เซียวชิงหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองความขมขื่นบนหน้าเฉียวเนี่ยน หัวใจพลันเกิดความรู้สึกไม่สบายแต่เมื่อนึกได้ว่าทุกอย่างที่หลินยวนประสบในวันนี้ล้วนเป็นฝีมือเฉียวเนี่ยนแล้ว นางก็อดเอ่ยเสียงเข้มขึ้นอีกครั้งเสียไม่ได้ “แม้เจ้ากับข้าจะทะเลาะกันมาแต่เด็ก ขวางหูขวางตากันมาตลอด แต่ข้ารู้ว่านิสัยแท้จริงเจ้ามิใช่คนเลวร้าย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องตอนนั้น หลินยวนมิได้ทำผิด เจ้าทำร้ายนางเช่นนี้ ระวังท้ายสุดจะย้อนมาทำร้ายตัวเจ้าเองล่ะ”พูดประโยคนี้จบ เซียวชิงหน่วนก็เดินไปด้านข้าง พูดคุยกับเหล่าคุณหนูที่คุ้นเคยหากแต่ สายตาของนางยังคงมองไปยังเฉียวเนี่ยนอยู่เสมอนางเห็นเฉียวเนี่ยนเดินไปยังมุมลับสายตาด้วยสีหน้าเหงาซึม เชยชมดอกไม้ที่ไม่สวยงามนักดอกหนึ่ง ทว่าสายตากลับหม่นหมองไร้แสงงานเลี้ยงบุปผาวสันตฤดูปีนี้ เป็นเพราะองค์หญิงไม่พึงใจทั้งยังจากไป งานจึงเลิกราเร็วยิ่งยามเซียวชิงหน่วนกลับถึงจวนเซียว ฟ้าก็มืดไม่เห็นแสงแล้วเซียวเหิงกลับมาถึงจวนนานแล้ว ตอนเซียวชิงหน่วนตามเขาเจอ เขาก็ฝึกดาบในลานเรือนของตนแล้วด้วยเหตุนี้ เซียวชิงหน่วนจึงยืนมองอยู่ข้างๆ มิได้เข้าไปรบกวน คอยกระทั่งเซียวเหิงเก็บพลังแล้ว นางถึงรับ
เมื่อได้ยิน เซียวชิงหน่วนยกมือถูน้ำตาที่เกือบไหลเต็มที อดถามขึ้นอีกไม่ได้ “ตอนนั้นเฉียวเนี่ยนคิดใส่ร้ายหลินยวนจริงหรือ?”เซียวเหิงพยักหน้าตอนนั้นยามเขาเร่งไปถึง ถ้วยแก้วก็แตกไปแล้วเฉียวเนี่ยนกำลังคุกเข่าบนพื้น ชี้นิ้วใส่หลินยวนพูดทั้งน้ำตาว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตกทว่าตอนนั้น สายตาเหง้าตระกูลหลินอยู่ตรงนั้นมากมาย ไหนเลยจะปล่อยให้นางถูกใส่ความได้!เพราะนางคิดทำร้ายผู้อื่นก่อน ได้รับโทษไปก็สมควรแล้วแต่เขาไม่คาดคิดว่า สามปีจะเนิ่นนานขนาดนี้......เซียวชิงหน่วนสูดจมูก “วันนี้นางก็เป็นคนทำร้ายหลินยวนก่อน” พูดไปเซียวชิงหน่วนก็อดกล่าวโทษเซียวเหิงไปทีเสียไม่ได้ “แต่ พี่ใหญ่ก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ท่านเอาชุดมอบให้นางไป? อย่าลืมสิ ว่าตอนนี้ท่านเป็นคู่หมั้นของหลินยวน!”เซียวเหิงไม่เคยโดนเซียวชิงหน่วนสั่งสอนมาก่อน เลิกคิ้วทันควัน มองเซียวเหิงด้วยสายตาคุกคามทรงอำนาจ “ต้องให้เจ้าเตือนด้วยหรือ?”เซียวชิงหน่วนเผลลอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่ปากยังเอ่ยต่อ “ข้ากลัวท่านสับสน ในเมื่อรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนแบบนั้น เช่นนั้นก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับนางมาก ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำร้ายใครอี
เมื่อได้ยินดังว่า เฉียวเนี่ยนกลับแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ถ้านี่ถือเป็นความผิด เช่นนั้นสามปีก่อน พวกท่านแต่ละคนก็ทำผิดหมดมิใช่หรือ?”ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทุกคนในห้องโถงพลันชะงักค้างทันใดราวกับฮูหยินหลินโดนกระตุ้นบางอย่างเข้า ยืนขึ้นซวนเซ ถอยหลังไปสองก้าว “เจ้า เจ้า......”เฉียวเนี่ยนปราดตามองนาง เงียบงันไร้เสียงทว่าฮูหยินหลินปาดน้ำตาออก “ข้ารู้อยู่แล้ว เจ้ายังโทษพวกเราอยู่! แต่ว่านะเนี่ยนเนี่ยน นี่มันไม่เหมือนกัน! เรื่องนั้นกระทันหันมาก มันเป็นอุบัติเหตุ! ทว่าวันนี้ เจ้าจงใจวางแผนทำร้ายยวนเอ๋อร์! สองเรื่องนี้ จะมาพูดปนกันได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนหัวเราะเสียงต่ำ “จงใจ วางแผนทำร้าย......สองคำนี้ ใช้ได้ดีนี่!”"แล้วไม่ใช่หรือไร?" หลินเย่ว์เข้ามาถาม “เจ้ากล้าพูดไหม ว่าเจ้าไม่ได้ทำตามคำสั่งองค์หญิง จงใจยุยงให้ยวนเอ๋อร์เข้าวัง?”“ข้าทำตามคำสั่งองค์หญิง ให้พานางเข้าวังจริง” เฉียวเนี่ยนตอบรับอย่างสง่า เสียงดังก้อง ไร้ซึ่งท่าทีหวาดผวาสายตานางมองตรง ไม่มองใครในห้องโถงสักคน เพียงบอกสาธยายความจริงด้วยความสงบนิ่งเท่านั้น “แต่ ชุดที่หลินยวนสวมนั้น เซียวเหิงเอามาให้ข้าจริงๆ”ได้ยินดัง
ร่างหลังค่อมซ่อนอยู่ใต้ชุดคลุมตัวโคร่ง เห็นชัดว่าอ่อนแอยิ่งทว่า นางลากร่างผอมชรานี้ สาวเท้าทีละก้าวไปหาเฉียวเนี่ยน ตบหลังเฉียวเนี่ยนอย่างสนิทสนม ก่อนเอ่ยเสียงเบา “วางใจได้ มีย่าอยู่ ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่เส้นผมแน่”ครึ่งประโยคสุดท้าย ฮูหยินเฒ่าพูดใส่ท่านโหวหลินเห็นชัดว่ากำลังเตือนท่านโหวหลินแต่ความจริงแล้ว เฉียวเนี่ยนไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยโทษตระกูลของจวนโหวจะเทียบเท่าแส้ไม้เรียวของกรมซักล้างได้อย่างไร? จะเทียบเท่าคุกมืดของหมิงอ๋องได้อย่างไร?วันนี้ ต่อให้วันนี้ท่านโหวหลินสั่งคนโบยนางจนแหลก ปล่อยนางหายใจรวยรินไป นางก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้ถ้ามีปัญญา ก็ตีนางให้ตายไปเลยละกัน!ทว่าแค่คำพูดเดียวของฮูหยินเฒ่า กลับทำให้ดวงตาเฉียวเนี่ยนเอ่อล้นด้วยน้ำตา“ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ไฉนถึงออกมาเล่าเจ้าคะ?” เฉียวเนี่ยนพยายามกดเสียงต่ำ กลัวว่าเสียงตนจะเผยอารมณ์ความรู้สึกของตนไปทว่าต่อให้เสียงนางเบาเพียงใด หลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆก็ยังได้ยินหัวใจเขา หดบีบฉับพลันรู้สึกแค่ว่าในเสียงแผ่วเบาของเฉียวเนี่ยนนั้น แฝงเร้นไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจมหาศาลแต่น้อยเนื้อต่ำใจเรื่องอันใดกัน?เรื่อ
สิ้นเสียงของเฉียวเนี่ยน ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบนอกจากเสียงสะอึกสะอื้นของหลินยวนที่ดังมาเป็นระยะแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีฮูหยินเฒ่าจ้องมองศีรษะของเฉียวเนี่ยนอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลานที่น่าสงสารของข้า... แต่เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ว่าองค์หญิงต้องการทําร้ายยวนเอ๋อร์และยังยุยงให้นางไปงานเลี้ยง นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่?”ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปาก ท่านโหวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก นางไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ ท่านอย่าโกรธนางเด็ดขาด”เขากังวลว่าฮูหยินเฒ่าจะโกรธเฉียวเนี่ยนจนป่วยแต่เฉียวเนี่ยนจะยอมปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าโกรธได้อย่างไรนางพยักหน้าทันที "ข้ายอมรับ"ได้ยินดังนั้น ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึงเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางหนูยังทําท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ทําไมตอนนี้...กลับได้ยินเสียงชราของฮูหยินเฒ่าค่อยๆ เอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ย่าก็จะลงโทษเจ้าให้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อสำนึกผิด เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”เมื่อได้ยิน'การลงโทษ'แบบนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ท
ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนได้ฝันในความฝัน นางย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนที่หลินยวนทําถ้วยแก้วแตกเมื่อเผชิญหน้ากับการตําหนิขององค์หญิง เซียวเหิงและหลินเย่ว์ในความฝันก็เข้าไปขวางหน้าองค์หญิงพร้อมกันในขณะที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้ กลับพบว่าคนที่ถูกพวกเขาปกป้องอยู่ข้างหลังคือหลินยวน ไม่ใช่นางสุดท้าย นางที่อยู่ในความฝันก็ถูกพาไปที่กรมซักล้าง ถูกพวกนางบ่าวร่วมมือกันรังแก ถูกมามาเฆี่ยนตี...ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นบางๆ ปกคลุมอยู่ หัวใจเต้นรัวเร็วแน่นอนว่าสําหรับนาง กรมซักล้างนั้นเปรียบได้ดั่งนรกคงเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หนิงซวงจึงเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเฉียวเนี่ยนกําลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ "คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "เป็นแค่ฝันร้ายเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"นางคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลางวันทําให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงฝันแบบนั้นแต่ว่า แม้แต่ในความฝัน เซียวเหิงและหลินเย่ว์ก็ไม่ได้ปกป้องนางนางยิ้มอย่างขมขื่นและส
ทําสองครั้งแรก มันก็กินยากจริงๆ นั่นแหละดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเรียนซะเลย แต่ไม่คิดว่าไส้ใหญ่หมูแบบนี้นี้ดูเหมือนง่าย แต่การทํามให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคืนหลังจากเรียนเสร็จ เขาก็รีบไปซื้อไส้ใหญ่หมูกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทําชามนี้ออกมาได้เขาคิดว่าของแบบนี้เย็นแล้วไม่อร่อย จึงถือโอกาสเอาไปให้เฉียวเนี่ยนตอนร้อนแต่จนกระทั่งเขาเคาะหน้าต่างของเฉียวเนี่ยน เขาถึงได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหันฟ้าเพิ่งสว่าง เขาก็มาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วซ้ำยังปีนกําแพงเข้ามาเพื่อเอาไส้ใหญ่หมูไปให้เฉียวเนี่ยนแค่ไส้ใหญ่หมูจานเดียวเอง!คิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็แดงก่ำจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ เขาจากไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่เชิงใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก ตอนนี้เต็มไปด้วยความลําบากใจเฉียวเนี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่าจิ่งเหยียนจะมาส่งไส้ใหญ่หมูเห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วนางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งมาแล้วเมื่อเห็นใบหน้าดําคล้ําของจิ่งเหยียนเกือบจะแดงจนยืนไม่อยู่ เฉียวเนี่ยนก็อดยิ้มไม่
หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนอย่างเกรี้ยวกราด เหมือนจะกลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่ยอมกิน จึงเอ่ยต่อ "หากเจ้ากินน้ำถังนี้ให้หมด เขารับรองได้เลยวาจวนโหวจะไม่เล่นงานจิ่งเหยียนอีก!"เมื่อได้ยินหลินเย่ว์พูดดังนั้น ฮูหยินหลินหัวใจกระตุกไหว "เย่ว์เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้กับน้องสาว! นางไม่กินข้าวกินปลามาหลายวันแล้ว เหตุใดเจ้าถึงบังคับนางกินน้ำซักผ้าอีก?!"หลินเย่ว์เหลียวไปมองฮูหยินหลิน "ท่านแม่! ไม่ใช่เพราะข้าโหดเหี้นม แต่นางเจ้าเล่ห์นัก! คราวนี้นางบังคับยวนเอ๋อร์ให้อดข้าว ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำอะไรอีก? พวกท่านยังจะเชื่อนางอีกหรือ..."เมื่อสิ่นเสียง ทุกคนต่างผงะไปหลินเย่ว์ประหลาดใจก่อนจะพบว่าแม้แต่หลินยวนยังหยุดกิน ทุกคนต่างมองไปข้างหลังเขาอย่างหวาดกลัวเหมือนรู้สึกตัก หลินเย่ว์ก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมองภาพที่เห็นคือเฉียวเนี่ยนที่ไม่รู้ว่านั่งลงริมถังน้ำซักผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือของนางกวักน้ำซักผ้าจากถัง ตวงของที่อยู่ในถังน้ำเข้าปากนางกินไม่เร็วนัก ไม่เหมือนหลินยวนที่กลืนโดยไม่เคี้ยวนางกินอย่างสงบนิ่งสงบนิ่งเสียจนเหมือนกินอาหารปกติเพียงแต่นั่นคือน้ำล้างจานค้าง
ขอบตาดำคล้าของเฉียวเนี่ยนในยามนี้ ทำเอานางแทบใจสลายจากนั้นก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงไร้เรี่ยวแรง "ส่งคนไป ไปดูที่ศาลาว่าการ"หนิงซวงพยักหน้ารัว "เจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้!"ว่าจบหนิงซวงก็รีบส่งคนไปศาลาว่าการท่านโหวหลินเห็นแล้วก็ร้อนรน "เจ้าส่งคนไปดูถึงที่ ข้าคงไม่หลอกเจ้าหรอก เจ้ารีบบอกให้น้องสาวเจ้ากินอะไรเสียที!"ขณะพูดนั้นฮูหยินหลินก็เดินเข้ามา สาวใช้สองนางที่ตามติดยกโจ๊กรังนกมาคนละถ้วยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ฮูหยินหลินก็อดปวดใจไม่ได้ รีบเรียกสาวใช้เข้ามา "เร็วเข้า รีบป้อนโจ๊กให้คุณหนูทั้งสอง"ทันใดนั้นสาวใช้สองนางก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยนและหลินยวน ตักโจ๊กรังนกขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนถึงปากทั้งสองคนทว่าริมฝีปากของเฉียวเนี่ยนกลับปิดแน่น ไม่ยอมอ้าเปิดสองตามองไปทางหลินยวน แววตานั้นกำลังข่มขู่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉียวเนี่ยนที่มองมา หลินยวนพลันกระตุก ปากที่กำลังอ้าออกก็หุบลงในทันที ร่างทั้งกลับลงไปนอนแน่นิ่งอีกลงบนเก้าอี้อีกครั้งนางหลับตาลง สองไหล่สั่นไหว ดูเหมือนกำลังร้องสะอื้นแต่เพราะไม่กินข้าวกินน้ำมาห้าวัน นางไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้แล้วภา
คนที่เคยคว้าเดือนคว้าดาวเพื่อลูกสาวได้ ยามนี้กลับคิดจะเอาชีวิตนางหึ!เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะ หันหลังกลับไปถอนหญ้าตา แววตาที่หลุบลงนั้น เก็บซ่อนความโศกเศร้าที่อาจให้ใครรับรู้ได้"หากท่านโหวหลินสงสารคุณหนูหิน เช่นนั้นก็ควรปล่อยตัวคนบริสุทธิ์เสีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดคุณหนูหลินอดตายขึ้นมา ข้าคงโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ!" พูดถึงเพียงเท่านั้น เฉียวเนี่ยนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้บสงอย่าง เงยหน้าขึ่นมองท่านโหวหลินความรู้สึกในแววตาถูกเก็บซ่อนจนมิด ยามนี้เหลือเพียงความสะใจ "คุณหนูหลินเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านโหวหลินจะเจ้าคะ ท่านโหวหลินคงทำใจยอมให้นางตายไปไม่ได้หรอกใชไหมเจ้าคะ?"ท่านโหวหลินโมโหจนหัวแทบจะกระตุกลอยขึ้นฟ้า มองท่าทางลำพองใจของเฉียวเนี่ยน ไฟโกรธในใจเขาโหมกระพือ "ดี! ดียิ่งนัก! เจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้บีบบังคับข้าได้จริงหรือ? เจ้าดูถูกพ่อเจ้าเกินไป! ครั้งพ่อเจ้าลงสนามรบสู้ศัครู เจ้ายังไม่เป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ!"ท่านโหวหลินอยากจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขานั้นอารมณ์ร้ายปานใด ทั้งยังไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้าด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนกลับเอ่ยเสียงเรียบเพียงว่า "พ่อข้าแซ่เฉียว ได้
เฉียวเนี่ยนยืนอยู่หลังประตูเรือน ทอดสายตามองสระบัวยามค่ำคืนตรงหน้าสระน้ำสะท้อนแสงโคมไฟริมฝั่ง แสงไรรำไร ราวกับจะดับลงได้ทุกเมื่อ แม้แต่สะพานหินเหนือสระบัวยังสะท้อนภาพพร่ามัวเฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก ก่อนจะเดินไปทางสะพานหิน เสียงลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหู สะบัดปอยผมข้างกกหูปลิวสไว แต่ผิวน้ำในสระกลับไม่แม้แต่จะกระเพื่อมไหวทันใดนั้นเองเฉียวเนี่ยนก็พลันรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะแสงจากโคมไฟ หรือสายลมยามราตรี ไม่ว่านางจะถูกทรมานเพียงใด ก็ไม่อาจเป็นที่รักของครอบครัวอยากที่เคยเป็นได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ก้มหน้ายิ้ม ทว่าขมขื่นเหลือเกินวินาทีนั้นนางกลับรู้สึกว่าโชคดีที่มีหลินยวนหากหลินยวนอดอาหารจริงๆ ท่านโหวหลินต้องทำใจไม่ได้แน่นอน!นางเดิมพันได้เลย!ไม่ถึงสองวัน ท่านโหวหลินมาถึงเรือนฟางเหอด้วยความเดือดดาลในตอนนั้นเฉียวเนี่ยนกำลังถอนหญ้าอยู่ในเรือนต้นฤดูใบไม่ผลิ ต้นหญ้าในกระถางดอกไม้โตไวนัก หากไม่ถอน ปล่อยทิ้งไว้ไม่กี่วันเกรงว่าจะสูงกว่าดอกไม่แล้วเมื่อเห็นท่านโหวหลินพรวดพราวเข้ามาใน เฉียวเนี่ยนจึงลุกขึ้น ยื่นสองฝ่ามือเปื้อนดินให้ท่านโหวหลินก่อนจะเอ่ย "ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านโหวจะมา
เมื่อท่านโหวหลินรู้ก็เดือดดาลอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนกลับไปถึงเรือนฟางเหอ ทหารองครักษ์ในจวนก็ล้อมเรือนฟางเหอไว้แล้วหัวหน้าทหารองครักษ์คำนับให้กับเฉียวเนี่ยนที่เพิ่งกลับมาถึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ท่านโหวมีรับสั่ง ให้กักบริเวณคุณหนูใหญ่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามออกไปข้างนอกเรือนฟางเหอเด็ดขาด"เฉียวเนี่ยนคาดการณ์ไว้อยู่แล้วจึงไม่ตกใจแต่อย่างใด ขานรับเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปเพียงเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าทหารองครักษ์จะขวางเฉียวเนี่ยนเอาไว้แล้วพูดต่อ "ท่านโหวยังรับสั่งอีกว่า ในเมื่อคุณหนูใหญชอบวิธีการอดอาหาร เช่นนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ห้ามดื่ม ห้ามกินอาหาร จนกว่าคุณหนูใหญ่จะสำนึกผิดขอรับ"เฉียวเนี่ยนทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งเรียบดังเดิม "ข้ารู้แล้ว ที่นี้เข้าไปได้หรือยัง?"เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนสงบนิ่ง หัวหน้าทหารองครักษ์ก็อดสงสัยไม่ได้ คิดว่าเฉียวเนี่ยนต้องแอบเล่นตุกติกกับการถูกกักบริเวณครั้งนี้ จึงเอ่ยกระซิบเตือน "ท่านโหวส่งข้ามาเฝ้าเวรยามเรือนฟางเหอโดยเฉพาะ ระหว่างนี้ห้ามผู้ใดเข้าออกเรือนฟางเหอทั้งสิ้น หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ฆ่าได้เลย"นั่นหมายคว
ฆาตกรฆ่าคนที่แท้จริงนั้นหมายถึงหลินเย่ว์หลินเย่ว์เข้าใจความหมาย กำหมัดแน่นในทันใด "หากเจ้าอยากให้พ่อของจิ่งเหยียนรอดปลอดภัย ง่ายนิดเดียว เจ้าจงเลิกรากับจิ่งเหยียนเสีย!""ข้าไม่มีทางเลิกกับเขา" เฉียวเนี่ยนตอบเสียงเย็น สายตาหยุดอยู่บนร่างของหลินยวน "คุณหนูหลินจะไถ่โทษให้จวนโหว เมื่อถึงตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านโหวแล้วว่าเห็นสิ่งใดสำคัญ การแต่งงานของข้า หรือว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา!"หลินยวนเห็นคำขู่ในแววตาของเฉียวเนี่ยน จึงขานรับในทัน รีบรั้งแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ "พี่ใหญ่ ในเมื่อพ่อของรองแม่ทัพจิ่งบริสุทธิ์ ก็ไม่ควรใส่ร้ายเขานะเจ้าคะ! ขอพี่ใหญ่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเถิด! หากคนพอไม่ยอมปล่อยตัวคน ข้าก็จะไม่ยอมกินข้าวเช่นกัน"เมื่อได้ยินหลินยวนพูดดังนั้น หลินเย่ว์ก็เดือดลุกเป็นไฟ "นี่เจ้าถูกแม่นั่นล้างสมองไปแล้วหรือ?"แต่เมื่อเห็นท่าที่หวาดระแวงของหลินยวน หลินเย่ว์ก็เข้าใจในทั้นที "นางข่มขู่อะไรเจ้า? เจ้าถึงได้กลัวปานนั้น"หลินยวนหลุบตาลง น้ำตาไหลริน "หากพี่ใหญ่สงสารยวนเอ๋อร์ ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ปล่อยตัวคนเถิดได้หรือไม่เจ้าคะ?""เจ้า!" หลินเย่ว์เดือดพล่าน แต่พอเห็นหลิน
หลินยวนคว้าแขนเสื้อของหลินเย่ว์เอาไว้ตามสัญชาตญาณ นางกำแน่นจนร่างทั้งแอบอยู่ข้างหลังหลินเย่ว์ท่าทางยิ่งทำให้หลินเย่ว์ปวดใจนัก เขาเอ่ยเสียงเข้ม "ยวนเอ๋อร์ เจ้าพูดออกมา พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่นอน!"ยามเอ่ยประโยคหลัง หลินเย่ว์จ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเคียดแค้น ราวกับว่านางชั่วช้าสามานย์เหลือเกินแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงสั่นเครือจะดังมาจากด้านหลัง "พี่ใหญ่ ท่านพี่มาคุยกับยวนเอ๋อร์จริงๆ ไม่ได้มาหาเรื่องยวนเอ๋อร์เลย"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็เหลียวขวับไปมองหลินยวน แล้วชี้ไปที่เศษอาหารกระจัดกระจายบนพื้น "นางล้มโต๊ะเจ้าปานนี้ เจ้ายังปกป้องนางอีกหรือ?"หลินยวนขมวดคิ้วก้มหน้า "ท่านพี่หวังดีกับข้า ข้าไร้สำนัก คร่าชีวิตคนไปมากมาย ศพพวกเขายังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ จะให้ข้ามีความสุขได้อย่างไร"เมื่อเอ่ยถึงตรงนั้นหลินยวนก็เหลือบมองเฉียวเนี่ยน ก่อนจะพูดต่อ "พี่ใหญ่ ยวนเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว เพื่อชดใช้ความผิดนี้ จากนี้ไปหลินยวนจะอดข้าว อดน้ำ จนกว่าข้าจะชดใช้ความผิดนี้จนหมด"หลินเย่ว์ตาเบิกโพลง ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง "เจ้าจะอดอาหารหรือ?"หลินยวนมองเฉียวเนี่ยนอย่างหวาดกลัว ก่อนจะพยัก
เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดดังนั้น หลินยวนก็เหมือนเห็นภาพจุดจบของตัวเองถูกทุกคนตราหน้า ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้งเมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่พี่ใหญ่ก็จะเกลียดนางตระกูลเซียวเองก็คงรู้สึกว่าคนเสื่อมเสียเช่นนาง คนที่ชื่อเสียงป่นปี้ จะคู่ควรเป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซียวได้อย่างไร!ท่านพี่เหิงก็คงไม่แต่งงานกับนางแล้ว...เมื่อเห็นแววตาหลินยวนหลุกหลิกไปมา สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ยิ่งเย็นยะเยือก "คุณหนูหลินไม่ได้กลัวว่าจะถูกจวนโหวทอดทิ้ง ถูกเซียวเหิงทอดทิ้งหรอกหรือ? หากไม่เชื่อฟังข้า ข้ารับรองได้เลยว่า จุดจบของเจ้าต้องอเนจอนาถกว่าข้าแน่นอน""ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่!" หลินยวนถลาเข้ามากอดขาของเฉียวเนี่ยน แววตานั้นมีแต่ความหวาดกลัว "ขอแค่ท่านพี่เมตตา ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง ท่านพี่วางใจเถิด ข้าจะไม่กินน้ำแม้แต่คำเดียว ข้าวเม็ดเดียวก็จะไม่กิน! ท่านพี่จะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำทั้งนั้น!"พูดถึงเพียงเท่านั้น ความหวาดกลัวก็ล้นทะลักไปทั้งใจ จนร้องไห้คร่ำครวญอย่างหยุดไม่อยู่ "ขอแค่ท่านพี่เมตตาข้า! ท่านพี่ ขอแค่ท่านเมตตาข้า ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ทุกอย่าง!"เฉียวเนี่ยนมองหลินยวนจากมุมสูง ความเกลียดชังในแววตายังไม่จาง
หลินยวนตื่นตกใจนางตาเบิกโพลงจ้องมองเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ "ท่านพี่ ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรอิจฉาท่าน ว่าจ้างขอทานพวกนั้น ทั้งยังทำให้พวกเขาต้องตาย แต่ข้าขอให้พวกเขาพาข้าออกไป แสร้งทำท่าทำทางเท่านั้นจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดมิดีมิร้าย ข้าผิดไปแล้ว ท่านพี่..."นางว่าพลางคุกเข่าลง น้ำหูน้ำตาไหลน่าสงสารเหลือเกินเฉียวเนี่ยนเพียงแค่เหลือบตามองเหล่าสาวใช้ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น "ออกไปให้หมด"เหล่าสาวใช้เป็นห่วงหลินยวน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกนางกลับกลัวเฉียวเนี่ยนยิ่งกว่าหลังจากมองหลินยวนอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้เหล่านั้นก็ออกไปจนหมดประตูห้องปิดลง เฉียวเนี่ยนถึงได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินยวนช้าๆหลินยวนร้องไห้ฟูมฟายสะอื้นหนัก เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเข้ามาใกล้ ก็ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะบีบแก้มสองข้างของนางด้วยฝ่ามือเดียว บังคับให้นางเงยหน้ามองตนตาสองคู่สอดประสาน แววตาหลินยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนแววตาของเฉียวเนี่ยนนั้นกลับแสนโหดเหี้ยม"ก่อนหน้านี้คุณหนูหลินร่วมมือกับท่านโหวน้อยวางยาข้า เคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้?"เมื่อได้ยินหล