เมื่อว่าจบก็ก้าวถอยไปอีกทางเจ้าระวังตัวด้วยเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำ แต่กลับหยั่งลึกลงไปในใจของจิ่งเหยียนต่อให้ถูกคนห้อมล้อม สถานการณ์อันตรายเพียงใด มุมปากที่ยกยิ้มของจิ่งเหยียนก็ยังหุบไม่ลงแต่สายตาของบรรดาคุณชาย รอยยิ้มนั้นเหมือนกับคำท้าทายจากนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของชิวอวี่ "ฆ่ามันให้ตาย!"ทุกคนรุมล้อมพุ่งเข้าใส่จิ่งเหยียนทว่าชั้นบน หลินเย่ว์และเซียวเหิงยังคงไม่ขยับไปไหนจิ่งเหยียนมือเท้าว่องไวเขาร่วมฟาดฟันศัตรูกับเซียวเหิงบนสนามรบ ฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูนับหมื่นนับพัน บรรดาคุณชายที่คิดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหามีหรือจะคณามือเขา?ผ่านไปไม่นาน เหล่าคุณชายก็ถูกจิ่งเหยียนซัดหมอบกับพื้นเมื่อเห็นจิ่งเหยียนไร้รอยบาดแผล เฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกจิ่งเหยียนเดินเข้ามาหานาง ใบหน้าคมเข้มนั้นเหมือนจะเก้อเขินเขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเฉียวเนี่ยน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสวีหวาชิงกลับปรากฏตัวขึ้นหลังร่างของเฉียวเนี่ยน ในมือง้างตั่งเหนือหัวสวีหวาชิงเกลียดเฉียวเนี่ยนตอนเด็กเขาถูกหลินเย่ว์ก็เพราะเฉียวเนี่ยน หลายปีมานี้เห็นเฉียวเนี่ยนที่ไหนก็เป็นต้องหลบซ่อนตัว ทำให้เขาถูกหั
ว่าอย่างไรนะ?!หลินเย่ว์ตื่นตกใจ พุ่งตัวเข้าไปหาขอทานผู้นั้นแล้วกระชากคอเสื้อ "ใครจับตัวไป? จับที่ไหม?"ขอทานตกใจแทบแย่ สองตาเบิกโพรงด้วยความหวาดกลัวหลินเย่ว์ตวาดลั่น "บอกมา! ไม่อย่างนั้นข้าจะถลกหนังเจ้า!"ขอทานถึงได้เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก "ถูก...ถูกพวกขอทาน จะ..จับตัวออกไปนอกเมือง"เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็ปล่อยขอทานไป ก่อนจะวิ่งไปยังนอกเมืองอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นหลินเย่ว์วิ่งไปไกล ขอทานถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันกลับไปมองเฉียวเนี่ยนอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนจ้องมองมาที่เขา ดวงตาเป็นประกายนั้นมองเขาหัวจรดเท้า ก่อนสายตาจะหยุดลงบนหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของเขาขอทานตื่นตระหนกในทันใด รีบกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ สายตาเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดในทันทีท่าทางประหม่า หลังจากชำเลืองมองเฉียวเนี่ยนอย่างระแวงอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งหนีไปเฉียวเนี่ยนมองแผนหลังของขอทานผู้นั้นหายไปจากมุมเลี้ยว เรียวคิ้วขมวดแน่นนางรู้ดีว่าขอทานต้องมีลับลมคมในบางอย่างเป็นแน่ทว่ายามนี้นางไม่มีเวลามาสนใจหลินยวนจะเป็นหรือตาย ไม่เกี่ยวกับนาง ในใจของนางตอนนี้มีแต่ความเป็นความตายของจิ่งเหยียน!
