น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน ทว่าหลีหนิงหนิงพลันรู้สึกไอเย็นที่แพร่กระจายรอบตัว
หลีหนิงหนิงจูงมือซ่งเสวี่ยนมาจนกระทั่งหยุดอยู่ท้ายตลาดก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามือที่จับกุมอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นางสบัดมือทันที หัวคิ้วของหลีหนิงหนิงขมวดมุ่นมองไม่พอใจ “ข้าเจ็บ” “สมควร” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเคร่งขรึมของ ซ่งเสวี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้น “ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะซ่งเสวี่ยน” นี่เป็นเรื่องบุญคุณแต่เขากับกระทำรุนแรงกับนางเช่นนี้ หลีหนิงหนิงเห็นว่านางควรปล่อยเขาให้ถูกพระเอกแทงจนกระอักเลือดจุกอกไปซะดีกว่า อารมณ์ของซ่งเสวี่ยนไม่สมควรให้นางต่อว่าเลยสักนิด ซ่งเสวี่ยนตอบ “หากเจ้ายังสอดมือยุ่งเรื่องของข้าเช่นนั่นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” แล้วมีเหตุอันใดสตรีตรงหน้าถึงกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ “รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีเถอะหลีหนิงหนิง” หลีหนิงหนิงกำมือแน่น เม้มปากเป็นเช่นตรง พระรองผู้นี้หากเขาคิดจะทำเรื่องอันใดแล้วล้วนทำให้สำเร็จทั้งเรื่องสังหารนางก็เช่นกัน หากเมื่อใดนางทำตัววุ่นวายเมื่อนั้นคือความตายมาเยือน ทว่าคิดว่าคนอย่างหลีหนิงหนิงจะหวาดกลัวหรือ นางเพียงแค่โมโหเท่านั้น “เหอะ!” นางแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนจะเอ่ย “ละครฉากนั้นท่านเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น ต่อให้ทำดีหรือเหนือกว่าจือรุ่ยหยางอย่างไรคิดว่าหลีหลินว่านจะสนใจท่านหรือ” บัดซบเถอะ! เหตุใดนางจะต้องมีเรื่องกับบุรุษผู้นี้ทุกครั้ง “เหลวไหลสิ้นดี” ซ่งเสวี่ยตวาดกลับ นัยน์ตาดูลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดาได้ “ตาบอดหรือไรกัน! หลีหลินว่านนางหวังดีจะช่วยเหลือแต่เจ้ากลับใจแคบ” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความโกรธที่อัดอั้นเต็มส่วน หลีหนิงหนิงแย้ง “เป็นท่านและนางที่มีบุพเพแต่ไร้วาสนา” หากวันนั้นซ่งเสวี่ยนไม่ตกหลุมพรางสตรีเบื้องหน้าปานนี้เขาและหลีหลินว่านคงได้หมั้นหมายกันแล้ว “ข้าสมควรจะฆ่าเจ้าทิ้งตั้งแต่วันนั้น” จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงพลันหลับตาลง “หาข้าสมควรตายนักก็ลงมือ” เรื่องผิดพลาดเช่นนี้หลีหนิงหนิงมีส่วนผิด นางยอมรับความตายที่ซ่งเสวี่ยนมอบให้ ว่ากันตามตรงเดิมที่เป็นวันที่แม่สื่อและซ่งเสวี่ยนมาจวนเพื่อทาบทามหลีหลินว่านพี่น้องร่วมจวนของหลีหนินหนิง แต่เพราะนางเป็นตัวประกอบอย่างไรจึงขั้นทำให้ตนเองได้ตบแต่งเอง แน่นอนพระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบ ส่วนพระเอกและแม่ดอกบัวขาวย่อมคู่กัน ซ่งเสวี่ยนมองอย่างเย็นช้า “เป็นสตรีที่ใจกล้าอวดดี” ในเมื่อนางกล่าวเช่นนี้เขาจึงยกมือขึ้นก่อนจะคว้ามือเข้าที่ลำคอระหงจากนั้นจึงออกแรงเพิ่มมากขึ้น มุมปากพลันยกยิ้มเหี้ยมโหด ดูสิว่าความใจกล้าของนางสุดท้ายแล้วจะอ้อนวอนร้องขอชีวิตหรือไม่ ความคับแค้นใจทั้งหมดที่มีมาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ซ่งเสวี่ยนกำลังระบายมันกับภรรยาตนเอง เขากำลังจะอยู่ในใจหลินว่านแต่กลับเป็นนางที่ทำพัง! “อึก!” หลีหนิงหนิงตัวชาทั่วร่าง เมื่อรู้สึกแรงบีบรัดที่ลำคอมากเพิ่มเรื่อย ๆ พร้อมกับลมหายใจที่เริ่มติดขัด บัดซบเถอะ! ข้าจะอายุสั้นด่วนจากไปอีกแล้ว สตรีเบื้องหน้าใบหน้าหน้าเริ่มซีดเซียว ทว่ากับไม่ส่งเสียงวินวอนหรือไม่ดิ้นทุรนทุรายอย่างที่ควรจะเป็น ซ่งเสวี่ยนพลันหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะคลายมือเย็นเฉือบออกจากลำของนาง และอีกครั้งที่หลีหหนิงหนิงรอดพ้นจากความตาย “ช่างน่าเวทนา” ซ่งเสวี่ยนกล่าว แววตาดุดัน เมื่อเป็นอิสระหลีหนิงหนิงทั้งหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาแดงก่ำมองบุรุษตรงหน้าด้วยความเครียดแค้น อีกนิด…อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นนางก็สิ้นใจแล้วแต่เขากับปล่อยให้นางเป็นอิสระลิ้มรสความทรมานแทนความตาย ซ่งเสวี่ยนเฝ้ามองนางด้วยสายตาว่างเปล่า “ทรมานอย่างงั้นหรือ…หึ! ความตายสำหรับสตรีใจกล้านั้นง่ายเกินไป” หลีหนิงหนิงสั่นสะท้านและก้าวถอยหลังออกห่าง “ซ่งเสวี่ยนท่านมันโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ข้าคาดไว้” โหดเหี้ยม! คำนี้สำหรับซ่งเสวี่ยนนั้นเขากับคุ้นชินแล้ว ผู้คนต่างตราหน้าว่าและไม่เข้าใกล้ทว่าจะมีผู้ใดรับรู้ว่าเขาพบเจออันใดมาบ้าง “เช่นนั้นก็อย่ามาทำตังวุ่นวายกับข้า” ซ่งเสวี่ยนคาดไว้แล้วอีกไม่นานนางคงอย่าขาดกับเขา ยามพลบค่ำไร้ผู้คนพลุ่งพล่าน เป็นหลีหนิงหนิงที่คิดมากไปเอง ในเมื่อสถานการณ์ล้วนแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลีหนิงหนิงเดินเข้าประตูหลังจวนที่มีไว้สำหรับพวกเหล่ารับใช้ก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูลงอย่างเบามือมากที่สุด แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง ผู้ใดจะหยั่งรู้ว่าวันหนึ่งนางจะเฉียดใกล้ความตายหลายครั้ง พรึ่บ! เพียงพริบตาเดียวไฟก็พลันสว่างวาบทั่วทางเดิน เซินฮูหยินใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างปิดไม่ปิด “คิดว่าจะหนีพ้นหรือ” ก่อนจะปรายสายตามองไปยังด้านหลังของสะใภ้หมาด ๆ ปรากฏว่าข้างกายนั้นไร้ร่างลูกเลี้ยงผู้น่าขยะแขยง “คิดว่าจะมีผู้ใดช่วยเจ้าได้ตลอดไปหรือ” หลีหนิงหนิงชะงักตัวแข็งจังหวะที่นางหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีนั้น…กับไม่ทันเสียแล้ว เซินฮูหยินสั่ง “จับตัวนางไป!” ข้าผิดอันใด! หรือเพราะข้าเป็นตัวประกอบกัน หลีหนิงหนิงถูกหิ้วไปโดยบ่าวใช้ในจวน นางทั้งดีดดิ้นสุดแรงจะสู้แรงของบุรุษชายฉกรรจ์ได้อย่างไรหรือหวีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีผู้ใดสอดมือเข้ามายุ่งทั้งสิ้น “ปล่อยข้า!” “จับนางไว้ให้แน่น” เซินฮูหยินนำหน้าไปมุมปากยกยิ้มร้าย นางสมควรจะสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้างวันข้างหน้าจะได้หวาดกลัว พอรู้ตัวอีกทีหลีหนิงหนิงก็ถูกพาตัวมาลานหน้าห้องบรรชนแล้วก่อนที่จะถูกกดตัวนอนคว่ำตัวราบไปกับไม้กระดาษแข็ง ๆ แขนทั้งสองข้างถูกมัดด้วยพันธะ “ปล่อยข้า!” คิ้วของเซินฮูหยินเริ่มขมวดด้วยความโมโห “เหอะ จะมีผู้ใดริอาจมาช่วยเจ้าได้หรือ..หุบปากซะ!” ก่อนที่นางจะพยักหน้าให้พ่อบ้านเตรียมโบยได้ทันที “เหอะ! ท่านไม่มีสิทธิลงโทษข้าโดยไร้เหตุผลเซินฮูหยิน” มันไม่ยุติธรรมวำหรับหลีหนิงหนิงเลย คิดว่าตนเองเป็นนายหญิงแล้วจะใช้อำนาจลงโทษผู้ใดได้ตามใจหรือ หมดสิ้นแล้วชีวิตอันนางสงสารของตัวประกอบ หลีหนิงหนิงใบหน้าเจื่อนลง ไร้การขัดขืนและรู้ว่าถึงอย่างก็ไม่มีผู้ใดช่วนเหลือได้ “ลงมือเถอะพ่อบ้าน ข้าเหนื่อยเต็มทีแล้ว” พ่อบ้านลงมือทันทีโดยไม่รีรอ เพี๊ยะ! ไม้หนาขนาดใหญ่ฟาดลงการหลังของสตรีรูปร่างอรชรทันที พ่อบ้านเกรงว่าหากครบยี่สิบไม้นางจะไม่สิ้นลมก่อนหรือ แต่เขาเซินฮูหยินได้อย่างไร เซินฮูหยินเกรี้ยวกราดทันที “มารดาจัดการเอง” พ่อบ้านที่เอาแต่ชักช้าเช่นนี้มันจะไปได้เรื่องอันใด นางรีบก้าวเดินก่อนจะคว้ามาถือไว้ในมือ “ไม่เคารพมารดาสมควรถูกสั่งสอน” เพี๊ยะ! ทว่าหลีหนิงไม่ได้ปริปากร้องโอดโอยออกมานั้นยิ่งเป็นกมรแสดงว่ายังคงเหิมเกริมและขัดขืนอยู่ เซินฮูหยินเห็นดังนั้นจึงยกไม้ขึ้นสูงกว่าเดิมเตรียมฟาดลงอย่างแรง “บังอาจแตะต้องคนของข้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมา แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ขัดขวางไว้ก็ไม่อาจเสี่ยงชีวิตทำเช่นนั้นได้ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นเฉือบประดุจเหมันต์ฤดู ซ่งเสวี่ยนเดิมเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งเฉย หากแต่นัยน์ตาปรายไปมองสตรีบนกระดาษไม้กับแปรเปลี่ยนเป็นความเหี้ยมโหด เซินฮูหยินมีท่าทีกระอักกระอ่วน “มารดากำลังสั่งสอนนางอยู่ซ่งเสวี่ยน” ผู้ใดจะรู้เล่าว่าเด็กชายตัวเล็กผอมแห้งเมื่อหลายปีก่อนจะโตมาได้เหี้ยมโหดปานนี้ มุมปากหน้ายกยิ้ม “มารดาของข้าตายไปแล้ว” “ซ่งเสวี่ยน” หลีหนิงหนิงยังคงมีสติแต่ทว่าร่างกายนางกับอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง “เจ้าจะอยู่หรือตายล้วนเป็นข้าที่ตัดสินใจ” “เจ้าไม่มีสิทธิพานางไป” เซินฮูหยินตะโกนลั่น ฟังดูแล้วช่างเป็นคำปลอบใจที่ทำให้หลีหนิงหนิงคลายความกลัวในตอนนี้ได้มากที่สุด จากนั้นต่อมานางพลันถูกโอบอุ้มก่อนที่สติจะดับวูบไป เกรงว่าข้าคงจะตายแล้ว เซินฮูหยินไม่พอใจอย่างถึงที่สุด เรื่องเช่นนี้เป็นการหักหน้าของนาง “เจ้าสมควรถูกบิดาลงโทษซ่งเสวี่ยน!” “คนผู้นั้นมีหรือจะกล้าทำอันใดได้” ซ่งเสวี่ยนหาได้หวาดกลัวผู้ใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะนรกหรือพิภพปีศาจเขาล้วนการเผชิญ ในขณะนั้นซ่งเสวี่ยนไม่สนใจผู้ใดที่กีดขวางอยู่ทั้งนั้น สตรีผู้นี้เป็นคนของเขาผู้อื่นล้วนไม่สามารถทำอันใดได้ตามอำเภอใจ เขาโอบอุ้มอย่างมั่นคง จุดหมายคือเรือนนอนครบสามวันหลังแต่งงามสมควรเยี่ยมเยือนบ้านเดิมจวนหลีตั้งอยู่ไม่ไกลนักห่างออกไปเพียงสองสามซอยเท่านั้นหลีหนิงหนิงลงจากรถม้าด้วยความระมัดระวัง บาดแผดที่หลังจากการโดนฟาดเพียงผ่านพ้นมาหนึ่งค่ำคืนเท่านั้นจะหายได้อย่างไร ซ้ำวันนี้มันยังออกรู้สึกเจ็บปวดจนนางระบมไปทั่วร่าง“ไม่อยู่แล้วข้าอยากกลับจวน”ในตอนนี้หลีหนิงหนิงไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับผู้ใดทั้งนั้น นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน เกรงว่าคงใกล้ตายเต็มทีแล้วดวงตาเมล็ดซิ่งเริ่มปรือลงมาอย่างง่วงงุน“อย่าได้ทำตัวยุ่งยาก” ซ่งเสวี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองสตรีเบื้องหน้านิ่งเฉย นางเพียงโดนฟาดไปสองสามไม้ไฉนจะเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ซ่งเสวี่ยนพลางดูเคลนในใจเมื่อหลีหนิงหนิงได้ยินประโยคนี้ นางจึงแค่นเสียงในใจ “เป็นข้าหรือที่อยากมา….ข้ามิใช่ท่านต้องการพบหลีหลินว่าน”เพียงหลับตาหลีหนิงหนิงก็รู้ว่าซ่งเสวี่ยนคิดอันใดอยู่ใบหน้าของคนงามเริ่มร้อนผ่าวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ยามที่ขยับเขยื้อนกายเดินหลีหนิงหนิงพลันโอนเอนเล็กน้อย นางพยายามตั้งสติไม่ให้ล้มคะมำขายหน้าอยู่ตรงนี้“จะไปไม่ใช่หรือ” หลีหนิงหนิงพลันทักท้วง เมื่อซ่งเสวี่ยนเอาแต่นิ่งเฉย“ช่างอวดดี” ซ่งเส
ปกติแล้วซ่งเสวี่ยนนิ่งเฉยต่อทุกเรื่องราวเสมอมา แต่พอสตรีผู้นั้นล้มป่วยเขากลับรู้สึกได้ถึงอาการกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็นหรือแท้จริงแล้วอาจจะเพราะว่านางเป็นของสิ่งแรกที่ครอบครองได้หากหลุดมือแล้วก็คงหาไม่พบ…ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซ่งเสวี่ยนหลับไม่ได้เต็มตาเพียงเพราะมักจะสะดุ้งตัวตื่นอย่างหวาดระแวงแต่หาใช่เพราะความกลัวมันเป็นเพียงสตรีบนเตียงที่จับไข้ซ่งเสวี่ยนสูดลมหายใจก่อนจะคลายออกช้า ๆ“เจ้ามันตัววุ่นวาย” ถึงแม้ปากจะพร่ำบ่นแล้วอย่างไร สตรีบนเตียงยังคงนอนหลับไม่ตอบโต้และซ้ำซ่งเสวี่ยนยังคงนำผ้าชุบน้ำเช็ดตามทตัวทุกชั่วยาม“อื้อ….” หลีหนิงหนิงส่งเสียงเมื่อถูกรบกวนซ่งเสวี่ยนแค่นเสียง มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มยามหลับก็ดูเป็นเพียงสตรีที่เปลือกนอกแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแอผู้หนึ่ง ทว่าตอนได้สบตากับนางนั้น…ความกล้าอวดดีที่มีเขาอยากจะบดขยี้ให้แหลก“ซ่งเสวี่ยน…” น้ำเสียงแผ่วราวกับกับกระซิบดังขึ้นดึกดื่นปานนี้และยังมีเรื่องร้อนรนในใจผู้ใดจะหลับหลีหลินว่าน ๆ เปิดประตูเดินเข้ามาก่อนจะปิดลงอย่าง เบามือ ใบหน้าคนงามสะท้อนแสงจากตะเกียงดูผุดผ่อง เรือนผมยาวที่ปล่อยสยายถึงกลางหลังและอ
“ขอบใจเจ้ามาก” หลีหลินว่านกล่าวอย่างยิ้มแย้มบ่าวรับใช้ยกกาน้ำชาพร้อมกับถาดขนมมาให้วางลงบนโต๊ะหันมองคุณหนูหลีด้สยความซึ้งใจช่างเป็นคนที่ไม่กดขี่ผู้ต่ำกว่า…มีอย่างที่ไหนคุณหนูบ้านใดกันพูดจากขอบคุณบ่าวไพร่กันจากนั้นจึงถอยตัวออกห่างจากสถานที่แห่งนี้ทันทีหลีหลินว่านสวมใส่ชุดอาภรณ์สีฟ้านวลพริ้วไสวตามสายลม ใบหน้าแต่งแต้มประทิมโฉมเล็กน้อย เรือนผมครึ่งหัวถูกมวยขึ้นพร้อมปักปิ่นประดับงดงามยามนี้อารมณ์ขุ่นเคียงในใจของนางคลายลงเล็กน้อยเหตุการณ์นี้หลีหลินว่านจงใจให้ซ่งเสวี่ยนพบเห็นโดยจงใจ“ซ่งเสวี่ยน…” นางเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงหยิบจอกริมชาอย่างเชื่องช้า “ท่านคงเหนื่อยล้ามาทั้งคืนดื่มชานี้หน่อยเสีย” ก่อนจะสบตาบุรุษเบื้องหน้าซ่งเสวี่ยนยังคงมีหลีหลินว่าในใจ นางยังคงดีต่อเขาเสมอมาไม่ว่าจะเมื่อหลายปีก่อนหรือแม้กระทั่งตอนนี้“ขออภัยที่ข้าขับไล่เจ้าเมื่อคืน”หลีหลินว่านยกยิ้มพึงพอใจในตอบ ค่อย ๆ ยกจอกช้าขึ้นจิบท่าทางผ่อนคลาย “ข้าเข้าใจท่านซ่งเสวี่ยน” ในสายตาของ ซ่งเสวี่ยนสมควรมีแต่นางเท่านั้นหากนางไม่เอ่ยปากขับไล่ก็อย่าได้ริอาจจากไปก่อนจะพลางหัวเราะเล็กน้อย “หาใช่เรื่องแปลก จำไม่ได้แล้วหรือเมื่อตอนท่า
หลีหนิงหนิงยืนรออยู่หน้าประตูใจเย็น เดิมทีสมควรจะกลับจวนวันพรุ่งนี้แต่นางนั้นมีความอดทนไม่มากนักและไม่แน่ว่า แม่ดอกบัวขาวจะแสดงละครฉากนั้นอีก นางต้องขาดสติจนพลั้งลงมือสังหารคนแน่ “โมโหหรือ” ข้างกายนางยังคงเป็นจื่อรุ่ยหยาง เหตุใดช่วงนี้หลีหนิงหนิงบังเอิญพบเจอคนผู้นี้บ่อยครั้งนัก “ไปให้ไกลจากข้า” นางขับไล่น้ำเสียงดุ ๆ หากอีกหน่อยแม่ดอกบัวขาวมาพบเข้าคงเป็นเรื่อง ทว่า…ดีเช่นกัน ใบหน้าของหลีหนิงหนิงงยิ้มแย้มอารมณ์ดี นางเงยมองจื่อรุ่ยหยางที่สูงกว่าไม่ถึงคืบ “ชอบข้าแล้วหรือ” “กับผีน่ะสิ” จื่อรุ่ยหยางพลันตกใจ เขาไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าสตรีผู้นี้แท้จริงแล้วมีนิสัยเป็นอย่างไร “เจ้าคิดจะสวมหมวกเขียวให้สามีตนเองหรือไร” เขากัดฟันพูด โน้มใบหน้าสบตาในระยะใกล้ แน่นอนว่าหลีหนิงหนิงก็ไม่หลบนัยน์ตาดุดันคู่นั้นเช่นกัน “หากท่านชมชอบข้านั้นหาใช่เรื่องใหญ่” ว่ากันแล้ว นางพลันความขุ่นเคืองทั้งหมดที่มีในอกเมื่อมีเรื่องสนุก นางขยิบตาหนึ่งที จื่อรุ่นหยางตกตะลึง ตัวแข็งทื่อ “เจ้า!” ไหนเลยบุรุษจะเคยถูกสตรีพูดจาเกี้ยวเช่นนี้ “เจ้าคิดจะทำอันใด” หลีหนิงหนิงมองจื่อรุ่ยหยางเต็มไปด้วยความสนุก
ในบทหนึ่งของนิยายกล่าวไว้ว่า…ทั้งชีวิตของซ่งเสวี่ยนล้วนมีเพียงหลีหลินว่านเป็นที่ปลอดภัยดังนั้นเขาจึงรักฝังใจมิอาจเสื่อมคลายแม้สตรีผู้นั้นจะไม่สนใจก็ตามเขาทะนุถนอมมันมากระมัดระวังทุกอย่างทว่าหลีหลินว่านกับเหยียบย้ำซ่งเสวี่ยนจนแหกสลายอย่างไร้ค่าความรักของซ่งเสวี่ยนเป็นเพียงทางผ่านของหลินว่าน…น่าเสียดายที่รมีบุพเพแต่ไร้วาสนาหลีหนิงหนิงยังคงนั่งเหม่อลอยไม่ขยับกายราวสักครึ่งเค่อและยังคงถอนหายใจหนักอึ้งซ้ำ ๆ เมื่อคืนถอยคำของนางนั้นรุนแรงต่อซ่งเสวี่ยนมากเกินไปสักเล็กน้อยจนตั้งแต่ตอนนี้นางคล้ายมีความรู้สึกว่าเขาหลบหน้านาง“เหอะ! พี่ชายข้าทอดทิ้งคุณหนูหลีเสียแล้ว”ลี่เฉี่ยวยืนกอดอก สายตามองเหยียดด้วยความสมเพช“ลี่เฉี่ยว…” หลีหนิงหนิงจ้องมอง เด็กหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างดีใบหน้าหล่อคมคลายไม่ต่างจากพี่ชายต่างมารดาเลยแม้แต่น้อย แต่นิสัยกับไม่น่าคบเสียเลย“รู้หรือไม่เขาอยู่ที่ใด” หลีหนิงหนิงถามไม่ว่าจะห้องนอน เรือนที่อยู่และห้องอาบน้ำ ตลอดจนทั่วจวนกลับไม่พบแม้แต่เงาของซ่งเสวี่ยน หลีหนิงหนิงเหนื่อยเหลือเกินเหตุใดถึงเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจเช่นนี้“เห็นข้าเป็นพวกบ่าวนับใช้ชั้นต่ำพวกนั้นหรือ!” ลี่เฉี่ยว
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น…ซ่งเสวี่ยนย่อมเคยทนหนาว ทนหิวและต้องดิ้นรนใช้ชีวิตท่ามกลางความสนุกของผู้คนตั้งมากมายที่กลั่นแกล้ง“เพราะอันใด” ซ่งเสวี่ยนถามต่อสถานที่แห่งนี้เขาอยู่ได้มาเนินนานหลายปีแล้วเพราะเหตุใดพอมีหลีหนิงหนิงเข้ามาอยู่ร่วมจึงต้องย้ายออก เรื่องเช่นนี้มันไม่มีเหตุผลและไร้ประโยชน์หลีหนิงหนิงมองบุรุษตรงหน้าแวบหนึ่งนางรู้เหตุผลอยู่ในใจว่าเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่เห็นด้วยเรือนแห่งนั้นคือเรือนของมารดาซ่งเสวี่ยน สถานที่แห่งนั้นมีความทรงจำระหว่างชายหนุ่มและมารดาแต่ทว่ากับน่าเศร้าที่นางดันด่วนจากไปก่อนแม้ซ่งเสวี่ยนจะแข็งกร้าวแต่ข้างในเขากับโดดเดี่ยวราวกับกำลังยืนอยู่กลางหน้าผากหลีหนิงหนิงพลันโอบกอดซ่งเสวี่ยน ขอบตาแดงระรื่นทันที “เพราะข้าสามารถปกป้องและเลี้ยงดูท่านได้”ซ่งเสวี่ยนขมวดคิ้วไม่พอใจ ทว่ากับไม่ได้ผลักไสนางออกไป สัมผัสที่อ่อนโยนครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยได้รับจากคนผู้หนึ่งเช่นกันแต่นับวันกับยิ่งห่างเหินราวกับเป็นคนแปลกหน้าหลีหลินว่าน“สตรีเช่นเจ้าน่ะหรือ” สายตามองอย่างเหยียดหยามหลีหนิงหนิงผละตัวออก เงยหน้ามองซ่งเสวี่ยนด้วยความจริงจังพยักหน้า “ใช่!” ข้าเองนี้แหละที่จะคอย
พระรองผู้นี้ช่างคาดเดาความคิดได้อยากนัก…ตลอดหลายคืนที่ผ่านหลีหนิงหนิงมีหรือจะได้นอนร่วมเตียงเดียวกับเขาเช่นนี้ นางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ทว่าบุรุษข้างกายกับนอนแน่นิ่งลมหายใจสม่ำเสมอราวไม่ใช่เรื่องผิดแปลก หลีหนิงหนิงนอนพลิกตัวไปมาหลายครั้งต่อให้พยายามข่มตาอย่างไรก็ไม่หลับ “ซ่งเสวี่ยน” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้น มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น “…..” แท้จริงแล้วซ่งเสวี่ยนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เช่นกัน เขาเพียงเงียบเพียงเพราะรอฟังว่านางจะเอ่ยอันใดเท่านั้น สตรีผู้ไม่น่าไว้ใจนักเหตุใดความลับที่ปกปิดไว้ถึงล่วงรู้ “หลับแล้วหรือ แต่เหตุใดข้าถึงนอนไม่หลับ” หลีหนิงหนิงพลันเอ่ยขึ้นเงียบ ๆ คนเดียว “…..” “เพราะอันใดท่านถึงชอบหลีหลินว่านนักเล่า ขณะที่หลีหนิงหนิงกำลังพร่ำพูดเลือนลอยโดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้กำลังสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่นาง ซ่งเสวี่ยนแอบลอบมองเสี้ยวใบหน้าของนาง ภายในใจรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก หลีหลินว่านคือทั้งชีวิตของเขาตลอดมา ส่วนหลีหนิงหนิงนั้นเป็นภรรยาที่แต่งด้วยความไม่เต็มใจ ข้อแตกต่างในใจของซ่งเสวี่ยนย่อมชัดเจน ค่ำคืนที่ผ่านมา หลีหนิงหนิงนอนขยับพ
หลีหนิงหนิงสังเกตเห็นใบหน้าไม่ดีของซ่งเสวี่ยน บุรุษหนุ่มเอาแต่มีท่าทีเคร่งขรึมพูดไม่จาแม้แต่สักครึ่งคำ ทั้งที่ซ่งเสวี่ยนเขาร้ายกาจเพียงนี้เป็นเพราะบิดาทั้งสิ้น ในยามนี้ใบหน้าหล่อเหล่าข้างหนึ่งที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากการโดนตบด้วยแรงบุรุษมองดูแล้วย่อมเจ็บไม่น้อย หลีหนิงหนิงปวดใจ หากแต่จะเอ่ยถามยามนี้เกรงว่าซ่งเสวี่ยนคงบอกไม่เป็นอันใดหาใช่เรื่องใหญ่ แต่นางเป็นห่วงเขาเหลือ อย่างไรแล้วมีเพียงนางที่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของซ่งเสวี่ยน “เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นยาจกเสียแล้ว” นางเอ่ยขึ้นมาเยาะเย้ย ลอบมองทีท่าขบุรุษที่นั่งตรงกันข้าม ยามที่สบตามองนัยน์ตาเย็นเยือกคู่นั้น หลีหนิงหนิงพลันรู้สึกหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่อากาศวันนี้ร้อนยิ่งนัก…แต่เพราะเหตุใดกันโชคชะตาของเขาถึงเจ็บปวดและโดดเดี่ยวปานนี้หรือเพียงว่าเขาคือพระรองงั้นหรือ… สตรีตรงหน้ามองเขาอย่างไม่กระพริบตา สุดท้ายแล้ว ซ่งเสวี่ยนจึงหัวเราะเย้ยยันเล็กน้อย “เพราะเจ้าอวดดี” มันดูน่าสมเพชไม่น้อย ทั้งน้ำเสียงและประโยคที่ได้ฟัง “ใช่มันเป็นเพราะข้าที่อวดดี” หลีหนิงหนิงเอ่ยเสริม “เพราะอย่างน้อยตลอดเวลาต่อจากนี้จะมีแค่ข้
วสันต์ฤดูพานพบมาอีกครา สายลมเย็นโชยมาพัดพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้พรรณาส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจวน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดส่องจ้ากระทบลำธารจำลองจนน้ำระยิบระยับชวนให้งดงามในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยนโอบอุ้มห่อผ้าสีแดงไว้แนบอก เพียงพริบตาก็ผ่านพ้นครบร้อยวันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนหลีหนิงหนิงผู้เป็นภรรยารักทั้งครรภ์อีกหน เขาคาดไว้ว่างอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวอย่างแน่นอนและทันทีที่หมอหญิงชราโอบอุ้มห่อผ้าออกมานั้นพลันบอกกล่าวว่าได้คุณหนูผู้หนึ่ง เขาในตอนนั้นมีความสุขสมดั่งใจหวังแม้ทารกจะตัวแดงผิวเหี่ยวย่นแต่ซ่งเสวี่ยนไม่เคยวางมือโอบอุ้มบุตรสาวไว้ตลอดช่างต่างจากบุตรชายคนแรกเหลือเกินอาจเป็นเพราะเขาเป็นบิดาอีกคนแล้ว“เหตุใดท่านไม่เคยอุ้มข้าบ้าง” ซ่งเหว่ยหยางเงยหน้าทักทวงบิดาแฝงความน้อยใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากโอบอุ้มน้องสาวบ้างซ่งเสวี่ยนหลุมตาต่ำมองบุตรชายที่บัดนี้จวนจะเจ็ดขวบแล้วแต่ยังสูงเพียงแค่ช่วงระหว่างขาเท่านั้น“หากเจ้าโตเมื่อไหร่ค่อยมาอุ้มบุตรสาวข้า”!!ซ่งเหว่ยฟังแล้วขมวดคิ้วงุนงงไม่เข้าใจ “สัญญากับข้า!”ในทุกปีล้วนมีเหตุการณ์พลิกผันเสมอและการเป็นตัวประกอบที่กลายเป็นมารดาทั้งยังมีสามีเ
ตอนแรกที่ซ่งเสวี่ยนพบเจอบุรุษที่คล้ายคลึงตนเองก็พลันไม่ชอบใจอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กทารกที่คล้ายตามติดภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่างเขายิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีทุกครั้งพอลอบสังเกตสีหน้าของบุรุษข้างกลายที่บึ้งตึงแล้ว หลีหนิงหนิงพลันหัวเราะชอบใจ“บอกแล้วอย่างไรบุตรในครรภ์ข้าต้องเป็นเด็กชาย”ในความคิดของหลีหนิงหนิงบุตรชายคนแรกสมควรเป็นผู้ชายหากถามหาเหตุผลนั้นไม่มี นางเพียงแค่อยากชื่อชมซ่งเสวี่ยนในวัยเด็กจนเติบโตเท่านั้นคำพูดหยอกเย้าของนางเช่นนี้ ซ่งเสวี่ยนไม่ชอบเลยยิ่งพอเวลาพอไปนานเข้าเด็กทารกน่าเกียจนั้นก็เติบโตจึ้นแต่ไฉนยังต้องคล้ายตามติดภรรยาข้าทุกฝีก้าว“พรุ่งนี้ให้เขาไปเรียนหนังสือได้แล้ว” ซ่งเสวี่ยนเอ่ย นัยน์ดุดันจ้องมางเด็กชายตรงหน้าด้วยความจริงจังเจ้าเด็กนี้สมควรออกไปพบเจอผู้นเสียบ้างมิใช่วัน ๆ อยู่แต่กลับภรรยาเขาไม่ห่าง“ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยร้องตกใจ “ข้าไม่ไป!”หลีหนิงหนิงหรี่ตามองอย่างขุนเคือง “เขาพึงจะสี่ขวบเท่านั้นอาเสวี่ยน”ไฉนเลยนางจะไม่รู้เหตุผลของซ่งเสวี่ยนคราแรกที่ซ่งเหว่ยหยางถือกำเนิดออกมาเป็นทารกตัวแรกนั้นซ่งเสวี่ยนแทบจะไม่เข้าใจหรือโอบอุ้ม เพียงแค่มองเห็นเห็นผิวหนังที่เห
หากไม่ได้ต้องอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันทุกวันเช่นนี้ จื่อรุ่ยหยางก็ยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าแท้จริงแล้วหลีหลินว่านมีนิสัยเช่นไรตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีปีที่แล้วจนกระทั่งวนเวียนพบใหม่ อีกครา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีหลินว่านพังพินาศตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้จื่อรุ่ยหยางทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไม่พึงผู้ใดได้“ข้าเซ็นหนังสือหย่าได้แล้ว”“บอกแล้วอย่างไรข้าไม่หย่า!”พอได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง หลีหลินว่านพลันโมโหไม่มีที่สิ้นสุด “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้าที่ผ่านมาท่านล้วนกีดกันบุรุษอื่นออกไป…” นางยกยิ้ม “พอได้แล้วจึงอยากจะทิ้งข้าหรือ!”เรื่องไปกันใหญ่แล้ว จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หลินว่าน มันเพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยดีต่อข้าเลย”ในในยามนี้เข้าใจแล้วมีบุพเพ…มีวาสนา..แต่ไร้รัก“เหอะ!” หลีหลินว่านยืนกอดอกมองด้วยความสายตาแข็งกร้าว “ท่านไม่มีหากหนีไปจากข้าพ้น!” นางกระแทกเสียงหากจื่อรุ่ยหยางยังไม่ตายก็ไม่มีทางแยกจากนางไปได้ หลีหลินว่านไม่ยอมตกเป็นขี้ปากของพวกคนนางรังเกียจเหล่า นั่นแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของนางล้วนเป็นไปดั่งใจหวังแล้วเหตุใดครั้งรี้มันถึงกลับเป็นไปไม่ได้กันซ่งเสวี่ยน!พอนึกถึงบุรุษชื่อของบ
สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วพอเข้าสู่ฤดูเหมันต์เขามักจะปลีกตัวออกไปหลบซ้อนตัวอยู่เพียงผู้เดียวบรรยากาศที่หนาวเย็นจนสั่นสะท้าน หิมะที่โปรยปรายตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดจนทั่วบริเวณโพลนขาว เพียงแวบหนึ่งซ่งเสวี่ยนพลันเห็นเหตุการณ์ในตอนที่ตนเองสามขวบอีกครั้ง“ข้าเกลียดฤดูหนาว” น้ำเสียงทุ้มสถบออกไปหลีหนิงหนิงเอี่ยงใบหน้ามองบุรุษข้างกาย ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้ออุ่นที่ทำจากขนสัตว์และแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้มองดูน่าเอ็นดูไม่น้อย“ข้าอยากโอบกอดอาเสวี่ยนคลายหนาว พอฤดูใบไม้ผลิข้าอยากดูดอกไม้บานพร้อมกัน” ดวงตาเมล็ดซิ่งวูบไหว“แต่ข้าชอบ” ก่อนที่สายตาจะปรายไปมองหิมะที่ยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างมุมปากหนาพลันยกยิ้ม “นับวันยิ่งเกียจคร้าน”ความจริงแล้วนางไม่ได้ชมชอบความหนาวสักนิด เพียงแต่พออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ที่ไม่ต้องทำอันใด นอกจากนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหรืออาภรณ์ขนสักอุ่น ๆ สักผืน“ให้ข้าปิดโรงเตี๊ยมดีหรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเสนอ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความยียวนทั้งสิ้น “พอเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าว่าพวกเราอยู่จวนตลอดไปคงไม่น่าเบื่อนัก”“ไม่” หลีหนิงหนิงปฏิเสธ “ ท่านจะเอาเงินที่มาให้ข้าใช้”นางยอมไม่ได้เ
ในขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยมีเจ้าบ่าวควบนั่งม้านำหน้าไป ผู้คนมากมายต่างมาชื่นชมมุ่งดูด้วยความรื่นเริงและยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่จัดว่ามีขมวบสินเดิมที่ยาวเหยียดสมศักดิ์คุณหนูหลีจากภรรยาเอกและบุตรชายผู้เดียวของสกุลจื่อมีสมรสมงคลก่อนที่ขบวนจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าประตูจวนสกุลจื่อที่ถูกตกแต่งประณีตด้วยสีแดงที่สื่อถึงความมงคลจื่อรุ่ยหยางสวมชุดอาภรณ์สีแดงลวดลายมังกรจากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่วันมงลงเช่นนี้สมควรจะยิ้มแย้มเบิกบานแต่ใบหน้ากับหมองคล้ำไม่เป็นมงคลเสียเลย“จับมือข้า” เขาพูดขึ้นแผ่วเบาหลีหนิงหนิงสวมใส่อาภรณ์สีแดงเช่นกันเย็บปักด้วยความประณีต เรือนผมถูกมวยขึ้นเป็นทรงอย่างงดงามถูกประดับความมงกุฎหงษ์ที่แสดงถึงสัญญาณเคียงข้างมังกรแม่สื่อตะโกนร้องก้องบอกพิธีการทั่วจวนหนึ่งคำนับฟ้าดินสองคำนับบิดามารดาสามคำนับกันและกันทว่าช่างเป็นงานมงคลที่ไม่รับรู้ถึงบรรยากาศของความมงคลเลยแม้น้อย นี่เป็นเคราะห์กรรมของพระเอกผู้นี้หรือไร บนใบหน้าของจื่อรุ่ยหยางไม่หลงเหลือความสุขเลยเป็นงานมงคลที่บรรยากาศหดูจริง ๆช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ หลีห
พอเข้าสู่ช่วงฤดูชิวเทียนหรือฤดูใบไม้ร่วง โรงเตี๊ยมและบริเวณโดยรอบที่เป็นร้านอาหารพลันครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ในห้อง ๆ หนึ่งยังชั้นสองของร้านมีสตรีผู้หนึ่งนั่งเท้าคางทอดสายตาลงไปมองชั้นหนึ่งเดียวใบหน้าเบิกบานหากโรงเตี๊ยมมีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งปีเช่นนี้ นางคงได้ร่ำรวยเป็นแน่!หลีหนิงหนิงแอบลอบยิ้มในใจ พลางพลิกสมุดรายการของกิจการไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของซ่งเสวี่ยนที่ต้องตรวจสอบนางเพียงอยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเท่านั้นซ่งเสวี่ยนที่เห็นการกระทำของภรรยาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เถ้าเนี้ยว่าอย่างไรกิจการของข้าขาดทุนหรือไม่”หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วจึงหันไปถลึงตาใส่เขา บุรุษผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เข้าใจแต่กลับเยาะเย้ยกันหรอกหรือ “ไปให้ไกล” นางเอ่ยปากไล่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พระรองผู้นี้ก็เปบี่ยนไปราวกันคนละคน“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เมื่อเห็นเป็นภรรยาหน้างอไม่พอใจ ผู้เป็นสามีอย่างซ่งเสวี่ยนนั้นก็ต้องสมควรเข้าใจใช่หรือไม่ ว่ากันตามตรงเขาเป็นสามีผู้อื่นคราแรกซ้ำยังดีต่อผู้อื่นไม่เป็นแม้ว่าจะ
จนกระทั่งหลายวันผ่านไปสถานที่จากไปแล้วหลีหนิงหนิงไม่อยากกลับมาเหยียบย้ำอีกด้วยซ้ำ ใบหน้าของนางจึงไม่ค่อยดีอารมณ์ไม่เบิกบานนักซ่งเสวี่ยนปรายสายตาไปมองคนข้างกายแวบหนึ่ง เห็นด็รู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ในใจ “สินเดิมของเจ้าต้องทวงคืน” แม้ว่า ซ่งเสวี่ยนเองก็ไม่อยากจะหวนกลับมาที่นี้อีกก็ตามแต่ทว่า หลีหนิงหนิงสมควรจะต้องมาทวงของที่เป็นของนางคืนนางเบ้ปากถอนหายใจเบา จากนั้นพูดเบา ๆ “กลับเลยได้หรือไม่”“ไม่” ซ่งเสวี่ยนตอบขณะที่เซินฮูหยินนั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางห้องโถง ใบหน้าบึ้งตึงไม่เอ่ยวาจาอันใดถัดไปข้างกันแล้วมีลี่เฉี่ยงนั่งยกยิ้มดูเคลนในใจ“มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่มักอวดตนฉลาด” เซินฮูหยินเชิดหน้าพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนม แม้แต่ปรายสายตามองลูกเลี้ยงและลูกสะใภ้ที่อวดดีนางยังไม่อยากจะมองด้วยเหอะ! ไปได้ไม่นานก็ซมซานกับมาเลียขาแล้วเซินฮูหยินดูเคลนในใจอย่างสมเพช“นี่ไม่ต่างอะไรกับน้ำที่สาดออกไปใช่หรือไม่ขอรับท่านแม่” ลี่เฉี่ยวอยากจะเอาใจมารดาแต่กลับเป็นโง่ที่อวดฉลาดโดยแท้หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วพลันหลุดหัวเราะทันที ช่างประจบสอพลอแต่กลับพูดออมาโดยไม่ไตร่ตรองเสียก่อน “รู้จักเปรียบเปรยย่อมดีไม่น้อย แต
หลีหนิงหนิงชะโชกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างไม่เงาของผู้ใดทั้งสิ้นซ้ำทั่วทั้งจวนมีเพียงแค่ห้องนอนเท่านั้นที่จุดตะเกียงแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามไฮ่ (21.00-23.00) แต่ทั้งนางและซ่งเสวี่ยนต่างไม่มีผู้ใดข่มตานอนหลับได้ หลีหนิงหนิงกับมานั่งเหยียดหลังพิงหัวเตียงดังเดิม สายตาทอดมองบุรุษที่นั่งอยู่ปลายเตียงเงียบ ๆ ผู้เดียว“พอแล้ว” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทว่าซ่งเสวี่ยนยังคงไม่หยุด เขายังคงนำผ้าชุบน้ำอุ่นผืนหนึ่งมาประคบขาของหลีหนิงหนิงตรงที่บาดเจ็บไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด“หากยังไม่หยุดขาของข้าคงกลายเป็นไก่ย่างแล้ว”บรรยากาศที่กระอักกระอ่วนยิ่งน่ำแย่เข้าไปอีก ซ่งเสวี่ยนหยุดการกระทำซ้ำ ๆ ลงแล้วแต่กลับนั่งนิ่งเฉยไม่ยอมขยับกายหนีหรือแม้แต่หันมาสบตานางหลีหนิงหนิงเห็นแล้วปวดใจนักภายในใจของซ่งเสวี่ยนคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะวะไม่น้อย เขาถนุถนอมหลีหลินว่านมากับมือแต่กลับเป็นผู้ลงมือทำร้ายเสียเองเหตุผลข้อนี้หลีหนิงหนิงเข้าใจได้“ขยับให้ใกล้ข้าหน่อย” หลีหนิงหนิงออกคำสั่งสายตาเมล็ดชิ่งมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าตาปริบ ๆ ฉายแววความห่วงใย หลีหนิงหนิงตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับกายเข้ามาแทนแม้จะรู้สึกปวดระบมที่ข้อเท้าจ
ยามนี้ใบหน้าของหลีหลินว่านเปราะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลมองดูแล้วช่างน่าสงสารไม่น้อย แต่นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกับแข็งกร้าวไม่ยอมโอนอ่อน มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่ด้วยความโกรธ ร่างทั้งร่างสั่นทึ่มด้วยความโกรธ“ข้าจะถามท่านอีกคราซ่งเสวี่ยน!” น้ำเสียงของนางดังก้อง “ระหว่างข้ากับหลีหนิงหนิงท่านจะเลือกผู้ใด”ซ่งเสวี่ยนมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ทว่ามีกลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านจนอึดอัดไม่น้อยที่ผ่านมาราวกับนางไม่มีใช่หลีหลินว่านที่เขารู้จัก“เจ้ากลับไปก่อนเถอะหลีหลินว่าน” หลีหนิงหนิงเอ่ย สถานการณ์เริ่มย้ำแย่กว่าคิดไว้นางเพียงเกรงว่าซ่งเสวี่ยนจะพลั้งลงมือทำร้ายจริง ๆ เมื่อหลีหลินว่านยังคงพร่ำพูดพรรณาไม่หยุดราวกับเรื่องทั้งหมดมิใช่ความผิดของนางเอง“เจ้าตบหน้าข้า! ทำร้ายข้า! คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ งั้นหรือหลีหนิงหนิง”เอาความผิดของคนเองมาโยนใช่ผู้อื่น ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดหลีหนิงหนิงขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าไม่สู้ดีนัก สตรีตรงหร้าเสียสติเป็นบ้าไปแล้ว “ออกไปก่อนที่ข้าจะทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้” นางกัดฟันพูดท่าทางเกรี้ยวกราด“ได้ยินหรือไม่ซ่งเสวี่ยน! ว่าหลีหนิงหนิงนั้นร้ายกาจเพียงใด