หลินยวนคว้าแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ตามสัญชาตญาณ นางกำแน่นจนร่างทั้งแอบอยู่ข้างหลังหลินเย่ว์ท่าทางยิ่งทำให้หลินเย่ว์ปวดใจนัก เขาเอ่ยเสียงเข้ม "ยวนเอ๋อร์ เจ้าพูดออกมา พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่นอน!"ยามเอ่ยประโยคหลัง หลินเย่ว์จ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเคียดแค้น ราวกับว่านางชั่วช้าสามานย์เหลือเกินแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงสั่นเครือจะดังมาจากด้านหลัง "พี่ใหญ่ ท่านพี่มาคุยกับยวนเอ๋อร์จริงๆ ไม่ได้มาหาเรื่องยวนเอ๋อร์เลย"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็เหลียวขวับไปมองหลินยวน แล้วชี้ไปที่เศษอาหารกระจัดกระจายบนพื้น "นางล้มโต๊ะเจ้าปานนี้ เจ้ายังปกป้องนางอีกหรือ?"หลินยวนขมวดคิ้วก้มหน้า "ท่านพี่หวังดีกับข้า ข้าไร้สำนัก คร่าชีวิตคนไปมากมาย ศพพวกเขายังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ จะให้ข้ามีความสุขได้อย่างไร"เมื่อเอ่ยถึงตรงนั้นหลินยวนก็เหลือบมองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะพูดต่อ "พี่ใหญ่ ยวนเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว เพื่อชดใช้ความผิดนี้ จากนี้ไปหลินยวนจะอดข้าว อดน้ำ จนกว่าข้าจะชดใช้ความผิดนี้จนหมด"หลินเย่ว์ตาเบิกโพลง ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง "เจ้าจะอดอาหารหรือ?"หลินยวนมองเฉียวเนี่ยนอย่างหวาดกลัว ก่อนจะพยัก
ฆาตกรฆ่าคนที่แท้จริงนั้นหมายถึงหลินเย่ว์หลินเย่ว์เข้าใจความหมาย กำหมัดแน่นในทันใด "หากเจ้าอยากให้พ่อของจิ่งเหยียนรอดปลอดภัย ง่ายนิดเดียว เจ้าจงเลิกรากับจิ่งเหยียนเสีย!""ข้าไม่มีทางเลิกกับเขา" เฉียวเนี่ยนตอบเสียงเย็น สายตาหยุดอยู่บนร่างของหลินยวน "คุณหนูหลินจะไถ่โทษให้จวนโหว เมื่อถึงตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านโหวแล้วว่าเห็นสิ่งใดสำคัญ การแต่งงานของข้า หรือว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา!"หลินยวนเห็นคำขู่ในแววตาของเฉียวเนี่ยน จึงขานรับในทัน รีบรั้งแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ "พี่ใหญ่ ในเมื่อพ่อของรองแม่ทัพจิ่งบริสุทธิ์ ก็ไม่ควรใส่ร้ายเขานะเจ้าคะ! ขอพี่ใหญ่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเถิด! หากคนพอไม่ยอมปล่อยตัวคน ข้าก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน"เมื่อได้ยินหลินยวนพูดดังนั้น หลินเย่ว์ก็เดือดลุกเป็นไฟ "นี่เจ้าถูกแม่นั่นล้างสมองไปแล้วหรือ?"แต่เมื่อเห็นท่าที่หวาดระแวงของหลินยวน หลินเย่ว์ก็เข้าใจในทั้นที "นางข่มขู่อะไรเจ้า? เจ้าถึงได้กลัวปานนั้น"หลินยวนหลุบตาลง น้ำตาไหลริน "หากพี่ใหญ่สงสารยวนเอ๋อร์ ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ปล่อยตัวคนเถิดได้หรือไม่เจ้าคะ?""เจ้า!" หลินเย่ว์เดือดพล่าน แต่พอเห็นหลิน
เมื่อท่านโหวหลินรู้ก็เดือดดาลอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนกลับไปถึงเรือนฟางเหอ ทหารองครักษ์ในจวนก็ล้อมเรือนฟางเหอไว้แล้วหัวหน้าทหารองครักษ์คำนับให้กับเฉียวเนี่ยนที่เพิ่งกลับมาถึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ท่านโหวมีรับสั่ง ให้กักบริเวณคุณหนูใหญ่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามออกไปข้างนอกเรือนฟางเหอเด็ดขาด"เฉียวเนี่ยนคาดการณ์ไว้อยู่แล้วจึงไม่ตกใจแต่อย่างใด ขานรับเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปเพียงเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าทหารองครักษ์จะขวางเฉียวเนี่ยนเอาไว้แล้วพูดต่อ "ท่านโหวยังรับสั่งอีกว่า ในเมื่อคุณหนูใหญชอบวิธีการอดอาหาร เช่นนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ห้ามดื่ม ห้ามกินอาหาร จนกว่าคุณหนูใหญ่จะสำนึกผิดขอรับ"เฉียวเนี่ยนทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งเรียบดังเดิม "ข้ารู้แล้ว ที่นี้เข้าไปได้หรือยัง?"เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนสงบนิ่ง หัวหน้าทหารองครักษ์ก็อดสงสัยไม่ได้ คิดว่าเฉียวเนี่ยนต้องแอบเล่นตุกติกกับการถูกกักบริเวณครั้งนี้ จึงเอ่ยกระซิบเตือน "ท่านโหวส่งข้ามาเฝ้าเวรยามเรือนฟางเหอโดยเฉพาะ ระหว่างนี้ห้ามผู้ใดเข้าออกเรือนฟางเหอทั้งสิ้น หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ฆ่าได้เลย"นั่นหมายคว
เฉียวเนี่ยนยืนอยู่หลังประตูเรือน ทอดสายตามองสระบัวยามค่ำคืนตรงหน้าสระน้ำสะท้อนแสงโคมไฟริมฝั่ง แสงไรรำไร ราวกับจะดับลงได้ทุกเมื่อ แม้แต่สะพานหินเหนือสระบัวยังสะท้อนภาพพร่ามัวเฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก ก่อนจะเดินไปทางสะพานหิน เสียงลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหู สะบัดปอยผมข้างกกหูปลิวสไว แต่ผิวน้ำในสระกลับไม่แม้แต่จะกระเพื่อมไหวทันใดนั้นเองเฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะแสงจากโคมไฟ หรือสายลมยามราตรี ไม่ว่านางจะถูกทรมานเพียงใด ก็ไม่อาจเป็นที่รักของครอบครัวอยากที่เคยเป็นได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ก้มหน้ายิ้ม ทว่าขมขื่นเหลือเกินวินาทีนั้นนางกลับรู้สึกว่าโชคดีที่มีหลินยวนหากหลินยวนอดอาหารจริงๆ ท่านโหวหลินต้องทำใจไม่ได้แน่นอน!นางเดิมพันได้เลย!ไม่ถึงสองวัน ท่านโหวหลินมาถึงเรือนฟางเหอด้วยความเดือดดาลในตอนนั้นเฉียวเนี่ยนกำลังถอนหญ้าอยู่ในเรือนต้นฤดูใบไม่ผลิ ต้นหญ้าในกระถางดอกไม้โตไวนัก หากไม่ถอน ปล่อยทิ้งไว้ไม่กี่วันเกรงว่าจะสูงกว่าดอกไม่แล้วเมื่อเห็นท่านโหวหลินพรวดพราวเข้ามาใน เฉียวเนี่ยนจึงลุกขึ้น ยื่นสองฝ่ามือเปื้อนดินให้ท่านโหวหลินก่อนจะเอ่ย "ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านโหวจะมา
คนที่เคยคว้าเดือนคว้าดาวเพื่อลูกสาวได้ ยามนี้กลับคิดจะเอาชีวิตนางหึ!เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ หันหลังกลับไปถอนหญ้าตา แววตาที่หลุบลงนั้น เก็บซ่อนความโศกเศร้าที่อาจให้ใครรับรู้ได้"หากท่านโหวหลินสงสารคุณหนูหิน เช่นนั้นก็ควรปล่อยตัวคนบริสุทธิ์เสีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดคุณหนูหลินอดตายขึ้นมา ข้าคงโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ!" พูดถึงเพียงเท่านั้น เฉียวเนี่ยนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้บสงอย่าง เงยหน้าขึ่นมองท่านโหวหลินความรู้สึกในแววตาถูกเก็บซ่อนจนมิด ยามนี้เหลือเพียงความสะใจ "คุณหนูหลินเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านโหวหลินจะเจ้าคะ ท่านโหวหลินคงทำใจยอมให้นางตายไปไม่ได้หรอกใชไหมเจ้าคะ?"ท่านโหวหลินโมโหจนหัวแทบจะกระตุกลอยขึ้นฟ้า มองท่าทางลำพองใจของเฉียวเนี่ยน ไฟโกรธในใจเขาโหมกระพือ "ดี! ดียิ่งนัก! เจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้บีบบังคับข้าได้จริงหรือ? เจ้าดูถูกพ่อเจ้าเกินไป! ครั้งพ่อเจ้าลงสนามรบสู้ศัครู เจ้ายังไม่เป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ!"ท่านโหวหลินอยากจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขานั้นอารมณ์ร้ายปานใด ทั้งยังไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้าด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนกลับเอ่ยเสียงเรียบเพียงว่า "พ่อข้าแซ่เฉียว ได้
ขอบตาดำคล้าของเฉียวเนี่ยนในยามนี้ ทำเอานางแทบใจสลายจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงไร้เรี่ยวแรง "ส่งคนไป ไปดูที่ศาลาว่าการ"หนิงซวงพยักหน้ารัว "เจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้!"ว่าจบหนิงซวงก็รีบส่งคนไปศาลาว่าการท่านโหวหลินเห็นแล้วก็ร้อนรน "เจ้าส่งคนไปดูถึงที่ ข้าคงไม่หลอกเจ้าหรอก เจ้ารีบบอกให้น้องสาวเจ้ากินอะไรเสียที!"ขณะพูดนั้นฮูหยินหลินก็เดินเข้ามา สาวใช้สองนางที่ตามติดยกโจ๊กรังนกมาคนละถ้วยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ฮูหยินหลินก็อดปวดใจไม่ได้ รีบเรียกสาวใช้เข้ามา "เร็วเข้า รีบป้อนโจ๊กให้คุณหนูทั้งสอง"ทันใดนั้นสาวใช้สองนางก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ตักโจ๊กรังนกขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนถึงปากทั้งสองคนทว่าริมฝีปากของเฉียวเนี่ยนกลับปิดแน่น ไม่ยอมอ้าเปิดสองตามองไปทางหลินยวน แววตานั้นกำลังข่มขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉียวเนี่ยนที่มองมา หลินยวนพลันกระตุก ปากที่กำลังอ้าออกก็หุบลงในทันที ร่างทั้งกลับลงไปนอนแน่นิ่งอีกลงบนเก้าอี้อีกครั้งนางหลับตาลง สองไหล่สั่นไหว ดูเหมือนกำลังร้องสะอื้นแต่เพราะไม่กินข้าวกินน้ำมาห้าวัน นางไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้แล้วภา
หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนจะกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่ยอมกิน จึงเอ่ยต่อ "หากเจ้ากินน้ำถังนี้ให้หมด เขารับรองได้เลยวาจวนโหวจะไม่เล่นงานจิ่งเหยียนอีก!"เมื่อได้ยินหลินเย่ว์พูดดังนั้น ฮูหยินหลินหัวใจกระตุกไหว "เย่ว์เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้กับน้องสาว! นางไม่กินข้าวกินปลามาหลายวันแล้ว เหตุใดเจ้าถึงบังคับนางกินน้ำซักผ้าอีก?!"หลินเย่ว์เหลียวไปมองฮูหยินหลิน "ท่านแม่! ไม่ใช่เพราะข้าโหดเหี้นม แต่นางเจ้าเล่ห์นัก! คราวนี้นางบังคับยวนเอ๋อร์ให้อดข้าว ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำอะไรอีก? พวกท่านยังจะเชื่อนางอีกหรือ..."เมื่อสิ่นเสียง ทุกคนต่างผงะไปหลินเย่ว์ประหลาดใจก่อนจะพบว่าแม้แต่หลินยวนยังหยุดกิน ทุกคนต่างมองไปข้างหลังเขาอย่างหวาดกลัวเหมือนรู้สึกตัก หลินเย่ว์ก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมองภาพที่เห็นคือเฉียวเนี่ยนที่ไม่รู้ว่านั่งลงริมถังน้ำซักผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือของนางกวักน้ำซักผ้าจากถัง ตวงของที่อยู่ในถังน้ำเข้าปากนางกินไม่เร็วนัก ไม่เหมือนหลินยวนที่กลืนโดยไม่เคี้ยวนางกินอย่างสงบนิ่งสงบนิ่งเสียจนเหมือนกินอาหารปกติเพียงแต่นั่นคือน้ำล้างจานค้าง
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสองมันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดีเฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนักนางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอมเป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมาเฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้วอาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขาย
หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนจะกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่ยอมกิน จึงเอ่ยต่อ "หากเจ้ากินน้ำถังนี้ให้หมด เขารับรองได้เลยวาจวนโหวจะไม่เล่นงานจิ่งเหยียนอีก!"เมื่อได้ยินหลินเย่ว์พูดดังนั้น ฮูหยินหลินหัวใจกระตุกไหว "เย่ว์เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้กับน้องสาว! นางไม่กินข้าวกินปลามาหลายวันแล้ว เหตุใดเจ้าถึงบังคับนางกินน้ำซักผ้าอีก?!"หลินเย่ว์เหลียวไปมองฮูหยินหลิน "ท่านแม่! ไม่ใช่เพราะข้าโหดเหี้นม แต่นางเจ้าเล่ห์นัก! คราวนี้นางบังคับยวนเอ๋อร์ให้อดข้าว ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำอะไรอีก? พวกท่านยังจะเชื่อนางอีกหรือ..."เมื่อสิ่นเสียง ทุกคนต่างผงะไปหลินเย่ว์ประหลาดใจก่อนจะพบว่าแม้แต่หลินยวนยังหยุดกิน ทุกคนต่างมองไปข้างหลังเขาอย่างหวาดกลัวเหมือนรู้สึกตัก หลินเย่ว์ก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมองภาพที่เห็นคือเฉียวเนี่ยนที่ไม่รู้ว่านั่งลงริมถังน้ำซักผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือของนางกวักน้ำซักผ้าจากถัง ตวงของที่อยู่ในถังน้ำเข้าปากนางกินไม่เร็วนัก ไม่เหมือนหลินยวนที่กลืนโดยไม่เคี้ยวนางกินอย่างสงบนิ่งสงบนิ่งเสียจนเหมือนกินอาหารปกติเพียงแต่นั่นคือน้ำล้างจานค้าง
ขอบตาดำคล้าของเฉียวเนี่ยนในยามนี้ ทำเอานางแทบใจสลายจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงไร้เรี่ยวแรง "ส่งคนไป ไปดูที่ศาลาว่าการ"หนิงซวงพยักหน้ารัว "เจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้!"ว่าจบหนิงซวงก็รีบส่งคนไปศาลาว่าการท่านโหวหลินเห็นแล้วก็ร้อนรน "เจ้าส่งคนไปดูถึงที่ ข้าคงไม่หลอกเจ้าหรอก เจ้ารีบบอกให้น้องสาวเจ้ากินอะไรเสียที!"ขณะพูดนั้นฮูหยินหลินก็เดินเข้ามา สาวใช้สองนางที่ตามติดยกโจ๊กรังนกมาคนละถ้วยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ฮูหยินหลินก็อดปวดใจไม่ได้ รีบเรียกสาวใช้เข้ามา "เร็วเข้า รีบป้อนโจ๊กให้คุณหนูทั้งสอง"ทันใดนั้นสาวใช้สองนางก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ตักโจ๊กรังนกขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนถึงปากทั้งสองคนทว่าริมฝีปากของเฉียวเนี่ยนกลับปิดแน่น ไม่ยอมอ้าเปิดสองตามองไปทางหลินยวน แววตานั้นกำลังข่มขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉียวเนี่ยนที่มองมา หลินยวนพลันกระตุก ปากที่กำลังอ้าออกก็หุบลงในทันที ร่างทั้งกลับลงไปนอนแน่นิ่งอีกลงบนเก้าอี้อีกครั้งนางหลับตาลง สองไหล่สั่นไหว ดูเหมือนกำลังร้องสะอื้นแต่เพราะไม่กินข้าวกินน้ำมาห้าวัน นางไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้แล้วภา
คนที่เคยคว้าเดือนคว้าดาวเพื่อลูกสาวได้ ยามนี้กลับคิดจะเอาชีวิตนางหึ!เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ หันหลังกลับไปถอนหญ้าตา แววตาที่หลุบลงนั้น เก็บซ่อนความโศกเศร้าที่อาจให้ใครรับรู้ได้"หากท่านโหวหลินสงสารคุณหนูหิน เช่นนั้นก็ควรปล่อยตัวคนบริสุทธิ์เสีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดคุณหนูหลินอดตายขึ้นมา ข้าคงโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ!" พูดถึงเพียงเท่านั้น เฉียวเนี่ยนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้บสงอย่าง เงยหน้าขึ่นมองท่านโหวหลินความรู้สึกในแววตาถูกเก็บซ่อนจนมิด ยามนี้เหลือเพียงความสะใจ "คุณหนูหลินเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านโหวหลินจะเจ้าคะ ท่านโหวหลินคงทำใจยอมให้นางตายไปไม่ได้หรอกใชไหมเจ้าคะ?"ท่านโหวหลินโมโหจนหัวแทบจะกระตุกลอยขึ้นฟ้า มองท่าทางลำพองใจของเฉียวเนี่ยน ไฟโกรธในใจเขาโหมกระพือ "ดี! ดียิ่งนัก! เจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้บีบบังคับข้าได้จริงหรือ? เจ้าดูถูกพ่อเจ้าเกินไป! ครั้งพ่อเจ้าลงสนามรบสู้ศัครู เจ้ายังไม่เป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ!"ท่านโหวหลินอยากจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขานั้นอารมณ์ร้ายปานใด ทั้งยังไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้าด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนกลับเอ่ยเสียงเรียบเพียงว่า "พ่อข้าแซ่เฉียว ได้
เฉียวเนี่ยนยืนอยู่หลังประตูเรือน ทอดสายตามองสระบัวยามค่ำคืนตรงหน้าสระน้ำสะท้อนแสงโคมไฟริมฝั่ง แสงไรรำไร ราวกับจะดับลงได้ทุกเมื่อ แม้แต่สะพานหินเหนือสระบัวยังสะท้อนภาพพร่ามัวเฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก ก่อนจะเดินไปทางสะพานหิน เสียงลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหู สะบัดปอยผมข้างกกหูปลิวสไว แต่ผิวน้ำในสระกลับไม่แม้แต่จะกระเพื่อมไหวทันใดนั้นเองเฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะแสงจากโคมไฟ หรือสายลมยามราตรี ไม่ว่านางจะถูกทรมานเพียงใด ก็ไม่อาจเป็นที่รักของครอบครัวอยากที่เคยเป็นได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ก้มหน้ายิ้ม ทว่าขมขื่นเหลือเกินวินาทีนั้นนางกลับรู้สึกว่าโชคดีที่มีหลินยวนหากหลินยวนอดอาหารจริงๆ ท่านโหวหลินต้องทำใจไม่ได้แน่นอน!นางเดิมพันได้เลย!ไม่ถึงสองวัน ท่านโหวหลินมาถึงเรือนฟางเหอด้วยความเดือดดาลในตอนนั้นเฉียวเนี่ยนกำลังถอนหญ้าอยู่ในเรือนต้นฤดูใบไม่ผลิ ต้นหญ้าในกระถางดอกไม้โตไวนัก หากไม่ถอน ปล่อยทิ้งไว้ไม่กี่วันเกรงว่าจะสูงกว่าดอกไม่แล้วเมื่อเห็นท่านโหวหลินพรวดพราวเข้ามาใน เฉียวเนี่ยนจึงลุกขึ้น ยื่นสองฝ่ามือเปื้อนดินให้ท่านโหวหลินก่อนจะเอ่ย "ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านโหวจะมา
เมื่อท่านโหวหลินรู้ก็เดือดดาลอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนกลับไปถึงเรือนฟางเหอ ทหารองครักษ์ในจวนก็ล้อมเรือนฟางเหอไว้แล้วหัวหน้าทหารองครักษ์คำนับให้กับเฉียวเนี่ยนที่เพิ่งกลับมาถึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ท่านโหวมีรับสั่ง ให้กักบริเวณคุณหนูใหญ่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามออกไปข้างนอกเรือนฟางเหอเด็ดขาด"เฉียวเนี่ยนคาดการณ์ไว้อยู่แล้วจึงไม่ตกใจแต่อย่างใด ขานรับเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปเพียงเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าทหารองครักษ์จะขวางเฉียวเนี่ยนเอาไว้แล้วพูดต่อ "ท่านโหวยังรับสั่งอีกว่า ในเมื่อคุณหนูใหญชอบวิธีการอดอาหาร เช่นนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ห้ามดื่ม ห้ามกินอาหาร จนกว่าคุณหนูใหญ่จะสำนึกผิดขอรับ"เฉียวเนี่ยนทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งเรียบดังเดิม "ข้ารู้แล้ว ที่นี้เข้าไปได้หรือยัง?"เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนสงบนิ่ง หัวหน้าทหารองครักษ์ก็อดสงสัยไม่ได้ คิดว่าเฉียวเนี่ยนต้องแอบเล่นตุกติกกับการถูกกักบริเวณครั้งนี้ จึงเอ่ยกระซิบเตือน "ท่านโหวส่งข้ามาเฝ้าเวรยามเรือนฟางเหอโดยเฉพาะ ระหว่างนี้ห้ามผู้ใดเข้าออกเรือนฟางเหอทั้งสิ้น หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ฆ่าได้เลย"นั่นหมายคว
ฆาตกรฆ่าคนที่แท้จริงนั้นหมายถึงหลินเย่ว์หลินเย่ว์เข้าใจความหมาย กำหมัดแน่นในทันใด "หากเจ้าอยากให้พ่อของจิ่งเหยียนรอดปลอดภัย ง่ายนิดเดียว เจ้าจงเลิกรากับจิ่งเหยียนเสีย!""ข้าไม่มีทางเลิกกับเขา" เฉียวเนี่ยนตอบเสียงเย็น สายตาหยุดอยู่บนร่างของหลินยวน "คุณหนูหลินจะไถ่โทษให้จวนโหว เมื่อถึงตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านโหวแล้วว่าเห็นสิ่งใดสำคัญ การแต่งงานของข้า หรือว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา!"หลินยวนเห็นคำขู่ในแววตาของเฉียวเนี่ยน จึงขานรับในทัน รีบรั้งแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ "พี่ใหญ่ ในเมื่อพ่อของรองแม่ทัพจิ่งบริสุทธิ์ ก็ไม่ควรใส่ร้ายเขานะเจ้าคะ! ขอพี่ใหญ่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเถิด! หากคนพอไม่ยอมปล่อยตัวคน ข้าก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน"เมื่อได้ยินหลินยวนพูดดังนั้น หลินเย่ว์ก็เดือดลุกเป็นไฟ "นี่เจ้าถูกแม่นั่นล้างสมองไปแล้วหรือ?"แต่เมื่อเห็นท่าที่หวาดระแวงของหลินยวน หลินเย่ว์ก็เข้าใจในทั้นที "นางข่มขู่อะไรเจ้า? เจ้าถึงได้กลัวปานนั้น"หลินยวนหลุบตาลง น้ำตาไหลริน "หากพี่ใหญ่สงสารยวนเอ๋อร์ ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ปล่อยตัวคนเถิดได้หรือไม่เจ้าคะ?""เจ้า!" หลินเย่ว์เดือดพล่าน แต่พอเห็นหลิน
หลินยวนคว้าแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ตามสัญชาตญาณ นางกำแน่นจนร่างทั้งแอบอยู่ข้างหลังหลินเย่ว์ท่าทางยิ่งทำให้หลินเย่ว์ปวดใจนัก เขาเอ่ยเสียงเข้ม "ยวนเอ๋อร์ เจ้าพูดออกมา พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่นอน!"ยามเอ่ยประโยคหลัง หลินเย่ว์จ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเคียดแค้น ราวกับว่านางชั่วช้าสามานย์เหลือเกินแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงสั่นเครือจะดังมาจากด้านหลัง "พี่ใหญ่ ท่านพี่มาคุยกับยวนเอ๋อร์จริงๆ ไม่ได้มาหาเรื่องยวนเอ๋อร์เลย"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็เหลียวขวับไปมองหลินยวน แล้วชี้ไปที่เศษอาหารกระจัดกระจายบนพื้น "นางล้มโต๊ะเจ้าปานนี้ เจ้ายังปกป้องนางอีกหรือ?"หลินยวนขมวดคิ้วก้มหน้า "ท่านพี่หวังดีกับข้า ข้าไร้สำนัก คร่าชีวิตคนไปมากมาย ศพพวกเขายังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ จะให้ข้ามีความสุขได้อย่างไร"เมื่อเอ่ยถึงตรงนั้นหลินยวนก็เหลือบมองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะพูดต่อ "พี่ใหญ่ ยวนเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว เพื่อชดใช้ความผิดนี้ จากนี้ไปหลินยวนจะอดข้าว อดน้ำ จนกว่าข้าจะชดใช้ความผิดนี้จนหมด"หลินเย่ว์ตาเบิกโพลง ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง "เจ้าจะอดอาหารหรือ?"หลินยวนมองเฉียวเนี่ยนอย่างหวาดกลัว ก่อนจะพยัก
เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดดังนั้น หลินยวนก็เหมือนเห็นภาพจุดจบของตัวเองถูกทุกคนตราหน้า ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้งเมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่พี่ใหญ่ก็จะเกลียดนางตระกูลเซียวเองก็คงรู้สึกว่าคนเสื่อมเสียเช่นนาง คนที่ชื่อเสียงป่นปี้ จะคู่ควรเป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซียวได้อย่างไร!ท่านพี่เหิงก็คงไม่แต่งงานกับนางแล้ว...เมื่อเห็นแววตาหลินยวนหลุกหลิกไปมา สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ยิ่งเย็นยะเยือก "คุณหนูหลินไม่ได้กลัวว่าจะถูกจวนโหวทอดทิ้ง ถูกเซียวเหิงทอดทิ้งหรอกหรือ? หากไม่เชื่อฟังข้า ข้ารับรองได้เลยว่า จุดจบของเจ้าต้องอเนจอนาถกว่าข้าแน่นอน""ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่!" หลินยวนถลาเข้ามากอดขาของเฉียวเนี่ยน แววตานั้นมีแต่ความหวาดกลัว "ขอแค่ท่านพี่เมตตา ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง ท่านพี่วางใจเถิด ข้าจะไม่กินน้ำแม้แต่คำเดียว ข้าวเม็ดเดียวก็จะไม่กิน! ท่านพี่จะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำทั้งนั้น!"พูดถึงเพียงเท่านั้น ความหวาดกลัวก็ล้นทะลักไปทั้งใจ จนร้องไห้คร่ำครวญอย่างหยุดไม่อยู่ "ขอแค่ท่านพี่เมตตาข้า! ท่านพี่ ขอแค่ท่านเมตตาข้า ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง!"เฉียวเนี่ยนมองหลินยวนจากมุมสูง ความเกลียดชังในแววตายังไม่จาง
หลินยวนตื่นตกใจนางตาเบิกโพลงจ้องมองเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ "ท่านพี่ ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรอิจฉาท่าน ว่าจ้างขอทานพวกนั้น ทั้งยังทำให้พวกเขาต้องตาย แต่ข้าขอให้พวกเขาพาข้าออกไป แสร้งทำท่าทำทางเท่านั้นจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดมิดีมิร้าย ข้าผิดไปแล้ว ท่านพี่..."นางว่าพลางคุกเข่าลง น้ำหูน้ำตาไหลน่าสงสารเหลือเกินเฉียวเนี่ยนเพียงแค่เหลือบตามองเหล่าสาวใช้ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น "ออกไปให้หมด"เหล่าสาวใช้เป็นห่วงหลินยวน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกนางกลับกลัวเฉียวเนี่ยนยิ่งกว่าหลังจากมองหลินยวนอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้เหล่านั้นก็ออกไปจนหมดประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนถึงได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินยวนช้าๆหลินยวนร้องไห้ฟูมฟายสะอื้นหนัก เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเข้ามาใกล้ ก็ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะบีบแก้มสองข้างของนางด้วยฝ่ามือเดียว บังคับให้นางเงยหน้ามองตนตาสองคู่สอดประสาน แววตาหลินยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนแววตาของเฉียวเนี่ยนนั้นกลับแสนโหดเหี้ยม"ก่อนหน้านี้คุณหนูหลินร่วมมือกับท่านโหวน้อยวางยาข้า เคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้?"เมื่อได้ยินหล