จิ่งเหยียนชะงักไปลืมซานจาที่ยื่นให้เฉียวเนี่ยนในมือ ลืมไปแล้วว่าต้องเช็ดน้ำตาให้เฉียวเนี่ยน ลืมแม้กระทั่งว่าเมื่อครู่นางพูดว่าอะไรนั่นสิ เขาหูฝาดไปใช่ไหม?เขาถือผลซานจา ชะงักงันอยู่อย่างนั้นราวกับรูปสลักหินเมื่อเห็นท่าทีแสนซื่อบื้อของใบหน้าหล่อเหลานั้น เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมนางยื่นมือออกไปหยิบซานจาในมือในของเขาแล้วใส่ปากตัวเอง แก้มน้อยเคี้ยวตุ้ยๆจากนั้นนางก็ถามอีกครั้ง "จะมาสู่ขอข้าหรือไม่?"ในที่สุดจิ่งเหยียนก็ได้สติกลับคืนมา เขารีบขานตอบในทันใด "ขอรับ!"เขากลัวว่าหากตัวเองช้าไปอีกสักนิดเฉียวเนี่ยนจะเปลื่ยนใจคำว่า 'ขอรับ' นั้น เขาตะโกนเสียงดังลั่นเฉียวเนี่ยนแทบจะหูอื้ออยู่รอมร่อทว่าไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ลงในที่สุด "เพียงแต่ข้าไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ชาติกำเนิดต่ำต้อย ต่างกับคุณหนูเฉียวราวฟ้ากับเหว ข้าไม่คู่ควรกับคุณหนู"เขาก้มหน้าพรั่งพรูออกมาคำพูดที่หนิงซวงบอกกับเขาก่อนหน้านี้ เขาจำได้ทุกถ้อยคำเขารู้ฐานะของตัวเอง ไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เฉียวเนี่ยนเขาไม่ต้องการสิ่งใด ขอเพียงแค่ได้มองนางจากไกลๆ ปกป้องนางสุดกำลังที่มี เพียงเท่านั้นก็พึงพอใจแล้
เมื่อได้ยินดังนั้น ความรู้สึกแรกที่เกินขึ้นในใจเซียวเหิงคือไม่เชื่อในเมื่อช่วยกลับมาถึงจวนได้แล้ว เช่นนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น หลินยวนก็ขี้แงมาแต่ไหนแต่ไหน เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้หนักหนาถึงขั้นต้องส่งคนมาบอกข่าวถึงในค่ายทหารเช่นนี้แถมยามเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปพอดีเขาเหลือบตามองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะสาวเท้าก้าวออกไปเมื่อเห็นเซียวเหิงรีบร้อนออกไป จิ่งเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉียวเนี่ยนก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "เจ้าจะกลับไปดูหรือไม่"แววตาของเฉียวเนี่ยนเย็นชา "คงต้องกลับไปดูว่าหลินยวนจะมาไม้ไหน"เมื่อได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนก็ขมวดคิ้ว "ไม้ไหน? เรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือ?"เฉียวเนี่ยนพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องของขอทานให้จิ่งเหยียนฟังจิ่งเหยียนสีหน้าเคร่งเครียดในทันใด "ดูท่าแล้วมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ แต่เหตุใดคุณหนูรองหลินถึงทำเช่นนั้น?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ เพราะนางรู้ดี หลินยวนทำเพื่อต่อกรกับนางแต่จิ่งเหยียนเพิ่งบาดเจ็บ จำเป็นต้องพักฟื้น นางจะทำให้เขาเป็นกังวลไม่ได้ด้วยเหตุนั้นนางจึงหันกลับมาเอ่ยกับจิ่งเหยียน "ข้าจะกลับไปดูสักหน่อย เจ้าพักผ่อนให้ดี วันพรุ
เมื่อสิ้นเสียง ทว่าไม่มีผู้ใดตอบกลับพูดผิดหรือ?แน่นอนว่าไม่พวกเขาต่างรู้ดีว่าเซียวเหิงคอแข็งเพียงใด รู้ดีว่าเซียวเหิงไม่ได้เมา ทั้งยังรู้ว่าไม่ได้จำคนผิดแม้แต่น้อยอย่าว่าแต่หลินเย่ว์ แม้แต่เซียวเหิงที่ยืนอยู่ข้างกับยังไม่กล้าเอ่ยปากว่านางพูดผิดยามท่านโหวหลินพบเซียวเหิงในตอนแรกก็แทบจะอาละวาดแล้ว ตอนนี้ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดจาเช่นนั้นอีกก็ยิ่งเกินทน คำรามลั่นในทันใด"แม่ทัพเซียว แม้ว่าผู้ใหญ่ตระกูลหลินของข้าจะหมั้นหมายไว้กับตระกูลเซียวของเจ้า แต่เพราะสิบแปดปีก่อนลูกสาวแท้ๆ ของข้าถูกสลับตัวไป การแต่งงานครั้งนี้จึงเปลียนไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ตระกูลหลินของข้าจะยกลูกสาวให้ตระกูลเซียวแค่คนเดียวเท่านั้น เรื่องวันนี้ขอแม่ทัพเซียวโปรดอธิบายกับข้าด้วย มิเช่นนั้นข้าจะเข้าวังของราชโองการ ถอนการหมั้นหมายของพวกเราสองตระกูล!""ท่านพ่อ!"หลินยวนร้องตกใจ น้ำตาไหลไม่หยุดชัดเจนแล้วว่านางไม่อยากถอนหมั้นนางแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่า เฉียวเนี่ยนกำลังจงใจแย่งแต่งงานครั้งนี้ นางจึงอยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายร้อนใจรีบจัดงานแต่งงานให้เซียวเหิงกับนางเร็วยิ่งขึ้นเสียงร้องของนางทำเอาอารมณ์เดือดดาลของท่าน
หลินเย่ว์ไหนเลยจะคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ทั้งยังกล้าพาลใส่หลินยวน จึงคิดจะลงไม้ลงมือกับเฉียวเนี่ยน "ตะโกนอะไรของเจ้า! หากวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนเจ้า เจ้าคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผนดินต่ำ!"หนิงซวงเห็นดังนั้นก็ลนลานเข้าไปกันเฉียวเนี่ยนเอาไว้แค่คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้เซียวเหิงจะเร็วกว่าไปกว้าหนึ่งภาพที่เห็นคือเขากุมหมัดของหลินเย่ว์ที่พุ่งออกมา เรียวคิ้วขมวดแน่น "เรื่องนี้อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังก็เป็นได้"นี่คือสิ่งที่เขาคาดเดาเอาเอง หลินยวนปิดปาดเงียบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาท่านโหวหลินไม่คาดคิดว่าเซียวเหิงจะบังร่างเฉียวเนี่ยนเอาไว้ จึงเดือดดาลในทันใด "แม่ทัพเซียว เจ้าคิดให้ดี!"เขามีลูกสาวเพียงแค่สองคน แต่ไม่ได้มีไว้ให้เซียวเหิงโลเล!ทันใดนั้นด้านนอกก็มีบ่าวคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา "นายท่านขอรับ รองแม่ทัพจิ่งขอพบอยู่ที่หน้าจวนของรับ!"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็หัวใจกระตุกวูบจิ่งเหยียนเพิ่งได้รับบาดเจ็บ เหตุถึงได้ตามมา?ท่านโหวหลินยังไม่รู้เรื่องราวที่หอจุ้ยเซียง คิดว่าจิ่งเหยียนมาพบเซียวเหิง เกรงว่าจะมีกองทัพจะมีเรื่องด่วน จึงไม่อาจล่าช้าได้ เขาเอ
เสียงสะอื้นของขอทานน้อยแสนเศร้าโศก ทำเอาทุกคนสงสารภายในห้อง หลินยวนได้ยินคำพูดของขอทานน้อย ร่างทั้งร่างก็สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่นางสั่นอย่างรุนแรงจนแม้แต่ฮูหยินหลินยังสัมผัสได้ หัวคิ้วจึงขมวดเข้าหากันทว่าท่านโหวหลินยังคงถามต่อ "พี่สาวคนใด? เจ้าดูซิใช่นางหรือไม่!"ท่านโหวหลินยกมือชี้ไปทางเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนไม่แปลกใจแม้แต่นิด นางรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างท่านโหวหลินย่อมคิดว่านางคือคนร้ายอีกทั้งนางรู้สึกว่ายามท่านโหวหลินเอ่ยถามเมื่อครู่ น้ำเสียงนั้นราวกับว่าตนรู้แต่แรกแล้วนางรับรู้ได้เลยว่าท่านโหวหลินกำลังรอให้ขอทานน้อยพยัดหน้า จากนั้นเขาก็จะด่ากราดนางอย่างเลือดเย็น ลงโทษด้วยกฎตระกูล มองนางคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิตพร้อมทั้งบาดแผลเต็มร่างดาย ยามนั้นพวกเขาถึงจะพอใจเฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วเมื่อพวกเขาไม่เห็นนางเป็นลูกสาวตั้งนางแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วนางนั้นไม่สำคัญแม้แต่นิด แต่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ใช้ประโยนชน์ได้ก็เท่านั้น!ทว่าแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ครั้นเห็นท่านโหวหลินชี้มาที่ตัวเองไม่ลังเล นางกลับรู้สึกปวดหนึบในหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ทั้งๆ ที่แต่ก่อนบอกว่านางคือลูกสาวที่ว่าง่าย
เฉียวเนี่ยนกวาดตามองพวกเขา ก่อนจะเอื้อยเอ่ย "คุณหนูหลินจะไม่อธิบายตัวเองสักหน่อยหรือ"คำพูดนั้นกำลังเตือนหลินยวนอย่างชัดเจนนางรีบลงจากเตียง ถลาตัวไปคุกเข่าลงตรงหน้าท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ ร้องไห้คร่ำครวญ "ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"ครั้งได้ยินเสียงนาง หลินเย่ว์กลับไม่เห็นใจแม้แต่นิดกลับกันยังมองนางอย่างเหลือเชื่อ กดเสียงต่ำเอ่ยถาม "เจ้าก็เลยปล่อยให้ข้าฆ่าพวกเขาเช่นนั้นหรือ?"ทั้งๆ ที่นางจ่ายเงินจ้างเหล่าขอทานพวกนั้น แต่เมื่อเห็นเขาชักกระบี่ออกมา นางกลับไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักคำ!หากขอทานพวกนั้นมิได้คิดร้ายอันใดกับนาง เช่นนั้นแล้วการที่เขาฆ่าคนนั้น เรียกว่าอะไรเขารู้ว่าเขาผลีผลามมาแต่ไหนแต่ไหร แต่ไม่เคยฆ่าคนเป็นผักเป็นปลายามนี้เขาต้องมือเปื้อนเลือดเพราะหลินยวน...หลินยวนรนราน นางส่ายหน้าสุดชีวิต "ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้า ข้าจ้างก็จริง แต่ขอทานพวกนั้นคิดมิดีมิร้ายกับข้าจริงๆ! พี่ใหญ่ก็เห็นกับตามิใช่หรือ? หากไม่ใช่เพราะท่านมาช่วยไว้ทันเวลา ข้าคงต้องแปดเปื้อนเพราะพวกเขาแล้วจริงๆ!"วินาทีนี้หลินเย่ว์แทบจะแยกแยะไม่ออกแล้วเขาแยกแยะไม่ออกแล้วว่า
ภาพที่เห็นคือท่านโหวหลินใบหน้าเขียวคล้ำ หันไปมองจิ่งเหยียนที่กำลังยกมือคำนับ "จวนโหวยังมีเรื่องต้องจัดการ ท่านรองแม่ทัพจิ่งกลับไปก่อนเถิด!"นี่มันไล่กันชัดๆแต่จิ่งเหยียนกลับไม่รู้สึกเสียใจ เขารู้ดีว่าตัวเองชาติกำเนิดต่ำต้อย หากจะคบหากับเฉียวเนี่ยน ย่อมต้องเจออุปสรรคมากมายเขาเตรียมพร้อมเผชิญกับทุกสิ่งแล้วแต่เขานั้นเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเขากังวลว่าหากตัวเองไปแล้วทิ้งให้เฉียวเนี่ยนต้องต่อสู้กับจวนโหวเพียงลำพังวินาทีนั้นแววตาที่หันไปมองเฉียวเนี่ยน แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างเหลือล้นแต่เฉียวเนี่ยนกลับส่งยิ้มบางให้เขา ก่อนจะพยักหน้าบอกให้วางใจนางกลับจวนมาก็นานแล้ว มีเรื่องหนักหนาอันใดที่นางยังไม่เคยพบเจอบ้าง นางฝึกฝนวิธีรับมือเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ไว้แล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอนแต่จิ่งเหยียนยังคงกังวล เพียงแต่อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เป็นคนนอกอยู่ดีเจ้าของบ้านเอ่ยปากไล่เขาแล้ว หากเขายังดึงดันจะอยู่ต่อ คงรังแต่จะสร้างปัญญาให้เฉียวเนี่ยนเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วสุดท้ายเขาก็คำนับแล้วจากไปแต่จิ่งเหยียนยังไม่ทันเดินออกไปไกล ท่านโหวหลินก็ถามเฉียวเนี่ยนเสียงขุ่นเคือง "เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ด้า
คำพูดนั้นของเฉียวเนี่ยนเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่แทงกลางใจท่านโหวหลินท่านโหวหลินทำทีแก้ต่าง "ไม่ ไม่ใช่ว่าพ่อตั้งใจทอดทิ้งเจ้าไว้ที่กรมซักล้าง แต่ฮองเฮารับสั่ง พ่อเองก็ไม่อาจขัดขืน"เมื่อพูดถึงเท่านั้น ท่านโหวหลินก็รู้สึกปวดใจ แม้แต่ใจหายยังแสนยากลำบาก เขาสูดลมหายใจอยู่หลายครั้งกว่ามีแรงพูดต่อ "พ่อ พ่อไม่ได้ไม่ใยดีเจ้า แต่ฮ่องเต้จับตาดูจวนโหวอยู่ตลอด พ่อกลัวว่าหากเดินหมากผิดไปสักครึ่งก้าว กลัวว่าฮ่องเต้จะรู้จัดอ่อน! พ่อกลัวว่าจวนโหวจะล่มสลายเพราะน้ำมือพ่อ พ่อจึงจำต้อ...""จำต้องทอดทิ้งข้า"เฉียวเนี่ยนจบประโยคนั้นแทนท่านโหวหลิน น้ำเสียงแสนเรียบเฉยนางเข้าใจดี ท่านโหวหลินในฐานะประมุขของตระกูล ย่อมคิดถึงชีวิตนับร้อยของทั้งนายทั้งบ่าวในจวนโหวนางเขาใจว่าท่านโหวหลินนั้นลำบากใจและต้องเสียสละแต่นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตก แต่กลับไม่ปริปากสักคำยามนางถูกกล่าวหานางไม่อาจเข้าใจเลยว่าเหตุใดเมื่อสามปีก่อน เพียงแค่คำถามง่ายๆ ถึงได้สะเทือนถึงความเป็นความตายของจวนโหวปานนั้นเขาจะส่งใครสักคนไปถามสารทุกข์สุขดิบนางไม่ได้เชียวหรือ?เพียงแค่ปร
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห