ฆาตกรฆ่าคนที่แท้จริงนั้นหมายถึงหลินเย่ว์หลินเย่ว์เข้าใจความหมาย กำหมัดแน่นในทันใด "หากเจ้าอยากให้พ่อของจิ่งเหยียนรอดปลอดภัย ง่ายนิดเดียว เจ้าจงเลิกรากับจิ่งเหยียนเสีย!""ข้าไม่มีทางเลิกกับเขา" เฉียวเนี่ยนตอบเสียงเย็น สายตาหยุดอยู่บนร่างของหลินยวน "คุณหนูหลินจะไถ่โทษให้จวนโหว เมื่อถึงตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านโหวแล้วว่าเห็นสิ่งใดสำคัญ การแต่งงานของข้า หรือว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา!"หลินยวนเห็นคำขู่ในแววตาของเฉียวเนี่ยน จึงขานรับในทัน รีบรั้งแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ "พี่ใหญ่ ในเมื่อพ่อของรองแม่ทัพจิ่งบริสุทธิ์ ก็ไม่ควรใส่ร้ายเขานะเจ้าคะ! ขอพี่ใหญ่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเถิด! หากคนพอไม่ยอมปล่อยตัวคน ข้าก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน"เมื่อได้ยินหลินยวนพูดดังนั้น หลินเย่ว์ก็เดือดลุกเป็นไฟ "นี่เจ้าถูกแม่นั่นล้างสมองไปแล้วหรือ?"แต่เมื่อเห็นท่าที่หวาดระแวงของหลินยวน หลินเย่ว์ก็เข้าใจในทั้นที "นางข่มขู่อะไรเจ้า? เจ้าถึงได้กลัวปานนั้น"หลินยวนหลุบตาลง น้ำตาไหลริน "หากพี่ใหญ่สงสารยวนเอ๋อร์ ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ปล่อยตัวคนเถิดได้หรือไม่เจ้าคะ?""เจ้า!" หลินเย่ว์เดือดพล่าน แต่พอเห็นหลิน
เมื่อท่านโหวหลินรู้ก็เดือดดาลอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนกลับไปถึงเรือนฟางเหอ ทหารองครักษ์ในจวนก็ล้อมเรือนฟางเหอไว้แล้วหัวหน้าทหารองครักษ์คำนับให้กับเฉียวเนี่ยนที่เพิ่งกลับมาถึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ท่านโหวมีรับสั่ง ให้กักบริเวณคุณหนูใหญ่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามออกไปข้างนอกเรือนฟางเหอเด็ดขาด"เฉียวเนี่ยนคาดการณ์ไว้อยู่แล้วจึงไม่ตกใจแต่อย่างใด ขานรับเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปเพียงเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าทหารองครักษ์จะขวางเฉียวเนี่ยนเอาไว้แล้วพูดต่อ "ท่านโหวยังรับสั่งอีกว่า ในเมื่อคุณหนูใหญชอบวิธีการอดอาหาร เช่นนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ห้ามดื่ม ห้ามกินอาหาร จนกว่าคุณหนูใหญ่จะสำนึกผิดขอรับ"เฉียวเนี่ยนทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งเรียบดังเดิม "ข้ารู้แล้ว ที่นี้เข้าไปได้หรือยัง?"เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนสงบนิ่ง หัวหน้าทหารองครักษ์ก็อดสงสัยไม่ได้ คิดว่าเฉียวเนี่ยนต้องแอบเล่นตุกติกกับการถูกกักบริเวณครั้งนี้ จึงเอ่ยกระซิบเตือน "ท่านโหวส่งข้ามาเฝ้าเวรยามเรือนฟางเหอโดยเฉพาะ ระหว่างนี้ห้ามผู้ใดเข้าออกเรือนฟางเหอทั้งสิ้น หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ฆ่าได้เลย"นั่นหมายคว
เฉียวเนี่ยนยืนอยู่หลังประตูเรือน ทอดสายตามองสระบัวยามค่ำคืนตรงหน้าสระน้ำสะท้อนแสงโคมไฟริมฝั่ง แสงไรรำไร ราวกับจะดับลงได้ทุกเมื่อ แม้แต่สะพานหินเหนือสระบัวยังสะท้อนภาพพร่ามัวเฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก ก่อนจะเดินไปทางสะพานหิน เสียงลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหู สะบัดปอยผมข้างกกหูปลิวสไว แต่ผิวน้ำในสระกลับไม่แม้แต่จะกระเพื่อมไหวทันใดนั้นเองเฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะแสงจากโคมไฟ หรือสายลมยามราตรี ไม่ว่านางจะถูกทรมานเพียงใด ก็ไม่อาจเป็นที่รักของครอบครัวอยากที่เคยเป็นได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ก้มหน้ายิ้ม ทว่าขมขื่นเหลือเกินวินาทีนั้นนางกลับรู้สึกว่าโชคดีที่มีหลินยวนหากหลินยวนอดอาหารจริงๆ ท่านโหวหลินต้องทำใจไม่ได้แน่นอน!นางเดิมพันได้เลย!ไม่ถึงสองวัน ท่านโหวหลินมาถึงเรือนฟางเหอด้วยความเดือดดาลในตอนนั้นเฉียวเนี่ยนกำลังถอนหญ้าอยู่ในเรือนต้นฤดูใบไม่ผลิ ต้นหญ้าในกระถางดอกไม้โตไวนัก หากไม่ถอน ปล่อยทิ้งไว้ไม่กี่วันเกรงว่าจะสูงกว่าดอกไม่แล้วเมื่อเห็นท่านโหวหลินพรวดพราวเข้ามาใน เฉียวเนี่ยนจึงลุกขึ้น ยื่นสองฝ่ามือเปื้อนดินให้ท่านโหวหลินก่อนจะเอ่ย "ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านโหวจะมา
คนที่เคยคว้าเดือนคว้าดาวเพื่อลูกสาวได้ ยามนี้กลับคิดจะเอาชีวิตนางหึ!เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ หันหลังกลับไปถอนหญ้าตา แววตาที่หลุบลงนั้น เก็บซ่อนความโศกเศร้าที่อาจให้ใครรับรู้ได้"หากท่านโหวหลินสงสารคุณหนูหิน เช่นนั้นก็ควรปล่อยตัวคนบริสุทธิ์เสีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดคุณหนูหลินอดตายขึ้นมา ข้าคงโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ!" พูดถึงเพียงเท่านั้น เฉียวเนี่ยนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้บสงอย่าง เงยหน้าขึ่นมองท่านโหวหลินความรู้สึกในแววตาถูกเก็บซ่อนจนมิด ยามนี้เหลือเพียงความสะใจ "คุณหนูหลินเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านโหวหลินจะเจ้าคะ ท่านโหวหลินคงทำใจยอมให้นางตายไปไม่ได้หรอกใชไหมเจ้าคะ?"ท่านโหวหลินโมโหจนหัวแทบจะกระตุกลอยขึ้นฟ้า มองท่าทางลำพองใจของเฉียวเนี่ยน ไฟโกรธในใจเขาโหมกระพือ "ดี! ดียิ่งนัก! เจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้บีบบังคับข้าได้จริงหรือ? เจ้าดูถูกพ่อเจ้าเกินไป! ครั้งพ่อเจ้าลงสนามรบสู้ศัครู เจ้ายังไม่เป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ!"ท่านโหวหลินอยากจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขานั้นอารมณ์ร้ายปานใด ทั้งยังไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้าด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนกลับเอ่ยเสียงเรียบเพียงว่า "พ่อข้าแซ่เฉียว ได้
ขอบตาดำคล้าของเฉียวเนี่ยนในยามนี้ ทำเอานางแทบใจสลายจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงไร้เรี่ยวแรง "ส่งคนไป ไปดูที่ศาลาว่าการ"หนิงซวงพยักหน้ารัว "เจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้!"ว่าจบหนิงซวงก็รีบส่งคนไปศาลาว่าการท่านโหวหลินเห็นแล้วก็ร้อนรน "เจ้าส่งคนไปดูถึงที่ ข้าคงไม่หลอกเจ้าหรอก เจ้ารีบบอกให้น้องสาวเจ้ากินอะไรเสียที!"ขณะพูดนั้นฮูหยินหลินก็เดินเข้ามา สาวใช้สองนางที่ตามติดยกโจ๊กรังนกมาคนละถ้วยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ฮูหยินหลินก็อดปวดใจไม่ได้ รีบเรียกสาวใช้เข้ามา "เร็วเข้า รีบป้อนโจ๊กให้คุณหนูทั้งสอง"ทันใดนั้นสาวใช้สองนางก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ตักโจ๊กรังนกขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนถึงปากทั้งสองคนทว่าริมฝีปากของเฉียวเนี่ยนกลับปิดแน่น ไม่ยอมอ้าเปิดสองตามองไปทางหลินยวน แววตานั้นกำลังข่มขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉียวเนี่ยนที่มองมา หลินยวนพลันกระตุก ปากที่กำลังอ้าออกก็หุบลงในทันที ร่างทั้งกลับลงไปนอนแน่นิ่งอีกลงบนเก้าอี้อีกครั้งนางหลับตาลง สองไหล่สั่นไหว ดูเหมือนกำลังร้องสะอื้นแต่เพราะไม่กินข้าวกินน้ำมาห้าวัน นางไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้แล้วภา
หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนจะกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่ยอมกิน จึงเอ่ยต่อ "หากเจ้ากินน้ำถังนี้ให้หมด เขารับรองได้เลยวาจวนโหวจะไม่เล่นงานจิ่งเหยียนอีก!"เมื่อได้ยินหลินเย่ว์พูดดังนั้น ฮูหยินหลินหัวใจกระตุกไหว "เย่ว์เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้กับน้องสาว! นางไม่กินข้าวกินปลามาหลายวันแล้ว เหตุใดเจ้าถึงบังคับนางกินน้ำซักผ้าอีก?!"หลินเย่ว์เหลียวไปมองฮูหยินหลิน "ท่านแม่! ไม่ใช่เพราะข้าโหดเหี้นม แต่นางเจ้าเล่ห์นัก! คราวนี้นางบังคับยวนเอ๋อร์ให้อดข้าว ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำอะไรอีก? พวกท่านยังจะเชื่อนางอีกหรือ..."เมื่อสิ่นเสียง ทุกคนต่างผงะไปหลินเย่ว์ประหลาดใจก่อนจะพบว่าแม้แต่หลินยวนยังหยุดกิน ทุกคนต่างมองไปข้างหลังเขาอย่างหวาดกลัวเหมือนรู้สึกตัก หลินเย่ว์ก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมองภาพที่เห็นคือเฉียวเนี่ยนที่ไม่รู้ว่านั่งลงริมถังน้ำซักผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือของนางกวักน้ำซักผ้าจากถัง ตวงของที่อยู่ในถังน้ำเข้าปากนางกินไม่เร็วนัก ไม่เหมือนหลินยวนที่กลืนโดยไม่เคี้ยวนางกินอย่างสงบนิ่งสงบนิ่งเสียจนเหมือนกินอาหารปกติเพียงแต่นั่นคือน้ำล้างจานค้าง
ท่านโหวหลินเหลียวไปตวาดสาวใช้ "มัวบื้ออยู่อีก? ยังไม่รีบไปตามหมอมาดูคุณหนูใหญ่ของเจ้า! รีบไปเอาโจ๊กรังนกมา!"เมื่อสิ้นเสียงก็ยังไม่กล้าหันไปมองเฉียวเนี่ยนหนิงซวงเองก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเฉียวเนี่ยน ล้วงผ้าออกมาเช็ดมือข้างหนึ่งให้เฉียวเนี่ยน น้ำตาก็ไหลไม่หยุด "คุณหนูเจ้าขา ฮึกๆ ข้าพาคุณหนูกลับเข้าไปในเรือนนะเจ้าคะ..."ทว่าเฉียวเนี่ยนกลับมองหลินเย่ว์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงแหบพร่านั้นเอ่ยว่า "ขอท่านโหวน้อยทำให้ได้อย่างที่พูด"นับแต่วันนี้เป็นต้นจวนโหวห้ามวุ่นวายกับจิ่งเหยียนอีก!และคำพูดนั้นก็กลับมาทิ่มแทงหลินเย่ว์เขามองนางอย่างไม่เข้าใจ "เหตุใดเจ้า...ถึงได้ชอบจิ่งเหยียนปานนั้น"ชอบถึงขั้นกินน้ำล้างจานทั้งถังเพื่อจิ่งเหยียนได้เชียวหรือ?เจ้าจิ่งเหยียนนั้นมีอะไรดี นางยอมทำถึงขนาดนี้!เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเขา ปล่อยให้หนิงซวงพยุงตัวเองเดินเข้าไปในเรือนเหตุใดนางถึงได้ชอบจิ่งเหยียนปานนั้นหรือ?นางเองก็ไม่รู้นางรู้เพียงแค่ว่า ยามนางอยู่ในจวนโหวนั้นเหมือนอยู่กลางมหาสมุทร ยามคลื่นซัดถาโถมเข้ามา นางไร้ทางเลือกอื่นนอกเสียจากตะเกียกตะกายพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อไม่ให
จิ่งเหยียนชะงักไปอดอาหารเหรอ?กินน้ำล้างจานเหรอ?หลายวันมานี้ เขายุ่งอยู่กับเรื่องของพ่อมาโดยตลอด บางครั้งพอมีเวลาว่าง เขาเป็นต้องคิดถึงนางเขารู้ว่านางต้องเป็นกังวลมากแน่ๆ คิดว่านางอาจจะกินไม่ลง นอนไม่หลับเพราะเรื่องพ่อของเขาดังนั้นเขาจึงมาโดยไม่หยุดพักเลยทหารองครักษ์ของจวนโหวไม่ให้เขาเข้าไป เขาก็ไม่กล้าปีนกําแพง กลัวว่าการกระทําที่บุ่มบ่ามของตนจะทําให้สถานการณ์ของนางยิ่งลําบากขึ้นแต่เขาไม่เคยคิดว่านางจะเสียสละมากถึงขนาดนี้ตอนแรกเขาคิดว่าที่พ่อได้รับการปล่อยตัวเพราะหลักฐานที่เขาพบนั้นเพียงพอแต่ตอนนี้เขากลับตกใจที่พบว่า การที่พ่อของตนสามารถออกจากศาลาว่าการได้ เป็นเพราะนางอดอาหารต่อต้าน กินน้ำล้างจาน!หัวใจของเขาเหมือนถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรงโดยบางสิ่งบางอย่างจิ่งเหยียนไม่เคยเกลียดตัวเองขนาดนี้มาก่อนเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ เขาสัญญาแล้วว่าจะปกป้องนาง แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้นางถูกทรมานถึงขนาดนี้เพื่อตัวเอง!ในเวลานี้ หลินเย่ว์พบโอกาสและหลุดพ้นจากการคุมขังของจิ่งเหยียนทันที เขาต่อยไปที่ใบหน้าของจิ่งเหยียนสองหมัด"ก็เพราะเจ้านั่นแหละ! ไอ้สารเลว! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแต
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน