทำเป็นจิบชาก่อนจะเอ่ยถาม "เหตุใดถึงได้กลับดึกดื่น ไปไหนมารึ?""ศาลาว่าการ" เฉียวเนี่ยนตอบตามตรง สองตามองนิ่งไปข้างหน้า ไม่สบตาท่านโหวหลินแม้แต่นิดแต่ท่านโหวหลินนั้นไม่แสแยท่าทีของเฉียวเนี่ยนแต่อย่างใด เอาแต่ส่งเสียงฮีดฮัน "เป็นถึงคุณหนูแห่งจวนโหว เหตุใดถึงวิ่งโร่ไปทั่ว ดึกดื่นปานนี้ถึงเพิ่งกลับจวน! ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หากข้าไม่มีคำสั่ง ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น!""เจ้าค่ะ"เฉียวเนี่ยนขานตอบในทันใดทว่าท่านโหวหลินกลับตกตะลึงทั้งๆ ที่เขาแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าจงใจหาข้ออ้างกังบริเวณนางไม่ให้ไปช่วยจิ่งเหยียนด้วยนิสัยอย่างเฉียวเนี่ยนแล้ว ยามนี้ควรจะอาละวาดทะเลาะกับเขา เขาอุตส่าห์เตรียมตัวมาเพื่อตีบทแตกในวันนี้ เหตุใดจู่ๆ นางถึงได้ว่าง
หลินยวนตื่นตกใจนางตาเบิกโพลงจ้องมองเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ "ท่านพี่ ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรอิจฉาท่าน ว่าจ้างขอทานพวกนั้น ทั้งยังทำให้พวกเขาต้องตาย แต่ข้าขอให้พวกเขาพาข้าออกไป แสร้งทำท่าทำทางเท่านั้นจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดมิดีมิร้าย ข้าผิดไปแล้ว ท่านพี่..."นางว่าพลางคุกเข่าลง น้ำหูน้ำตาไหลน่าสงสารเหลือเกินเฉียวเนี่ยนเพียงแค่เหลือบตามองเหล่าสาวใช้ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น "ออกไปให้หมด"เหล่าสาวใช้เป็นห่วงหลินยวน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกนางกลับกลัวเฉียวเนี่ยนยิ่งกว่าหลังจากมองหลินยวนอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้เหล่านั้นก็ออกไปจนหมดประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนถึงได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินยวนช้าๆหลินยวนร้องไห้ฟูมฟายสะอื้นหนัก เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเข้ามาใกล้ ก็ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะบีบแก้มสองข้างของนางด้วยฝ่ามือเดียว บังคับให้นางเงยหน้ามองตนตาสองคู่สอดประสาน แววตาหลินยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนแววตาของเฉียวเนี่ยนนั้นกลับแสนโหดเหี้ยม"ก่อนหน้านี้คุณหนูหลินร่วมมือกับท่านโหวน้อยวางยาข้า เคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้?"เมื่อได้ยินหล
เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดดังนั้น หลินยวนก็เหมือนเห็นภาพจุดจบของตัวเองถูกทุกคนตราหน้า ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้งเมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่พี่ใหญ่ก็จะเกลียดนางตระกูลเซียวเองก็คงรู้สึกว่าคนเสื่อมเสียเช่นนาง คนที่ชื่อเสียงป่นปี้ จะคู่ควรเป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซียวได้อย่างไร!ท่านพี่เหิงก็คงไม่แต่งงานกับนางแล้ว...เมื่อเห็นแววตาหลินยวนหลุกหลิกไปมา สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ยิ่งเย็นยะเยือก "คุณหนูหลินไม่ได้กลัวว่าจะถูกจวนโหวทอดทิ้ง ถูกเซียวเหิงทอดทิ้งหรอกหรือ? หากไม่เชื่อฟังข้า ข้ารับรองได้เลยว่า จุดจบของเจ้าต้องอเนจอนาถกว่าข้าแน่นอน""ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่!" หลินยวนถลาเข้ามากอดขาของเฉียวเนี่ยน แววตานั้นมีแต่ความหวาดกลัว "ขอแค่ท่านพี่เมตตา ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง ท่านพี่วางใจเถิด ข้าจะไม่กินน้ำแม้แต่คำเดียว ข้าวเม็ดเดียวก็จะไม่กิน! ท่านพี่จะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำทั้งนั้น!"พูดถึงเพียงเท่านั้น ความหวาดกลัวก็ล้นทะลักไปทั้งใจ จนร้องไห้คร่ำครวญอย่างหยุดไม่อยู่ "ขอแค่ท่านพี่เมตตาข้า! ท่านพี่ ขอแค่ท่านเมตตาข้า ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง!"เฉียวเนี่ยนมองหลินยวนจากมุมสูง ความเกลียดชังในแววตายังไม่จาง
หลินยวนคว้าแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ตามสัญชาตญาณ นางกำแน่นจนร่างทั้งแอบอยู่ข้างหลังหลินเย่ว์ท่าทางยิ่งทำให้หลินเย่ว์ปวดใจนัก เขาเอ่ยเสียงเข้ม "ยวนเอ๋อร์ เจ้าพูดออกมา พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่นอน!"ยามเอ่ยประโยคหลัง หลินเย่ว์จ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเคียดแค้น ราวกับว่านางชั่วช้าสามานย์เหลือเกินแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงสั่นเครือจะดังมาจากด้านหลัง "พี่ใหญ่ ท่านพี่มาคุยกับยวนเอ๋อร์จริงๆ ไม่ได้มาหาเรื่องยวนเอ๋อร์เลย"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็เหลียวขวับไปมองหลินยวน แล้วชี้ไปที่เศษอาหารกระจัดกระจายบนพื้น "นางล้มโต๊ะเจ้าปานนี้ เจ้ายังปกป้องนางอีกหรือ?"หลินยวนขมวดคิ้วก้มหน้า "ท่านพี่หวังดีกับข้า ข้าไร้สำนัก คร่าชีวิตคนไปมากมาย ศพพวกเขายังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ จะให้ข้ามีความสุขได้อย่างไร"เมื่อเอ่ยถึงตรงนั้นหลินยวนก็เหลือบมองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะพูดต่อ "พี่ใหญ่ ยวนเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว เพื่อชดใช้ความผิดนี้ จากนี้ไปหลินยวนจะอดข้าว อดน้ำ จนกว่าข้าจะชดใช้ความผิดนี้จนหมด"หลินเย่ว์ตาเบิกโพลง ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง "เจ้าจะอดอาหารหรือ?"หลินยวนมองเฉียวเนี่ยนอย่างหวาดกลัว ก่อนจะพยัก
ฆาตกรฆ่าคนที่แท้จริงนั้นหมายถึงหลินเย่ว์หลินเย่ว์เข้าใจความหมาย กำหมัดแน่นในทันใด "หากเจ้าอยากให้พ่อของจิ่งเหยียนรอดปลอดภัย ง่ายนิดเดียว เจ้าจงเลิกรากับจิ่งเหยียนเสีย!""ข้าไม่มีทางเลิกกับเขา" เฉียวเนี่ยนตอบเสียงเย็น สายตาหยุดอยู่บนร่างของหลินยวน "คุณหนูหลินจะไถ่โทษให้จวนโหว เมื่อถึงตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านโหวแล้วว่าเห็นสิ่งใดสำคัญ การแต่งงานของข้า หรือว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา!"หลินยวนเห็นคำขู่ในแววตาของเฉียวเนี่ยน จึงขานรับในทัน รีบรั้งแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ "พี่ใหญ่ ในเมื่อพ่อของรองแม่ทัพจิ่งบริสุทธิ์ ก็ไม่ควรใส่ร้ายเขานะเจ้าคะ! ขอพี่ใหญ่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเถิด! หากคนพอไม่ยอมปล่อยตัวคน ข้าก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน"เมื่อได้ยินหลินยวนพูดดังนั้น หลินเย่ว์ก็เดือดลุกเป็นไฟ "นี่เจ้าถูกแม่นั่นล้างสมองไปแล้วหรือ?"แต่เมื่อเห็นท่าที่หวาดระแวงของหลินยวน หลินเย่ว์ก็เข้าใจในทั้นที "นางข่มขู่อะไรเจ้า? เจ้าถึงได้กลัวปานนั้น"หลินยวนหลุบตาลง น้ำตาไหลริน "หากพี่ใหญ่สงสารยวนเอ๋อร์ ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ปล่อยตัวคนเถิดได้หรือไม่เจ้าคะ?""เจ้า!" หลินเย่ว์เดือดพล่าน แต่พอเห็นหลิน
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน