หลินเย่ว์เดือดดาล ใบหน้าถมึงทึงแต่ใบหน้าถมึงทึงนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนักท่าทางแสนอ่อนโยนเมื่อครู่นั้น เป็นเพียงหน้ากากอดีตพี่ใหญ่ ช่างน่าขยะแขยงเฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ "ข้ารับปากท่านย่าแล้วไม่มีทางคืนคำ แต่ท่านโหวน้อยอย่าได้คาดหวังมากนัก"ว่าจบนางก็หันหลังเดินจากไปแต่หลินยวนกลับเดินจ้ำตามมา ขวางทางเฉียวเนี่ยนเอาไว้ "ท่านพี่ ยวนเอ๋อร์อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่"เหมือนเห็นใบหน้าเสแสร้งทำเป็นคนดีนั้น เฉียวเนี่ยนก็ตัดบทนางอย่างไม่ใยดี "ไม่ควร"หลินยวนนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่ายามนี้เฉียวเนี่ยนจะไม่ไว้หน้าถึงปานนี้แต่นางยังดึงดันจะพูดให้ได้ภาพที่เห็นคือนางกัดริมฝีปาก ราวกับน้อยเนื้อต่ำใจเสียเหลือเกิน น้ำตาคลอเบ้า "ท่านพี่ไม่อยากฟัง แต่ยวนเอ๋อร์อยากพูด ข้ารู้ว่าท่านพี่เกลียดพี่ใหญ่ เกลียดข้า แต่อาการท่านย่าเป็นอย่างไรท่านพี่ก็เห็น ความปรารถนาหนึ่งเดียวของท่านย่าคือได้เห็นท่านออกเรือน หรือท่านพี่จะทำให้ท่านย่าผิดหวังได้ลงคอหรือ?"หลินยวนพูดพลางน้ำตาไหลพราก ท่าทางนั้นแสนจริงใจ ทำเอาหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างกันปวดใจเหลือเกินเขาสูดหายใจลึก กักเก็บความเดือดดา
ชัดว่าหลินเย่ว์ยังจำเรื่องนั้นได้ดี เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยถึง ในใจก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับ "เรื่องผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว สวีหวาชิงไม่ใช่เด็กเกเรเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้เขาทำงานที่กรมอากรกับพ่อเขา เขาเห็นกับตา นับว่าเป็นคนใช้ได้คนหนึ่ง..."“เพียะ!”ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ทนไม่ไหว เดินเข้ามาแล้วตบหน้าหลินเย่ว์อย่างแรงหลินเย่ว์สองตาพลันเบิกโพลง เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ กำหมัดส่งไปทางเฉียวเนี่ยน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะชกเข้าใส่สองตาเจิ่งนองของเฉียวเนี่ยนวินาทีนั้นหมัดของเขาหยุดอยู่ตรงหน้าเฉียวเนี่ยน ราวกับมือที่มองไม่เห็นยั้งเอาไว้อย่างไรก็ทำไม่เลงทว่าเฉียวเนี่ยนนั้นจ้องเขาไม่วางตา ภายใต้ประกายน้ำตานั้น มีแต่ความเคียดแค้นนางยังจำได้ดี ตอนอายุแปดขวบนั้น เมื่อหลินเย่ว์รู้ว่าสวีหวาชิงแทบจะกดนางจมน้ำตาย ก็พุ่งตัวเขามาช่วยโดยไม่คิดชีวิต ขึ้นคร่อมสวีหวาชิงต่อยไม่ยั้ง ผู้ใหญ่สี่ห้าคนช่วยกันก็ยังห้ามไม่อยู่ ต่อยจนสวีหวาชิงฟันร่วงสองซี่ ดีดดิ้นร้องขอชีวิตอยู่บนพื้น แทบจะหมดสติไปด้วยซ้ำหมัดของหลินเย่ว์เองก็แตกจนถลอกปอกเปิก แต่เขากลับไม่สนใจ ขวางหน้าเพื่อปกป้องนางไว้ ข่มขู่
สายตานั้นทำให้เฉียวเนี่ยนนึกถึงเมื่อสามปีก่อน ยามที่เซียวเหิงเข้ามาขวางหน้าหลินยวนเอาไว้วันนี้เองก็เช่นกัน เขาไม่พูดอะไรแม้สักคำ เพียงแค่สายตานั้นก็ทำให้นางล้มเลิกความตั้งใจที่จะอธิบายเมื่อคิดได้ดังนั้น หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันปวดร้าว รู้สึกว่าตัวเองเมื่อสามปีก่อนช่างน่าขันนักยามนั้นนางรักเซียวเหิงมากเพียงใดกันนะ!รักถึงขั้นเพียงแค่เห็นสายตานั้น นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากอธิบาย?อีกฟากหนึ่ง หลินเย่ว์เองก็ตกใจที่หลินยวนบาดเจ็บ หันมาก่นด่าเฉียวเนี่ยนแทน "เพราะเจ้าเป็นอย่างนี้อย่างไรเล่า พาลใส่อารมณ์กับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ยวนเอ๋อร์ทำเพื่อเจ้า เดินหาร้านในเมืองไม่รู้กี่วันกว่าจะเลือกชุดที่งามที่สุดให้เจ้าได้ แต่เจ้ากลับตอบแทนนางเช่นนี้หรือ? ข้าจะบอกให้นะ หากยวนเอ๋อร์เป็นอะไรไป ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่!"หลินเย่ว์พูดจบก็รีบเดินตามเซียวเหิงไปภายในเรือนอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเฉียวเนี่ยนผู้เดียวสายลมพัดผ่าน ราวกับนำพาความอ้างว้างมาด้วยทั้งยังพัดน้ำตาที่อดกลั้นมานานแสนนานนั้นจนเหือดแห้งทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปเลย!สามปีก่อน พวกเขาพากันปกป้องหลินยวน สา
ฮูหยินหลินพูดพลางส่งสายตาให้เฉียวเนี่ยนแน่นอนว่าเฉียวเนี่ยนนั้นเข้าใจ พวกเขาคนหนึ่งเล่นไม้แข็ง คนหนึ่งเล่นไม้อ่อนสินะด้วยเหตุนั้น เฉียวเนี่ยนจึงหันไปหาฮูหยินหลินอย่างประหลาดใจ "เหตุใดข้าต้องขอโทษ?""เจ้ายังกล้าแสร้งทำเป็นไม่รู้อีกหรือ" ท่านโหวหลินคำรามลั่น "เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเจ้าทำยวนเอ๋อร์เจ็บหนักเพียงใด?"เฉียวเนี่ยนหางคิ้วกระตุก ชำเลืองมองหลินยวนอย่างเย็นชา "นางล้มเอง ไม่เกี่ยวกับข้า""เจ้ายังกล้าแก้ตัวอีกหรือ! เซียวเหิงเห็นกับตาว่าเจ้าเป็นคนผลักยวนเอ๋อร์!" ท่านโหวหลินตวาดลั่นอย่างเดือดดาล "พ่อสอนเจ้าตั้งแต่เด็ก ทำผิดมิได้น่ากลัว ที่น่ากลัวคือไม่ยอมรับผิด! เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ!"เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มออกมา "คนที่ลืมก่อน ไม่ใช่ท่านโหวหรอกหรือ?"สามปีก่อน หลินยวนทำจานแก้วแตก เหตุใดเขาถึงไม่เห็นตำหนิหลินยวนว่าทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด?ท่านโหวหลินถูกยอกย้อนจนลมหายใจสะดุดจากนั้นก็ได้ยินหลินเย่ว์เอ่ยขึ้น "เจ้าอย่าลำเลิกเรื่องเมื่อสามปีกอ่นได้หรือไม่! สามปีก่อนยวนเอ๋อร์เพิ่งกลับมา นางเพิ่งเคยเข้าวังครั้งแรก ทำจากถ้วยแก้วแตก ก็ไม่แปลกหากไม่กล้ายอมรับ? แต่เจ้าเสวยส
ประโยคนั้นของเฉียวเนี่ยนทำเอาท่านโหวหลินพูดไม่ออก ราวกับได้ยินคำพูดน่าเหลือเชื่อ "เจ้า เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดจะตัดขาดกับจวนโหวอย่างนั้นหรือ?"บุญคุณที่เลี้ยงดูมาสิบห้าปี นางบอกว่าชดใช้คืนหมดแล้ว?ชดใช้คืนเมื่อใด?เขาเลี้ยงดูตั้งแต่หัวok'ยังไม่เท่ากำปั้นจนกลายเป็นคุณหนูรูปงามแห่งตระกูลสูงศักดิ์ ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเท่าใด นางเอาสิ่งใดมาชดใช้คืน?ท่านโหวหลินเดือดดาลจนสั่นไปทั้งตัวทว่าเฉียวเนี่ยนกลับยังคงสีหน้าเรียบเฉยฮูหยินหลินกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยถ้อยคำเจ็บแสบ จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้นในทันใด "ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านโหวอย่าได้โมโหไปเลย เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เนี่ยนเนี่ยน ท่านพ่อเจ้าโกรธเลือดขึ้นหน้าแล้ว เจ้าหยุดพูดเสียที อย่ายั่วโมโหเขา..."ฮูหยินหลินยังไม่ทันพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็เอ่ยสวนขึ้นมา "หากไม่ใช่เพราะท่านย่า ท่านคิดว่าข้าอยากจะเป็นลูกสาวของจวนโหวหรือ?"คืนวันนับไม่ถ้วนที่ถูกรังแกยามอยู่กรมซักล้าง นางก็ไม่อยากเป็นลูกสาวของพวกเขาอีกต่อไปน้ำเสียงของนางอ่อนหวานดั่งสายน้ำ แต่กลับเย็นยะเยือกเหมือนธารน้ำแข็งพันปีที่เพ
ท่านโหวหลินจงใจใช้ถ้อยคำรุนแรง เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ทำให้นางได้รู้ว่าเขาเองเป็นคนที่คิดจะตัดขาดพ่อลูกคิดไปเองว่าบางทีนางอาจจะกังวลหรือหวาดกลัวขึ้นมาก็เป็นได้แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับค้อมกายคำนับให้เขา "หวังว่าท่านโหวจะทำได้อย่างที่พูด"ประโยคนั้นราวกับมีดแทงลึกลงกลางใจท่านโหวหลินทว่าเฉียวเนี่ยนกลับกวาดมองทุกคนด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้น "หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน" ว่าจบก็หันหลังเดินจากไปจนกระทั่งเดินออกจากประตูห้องของหลินยวนไป เฉียวเนี่ยนถึงได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของฮูหยินหลินดังลอยออกมาหัวใจพลันรัดรึงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความเจ็บปวดแล่นริ้ว ทำเอานางขมวดคิ้วแน่น แต่สุดท้ายก็นางก็บังคับตัวเองให้ปล่อยผ่านมันไปกระนั้นแล้วนางยังเหลียวกลับไปมองอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเห็นฮูหยินหลินซบไหล่หลินเย่ว์ร้องไห้สะอื้น ในใจก็พลันสงสัยขึ้นมานางรู้ว่าฮูหยินหลินนั้นเจ้าน้ำตามาแต่ไหนแต่ไร ทว่าในอดีตฮูหยินหลินก็เหมือนพวกท่านโหวหลิน เอาแต่ปกป้องหลินยวนวันนี้ฮูหยินหลินกลับเข้าข้างนางเกิดอะไรขึ้น?เฉียวเนี่ยนไม่เข้าใจ แต่ก็สะบัดความคิดออกจากหัว ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ห้าวันต่อมา ณ หอจุ้ยเซียงเฉียวเนี่ยนทำตามที่หลินเย่ว์ มาถึงเมื่อยามเซินวันนี้หอจุ้ยเซียงถูกเหมา คนงานประจำหอจำรถม้าจวนโหวได้ เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนลงจากรถก็รู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นใคร จึงรีบเข้ามารับในทันใด"คุณหนูใหญ่ขอรับ ท่านโหวน้อยสั่งการไว้แล้ว ให้ข้าน้อยพาคุณหนูใหญ่ไปที่ชั้นสอง" คนงานต้อนรับด้วยไมตรี เดินนำเฉียวเนี่ยนขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดบนชั้นสองคือห้องที่หลินเย่ว์และเซียวเหิงจองเอาไว้ตลอดปีเฉียวเนี่ยนเอ่ยขอบคุณ คนงานจึงถอยออกไปนางผลักประตูแล้วเข้าไปข้างใน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าข้างในห้องจะมีคนอยู่ก่อนแล้วเซียวเหิงนั่งอยู่หัวโต๊ะ บนโต๊ะไม่มีอาหาร มีแต่เหล้าเฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเขามาทำอะไร ขณะที่กำลังสองจิตสองใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ก็ได้ยินเสียงของเซียวเหิงเอ่ยขึ้น "คุณหนูเฉียว นั่งสิ"ยามนั้นหากเฉียวเนี่ยนไม่เข้าไป ก็คงเหมือนหลบหน้าเขาหลังจากสูดหายใจลึก เฉียวเนี่ยนถึงได้ก้าวเข้าไปในห้อง นั่งลงตรงหน้าเซียวเหิงเหยือกเหล้าสองสามเหยือกบนโต๊ะนั้นว่างเปล่า กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่วบรรยากาศ เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงนั้นดื่มไปไม่น้อยแล้วเมื่อเห็นท่าทางการดื่มของเขาก็
ใช่ เขาบอกงว่านางทำเกินกว่าเหตุบางทีความทรงจำในอดีตอก็โหดร้ายเกินทน เฉียวเนี่ยนติดแล้วคิดอีกก็นั่งไม่ติดทีนางไม่อยากอยู่กับเซียวเหิงเพียงลำพัง โดยเฉพาะอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำเช่นนี้ขณะกำลังจะหาข้ออ้างปลีกตัวออกไป คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวเหิงจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน "คุณหนูเฉียวมีคนที่ถูกใจแล้วหรือไม่?""..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ เซียวเหิงถึงได้ถามเช่นนี้เมาแล้วอย่างนั้นหรือ?นางไม่ตอบ แต่เซียวเหิงกลับไม่คิดจะปล่อยนางไป ยังคงถามต่อ "ข้ามีรองแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งนามว่าจิ่งเหยียน คุณหนูเฉียวไม่ถูกใจหรือ?"จนกระทั่งเขาเอ่ยถึงจิ่งเหยียน เฉียวเนี่ยนถึงได้เข้าใจเป้าหมายของเซียวเหิงคงจะมาระบายอารมณ์แทนจิ่งเหยียนสินะ?ในเมื่อก่อนหน้านี้คำที่นางฝากหนิงซวงไปบอกจิ่งเหยียนนั้นช่างแสนเย็นชาไร้หัวใจเซียวเหิงจงใจเน้นย้ำว่าจิ่งเหยียนคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา หากเขาจะมาระบายอารมณ์แทนจิ่งเหยียนย่อมสมเหตุสมผลทว่าเฉียวเนี่ยนนั้นไม่ใช่คนเดิมเมื่อสามปีก่อนแล้ว นางไม่มีทางแบกรับในสิ่งที่นางไม่ได้ก่อด้วยเหตุนั้นจึงเลิกคิ้วเอ่ย "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะทำตามใ
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน