โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักใหญ่โตโอ่อ่า
หลีหนิงหนิงเงยหน้าไล่ขึ้นมามองชั้นที่สอง…ชั้นที่สามขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ห้า รังรักของซ่งเสวี่ยนและแม่ดอกบัวขาว ทุกอย่างจะมิใช่เรื่องแปลกหากซ่งเสวี่ยนนั้นไม่มีภรรยา “ดูท่าคงไปพลอดรักกัน ท่านคงชืมไปแล้วกระมังว่ายามนี้ตนมีภรรยาแล้ว” หลิหนิงหนิงพูดไล่หลังซ่งเสวี่ยที่เดินจากไปไม่เหลียวมอง ไม่รู้เพราะเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่ตัดใจจากแม่ดอกบัวขาวเสียที ว่ากันตามตรงนั้นในบทที่ฉากที่พระรองตัวร้ายนัดหมายกับนางเอกออกมาเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้นางอยู่ข้างกายเช่นเดิม แต่แม่ดอกบัวขาวนั้นทำทีเป็นบัวที่ตัดเยื่อยังเหลือใยเพราะแท้จริงแล้วอยากเก็บไว้ทั้งพระเอกและพระรองของนาง “ช่างเแสแสร้งเสียจริง” นางคร้านจะใส่ใจจึงปล่อยไป หลังจากซ่งเสวี่ยนปล่อยนางทิ้งไว้หน้าโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปผู้เดียวนั้น เหอะ! เห็นนางเป็นตัวอะไรกันและคิดว่าหลีหนิงหนิงมีหรือจะวิ่งตามบุรุษ อยากได้ก็เอาไปเถอะ! หลีหนิงหนิงพูดขึ้นกับตนเอง “เช่นนั้นข้าจะไปตามทาง ของข้า” ก่อนจะทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย หากอยู่เดียวที่จวนนางก็โดนโบยเจียนตาย ทว่าหากอยู่กับซ่งเสวี่ยนก็เฉียดเข้าใกล้ความตาย ใบหน้าคนงามยกยิ้มเยาะตนเอง ก็แน่สิ…นางมันก็ เป็นเพียงตัวประกอบในนิยายเท่านั้น แต่จะตายเมื่อไหร่หรือเพราะเหตุอันใดนั้น หลีหนิงหนิงไม่รู้แน่ชัด หลีหนิงหนิงเดินเตล็ดแตร่ไปทั่วถนนตลอดทั้งสาย มีร้านอาหารสองข้างฝั่งที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาเชิญชวนให้ลิ้มลอง พร้อมทั้งท้องน้อย ๆ ของนางที่เริ่มส่งเสียงคร่ำควรญโวยวาย ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเลี้ยวเข้ายังร้านหนึ่งที่ไม่มีคน มือเรียวลูบหน้าท้องตนเองเล็กน้อย “ใจเย็น ๆ หน่อย” “เหล่าป่านข้าเอาโจ๊กชามหนึ่ง” จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงพลันสบตากับเจ้าร้านที่กำลังมองมาพอดี “โจ๊กชามหนึ่ง!” เหล่าป่านย้ำอีกครั้ง หลีหนิงหนิงจึงพยักหน้าตอบด้วยความยิ้มแย้ม ได้กินอะไรสักหน่อยคงอารมณ์ดีขึ้นไม่ได้ และแน่นอนบทตัวประกอบของ หลีหนิงหนิงคงไม่ง่ายนัก เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มเปลี่ยนไปจากนิยายที่แปลที่ละนิด “คุณหนูหลี” “…..” “ยามนี้คงต้องเรียกซ่งฮูหยินแล้วใช่หรือไม่” บุรุษในอาภรณ์สีขาวสะอาดตาดุจเทพเซียน ใบหน้าที่หล่อเหล่าคมคายพร้อมทั้งจมูกเป็นสันและท่าทางประหนึ่งจอมเสเพล หากนางเดาไม่ผิดแล้วก็ “จือรุ่ยหยาง” หลีหนิงหรองขมวดคิ้ว หรี่ตามอง เหตุใดเขามาอยู่ที่นี้! สมควรที่จะอยู่โรงเตี๊ยมกับคนสองผู้นั้น!! ยามนี้เขาสมควรจะอาละวาดมีเรื่องกับซ่งเสวี่ยนมิใช่หรือ!!! จือรุ่ยหยางสำรวจมองหลีหนิงหนิงประหนึ่งว่ากำลังเห็นผี เมื่อเขาเห็นนางนั่งอยู่ผู้เดียวจึงถือโอกาสมาทักทายเสียหน่อย ไฉนถึงต้องร้องตกใจด้วย “ผ่านไปไม่กี่วันเจ้าก็หลงลืมข้าไปหมดแล้วหรือไรหลีหนิงหนิง” ไม่ลืม! แต่ข้าพึงเห็นครั้งแรกต่างหาก แม่ดอกบัวขาวคิดจะจับบุรุษหล่อเหล่าไว้ข้างกายทั้งสองคนเลยหรือไร หลีหนิงหนิงสายหน้า สายตายังคงจับจ้องไม่วาง จื่อรุ่ยหยางกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองไม่กระพริบตา เขาแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนเอ่ย “ซ่งเสวี่ยนเขาดีกับเจ้าหรือไม่ บุรุษผู้นั้นเห็นแก่ตัวนักเป็นถึงบุตรชายคนโตของจวนแล้วจะมีอำนาจอันใดเพราะมารดาเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น” ที่กล่าวออกมาคิดจะทำอันใดงั้นหรือ? หลีหนิงหนิงอาจจะปรบมือให้กับจือรุ่ยหยางจริง ๆ “แล้วท่านมีดีอันใดหรือ” นางย้อนถามกลับ แม้จะแปลไม่จบแต่พื้นฐานของตัวละครนางย่อมจำได้ พระเอกผู้นี้เกิดในครอบครัวค้าขายนับว่ายังมีฐานะน้อยกว่าพระรองของนางด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดต้องกดผู้อื่นต่ำยกตัวเองขึ้นสูง เขาคิดว่านางโง่งมหรือ! ท่านมีดีแค่ความหล่อเท่านั้น ประโยคของสตรีเบื้องหน้าทำเอาจื่อรุ่ยหยางไปไม่เป็น ทว่าในใจเขานั้นย่อมรู้ดีว่าตนดีกว่าซ่งเสวี่ยนทุกอย่าง ไม่ว่าจะแย่งชิงความรักจากหลีหลินว่านมาได้ หรือแม้แต่หน้าตาเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า “หลายวันก่อนเจ้ายังวิ่งตามข้าอยู่ไม่ใช่หรือไร ไฉนเปลี่ยนไปราวกับไม่คุ้นหน้า” จื่อรุ่ยหยางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะปรายสายตามองเหล่าป่านที่ยกโจ๊กหนึ่งถ้วยมาวางบนโต๊ะให้ “นั่นมันเรื่องในอดีต!” “10 อีแปะ” เหล่าป่านรูปร่างอ้วนท่วม ตามตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อไคล้กำลังจดจ้องรอรับเงินจากสตรีตรงหน้าหลังจากวางถ้วยโจ๊กร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนตรงหน้า “…..” หลีหนิงหนิงไม่รู้ว่าควรจะสนใจผู้ใดก่อนดี “หากไม่มีก็ไม่ต้องกิน” เหล่าป่านเริ่มขึ้นเสียง ลูกค้ามีไม่น้อยที่มานั่งสั่งอาหารที่ร้านพอกินแล้วก็ไม่จานเงิน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเก็บเงินก่อน ว่าอย่างไรนะ!!! หลีหนิงหนิงมีสีหน้าตกใจ นางหลงลืมไปได้ว่าไม่มีเงิน ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี แม้แต่เงินติดตัวสักอีแปะยังไม่มีซ้ำยังอยู่ต่อหน้าพระเอกที่นางกำลังด่าทอไปอีก “เช่นนั้นข้าขอตัว” หลีหนิงหนิงแทบอยากจะก้มหน้าวิ่งหนีจากไปโดยเร็ว จังหวะเดียวกันนั้นเองสถานการณ์ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของจื่อรุ่ยหยาง เขามองดูด้วยความสนุกซ้ำยังเหยียบย้ำ ดูเคลนซ่งเสวี่ยนอยู่ในใจ “ข้าเลี้ยงเจ้าเอง” จื่อรุ่ยหยางหยิบเงินออกมาจากสาบเสื้อส่งให้เหล่าปานก่อนที่จะเดินไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ข้าไม่กิน!” หลีหนิงหนิงปฏิเสธเสียงแข็ง แค่นี้นางก็ขายหน้าแทบแย่แล้ว “ข้ามีดีอันใดหรือ…หากมีภรรยาข้าคงมอบเงินให้นางไม่ปล่อยให้ลำบากหรือต้องออกมาหาข้าวกินนางจวน” หลินหนิงหนิงหันขวับ กระแทกเสียง “เหอะ! แค่นี้นับเป็นบุญคุณหรือ….เช่นนั้นข้าไม่กิน!” ไปกินกับผีเถอะ! “เช่นนั้นผู้ใดจะกิน” จือรุ่ยหยางหน้าเสียเมื่อถูกปฏิเสธ “หลีหนิงหนิงเจ้ามิเคยปฏิเสธข้า” “หากท่านไม่กินก็นำไปให้สุนัขกินซะ” แน่นอนว่าหากง่ายเกินไปคงไม่ใช่ตัวประกอบเช่นนาง จังหวะที่หลีหนิงหนิงลุกขึ้นหันหลังเตรียมจะเดินออกไปนั้น สายตาเห็นบุรุษและสตรีผู้หนึ่งกำลังมองมาอยู่ “น้องหญิง! พี่รุ่ยหยาง!” เหอะ! นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามบทที่นางเคยแปลแม้แต่น้อย วันนี้นางสมควรจะถูกโบยและนอนโอดโอยอยู่ที่เรือนแต่กลับติดตามซ่งเซวี่ยนออกมา ส่วนฉากที่พระรอง พระเอกและ แม่ดอกบัวขาวพบเจอกันคือที่โรงเตี๊ยมทว่าเหตุใดผู้คนถึงมาพบกันยังที่ตลาดกันได้ หลีหนิงหนิงกรอกตามองบน “หนิงหนิงมีเรื่องอันใดกับพี่รุ่ยหยางกัน” หลีหลินว่านเดินย่างกายมาตรงหน้าก่อนยืนมือหลีหนิงหนิงขึ้นมาจับกุมอย่างอ่อนโยน “พี่รุ่ยหยางอ่อนโยนกับนางสักนิดเถอะ นางน่าสงสารเพียงนี้” ประโยคหลังเอ่ยกับจือรุ่ยหยาง ข้ามีอันใดให้น่าสงสารกัน หลีหนิงหนิงขมวดคิ้ว เอียงคอมองด้วยความสงสัย “ข้าสบายดี สบายดีมากและกำลังจะกินโจ๊กถ้วยนั้นทว่า จู่ ๆ กับมีสุนัขตัวหนึ่งมายุ่มย่าม” นางอธิบายพร้อมทำการทางประกอบชี้ไปที่โจ๊กหอมกรุ่นถ้วยนั้นที่ตอนนี้คงจืดชืด จือรุ่ยหยางแย้ง “เจ้ากล่าวหาว่าข้าป็นสุนัขได้อย่างไร ข้าเห็นใจเจ้าที่ไม่มีเงินโจ๊กเมื่อพบคนคุ้นเคยย่อมช่วยเหลือ” “เหอะ!” หลีหนิงหนิงแค่นเสียง เท้าสะเอวมองไม่กะพริบ นัยน์ตาของหลีหลินว่านเริ่มเอ่อคลอ ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยมองแล้วน่าสงสารจับใจ “หยุดเถอะ” “หลินว่าน” ซ่งเสวี่ยนที่ยืนดูอยู่นาน เมื่อเห็นนางในดวงใจเริ่มทีท่าไม่ดีจึงหมายจะเข้ามาปลอบใจแต่ทว่ากับไม่ทันจื่อรุ่ยหยางที่พลันดีตัวนางเขาโอบกอดเสียงแล้ว “ข้าขอโทษหลินว่าน ข้าผิดไปแล้ว” จือรุ่ยหยางลูบเรือนผลงามอย่างแผ่วเบา พร้อมกับส่งสายตาดุมายังหลีหนิงหนิง บทของตัวประกอบเช่นนางคือทำให้ตัวเองของนางคือทำให้เรื่องดำเนินไปได้ใช่หรือไม่ ซ้ำยังต้องเป็นแม่สื่อให้พระเอกปากสุนัขและแม่ดอกบัวขาวอีกหรือ จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงปรายสายตาไปมองซ่งเสวี่ยนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้เพียงแค่หนึ่งคืบเขาก็จะถึงตัวแม่ดอกบัวขาวแล้ว แต่ทว่าพระรองล้วนได้รับแต่ความผิดหวัง “กลับเรือน” หลีหนิงหนิงเจ็บปวดหัวใจ พระรองร้ายกาจผู้น่าสงสารของนางคงจะเจ็บปวดไม่น้อย “ข้าจะปลอบใจท่านเอง”น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน ทว่าหลีหนิงหนิงพลันรู้สึกไอเย็นที่แพร่กระจายรอบตัวหลีหนิงหนิงจูงมือซ่งเสวี่ยนมาจนกระทั่งหยุดอยู่ท้ายตลาดก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามือที่จับกุมอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆนางสบัดมือทันทีหัวคิ้วของหลีหนิงหนิงขมวดมุ่นมองไม่พอใจ “ข้าเจ็บ”“สมควร” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเคร่งขรึมของ ซ่งเสวี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้น“ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะซ่งเสวี่ยน”นี่เป็นเรื่องบุญคุณแต่เขากับกระทำรุนแรงกับนางเช่นนี้ หลีหนิงหนิงเห็นว่านางควรปล่อยเขาให้ถูกพระเอกแทงจนกระอักเลือดจุกอกไปซะดีกว่าอารมณ์ของซ่งเสวี่ยนไม่สมควรให้นางต่อว่าเลยสักนิดซ่งเสวี่ยนตอบ “หากเจ้ายังสอดมือยุ่งเรื่องของข้าเช่นนั่นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” แล้วมีเหตุอันใดสตรีตรงหน้าถึงกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ “รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีเถอะหลีหนิงหนิง”หลีหนิงหนิงกำมือแน่น เม้มปากเป็นเช่นตรง พระรองผู้นี้หากเขาคิดจะทำเรื่องอันใดแล้วล้วนทำให้สำเร็จทั้งเรื่องสังหารนางก็เช่นกันหากเมื่อใดนางทำตัววุ่นวายเมื่อนั้นคือความตายมาเยือนทว่าคิดว่าคนอย่างหลีหนิงหนิงจะหวาดกล
ขณะนี้เป็นเวลาส่งตัวเข้าหอของคู่บ่าวสาวยามนี้เป็นเวลาที่แสงจันทร์ทราสาดส่องลงมา บ่งบอกได้ว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนานเหลือเกินหลีหนิงหนิงมองผ่านผ้าสีแดงพื้นบางทะลุออกไปข้างนอก ทว่ากับเลือนรางจนมองไม่ออกว่าใครคือผู้ใด ผู้คนมากมายที่ครึกครื้นมาห้อมล้อมด้านหน้าประตูเตรียมดูความสนุกของคู่บ่าวสาวที่ร้องคล้องแขกแลกสุราในคืนแรกเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องส่วนตัวยิ่งนักผ่านมาแล้วราวสองวันแต่สำหรับหลีหนิงหนิงเวลาช่างเชื่องช้าราวกับผ่านพ้นไปแล้วสองปีสวรรค์สติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ!หลีหนิงหนิงคร่ำครวญในใจอดีตบรรณาธิการสาวที่กำลังแปลนิยายจีนทำงานอยู่ดี ๆ แต่กับต้องตายเพียงเพราะหัวใจวาย ทว่ากับคาดไม่ถึงเธอนึกว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกแล้วไปเกิดใหม่ซะอีกแต่ความซวยดันเกิดขึ้น เมื่อเธอตายแล้วได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องดังที่กำลังแปลอยู่ซ้ำยังมาตายก่อนที่จะได้รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดและก่อนที่เธอจะได้รู้ว่าตัวเองนั้นได้รับบทตัวประกอบที่ต้องคู่กับพระรองตัวร้าย!บัดซบเถอะ! เรื่องราวแปลกประหลาดแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับหลีหนิงหนิงเลนด้วยซ้ำอะไรคือจุดเริ่มต้นของเรื่องแปลกประหลาดนี้แล
พอวันรุ่งขึ้นพิสูจน์แล้วว่าหลีหนิงหนิงยังไม่ตายถึงแม้ ตามบทแล้วตัวละครจะดำเนินไปเช่นนั้น แต่ความร้ายกาจของพระรองผู้ร้ายกายก็ทำให้นางอดหวั่นใจหวาดกลัวไม่ได้ทว่าที่ย้ำแย่ไม่กว่านั้นคือการที่ต้องตื่นเช้าตรู่เพื่อยกจอกน้ำชาให้แม่สามีหากว่ากันตามตรงแล้ว สตรีผู้นั้นคือแม่เลี้ยงใจร้ายผู้หนึ่งก็ว่าได้หลีหนิงหนิงยังคงจดจำบทหนึ่งในนิยายได้อย่างดีซ่งเสวี่ยนในวัยสามขวบ ตอนนี้เขายังเป็เด็กน้อยที่น่ารัก น่าชังผู้หนึ่งแต่กับทอดถูกทิ้งไว้นอกเรือนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายไม่หยุดนางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนซ่งเสวี่ยนที่นั่งอยู่ข้างกายปรายตามองครู่หนึ่ง เหตุใดถึงน่าเห็นใจนัก“อย่าทำตัวให้วุ่นวาย” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างน่ารำคาญจังหวะเดียวกันนั้นเองภายในห้องโถงพลันเกิดความเงียบ“ไปพบเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่”ก่อนที่ชั่วพริบตาจะพลันเกิดเสียงซุบซิบนินทาว่าร้ายพร้อมกับสายตาดูเคลนมองมาที่นางหลีหนิงหนิงพลันเบิกตาด้วยความตกใจแย่แล้ว!ในนิยายไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงบทตัวประกอบเช่น นางมากนัก ทว่าวันนี้พอตกค่ำนางก็พลันนอนอิดโรยเจ็บปวดอยู่บนเตียงเป็นเพราะถูกทำโทษจากแม่เลี้ยงใจร้ายทว่าเรื่องอันใดหลีหนิงหนิงไม่อาจคาดเดาได้
น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน ทว่าหลีหนิงหนิงพลันรู้สึกไอเย็นที่แพร่กระจายรอบตัวหลีหนิงหนิงจูงมือซ่งเสวี่ยนมาจนกระทั่งหยุดอยู่ท้ายตลาดก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามือที่จับกุมอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆนางสบัดมือทันทีหัวคิ้วของหลีหนิงหนิงขมวดมุ่นมองไม่พอใจ “ข้าเจ็บ”“สมควร” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเคร่งขรึมของ ซ่งเสวี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้น“ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะซ่งเสวี่ยน”นี่เป็นเรื่องบุญคุณแต่เขากับกระทำรุนแรงกับนางเช่นนี้ หลีหนิงหนิงเห็นว่านางควรปล่อยเขาให้ถูกพระเอกแทงจนกระอักเลือดจุกอกไปซะดีกว่าอารมณ์ของซ่งเสวี่ยนไม่สมควรให้นางต่อว่าเลยสักนิดซ่งเสวี่ยนตอบ “หากเจ้ายังสอดมือยุ่งเรื่องของข้าเช่นนั่นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” แล้วมีเหตุอันใดสตรีตรงหน้าถึงกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ “รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีเถอะหลีหนิงหนิง”หลีหนิงหนิงกำมือแน่น เม้มปากเป็นเช่นตรง พระรองผู้นี้หากเขาคิดจะทำเรื่องอันใดแล้วล้วนทำให้สำเร็จทั้งเรื่องสังหารนางก็เช่นกันหากเมื่อใดนางทำตัววุ่นวายเมื่อนั้นคือความตายมาเยือนทว่าคิดว่าคนอย่างหลีหนิงหนิงจะหวาดกล
โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักใหญ่โตโอ่อ่าหลีหนิงหนิงเงยหน้าไล่ขึ้นมามองชั้นที่สอง…ชั้นที่สามขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ห้ารังรักของซ่งเสวี่ยนและแม่ดอกบัวขาวทุกอย่างจะมิใช่เรื่องแปลกหากซ่งเสวี่ยนนั้นไม่มีภรรยา“ดูท่าคงไปพลอดรักกัน ท่านคงชืมไปแล้วกระมังว่ายามนี้ตนมีภรรยาแล้ว” หลิหนิงหนิงพูดไล่หลังซ่งเสวี่ยที่เดินจากไปไม่เหลียวมองไม่รู้เพราะเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่ตัดใจจากแม่ดอกบัวขาวเสียที ว่ากันตามตรงนั้นในบทที่ฉากที่พระรองตัวร้ายนัดหมายกับนางเอกออกมาเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้นางอยู่ข้างกายเช่นเดิมแต่แม่ดอกบัวขาวนั้นทำทีเป็นบัวที่ตัดเยื่อยังเหลือใยเพราะแท้จริงแล้วอยากเก็บไว้ทั้งพระเอกและพระรองของนาง“ช่างเแสแสร้งเสียจริง” นางคร้านจะใส่ใจจึงปล่อยไปหลังจากซ่งเสวี่ยนปล่อยนางทิ้งไว้หน้าโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปผู้เดียวนั้น เหอะ! เห็นนางเป็นตัวอะไรกันและคิดว่าหลีหนิงหนิงมีหรือจะวิ่งตามบุรุษอยากได้ก็เอาไปเถอะ!หลีหนิงหนิงพูดขึ้นกับตนเอง “เช่นนั้นข้าจะไปตามทาง ของข้า” ก่อนจะทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่ายหากอยู่เดียวที่จวนนางก็โดนโบยเจียนตายทว่าหากอยู่กับซ่งเสวี่ยนก็
พอวันรุ่งขึ้นพิสูจน์แล้วว่าหลีหนิงหนิงยังไม่ตายถึงแม้ ตามบทแล้วตัวละครจะดำเนินไปเช่นนั้น แต่ความร้ายกาจของพระรองผู้ร้ายกายก็ทำให้นางอดหวั่นใจหวาดกลัวไม่ได้ทว่าที่ย้ำแย่ไม่กว่านั้นคือการที่ต้องตื่นเช้าตรู่เพื่อยกจอกน้ำชาให้แม่สามีหากว่ากันตามตรงแล้ว สตรีผู้นั้นคือแม่เลี้ยงใจร้ายผู้หนึ่งก็ว่าได้หลีหนิงหนิงยังคงจดจำบทหนึ่งในนิยายได้อย่างดีซ่งเสวี่ยนในวัยสามขวบ ตอนนี้เขายังเป็เด็กน้อยที่น่ารัก น่าชังผู้หนึ่งแต่กับทอดถูกทิ้งไว้นอกเรือนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายไม่หยุดนางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนซ่งเสวี่ยนที่นั่งอยู่ข้างกายปรายตามองครู่หนึ่ง เหตุใดถึงน่าเห็นใจนัก“อย่าทำตัวให้วุ่นวาย” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างน่ารำคาญจังหวะเดียวกันนั้นเองภายในห้องโถงพลันเกิดความเงียบ“ไปพบเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่”ก่อนที่ชั่วพริบตาจะพลันเกิดเสียงซุบซิบนินทาว่าร้ายพร้อมกับสายตาดูเคลนมองมาที่นางหลีหนิงหนิงพลันเบิกตาด้วยความตกใจแย่แล้ว!ในนิยายไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงบทตัวประกอบเช่น นางมากนัก ทว่าวันนี้พอตกค่ำนางก็พลันนอนอิดโรยเจ็บปวดอยู่บนเตียงเป็นเพราะถูกทำโทษจากแม่เลี้ยงใจร้ายทว่าเรื่องอันใดหลีหนิงหนิงไม่อาจคาดเดาได้
ขณะนี้เป็นเวลาส่งตัวเข้าหอของคู่บ่าวสาวยามนี้เป็นเวลาที่แสงจันทร์ทราสาดส่องลงมา บ่งบอกได้ว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนานเหลือเกินหลีหนิงหนิงมองผ่านผ้าสีแดงพื้นบางทะลุออกไปข้างนอก ทว่ากับเลือนรางจนมองไม่ออกว่าใครคือผู้ใด ผู้คนมากมายที่ครึกครื้นมาห้อมล้อมด้านหน้าประตูเตรียมดูความสนุกของคู่บ่าวสาวที่ร้องคล้องแขกแลกสุราในคืนแรกเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องส่วนตัวยิ่งนักผ่านมาแล้วราวสองวันแต่สำหรับหลีหนิงหนิงเวลาช่างเชื่องช้าราวกับผ่านพ้นไปแล้วสองปีสวรรค์สติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ!หลีหนิงหนิงคร่ำครวญในใจอดีตบรรณาธิการสาวที่กำลังแปลนิยายจีนทำงานอยู่ดี ๆ แต่กับต้องตายเพียงเพราะหัวใจวาย ทว่ากับคาดไม่ถึงเธอนึกว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกแล้วไปเกิดใหม่ซะอีกแต่ความซวยดันเกิดขึ้น เมื่อเธอตายแล้วได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องดังที่กำลังแปลอยู่ซ้ำยังมาตายก่อนที่จะได้รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดและก่อนที่เธอจะได้รู้ว่าตัวเองนั้นได้รับบทตัวประกอบที่ต้องคู่กับพระรองตัวร้าย!บัดซบเถอะ! เรื่องราวแปลกประหลาดแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับหลีหนิงหนิงเลนด้วยซ้ำอะไรคือจุดเริ่มต้นของเรื่องแปลกประหลาดนี้แล