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนหน้าของจิ่งเหยียน ในหัวของเฉียวเนี่ยนกลับมีแต่ภาพของของเขายามปกป้องนางที่หอจุ้ยเซียงเขาพูดว่าหากวันนี้ให้กล้าพูดจาหมิ่นเกียรตินางอีก ต้องจากที่นี่ไปอย่างไรวิญญาณ!ยามถูกรุมโจมตี เขาส่งนางไปอีกฝั่ง ผลักนางออกจากสังเวียนรบเมื่อถึงชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตาย เขาใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องชีวิตนางไว้...นางนึกถึงภาพยามเลือดอาบใบหน้าของเขา สายตาจึงหยุดอยู่ที่คอเสื้อที่ยังเปื้อนคราบเลือดอยู่เมื่อรับรู้ถึงสายตาของเฉียวเนี่ยน จิ่งเหยียนก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง ลนลานปกปิดคราบเลือดนั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะเดินมาหาเขาแล้วหยุดอยู่ข้างเตียงสองตาร้อนผ่าวน้ำตาคลอมองเขาจากมุมบน ฝ่ามือน้อยสัมผัสผ้าบนศีรษะของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าแม้แต่จะออกแรง เกรงว่าจะทำเขาเจ็บในตอนนั้นจิ่งเหยียนประหม่ายิ่งนัก ที่นางเข้ามาใกล้ การกระทำของนาง ล้วนแต่ทำให้เขาไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรถึงขั้นว่าไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะโพล่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ"เจ็บหรือไม่?"จิ่งเหยียนถึงได้เงยหน้าขึ่นมองเขา ก็เห็นหยดน้ำร้อนผ่าวไหลผ่านดวงหน้าเนียนละเอียดน
จิ่งเหยียนชะงักไปลืมซานจาที่ยื่นให้เฉียวเนี่ยนในมือ ลืมไปแล้วว่าต้องเช็ดน้ำตาให้เฉียวเนี่ยน ลืมแม้กระทั่งว่าเมื่อครู่นางพูดว่าอะไรนั่นสิ เขาหูฝาดไปใช่ไหม?เขาถือผลซานจา ชะงักงันอยู่อย่างนั้นราวกับรูปสลักหินเมื่อเห็นท่าทีแสนซื่อบื้อของใบหน้าหล่อเหลานั้น เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมนางยื่นมือออกไปหยิบซานจาในมือในของเขาแล้วใส่ปากตัวเอง แก้มน้อยเคี้ยวตุ้ยๆจากนั้นนางก็ถามอีกครั้ง "จะมาสู่ขอข้าหรือไม่?"ในที่สุดจิ่งเหยียนก็ได้สติกลับคืนมา เขารีบขานตอบในทันใด "ขอรับ!"เขากลัวว่าหากตัวเองช้าไปอีกสักนิดเฉียวเนี่ยนจะเปลื่ยนใจคำว่า 'ขอรับ' นั้น เขาตะโกนเสียงดังลั่นเฉียวเนี่ยนแทบจะหูอื้ออยู่รอมร่อทว่าไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ลงในที่สุด "เพียงแต่ข้าไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ชาติกำเนิดต่ำต้อย ต่างกับคุณหนูเฉียวราวฟ้ากับเหว ข้าไม่คู่ควรกับคุณหนู"เขาก้มหน้าพรั่งพรูออกมาคำพูดที่หนิงซวงบอกกับเขาก่อนหน้านี้ เขาจำได้ทุกถ้อยคำเขารู้ฐานะของตัวเอง ไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เฉียวเนี่ยนเขาไม่ต้องการสิ่งใด ขอเพียงแค่ได้มองนางจากไกลๆ ปกป้องนางสุดกำลังที่มี เพียงเท่านั้นก็พึงพอใจแล้
เมื่อได้ยินดังนั้น ความรู้สึกแรกที่เกินขึ้นในใจเซียวเหิงคือไม่เชื่อในเมื่อช่วยกลับมาถึงจวนได้แล้ว เช่นนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น หลินยวนก็ขี้แงมาแต่ไหนแต่ไหน เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้หนักหนาถึงขั้นต้องส่งคนมาบอกข่าวถึงในค่ายทหารเช่นนี้แถมยามเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปพอดีเขาเหลือบตามองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะสาวเท้าก้าวออกไปเมื่อเห็นเซียวเหิงรีบร้อนออกไป จิ่งเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉียวเนี่ยนก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เจ้าจะกลับไปดูหรือไม่"แววตาของเฉียวเนี่ยนเย็นชา "คงต้องกลับไปดูว่าหลินยวนจะมาไม้ไหน"เมื่อได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนก็ขมวดคิ้ว "ไม้ไหน? เรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือ?"เฉียวเนี่ยนพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องของขอทานให้จิ่งเหยียนฟังจิ่งเหยียนสีหน้าเคร่งเครียดในทันใด "ดูท่าแล้วมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ แต่เหตุใดคุณหนูรองหลินถึงทำเช่นนั้น?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ เพราะนางรู้ดี หลินยวนทำเพื่อต่อกรกับนางแต่จิ่งเหยียนเพิ่งบาดเจ็บ จำเป็นต้องพักฟื้น นางจะทำให้เขาเป็นกังวลไม่ได้ด้วยเหตุนั้นนางจึงหันกลับมาเอ่ยกับจิ่งเหยียน "ข้าจะกลับไปดูสักหน่อย เจ้าพักผ่อนให้ดี วันพรุ
เมื่อสิ้นเสียง ทว่าไม่มีผู้ใดตอบกลับพูดผิดหรือ?แน่นอนว่าไม่พวกเขาต่างรู้ดีว่าเซียวเหิงคอแข็งเพียงใด รู้ดีว่าเซียวเหิงไม่ได้เมา ทั้งยังรู้ว่าไม่ได้จำคนผิดแม้แต่น้อยอย่าว่าแต่หลินเย่ว์ แม้แต่เซียวเหิงที่ยืนอยู่ข้างกับยังไม่กล้าเอ่ยปากว่านางพูดผิดยามท่านโหวหลินพบเซียวเหิงในตอนแรกก็แทบจะอาละวาดแล้ว ตอนนี้ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดจาเช่นนั้นอีกก็ยิ่งเกินทน คำรามลั่นในทันใด"แม่ทัพเซียว แม้ว่าผู้ใหญ่ตระกูลหลินของข้าจะหมั้นหมายไว้กับตระกูลเซียวของเจ้า แต่เพราะสิบแปดปีก่อนลูกสาวแท้ๆ ของข้าถูกสลับตัวไป การแต่งงานครั้งนี้จึงเปลียนไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ตระกูลหลินของข้าจะยกลูกสาวให้ตระกูลเซียวแค่คนเดียวเท่านั้น เรื่องวันนี้ขอแม่ทัพเซียวโปรดอธิบายกับข้าด้วย มิเช่นนั้นข้าจะเข้าวังของราชโองการ ถอนการหมั้นหมายของพวกเราสองตระกูล!""ท่านพ่อ!"หลินยวนร้องตกใจ น้ำตาไหลไม่หยุดชัดเจนแล้วว่านางไม่อยากถอนหมั้นนางแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่า เฉียวเนี่ยนกำลังจงใจแย่งแต่งงานครั้งนี้ นางจึงอยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายร้อนใจรีบจัดงานแต่งงานให้เซียวเหิงกับนางเร็วยิ่งขึ้นเสียงร้องของนางทำเอาอารมณ์เดือดดาลของท่าน
หลินเย่ว์ไหนเลยจะคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ทั้งยังกล้าพาลใส่หลินยวน จึงคิดจะลงไม้ลงมือกับเฉียวเนี่ยน "ตะโกนอะไรของเจ้า! หากวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนเจ้า เจ้าคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผนดินต่ำ!"หนิงซวงเห็นดังนั้นก็ลนลานเข้าไปกันเฉียวเนี่ยนเอาไว้แค่คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้เซียวเหิงจะเร็วกว่าไปกว้าหนึ่งภาพที่เห็นคือเขากุมหมัดของหลินเย่ว์ที่พุ่งออกมา เรียวคิ้วขมวดแน่น "เรื่องนี้อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังก็เป็นได้"นี่คือสิ่งที่เขาคาดเดาเอาเอง หลินยวนปิดปาดเงียบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาท่านโหวหลินไม่คาดคิดว่าเซียวเหิงจะบังร่างเฉียวเนี่ยนเอาไว้ จึงเดือดดาลในทันใด "แม่ทัพเซียว เจ้าคิดให้ดี!"เขามีลูกสาวเพียงแค่สองคน แต่ไม่ได้มีไว้ให้เซียวเหิงโลเล!ทันใดนั้นด้านนอกก็มีบ่าวคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา "นายท่านขอรับ รองแม่ทัพจิ่งขอพบอยู่ที่หน้าจวนของรับ!"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็หัวใจกระตุกวูบจิ่งเหยียนเพิ่งได้รับบาดเจ็บ เหตุถึงได้ตามมา?ท่านโหวหลินยังไม่รู้เรื่องราวที่หอจุ้ยเซียง คิดว่าจิ่งเหยียนมาพบเซียวเหิง เกรงว่าจะมีกองทัพจะมีเรื่องด่วน จึงไม่อาจล่าช้าได้ เขาเอ
เสียงสะอื้นของขอทานน้อยแสนเศร้าโศก ทำเอาทุกคนสงสารภายในห้อง หลินยวนได้ยินคำพูดของขอทานน้อย ร่างทั้งร่างก็สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่นางสั่นอย่างรุนแรงจนแม้แต่ฮูหยินหลินยังสัมผัสได้ หัวคิ้วจึงขมวดเข้าหากันทว่าท่านโหวหลินยังคงถามต่อ "พี่สาวคนใด? เจ้าดูซิใช่นางหรือไม่!"ท่านโหวหลินยกมือชี้ไปทางเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนไม่แปลกใจแม้แต่นิด นางรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างท่านโหวหลินย่อมคิดว่านางคือคนร้ายอีกทั้งนางรู้สึกว่ายามท่านโหวหลินเอ่ยถามเมื่อครู่ น้ำเสียงนั้นราวกับว่าตนรู้แต่แรกแล้วนางรับรู้ได้เลยว่าท่านโหวหลินกำลังรอให้ขอทานน้อยพยัดหน้า จากนั้นเขาก็จะด่ากราดนางอย่างเลือดเย็น ลงโทษด้วยกฎตระกูล มองนางคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตพร้อมทั้งบาดแผลเต็มร่างดาย ยามนั้นพวกเขาถึงจะพอใจเฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วเมื่อพวกเขาไม่เห็นนางเป็นลูกสาวตั้งนางแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วนางนั้นไม่สำคัญแม้แต่นิด แต่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ใช้ประโยนชน์ได้ก็เท่านั้น!ทว่าแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ครั้นเห็นท่านโหวหลินชี้มาที่ตัวเองไม่ลังเล นางกลับรู้สึกปวดหนึบในหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ทั้งๆ ที่แต่ก่อนบอกว่านางคือลูกสาวที่ว่าง่าย
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน