คล้อยหลังเสียงกรีดร้อง ขันทีน้อยอายุราวสิบที่คอยเฝ้ามองรีบปรี่เข้ามาข้างกายหลินยวน ก่อนดึงให้หลินยวนลุกขึ้นทว่า สายเกินไปแล้วแปลงดอกไม้ถูกหลินยวนทับใส่ไม่เหลือชิ้นดี ดอกไม้น่าสงสารหลายต้นโดนทับจนจมดิน ไม่เหลือซึ่งความงดงามดังเดิมขันทีเห็นภาพตรงหน้า พลันทรุดตัวนั่งทันใด “แย่แล้ว จบสิ้นหมดแล้ว......”พูดไป ทันใดนั้นขันทีน้อยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงคว้าหมับเข้าชายกระโปรงหลินยวน “เป็นเพราะเจ้า! นี่เป็นสิ่งที่องค์หญิงรับสั่งให้ไปรับจากชมพูทวีปมาด้วยราคาสูง! ข้ากับอาจารย์ทุ่มเทความพยายามยิ่งกว่าจะปลูกสองดอกนี้ได้ อีกไม่กี่เดือนก็ผลิดอกบานแล้ว แต่ตอนนี้ถูกเจ้าทับเละแล้ว! เจ้าต้องชดใช้!”ขันทีน้อยพูดไปพลางร้องไห้ดังลั่น ดึงดูดให้ฝูงชนล้อมวงเข้ามาชุดของหลินยวนเปรอะเปื้อนดินไม่น้อยเพราะล้มใส่แปลงดอก มองตัวเองกลายเป็นตัวตลกที่ฝูงชนหัวเราะเยาะอีกครั้ง จิตใจร้อนรนทนไม่ไหว จึงรีบดึงชุดตนเองกลับมา “เจ้า รีบปล่อยมือ!”“ข้าไม่ปล่อย! เจ้าต้องชดใช้ดอกถามฮวาให้ข้า!” ขันทีน้อยตัดสินใจแล้วว่าวันนี้ต้องทำให้หลินยวนพูดแถลงให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ หลินเย่ว์รีบเข้ามาพูดโน้ม
คำพูดเอ่ยเพียงเท่านี้ เซียวเหิงก็เข้าใจแล้ว วันนี้องค์หญิงซูหยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแน่ยิ่งไปกว่านั้น ขันทีน้อยข้างๆยังคลานเบื้องหน้าองค์หญิง ร้องไห้รายงานเรื่องราว “องค์หญิง นางทับดอกถานฮวาของท่านเสียหายแล้วพะยะค่ะ!”องค์หญิงซูหยวนมองตามปลายนิ้วขันทีน้อย ก่อนตะโกนกร้าวด้วยความกริ้วโกรธทันใด “บังอาจ! ริอ่านทำลายดอกถามฮวาที่ข้ารักที่สุดลง! หลินยวน! เจ้าคงรู้สินะว่าดอกถานฮวาพวกนี้ล้ำค่าขนาดไหน!”หลินยวนโดนองค์หญิงซูหยวนตะคอกใส่ รีบหลับในอ้อมอกเซียวเหิงตัวสั่นรุนแรงทว่าไม่ทันให้นางได้เอ่ยปาก หลินเย่ว์กุมมือคารวะเอ่ย “ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ ยวนเอ๋อร์มิได้ตั้งใจทำลายของรักขององค์หญิง ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ขอองค์หญิงโปรดมองให้กระจ่างแจ้ง”“บังอาจ!” นางกำนัลหลวงข้างกายองค์หญิงต่างทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป “ในเมื่อทำลายของรักขององค์หญิง ถือเป็นโทษทั้งสิ้น! ท่านโหวน้อยเอ่ยอ้างเช่นนี้ จะบอกว่าองค์หญิงไม่แยกแยะถูกผิดอย่างนั้นหรือ?”“กระหม่อมมมิบังอาจ!” หลินเย่ว์รีบคำนับ “หากแต่ยวนเอ๋อร์เกิดอุบัติเหตุล้มใส่จริงพะยะค่ะ เรื่องนี้ทุกคนล้วนเป็นพยานได้”เมื่อได้ยินดังนั้น องค์หญิงซูหย
เซียวชิงหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองความขมขื่นบนหน้าเฉียวเนี่ยน หัวใจพลันเกิดความรู้สึกไม่สบายแต่เมื่อนึกได้ว่าทุกอย่างที่หลินยวนประสบในวันนี้ล้วนเป็นฝีมือเฉียวเนี่ยนแล้ว นางก็อดเอ่ยเสียงเข้มขึ้นอีกครั้งเสียไม่ได้ “แม้เจ้ากับข้าจะทะเลาะกันมาแต่เด็ก ขวางหูขวางตากันมาตลอด แต่ข้ารู้ว่านิสัยแท้จริงเจ้ามิใช่คนเลวร้าย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องตอนนั้น หลินยวนมิได้ทำผิด เจ้าทำร้ายนางเช่นนี้ ระวังท้ายสุดจะย้อนมาทำร้ายตัวเจ้าเองล่ะ”พูดประโยคนี้จบ เซียวชิงหน่วนก็เดินไปด้านข้าง พูดคุยกับเหล่าคุณหนูที่คุ้นเคยหากแต่ สายตาของนางยังคงมองไปยังเฉียวเนี่ยนอยู่เสมอนางเห็นเฉียวเนี่ยนเดินไปยังมุมลับสายตาด้วยสีหน้าเหงาซึม เชยชมดอกไม้ที่ไม่สวยงามนักดอกหนึ่ง ทว่าสายตากลับหม่นหมองไร้แสงงานเลี้ยงบุปผาวสันตฤดูปีนี้ เป็นเพราะองค์หญิงไม่พึงใจทั้งยังจากไป งานจึงเลิกราเร็วยิ่งยามเซียวชิงหน่วนกลับถึงจวนเซียว ฟ้าก็มืดไม่เห็นแสงแล้วเซียวเหิงกลับมาถึงจวนนานแล้ว ตอนเซียวชิงหน่วนตามเขาเจอ เขาก็ฝึกดาบในลานเรือนของตนแล้วด้วยเหตุนี้ เซียวชิงหน่วนจึงยืนมองอยู่ข้างๆ มิได้เข้าไปรบกวน คอยกระทั่งเซียวเหิงเก็บพลังแล้ว นางถึงรับ
เมื่อได้ยิน เซียวชิงหน่วนยกมือถูน้ำตาที่เกือบไหลเต็มที อดถามขึ้นอีกไม่ได้ “ตอนนั้นเฉียวเนี่ยนคิดใส่ร้ายหลินยวนจริงหรือ?”เซียวเหิงพยักหน้าตอนนั้นยามเขาเร่งไปถึง ถ้วยแก้วก็แตกไปแล้วเฉียวเนี่ยนกำลังคุกเข่าบนพื้น ชี้นิ้วใส่หลินยวนพูดทั้งน้ำตาว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตกทว่าตอนนั้น สายตาเหง้าตระกูลหลินอยู่ตรงนั้นมากมาย ไหนเลยจะปล่อยให้นางถูกใส่ความได้!เพราะนางคิดทำร้ายผู้อื่นก่อน ได้รับโทษไปก็สมควรแล้วแต่เขาไม่คาดคิดว่า สามปีจะเนิ่นนานขนาดนี้......เซียวชิงหน่วนสูดจมูก “วันนี้นางก็เป็นคนทำร้ายหลินยวนก่อน” พูดไปเซียวชิงหน่วนก็อดกล่าวโทษเซียวเหิงไปทีเสียไม่ได้ “แต่ พี่ใหญ่ก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ท่านเอาชุดมอบให้นางไป? อย่าลืมสิ ว่าตอนนี้ท่านเป็นคู่หมั้นของหลินยวน!”เซียวเหิงไม่เคยโดนเซียวชิงหน่วนสั่งสอนมาก่อน เลิกคิ้วทันควัน มองเซียวเหิงด้วยสายตาคุกคามทรงอำนาจ “ต้องให้เจ้าเตือนด้วยหรือ?”เซียวชิงหน่วนเผลลอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่ปากยังเอ่ยต่อ “ข้ากลัวท่านสับสน ในเมื่อรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนแบบนั้น เช่นนั้นก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับนางมาก ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำร้ายใครอี
เมื่อได้ยินดังว่า เฉียวเนี่ยนกลับแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ถ้านี่ถือเป็นความผิด เช่นนั้นสามปีก่อน พวกท่านแต่ละคนก็ทำผิดหมดมิใช่หรือ?”ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทุกคนในห้องโถงพลันชะงักค้างทันใดราวกับฮูหยินหลินโดนกระตุ้นบางอย่างเข้า ยืนขึ้นซวนเซ ถอยหลังไปสองก้าว “เจ้า เจ้า......”เฉียวเนี่ยนปราดตามองนาง เงียบงันไร้เสียงทว่าฮูหยินหลินปาดน้ำตาออก “ข้ารู้อยู่แล้ว เจ้ายังโทษพวกเราอยู่! แต่ว่านะเนี่ยนเนี่ยน นี่มันไม่เหมือนกัน! เรื่องนั้นกระทันหันมาก มันเป็นอุบัติเหตุ! ทว่าวันนี้ เจ้าจงใจวางแผนทำร้ายยวนเอ๋อร์! สองเรื่องนี้ จะมาพูดปนกันได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนหัวเราะเสียงต่ำ “จงใจ วางแผนทำร้าย......สองคำนี้ ใช้ได้ดีนี่!”"แล้วไม่ใช่หรือไร?" หลินเย่ว์เข้ามาถาม “เจ้ากล้าพูดไหม ว่าเจ้าไม่ได้ทำตามคำสั่งองค์หญิง จงใจยุยงให้ยวนเอ๋อร์เข้าวัง?”“ข้าทำตามคำสั่งองค์หญิง ให้พานางเข้าวังจริง” เฉียวเนี่ยนตอบรับอย่างสง่า เสียงดังก้อง ไร้ซึ่งท่าทีหวาดผวาสายตานางมองตรง ไม่มองใครในห้องโถงสักคน เพียงบอกสาธยายความจริงด้วยความสงบนิ่งเท่านั้น “แต่ ชุดที่หลินยวนสวมนั้น เซียวเหิงเอามาให้ข้าจริงๆ”ได้ยินดัง
ร่างหลังค่อมซ่อนอยู่ใต้ชุดคลุมตัวโคร่ง เห็นชัดว่าอ่อนแอยิ่งทว่า นางลากร่างผอมชรานี้ สาวเท้าทีละก้าวไปหาเฉียวเนี่ยน ตบหลังเฉียวเนี่ยนอย่างสนิทสนม ก่อนเอ่ยเสียงเบา “วางใจได้ มีย่าอยู่ ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่เส้นผมแน่”ครึ่งประโยคสุดท้าย ฮูหยินเฒ่าพูดใส่ท่านโหวหลินเห็นชัดว่ากำลังเตือนท่านโหวหลินแต่ความจริงแล้ว เฉียวเนี่ยนไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยโทษตระกูลของจวนโหวจะเทียบเท่าแส้ไม้เรียวของกรมซักล้างได้อย่างไร? จะเทียบเท่าคุกมืดของหมิงอ๋องได้อย่างไร?วันนี้ ต่อให้วันนี้ท่านโหวหลินสั่งคนโบยนางจนแหลก ปล่อยนางหายใจรวยรินไป นางก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้ถ้ามีปัญญา ก็ตีนางให้ตายไปเลยละกัน!ทว่าแค่คำพูดเดียวของฮูหยินเฒ่า กลับทำให้ดวงตาเฉียวเนี่ยนเอ่อล้นด้วยน้ำตา“ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ไฉนถึงออกมาเล่าเจ้าคะ?” เฉียวเนี่ยนพยายามกดเสียงต่ำ กลัวว่าเสียงตนจะเผยอารมณ์ความรู้สึกของตนไปทว่าต่อให้เสียงนางเบาเพียงใด หลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆก็ยังได้ยินหัวใจเขา หดบีบฉับพลันรู้สึกแค่ว่าในเสียงแผ่วเบาของเฉียวเนี่ยนนั้น แฝงเร้นไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจมหาศาลแต่น้อยเนื้อต่ำใจเรื่องอันใดกัน?เรื่อ
สิ้นเสียงของเฉียวเนี่ยน ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบนอกจากเสียงสะอึกสะอื้นของหลินยวนที่ดังมาเป็นระยะแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีฮูหยินเฒ่าจ้องมองศีรษะของเฉียวเนี่ยนอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลานที่น่าสงสารของข้า... แต่เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ว่าองค์หญิงต้องการทําร้ายยวนเอ๋อร์และยังยุยงให้นางไปงานเลี้ยง นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่?”ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปาก ท่านโหวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก นางไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ ท่านอย่าโกรธนางเด็ดขาด”เขากังวลว่าฮูหยินเฒ่าจะโกรธเฉียวเนี่ยนจนป่วยแต่เฉียวเนี่ยนจะยอมปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าโกรธได้อย่างไรนางพยักหน้าทันที "ข้ายอมรับ"ได้ยินดังนั้น ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึงเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางหนูยังทําท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ทําไมตอนนี้...กลับได้ยินเสียงชราของฮูหยินเฒ่าค่อยๆ เอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ย่าก็จะลงโทษเจ้าให้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อสำนึกผิด เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”เมื่อได้ยิน'การลงโทษ'แบบนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ท
ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต
เซียวเหิงใช้เวลาไปแค่วันกว่าก็จัดการเรื่องในเหอโจวเจิ้นเสร็จ เพราะโจรภูเขาที่ถูกจับเป็นเมื่ออยู่ในมือเซียวเหิงทนได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็สารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาแล้วต่อหน้าหยูว่านอันที่เป็นนายอำเภอเหอโจวเจิ้น เขาก็แสดงฝีมือการทรมานบีบให้สารภาพอีกรอบ จนหยูว่านอันนั่นตกใจฉี่รดกางเกง ไม่กล้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวมันพัวพันกันอย่างกว้างขวางจริงๆแต่เรื่องสืบให้ละเอียด เซียวเหิงกลับมอบให้หลัวซ่างไปทำทั้งหมดหลัวซ่างไม่มีแขนซ้ายแล้ว ต่อไปมิอาจสู้รบได้อีก หากเรื่องนี้ทำสำเร็จเรียบร้อย วันหน้าอาจสามารถเป็นขุนนางตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในราชสำนักได้ต่อให้อยู่เป็นนายอำเภอที่เหอโจวนี้ ก็ยังดีกว่าหอบร่างกายที่พิการกลับบ้านไปปลูกนาส่วนเซียวเหิงแม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มสักอึกก็รีบตะบึงม้าออกไปใจของเขา หวาดหวั่นเป็นอย่างมากแผ่นหลังตอนเฉียวเนี่ยนจากไปยังคงปรากฏอยู่ในหัวเขาไม่หาย ทำให้ใจดวงนี้ของเขาหวาดหวั่นจนแม้แต่ชั่วครู่หนึ่งก็มิอาจรอได้เขาแทบจะตะบึงม้าตามไปอย่างไม่หยุดพัก ทว่าตอนเขาไล่ตามมาถึงกลับพบว่า คนที่เขาส่งมาปกป้องนางตายไปหมดแล้วนอกป่าเต็มไปด้วยซากศพ เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที บางคนในนั
พละกำลังมหาศาล ราวกับจะบิดหักแขนที่เปื้อนเลือดของนางอย่างไรอย่างนั้น!เฉียวเนี่ยนฝืนทนความเจ็บ ใช้กำลังทั้งหมดหมุนขยับมือของตัวเองดาบยาว เริ่มขยับอยู่ในกายโจรภูเขาโจรภูเขาเจ็บเหลือนแสน ร้องออกมาเสียงดัง "อ๊าก!"แรงใต้ฝ่ามือเขายิ่งรุ่นแรงขึ้นเฉียวเนี่ยนเองก็ร้องออกมาเพราะเจ็บเช่นกันทว่าเสียงร้องนั้น หาใช่เพียงเพราะเจ็บในที่สุด นางใช้กำลังทั้งหมด ทำให้ดาบยาวเล่มนั้นหมุนอยู่ในร่างกายโจรภูเขาไปหนึ่งรอบบางทีอาจเป็นเพราะลำไส้ถูกบิดขาด โจรภูเขาคนนั้นถึงได้กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก สุดท้ายไร้เรี่ยวแรง ล้มหงายหลังลงไปกับพื้นส่วนดาบยาวเล่มนั้น กลับยังอยู่ในมือเฉียวเนี่ยนแน่นนางเองก็ถูกเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้า มากจนทำให้นางแทบลืมตาขึ้นมาไม่ได้ทว่าข้างหู กลับมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีกหน"เจ้าห้า! เจ้าหก!"เป็นโจรภูเขาอีกแล้ว!ใจที่ตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยนเหมือนกับจะหยุดเต้นสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่บอกนางว่า ไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วทว่าเสียงร้องตะโกนเมื่อครู่เหมือนกับจะผลาญกำลังทั้งหมดของนางไปจนสิ้นแล้ว แขนก็ถูกจับจนเจ็บ แม้แต่ยกขึ้นมาเช็บคาบเลือดบนใบหน้าก็ยังทำไม่ได้เฉียวเนี่
เฉียวเนี่ยนมองโจรภูเขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเหล่าทหารคนนั้นด้วยคววามตกใจอย่างมาก จึงก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะสะดุดกิ่งไม้แห้ง ล้มลงไปกับพื้นเมื่อเห็นเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งยิ้มอย่างป่าเถื่อนมากขึ้นภายใต้ราตรีอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้คนรู้สึกเวียนหัว...เฉียวเนี่ยนเหมือนสะดุ้งตกใจก็ไม่ปาน น้ำเสียงคลอไปด้วยเสียงร่ำไห้ "ข้า ข้าไปกับเจ้า เจ้า จะไม่ฆ่าข้าใช่หรือไม่?"เห็นสตรีตรงหน้าหวาดกลัวเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งได้ใจ "แน่นอน ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง"เฉียวเนี่ยนรีบพยักหน้า "ข้าจะเชื่อฟัง แต่ว่า...เหมือนข้าจะข้อเท้าพลิก"ได้ยินเช่นนี้ โจรภูเขาจึงเหลือบมองข้อเท้าเฉียวเนี่ยนครู่หนึ่ง หวนนึกเมื่อครู่ที่นางสะดุดล้ม จึงไม่ได้สงสัยอะไรเขามองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง เห็นนางเปี่ยมไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ก็แค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ในมือไม่มีแม้แต่อาวุธ จะสร้างปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว?จึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเดินไปทางเฉียวเนี่ยน ก่อนยื่นมืออกไป หมายจะพยุงนางขึนมาเฉียวเนี่ยนเองก็ยื่นมือออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เช่นกัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ทันทีที่เฉียวเนี่ยนจ
เขาตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทหารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาดูฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยว่า "ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว งู แมลง หนูและมดเหล่านี้ก็จะออกมาหาอาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร"เมื่อได้ยินคํานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเก็บดาบกลับไปเฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสายตามองไปยังหัวงูนั้นภายใต้แสงจันทร์ หัวงูเล็กๆ นั้นหักอยู่ข้างถนนและยังคงดิ้นรนและบิดอยู่นางรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่า นี่เหมือนกําลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ในใจอดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ดีที่ว่าอีกสองวันต่อมา ทุกอย่างล้วนราบรื่นดีเหล่าทหารเคยชินกับการเดินทัพและเร่งเดินทาง ทุกวันจะนอนเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ตลอดทางก็ดูแลเฉียวเนี่ยนเป็นอย่างดีแต่ความไม่สบายใจในคืนนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเฉียวเนี่ยน เหมือนกับหัวงูที่ถูกตัดออก บางครั้งก็ดิ้นไปมาราวกับเป็นการยืนยันความไม่สบายใจของนาง ในคืนที่สอง ถนนก็ถูกขวางไว้แล้วเฉียวเนี่ยนมองก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่บนถนนข้างหน้า ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวได้ยินแต่คนข้างๆ ถามว่า"หินใหญ่ขนาดนี้ ทําไมถึงอยู่กลางถนนได้?"ทหารบางคนมองไปที่ยอดเขาที่ริมถนน"บางทีหินอาจลื
หนึ่งชั่วยามต่อมาเซียวเหิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แสงเทียนที่สลัวอยู่แล้วดวงนั้นเผาจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แสงไฟลุกโหมอย่างรุนแรงนอกประตูมีรายงานเสียงต่ำ"ท่านแม่ทัพ แม่นางเฉียวออกเดินทางแล้วขอรับ"นางรอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวเลยจริงๆ"เข้าใจแล้ว" เซียวเหิงตอบรับเสียงเรียบ แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของเขา กลับปรากฏความหนาวเหน็บออกมาในสมองเต็มไปด้วยท่าทางของนางที่ก้าวยาวๆ จากข้างกายเขาเมื่อครู่นี้ความเด็ดขาดนั้นไร้ความอาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อเขาเลย?เซียวเหิงคิ้วเข้ม ราวกับคิดไม่ออกทั้งๆ ที่นางชอบตามตื๊อเขามากที่สุด...สายตาของเขาตกลงบนนิ้วชี้ขวาของเขาโดยไม่ตั้งใจที่นั่นมีรอยแผลเป็นยาวคืบคลานอยู่ ถูกเผ่าทูเจี๋ยฟันด้วยดาบใหญ่เมื่อสองปีก่อนในสนามรบถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของเขา ฝ่ามือทั้งหมดของเขาคงถูกตัดออกในครั้งนั้น...เรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้พอเขาคิดมา กลับรู้สึกว่าผ่านไปนานแล้วแล้วนางเล่า?เรื่องที่นางชอบเขาและตามตื๊อเขาก็ผ่านมานานมากแล้วใช่ไหม?ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นที่หัวใจอย่างอธิบายไม
เฉียวเนี่ยนถึงยกกะละมังที่เต็มไปด้วยเลือดเดินออกมาจากห้องเก็บศพนางถือกะละมังเดินไปลานหลัง เทเลือดกะละมังนั้นลงในดินของแปลงดอกไม้ แล้วถึงหันหลังเดินไปข้างบ่อน้ำที่อยู่ไม่ไกล หยิบถังน้ำขึ้นมาล้างกะละมังตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่เคยมองย้อนกลับไปเพราะนางรู้ว่าเซียวเหิงเดินตามหลังนางเซียวเหิงเองก็รู้ว่าเฉียวเนี่ยนต้องสังเกตเห็นเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ทําแม้แต่เอียงคอหลบหน้าเขาไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนรออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆรอให้นางล้างกะละมังให้สะอาด แล้วล้างผ้าเช็ดหน้าในมือให้สะอาด จากนั้นหันหลังเดินกลับไปเขาคิดอยู่ รอให้นางหันหลังกลับไป คงไม่สามารถทําเป็นมองไม่เห็นเขาได้แล้วมั้ง?แต่ไม่คิดเลยว่านางจงใจมองข้ามเขาจริงๆต่อให้สายตาจะกวาดผ่านเขาไป นางก็ไม่ได้หยุดมองเลยราวกับว่าเขาเป็นแค่อากาศในที่สุด เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินผ่านเขาไป เขาก็ทนไม่ไหวและเอื้อมมือไปจับข้อมือของนาง"ปล่อย"สิ่งที่แลกมาคือน้ำเสียงเย็นชาของนางเซียวเหิงขมวดคิ้ว มองใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ "เจ้าโทษข้าเหรอ?"โทษที่เขาไม่ได้ช่วยจิ่งเหยียนกลับมา?แต่นางรู้ดีว่าเขาทํา
ในห้องเก็บศพของที่ว่าการอำเภอ มีศพสิบกว่าศพวางเรียงรายอยู่ตอนที่เซียวเหิงมา เฉียวเนี่ยนกําลังเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้จิ่งเหยียนคนที่มารายงานบอกว่านางกําลังสร้างปัญหาแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สร้างปัญหาเลย แต่นางยังเงียบมากอีกต่างหากนางเพียงยกอ่างน้ำมาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกมาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของจิ่งเหยียนทีละนิดไม่นาน ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็ถูกเช็ดจนสะอาดเฉียวเนี่ยนจึงล้างผ้าเช็ดหน้าให้สะอาดและเช็ดมือให้จิ่งเหยียน"ข้าไม่สามารถให้พ่อแม่ของเขาเห็นเขาในสภาพนี้ได้"นางพูดด้วยเสียงเบาๆแต่เซียวเหิงรู้ว่านางกําลังพูดให้เขาฟังทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "นี่ไม่ใช่การกระทําที่ฉลาด"รู้เพียงว่าต้องสู้ตายในสนามรบ ไฉนคำนึงถึงนำศพกลับไปอีก?เมื่อสวมชุดเกราะนั้น พวกเขาก็ย่อมคาดว่ามีวันนี้อยู่แล้วจิ่งเหยียนต้องสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาไม่สามารถพาเขากลับไปได้ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศก็อบอุ่นแล้วพวกเขาห้อตะบึงมาตลอดทาง ล้วนใช้เวลาถึงห้าวันเต็ม นางส่งเขากลับไปเช่นนี้ ต่อให้ไม่หลับไม่นอน เกรงว่าต้องใช้เว
"จิ่งเหยียน..."นางเรียกด้วยเสียงเบาๆ นุ่มๆ ราวกับกลัวว่าจะทําให้เขาตื่นแต่เห็นได้ชัดว่านางต้องการปลุกเขา!ดังนั้นเสียงของนางจึงดังขึ้นอีก"จิ่งเหยียน เป็นข้าเอง ข้ามาหาเจ้าแล้ว"คนบนหลังม้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนางส่งเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย กระทั่งเริ่มเขย่าร่างกายของจิ่งเหยียน "จิ่งเหยียน เจ้าตื่นเถอะ อย่าทําให้ข้าตกใจเลย!"แต่จิ่งเหยียนจะไม่ตื่นแล้วไม่มีวันตื่นแล้ว...เมื่อเห็นจิ่งเหยียนกําลังจะถูกเขย่าลงจากหลังม้าในช่วงเวลาที่สําคัญ มีเงาคนปรากฏขึ้นข้างหลังเฉียวเนี่ยน ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา"เขาตายแล้ว!"เฉียวเนี่ยนไม่เชื่อ ดิ้นรน นางจะไปเรียกจิ่งเหยียนให้ลุกขึ้น!แต่คนข้างหลังกลับลากนางไปข้างหลังตลอด "เขาตายแล้ว! จิ่งเหยียนตายแล้ว!"ตายแล้ว...ร่างกายของเฉียวเนี่ยนพลันแข็งทื่อ นางเห็นร่างของจิ่งเหยียนเกือบจะตกจากหลังม้า ทหารที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคองเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างที่หมอบอยู่บนหลังม้าไม่ได้แสดงความมีชีวิตชีวาออกมาแม้แต่น้อยตายแล้วเหรอ?เหมือนท่านย่าของนาง ไม่ต้องการนางแล้วเหรอ?น้ำตาไหลไม่หยุด เฉียวเนี่ยนจ้องมองดวงตาที่ปิดสนิทของจิ่งเหยียนอย่างเ