เสียงสะอื้นของขอทานน้อยแสนเศร้าโศก ทำเอาทุกคนสงสารภายในห้อง หลินยวนได้ยินคำพูดของขอทานน้อย ร่างทั้งร่างก็สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่นางสั่นอย่างรุนแรงจนแม้แต่ฮูหยินหลินยังสัมผัสได้ หัวคิ้วจึงขมวดเข้าหากันทว่าท่านโหวหลินยังคงถามต่อ "พี่สาวคนใด? เจ้าดูซิใช่นางหรือไม่!"ท่านโหวหลินยกมือชี้ไปทางเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนไม่แปลกใจแม้แต่นิด นางรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างท่านโหวหลินย่อมคิดว่านางคือคนร้ายอีกทั้งนางรู้สึกว่ายามท่านโหวหลินเอ่ยถามเมื่อครู่ น้ำเสียงนั้นราวกับว่าตนรู้แต่แรกแล้วนางรับรู้ได้เลยว่าท่านโหวหลินกำลังรอให้ขอทานน้อยพยัดหน้า จากนั้นเขาก็จะด่ากราดนางอย่างเลือดเย็น ลงโทษด้วยกฎตระกูล มองนางคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตพร้อมทั้งบาดแผลเต็มร่างดาย ยามนั้นพวกเขาถึงจะพอใจเฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วเมื่อพวกเขาไม่เห็นนางเป็นลูกสาวตั้งนางแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วนางนั้นไม่สำคัญแม้แต่นิด แต่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ใช้ประโยนชน์ได้ก็เท่านั้น!ทว่าแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ครั้นเห็นท่านโหวหลินชี้มาที่ตัวเองไม่ลังเล นางกลับรู้สึกปวดหนึบในหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ทั้งๆ ที่แต่ก่อนบอกว่านางคือลูกสาวที่ว่าง่าย
เฉียวเนี่ยนกวาดตามองพวกเขา ก่อนจะเอื้อยเอ่ย "คุณหนูหลินจะไม่อธิบายตัวเองสักหน่อยหรือ"คำพูดนั้นกำลังเตือนหลินยวนอย่างชัดเจนนางรีบลงจากเตียง ถลาตัวไปคุกเข่าลงตรงหน้าท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ ร้องไห้คร่ำครวญ "ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"ครั้งได้ยินเสียงนาง หลินเย่ว์กลับไม่เห็นใจแม้แต่นิดกลับกันยังมองนางอย่างเหลือเชื่อ กดเสียงต่ำเอ่ยถาม "เจ้าก็เลยปล่อยให้ข้าฆ่าพวกเขาเช่นนั้นหรือ?"ทั้งๆ ที่นางจ่ายเงินจ้างเหล่าขอทานพวกนั้น แต่เมื่อเห็นเขาชักกระบี่ออกมา นางกลับไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักคำ!หากขอทานพวกนั้นมิได้คิดร้ายอันใดกับนาง เช่นนั้นแล้วการที่เขาฆ่าคนนั้น เรียกว่าอะไรเขารู้ว่าเขาผลีผลามมาแต่ไหนแต่ไหร แต่ไม่เคยฆ่าคนเป็นผักเป็นปลายามนี้เขาต้องมือเปื้อนเลือดเพราะหลินยวน...หลินยวนรนราน นางส่ายหน้าสุดชีวิต "ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้า ข้าจ้างก็จริง แต่ขอทานพวกนั้นคิดมิดีมิร้ายกับข้าจริงๆ! พี่ใหญ่ก็เห็นกับตามิใช่หรือ? หากไม่ใช่เพราะท่านมาช่วยไว้ทันเวลา ข้าคงต้องแปดเปื้อนเพราะพวกเขาแล้วจริงๆ!"วินาทีนี้หลินเย่ว์แทบจะแยกแยะไม่ออกแล้วเขาแยกแยะไม่ออกแล้วว่า
ภาพที่เห็นคือท่านโหวหลินใบหน้าเขียวคล้ำ หันไปมองจิ่งเหยียนที่กำลังยกมือคำนับ "จวนโหวยังมีเรื่องต้องจัดการ ท่านรองแม่ทัพจิ่งกลับไปก่อนเถิด!"นี่มันไล่กันชัดๆแต่จิ่งเหยียนกลับไม่รู้สึกเสียใจ เขารู้ดีว่าตัวเองชาติกำเนิดต่ำต้อย หากจะคบหากับเฉียวเนี่ยน ย่อมต้องเจออุปสรรคมากมายเขาเตรียมพร้อมเผชิญกับทุกสิ่งแล้วแต่เขานั้นเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเขากังวลว่าหากตัวเองไปแล้วทิ้งให้เฉียวเนี่ยนต้องต่อสู้กับจวนโหวเพียงลำพังวินาทีนั้นแววตาที่หันไปมองเฉียวเนี่ยน แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างเหลือล้นแต่เฉียวเนี่ยนกลับส่งยิ้มบางให้เขา ก่อนจะพยักหน้าบอกให้วางใจนางกลับจวนมาก็นานแล้ว มีเรื่องหนักหนาอันใดที่นางยังไม่เคยพบเจอบ้าง นางฝึกฝนวิธีรับมือเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ไว้แล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอนแต่จิ่งเหยียนยังคงกังวล เพียงแต่อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เป็นคนนอกอยู่ดีเจ้าของบ้านเอ่ยปากไล่เขาแล้ว หากเขายังดึงดันจะอยู่ต่อ คงรังแต่จะสร้างปัญญาให้เฉียวเนี่ยนเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วสุดท้ายเขาก็คำนับแล้วจากไปแต่จิ่งเหยียนยังไม่ทันเดินออกไปไกล ท่านโหวหลินก็ถามเฉียวเนี่ยนเสียงขุ่นเคือง "เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ด้า
คำพูดนั้นของเฉียวเนี่ยนเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่แทงกลางใจท่านโหวหลินท่านโหวหลินทำทีแก้ต่าง "ไม่ ไม่ใช่ว่าพ่อตั้งใจทอดทิ้งเจ้าไว้ที่กรมซักล้าง แต่ฮองเฮารับสั่ง พ่อเองก็ไม่อาจขัดขืน"เมื่อพูดถึงเท่านั้น ท่านโหวหลินก็รู้สึกปวดใจ แม้แต่ใจหายยังแสนยากลำบาก เขาสูดลมหายใจอยู่หลายครั้งกว่ามีแรงพูดต่อ "พ่อ พ่อไม่ได้ไม่ใยดีเจ้า แต่ฮ่องเต้จับตาดูจวนโหวอยู่ตลอด พ่อกลัวว่าหากเดินหมากผิดไปสักครึ่งก้าว กลัวว่าฮ่องเต้จะรู้จัดอ่อน! พ่อกลัวว่าจวนโหวจะล่มสลายเพราะน้ำมือพ่อ พ่อจึงจำต้อ...""จำต้องทอดทิ้งข้า"เฉียวเนี่ยนจบประโยคนั้นแทนท่านโหวหลิน น้ำเสียงแสนเรียบเฉยนางเข้าใจดี ท่านโหวหลินในฐานะประมุขของตระกูล ย่อมคิดถึงชีวิตนับร้อยของทั้งนายทั้งบ่าวในจวนโหวนางเขาใจว่าท่านโหวหลินนั้นลำบากใจและต้องเสียสละแต่นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตก แต่กลับไม่ปริปากสักคำยามนางถูกกล่าวหานางไม่อาจเข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน เพียงแค่คำถามง่ายๆ ถึงได้สะเทือนถึงความเป็นความตายของจวนโหวปานนั้นเขาจะส่งใครสักคนไปถามสารทุกข์สุขดิบนางไม่ได้เชียวหรือ?เพียงแค่ปร
ภาพที่เห็นมีเพียงใบหน้าเคร่งเครียดของเขา น้ำเสียงนั้นเศร้าโศกเหลือเกิน "ข้ารู้ว่าข้าจัดการเรื่องวันนี้ได้ไม่ดีนัก แต่ในเมื่อข้ารับปากแล้วว่าจะช่วยหาคู่ที่เหมาะสมให้เจ้า ก็ต้องทำให้ได้อย่างนี้พูด เจ้าไม่เห็นข้าเป็นพี่ใหญ่ แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวเสมอมา ข้าไม่มีวันให้ยอมให้เจ้าแต่งงานกับคนไร้อำนาจไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้ชายที่ไม่มีวันปกป้องเจ้าได้"เมื่อหลินเย่ว์พูดคำนั้น เฉียวเนี่ยนเกือบจะเผลอหัวเราออกมาเขาเห็นนางเป็นน้องสาวเสมอมา?ทว่าแต่ละเรื่องที่เขาทำ มีพี่ใหญ่ที่ไหนทำกับน้องสาวเช่นนี้?เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นเฉียวเนี่ยนพูดมาหลายต่อหลายหน ยามนี้จึงไม่อยากเอ่ยถึงอีกต่อไปแม้จะพูดออกไป ด้วยนิสัยอย่างหลินเย่ว์ก็คงจำไม่ได้อยู่ดีนางจึงเอ่ยเสียงเย็นเพียงว่า "แต่เขาคือคนที่ปกป้องข้าในวันนี้ หากไม่มีเขา วันนี้ข้าคงนอนอยู่ในโลงศพไปแล้ว"หากไม่ใช่เพราะจิ่งเหยียนเข้ามารับแทนนางจนปางตาง นางจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?หลินเย่ว์กลับไม่รู้สึกว่าสิ่งที่จิ่งเหยียนทำนั้นดีเด่อะไร"เซียวเหิงกับข้าลงไปชั้นสองอยู่แล้ว! ต่อให้วันนี้จิ่งเหยียนไม่อยู่ที่นั่น เจ้าสารเลวแซ่วสวีนั่นก็ไม่มีทางทำอะไรเ
แต่นางเองก็รู้ดี ว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใจคนไร้หัวใจ จะรับรู้ถึงความจริงใจได้อย่างไร?เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ฮูหยินหลินที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้ายังพอใจพวกเราเพราะเรื่องราวในอดีต แต่ว่าเรื่องนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าล้วนแต่หวังดีกับเจ้าทั้งนั้น! รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนดี สำหรับคนธรรมดา เขาคือคนดีที่หาได้ยากคนหนึ่ง แต่สำหรับเจ้าแล้ว เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่เจ้า...""เขาไม่อาจให้ในสิ่งที่ข้าต้องการได้ หรือว่ามอบสิ่งที่จวนโหวต้องการไม่ได้กันแน่?" ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็อดทนไม่ไหว เอ่ยแทรกคำพูดของฮูหยินหลินหลินเย่ว์เหมือนถูกแทงใจดำ โวยวายเสียงทุ้มต่ำ "เฉียวเนี่ยน พ่อแม่แค่เป็นห่วงเจ้า เจ้าอย่าเนรคุณนัก!"เป็นห่วง?เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ "ข้าพูดผิดไปหรือไร? สิ่งที่ข้าต้องการ เขามีมากมาย ทั้งยังมอบมันทั้งหมดให้ข้าได้"พูดถึงเพียงเท่านั้น สายตาของนางก็กวาดมองใบหน้าคนตระกูลหลินทีละคน มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน "แต่สิ่งที่พวกท่านต้อง เขานั้นไม่มีจริงๆ"สิ่งที่พวกเขาต้องการ จะมีอะไรนอกเสียงจากคำสองพยางค์ว่าอำนาจพวกเขาอยากให่นางแต่งงานกับคนที่สามารถอุ้มชูคน
หลินยวนร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด อาจเป็นเพราะท่าทางน่าสงสารจับใจ ฮูหยินหลินถึงได้ใจอ่อนลงบ้าง เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ "บนโลกนี้ ไม่มีหญิงใจคิดจะอยากให้ตัวเองแปดเปื้อน ไม่แน่ว่า ยวนเอ๋อร์อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะเจ้าคะ"แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะแค่นหัวเราะออกมา "แต่เมื่อครู่คุณหนูพูดเองมิใช่หรือ นางกลัวว่าพวกท่านจะไม่ต้องการนาง หากวันนี้นางเสียบริสุทธิ? พวกท่านคงปวดในเหลือคณานับ คงโทษว่าเป็นความผิดของข้าทั้งหมด แล้วก็จะยิ่งรักนาง ปกป้องนาง แม่ทัพเซียวก็จะรู้สึกผิด จากนั้นก็แต่งงานเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม ทุกอย่างก็สมดั่งใจนาง"ยามเฉียวเนี่ยนพูด สายตานั้นหยุดอยู่บนร่างของหลินยวนหลินยวนส่ายหน้าสุดชีวิต "ไม่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่เช่นนั้น..."แต่เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา น้ำเสียงมีความเย้ยหยัน "ยิ่งไปกว่านั้น นายังส่งคนมาบอกข่าวท่านโหวน้อยอีก นางรู้ว่าไม่นานท่านโหวน้อยต้องตามมาแน่นอน นางรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเสียบริสุทธิ์""ไม่ใช่เช่นนั้น!" ในที่สุดหลินยวนก็ตะโกนลั่นออกมา ราวกับอยากจะใช้เสียงดังนั้นกลบเสียงของเฉียวเนี่ยนให้สิ้นแต่จะกลบได้อย่างไร?นางเห็นแววตาของพ่อแม่และพี่ใหญ่ที่ค่อยๆ
ประโยคนั้นหมายความว่า นางจะพยายามเพื่อเขาตลอดไปความซาบซึ้งเอ่อล้นในใจจิ่งเหยียน แต่เขากลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ "ข้าน้อยจิ่งจะคู่ควรได้อย่างไร..."แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเรียกเขาเสียงจริงจัง "จิ่งเหยียน"จิ่งเหยียนช้อนตาขึ้นมองตามเสียง ก็เห็นเฉียวเนี่ยนกำลังขมวดคิ้ว จ้องมองเขาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด "จากนี้ไปห้ามพูดจาด้อยค่าตัวเองเช่นนี้อีก ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี ถึงจะปกป้องข้าได้"จิ่งเหยียนชะงักไปประโยคที่ว่า 'ชีวิตที่เหลือของข้ามอบให้เจ้าแล้ว' กดทับหัวใจเขาราวกับหนักเป็นตันเขาไม่รู้ว่าเพราะหัวได้รับบาดจเจ็บหรือไร ตั้งแต่ที่เฉียวเนี่ยนถามตัวเองว่าจะมาสู่ขอนางหรือไม่ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่อง ราวกับอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ไม่ใช่เรื่องจริงจนกระทั่งวินาทีนี้ เขามอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้แก่เขา เขาถึงได้รู้ตัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้าถึงได้รีบออกมาตามหาเจ้าขอทานน้อย แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ว่าเข้าเองก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกัน เจ้าบาดเจ็บเพราะข้า หากเกิดเรื่องระหว่างเจ้
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน