ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนได้ฝันในความฝัน นางย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนที่หลินยวนทําถ้วยแก้วแตกเมื่อเผชิญหน้ากับการตําหนิขององค์หญิง เซียวเหิงและหลินเย่ว์ในความฝันก็เข้าไปขวางหน้าองค์หญิงพร้อมกันในขณะที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้ กลับพบว่าคนที่ถูกพวกเขาปกป้องอยู่ข้างหลังคือหลินยวน ไม่ใช่นางสุดท้าย นางที่อยู่ในความฝันก็ถูกพาไปที่กรมซักล้าง ถูกพวกนางบ่าวร่วมมือกันรังแก ถูกมามาเฆี่ยนตี...ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นบางๆ ปกคลุมอยู่ หัวใจเต้นรัวเร็วแน่นอนว่าสําหรับนาง กรมซักล้างนั้นเปรียบได้ดั่งนรกคงเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หนิงซวงจึงเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเฉียวเนี่ยนกําลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ "คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "เป็นแค่ฝันร้ายเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"นางคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลางวันทําให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงฝันแบบนั้นแต่ว่า แม้แต่ในความฝัน เซียวเหิงและหลินเย่ว์ก็ไม่ได้ปกป้องนางนางยิ้มอย่างขมขื่นและส
ทําสองครั้งแรก มันก็กินยากจริงๆ นั่นแหละดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเรียนซะเลย แต่ไม่คิดว่าไส้ใหญ่หมูแบบนี้นี้ดูเหมือนง่าย แต่การทํามให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคืนหลังจากเรียนเสร็จ เขาก็รีบไปซื้อไส้ใหญ่หมูกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทําชามนี้ออกมาได้เขาคิดว่าของแบบนี้เย็นแล้วไม่อร่อย จึงถือโอกาสเอาไปให้เฉียวเนี่ยนตอนร้อนแต่จนกระทั่งเขาเคาะหน้าต่างของเฉียวเนี่ยน เขาถึงได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหันฟ้าเพิ่งสว่าง เขาก็มาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วซ้ำยังปีนกําแพงเข้ามาเพื่อเอาไส้ใหญ่หมูไปให้เฉียวเนี่ยนแค่ไส้ใหญ่หมูจานเดียวเอง!คิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็แดงก่ำจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ เขาจากไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่เชิงใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก ตอนนี้เต็มไปด้วยความลําบากใจเฉียวเนี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่าจิ่งเหยียนจะมาส่งไส้ใหญ่หมูเห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วนางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งมาแล้วเมื่อเห็นใบหน้าดําคล้ําของจิ่งเหยียนเกือบจะแดงจนยืนไม่อยู่ เฉียวเนี่ยนก็อดยิ้มไม่
เฉียวเนี่ยนตกใจจิ่งเหยียนถูกพบแล้ว!หนิงซวงรีบยัดกล่องอาหารที่ยังวางไม่ทันใส่มือของเฉียวเนี่ยน "คุณหนูอย่าใจร้อน บ่าวจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะ"พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่ใหญ่ หนิงซวงจึงกลับมา "คุณหนู คนที่องค์รักษ์ค้นพบก็คือรองแม่ทัพจิ่ง! แต่ท่านไม่ต้องกังวล รองแม่ทัพจิ่งวิ่งเร็ว ไม่ได้ถูกจับเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าจิ่งเหยียนเสียชื่อเสียงเพราะนาง แบบนี้นางมิต้องมีบาปติดตัวอย่างหนักเหรอแต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูใหญ่ของเรือนฟางเหอก็ถูกคนเคาะเปิดแล้วเป็นหลินเย่ว์นั่นเองตอนที่เขามา เฉียวเนี่ยนเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จเมื่อเห็นเขา สีหน้าของเฉียวเนี่ยนย่อมไม่ค่อยดีนัก จึงพูดทันทีว่า "ในเมื่อท่านย่าลงโทษให้ข้าอยู่ในเรือนฟางเหอเพื่อคิดทบทวนตนเอง ก็ย่อมไม่อยากให้ผู้อื่นมารบกวน และไม่รู้ว่าท่านโหวน้อยมาหาข้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ มีธุระสําคัญอะไรหรือเจ้าคะ?"คําพูดนางเต็มไปด้วยความไม่ต้อนรับหลินเย่ว์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร กลับมองไปที่หนิงซวงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า "องครักษ์บอกว่า เช้านี้พบชายคนหนึ่งปีนกําแพงออกมา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธในใจของหลินเย่ว์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น "ไม่ว่ายังไง เจ้าเป็นผู้หญิง ก็ควรให้ความสําคัญกับชื่อเสียงของตัวเอง เจ้าและยวนเอ๋อร์ต่างก็รอที่จะแต่งงานอยู่ หากมีข่าวซุบซิบใดๆ ออกมา มันจะไม่ดีต่อเจ้าและยวนเอ๋อร์เลย"ถ้ามีคนรู้ว่าเฉียวเนี่ยนพบผู้ชายตอนกลางคืนในห้องนอนของตัวเอง คนนอกจะคิดอย่างไรกับนาง จะคิดอย่างไรกับหญิงสาวของจวนโหว?เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ชื่อเสียงของยวนเอ๋อร์ก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!และฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจนางอดยิ้มเย็นไม่ได้ "ข้าก็ว่าแล้ว ท่านโหวน้อยก็จ้างคนมามัดข้า แถมยังวางยาข้าอีก ทําไมจู่ๆ ถึงสนใจชื่อเสียงของข้าขึ้นมา ที่แท้ ก็เพื่อหลินยวนนี่เอง"หลินเย่ว์นิ่งไป ในที่สุดก็จําเรื่องไร้สาระที่เขาเคยทํามาก่อนได้จึงพูดว่า "วันนี้ข้าไม่ได้มาทะเลาะกับเจ้า สรุปแล้ว ท่านย่าลงโทษเจ้าให้ทบทวนความผิดตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าแอบนัดพบชายอื่นในจวน เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี"คําพูดนี้เท่ากับตัดสินโทษของเฉียวเนี่ยนหลินเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกแต่ไม่คิดเลยว่า จานใบหนึ่งจะโจมตีจากด้านหลัง กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยําเกิดอาการ
ตอนที่หลินเย่ว์มาถึงกองทัพ จิ่งเหยียนกําลังรายงานกิจการทหารกับเซียวเหิงอยู่ในห้องหนังสือประตูห้องถูกคนถีบเปิดออก จากนั้นหลินเย่ว์ก็พุ่งเข้ามา ไม่พูดพร่ำทําเพลง ชกหมัดใส่หน้าจิ่งเหยียนอย่างแรงโชคดีที่ปฏิกิริยาของจิ่งเหยียนไม่ช้า เขาเอนตัวไปข้างหลังและหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่หลินเย่ว์ไม่ยอมแพ้และเตะออกไทันทีจิ่งเหยียนยังคงหลบอยู่ แต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะโจมตีต่อเมื่อเห็นดังนั้น เซียวเหิงก็ขมวดคิ้ว พลิกตัวจากหลังโต๊ะมาบังกําปั้นของหลินเย่ว์ที่กําลังจะฟาดลงบนใบหน้าของจิ่งเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธที่สังเกตได้ยาก "บ้าไปแล้วหรือ?"หลินเย่ว์สะบัดมือของเซียวเหิงออก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความโกรธ จ้องจิ่งเหยียนเขม็ง "เจ้าถามเขาสิ ว่าทําเรื่องอะไรมา!"เซียวเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองจิ่งเหยียนกลับเห็นจิ่งเหยียนทําท่าทางสง่าผ่าเผย "ข้าน้อยฟังความหมายของท่านโหวน้อยไม่ออก"ก็แค่ส่งอาหารจานหนึ่งให้เฉียวเนี่ยน ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของจิ่งเหยียน หลินเย่ว์ก็แทบอยากจะต่อยเขาอีกครั้ง "เช้านี้เจ้าปีนกําแพงออกมาจากเรือนเนี่ยนเนี่ยน องครักษ์ของจวนข้
จิ่งเหยียนหลุบตาลง ลูบมือขวาที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่ของตน เอ่ยเสียงเรียบว่า "เช่นนั้นแม่นางเฉียวอาจแค่ชอบท่านแม่ทัพป้อนอาหารนางเท่านั้น ถ้าชอบขนมอบนั่นจริงๆ จะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?"ตอนนั้น เขาก็เคยกินขนมที่เฉียวเนี่ยนแบ่งให้ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็พูดอะไรไม่ออกอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเฉียวเนี่ยนชอบแบ่งขนมให้คนอื่นกินจริงๆเขาคิดว่านางแค่ชอบแบ่งปันแต่อย่างที่จิ่งเหยียนกล่าวไว้ ถ้าชอบกินจริงๆ แล้วจะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?ชั่วขณะหนึ่ง เซียวเหิงรู้สึกไม่รู้จะทําอย่างไรดี แม้แต่แรงที่กดจิ่งเหยียนไว้ก็ผ่อนคลายลงเขาคิดเสมอว่านางชอบกินขนมอบของหลี่จี้เมื่อก่อน ตอนที่เขาส่งขนมหวานให้นาง นางมักจะทําท่าทางประหลาดใจมาก สีหน้าดีใจเล็กๆ นั้น ราวกับว่าได้ของล้ําค่าที่สุดในโลกนี้แล้วแต่ต่อมา ขนมที่เขาตั้งใจวางไว้ในรถม้านางก็ไม่ได้แตะต้อง เป็นขนมที่มอบให้นางเองกับมือ นางก็หันมามอบให้หลินยวนเขาแค่คิดว่านางยังคงเกลียดเขา ดังนั้นแม้แต่ของที่เขาให้มาก็ไม่กินแต่ไม่เคยคิดว่านางไม่ชอบกินเลยเขากับนางเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก เพราะแก่กว่านางสองปี เขาจึงปกป้องนางทุกหนทุกแห่ง อดทนกับนางเ
คำพูดของจิ่งเหยียนทำเอาหลินเย่ว์ชะงักไป ก่อนจะเดือดดาลในทันใด"น้ำหน้าอย่างเจ้า ยังกล้าดีปฎิเสธเนี่ยนเนี่ยนอีกหรือ? คิดว่าเป็นรองแม่ทัพหนุ่มแล้วเก่งนักรึ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ อย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เนี่ยนเนี่ยนด้วยซ้ำ!"เดิมคิดว่าหลินเย่ว์ถ้อยคำดูถูกดูแคลนเช่นนี้ต้องทำให้จิ่งเหยียนทั้งแค้นเคืองทั้งอับอายเป็นแน่แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จิ่งเหยียนกลับตอบเสียงแผ่วเบา "ข้ารู้"ดูแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงนิ่งเรียบของเขาสิ แค้นเคืองหรืออับอายเสียที่ไหน?หลินเย่ว์และเซียวเหิงต่างตกตะลึงกลับกันจิ่งเหยียนเริ่มพร่ำพรรณนา สายตาหยุดอยู่ที่พื้น ราวกลับกำลังนึกย้อนอดีตกาล"แต่ก่อน แม่นางเฉียวคือจันทร์แจ่มบนฟากฟ้า พวกเจ้าทนุถนอมนาง ป้องกันนาง ข้ารู้ว่าฐานะของตัวเองแตกต่างจากนางเพียงใด ได้แต่เฝ้าชะเง้อมองนางจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกินเลย แต่หลังจากนั้น โชคชะตาพลิกผัน นางตกจากสวรรค์สู่โคลนดิน พวกเจ้าทุกคนทอดทิ้งนาง!"หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ส่งเสียงฮึดฮัด เอ่ยเย้ยหยัน "เช่นนั้นตอนนี้เจ้าจึงกล้าคิดเกินเลยกับนางอย่างนั้นรึ?"คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเหยียนจะส่ายหน้า "เขาแค่เห็นใจแม่นางเฉียว"
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
เฉียวเนี่ยนชะงักไป หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้ยินโจรภูเขานั่นพูดว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวเหิงส่งคนมาติดตามนาง พวกเขาก็คงนึกไม่ถึงว่าข้างในโลงศพจะเป็นจิ่งเหยียนเมื่อคืน คงไม่เกิดฉากนองเลือดนั่นขึ้นไม่แน่เวลานี้ นางคงออกจากหยงเป่ยไปแล้วโทษเขาเหรอ?สติบอกนางว่า ไม่ควรโทษเขาความตั้งใจเดิมของเซียวเหิงคือปกป้องนางให้ปลอดภัย ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อคืนจะมีโจรภูเขาปรากฏตัวออกมาอีกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะโจรภูเขาโหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้คนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่เด็กทารกที่อยู่ในผ้าห่อก็ยังไม่เว้นหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทคงไม่ส่งทหารมาในคืนนั้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแต่ว่า...มันเกิดขึ้นไปแล้วจิ่งเหยียนตายแล้ว คนมากมาย ก็ตายสิ้นไปแล้วนางมิอาจกล่าว 'ไม่โทษ' สองคำนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งได้ใจของนาง ตำหนิคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนอย่างคลุมเครือแต่ที่มากไปกว่านั้น นางโทษตัวนางเองมากกว่า...นางไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า นั่งอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเสงี่ยมเนื่องจากกังวลว่าจะมีโจรภูเขามาก่อความวุ่นวายอีก ทั้งสองจึงรอกำลังเสริมที่หลัวซ่างส่งมาถึงก
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต
เซียวเหิงใช้เวลาไปแค่วันกว่าก็จัดการเรื่องในเหอโจวเจิ้นเสร็จ เพราะโจรภูเขาที่ถูกจับเป็นเมื่ออยู่ในมือเซียวเหิงทนได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็สารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาแล้วต่อหน้าหยูว่านอันที่เป็นนายอำเภอเหอโจวเจิ้น เขาก็แสดงฝีมือการทรมานบีบให้สารภาพอีกรอบ จนหยูว่านอันนั่นตกใจฉี่รดกางเกง ไม่กล้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวมันพัวพันกันอย่างกว้างขวางจริงๆแต่เรื่องสืบให้ละเอียด เซียวเหิงกลับมอบให้หลัวซ่างไปทำทั้งหมดหลัวซ่างไม่มีแขนซ้ายแล้ว ต่อไปมิอาจสู้รบได้อีก หากเรื่องนี้ทำสำเร็จเรียบร้อย วันหน้าอาจสามารถเป็นขุนนางตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในราชสำนักได้ต่อให้อยู่เป็นนายอำเภอที่เหอโจวนี้ ก็ยังดีกว่าหอบร่างกายที่พิการกลับบ้านไปปลูกนาส่วนเซียวเหิงแม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มสักอึกก็รีบตะบึงม้าออกไปใจของเขา หวาดหวั่นเป็นอย่างมากแผ่นหลังตอนเฉียวเนี่ยนจากไปยังคงปรากฏอยู่ในหัวเขาไม่หาย ทำให้ใจดวงนี้ของเขาหวาดหวั่นจนแม้แต่ชั่วครู่หนึ่งก็มิอาจรอได้เขาแทบจะตะบึงม้าตามไปอย่างไม่หยุดพัก ทว่าตอนเขาไล่ตามมาถึงกลับพบว่า คนที่เขาส่งมาปกป้องนางตายไปหมดแล้วนอกป่าเต็มไปด้วยซากศพ เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที บางคนในนั
พละกำลังมหาศาล ราวกับจะบิดหักแขนที่เปื้อนเลือดของนางอย่างไรอย่างนั้น!เฉียวเนี่ยนฝืนทนความเจ็บ ใช้กำลังทั้งหมดหมุนขยับมือของตัวเองดาบยาว เริ่มขยับอยู่ในกายโจรภูเขาโจรภูเขาเจ็บเหลือนแสน ร้องออกมาเสียงดัง "อ๊าก!"แรงใต้ฝ่ามือเขายิ่งรุ่นแรงขึ้นเฉียวเนี่ยนเองก็ร้องออกมาเพราะเจ็บเช่นกันทว่าเสียงร้องนั้น หาใช่เพียงเพราะเจ็บในที่สุด นางใช้กำลังทั้งหมด ทำให้ดาบยาวเล่มนั้นหมุนอยู่ในร่างกายโจรภูเขาไปหนึ่งรอบบางทีอาจเป็นเพราะลำไส้ถูกบิดขาด โจรภูเขาคนนั้นถึงได้กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก สุดท้ายไร้เรี่ยวแรง ล้มหงายหลังลงไปกับพื้นส่วนดาบยาวเล่มนั้น กลับยังอยู่ในมือเฉียวเนี่ยนแน่นนางเองก็ถูกเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้า มากจนทำให้นางแทบลืมตาขึ้นมาไม่ได้ทว่าข้างหู กลับมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีกหน"เจ้าห้า! เจ้าหก!"เป็นโจรภูเขาอีกแล้ว!ใจที่ตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยนเหมือนกับจะหยุดเต้นสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่บอกนางว่า ไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วทว่าเสียงร้องตะโกนเมื่อครู่เหมือนกับจะผลาญกำลังทั้งหมดของนางไปจนสิ้นแล้ว แขนก็ถูกจับจนเจ็บ แม้แต่ยกขึ้นมาเช็บคาบเลือดบนใบหน้าก็ยังทำไม่ได้เฉียวเนี่
เฉียวเนี่ยนมองโจรภูเขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเหล่าทหารคนนั้นด้วยคววามตกใจอย่างมาก จึงก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะสะดุดกิ่งไม้แห้ง ล้มลงไปกับพื้นเมื่อเห็นเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งยิ้มอย่างป่าเถื่อนมากขึ้นภายใต้ราตรีอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้คนรู้สึกเวียนหัว...เฉียวเนี่ยนเหมือนสะดุ้งตกใจก็ไม่ปาน น้ำเสียงคลอไปด้วยเสียงร่ำไห้ "ข้า ข้าไปกับเจ้า เจ้า จะไม่ฆ่าข้าใช่หรือไม่?"เห็นสตรีตรงหน้าหวาดกลัวเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งได้ใจ "แน่นอน ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง"เฉียวเนี่ยนรีบพยักหน้า "ข้าจะเชื่อฟัง แต่ว่า...เหมือนข้าจะข้อเท้าพลิก"ได้ยินเช่นนี้ โจรภูเขาจึงเหลือบมองข้อเท้าเฉียวเนี่ยนครู่หนึ่ง หวนนึกเมื่อครู่ที่นางสะดุดล้ม จึงไม่ได้สงสัยอะไรเขามองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง เห็นนางเปี่ยมไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ก็แค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ในมือไม่มีแม้แต่อาวุธ จะสร้างปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว?จึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเดินไปทางเฉียวเนี่ยน ก่อนยื่นมืออกไป หมายจะพยุงนางขึนมาเฉียวเนี่ยนเองก็ยื่นมือออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เช่นกัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ทันทีที่เฉียวเนี่ยนจ
เขาตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทหารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาดูฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยว่า "ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว งู แมลง หนูและมดเหล่านี้ก็จะออกมาหาอาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร"เมื่อได้ยินคํานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเก็บดาบกลับไปเฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสายตามองไปยังหัวงูนั้นภายใต้แสงจันทร์ หัวงูเล็กๆ นั้นหักอยู่ข้างถนนและยังคงดิ้นรนและบิดอยู่นางรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่า นี่เหมือนกําลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ในใจอดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ดีที่ว่าอีกสองวันต่อมา ทุกอย่างล้วนราบรื่นดีเหล่าทหารเคยชินกับการเดินทัพและเร่งเดินทาง ทุกวันจะนอนเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ตลอดทางก็ดูแลเฉียวเนี่ยนเป็นอย่างดีแต่ความไม่สบายใจในคืนนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเฉียวเนี่ยน เหมือนกับหัวงูที่ถูกตัดออก บางครั้งก็ดิ้นไปมาราวกับเป็นการยืนยันความไม่สบายใจของนาง ในคืนที่สอง ถนนก็ถูกขวางไว้แล้วเฉียวเนี่ยนมองก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่บนถนนข้างหน้า ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวได้ยินแต่คนข้างๆ ถามว่า"หินใหญ่ขนาดนี้ ทําไมถึงอยู่กลางถนนได้?"ทหารบางคนมองไปที่ยอดเขาที่ริมถนน"บางทีหินอาจลื