"เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เคยมีความรู้สึกอยากเห็นเลย แต่มันก็ชินซะแล้วบางทีก็แยกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่านี่คนหรือเปล่า "
" เหมือนในหนังป่ะ หน้าเละ แล้วโผล่มาตุ้งแช่ ฮ่ะฮ่าๆๆๆ "เอพูดขำๆใส่เพื่อนหลิ่วตาล้อเลียน
"โอ๊ย..อีบ้ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เป็นแค่ความรู้สึก ล่องลอยไร้ร่างกาย บางร่างที่ดูเข้มข้นจะแยกไม่ออกว่าคนหรือผีเพราะว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ตัว ว่าจะไปแล้วในบางคนก็มีความเป็นห่วงอย่างสาหัสจนผูกพันเป็นสัญญา ก็มุ่งมั่นอยู่แต่เรื่องเดียวนั่นแหละ ส่วนบางคนก็สับสน ยังหาทางออกไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหนแต่ส่วนใหญ่จะเสียใจนะ เคยดูป่ะข่าวคนผีเข้าอ่ะ ส่วนใหญ่ก็ร้องไห้ร้องไห้หาพ่อหาแม่ร้องไห้เสียใจที่ตอนยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ" บอสพูดพลางถอนหายใจ
"แล้วถ้าเราไม่เห็นน่ะดีแล้ว เพราะอย่างฉันที่เห็นก็ทำเป็นไม่เห็นเอาไว้ก่อนไม่งั้นเขาก็จะมาขอให้ช่วยกันอยู่นั่นแหละอย่าไปคิดอยากเห็นเลยแก ทำบุญเถอะ นั่งสมาธิสวดมนต์กัน จะได้แผ่กุศลไปให้พวกเขา หนักจะได้เป็นเบา ที่ทำอยู่นี่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่นนะหลักๆก็ช่วยตัวเองเนี่ยแหละ"
บอสพูดยาวเหยียด ถามไปแค่คำเดียว มันคงรู้สึกอัดอั้นตันใจมาก เพราะทุกวันนี้บางทีก็เห็นมันยืนคุยคนเดียว เพื่อนๆก็ค่อยๆถอยห่างไม่ค่อยกล้าคบหา ไม่ได้กลัวว่ามันบ้า แต่กลัวจะเห็นเหมือนมันขึ้นมาวันไหนจะยุ่งล่ะสิ
ส่วนเอก็คบบอสเพื่อผลประโยชน์เหมือนกัน
"เออยากเจอพ่อ" วันนึงบอสจะเห็นพ่อไหมแล้วจะบอกพ่อ ได้ไหม
เค้าว่าคนฆ่าตัวตายต้องไปนรกหรือไม่ก็ต้องฆ่าตัวตายซ้ำๆถึง 500 ชาติ ทุกครั้งที่เอมีโอกาสถือศีลภาวนาหรือเรียนกรรมฐาน สิ่งแรกที่เอจะทำตอนกรวดน้ำก็คือพูดชื่อพ่อแล้วก็อุทิศถึงพระยายมราชและเหล่านายนิรยบาล ผู้คุมกฎในนรก เผื่อว่าบุญกุศลที่ส่งไปท่านจะเมตตาไปกระซิบบอกพ่อเราบ้าง
เอไม่เคยเห็นผีเหมือนบอส ถ้ามีความรู้สึกขนลุกพองบ้าง เวลาเดินผ่านสุสาน หรือยามดึกลมพัดใบไม้ไหว หนุ่มหัวใจสาวแบบเอ ก็ตื่นเต้นหูตาเหลือกไม่ต่างจาก หญิงสาวเต็มตัว
ที่นี่เป็นโรงเรียนคริสเตียน ด้านหลังโรงเรียนเป็นสุสานขนาดใหญ่มหึมา ที่ชาวคริสทั้งหลายในจังหวัดนี้ นิยมมาฝังร่าง เกือบ 50 ปี สุสานได้เพิ่มขนาดจนใหญ่โต
ความเชื่อแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน ถ้าคนพุทธเราเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ส่วนคนคริสต์ เขาเชื่อว่า บาปได้รับการอภัยได้หากสารภาพกับพระเป็นเจ้า ครีมก็ไม่รู้นะว่าพวกเขายังรอพระเป็นเจ้า อยู่ที่หลุมศพไหม
หลังโรงเรียนยามราตรีดินแดนต้องห้าม นอกจากมีรั้วกั้นถึงสามชั้น รั้วลวดหนาม รั้วโลหะ และรั้วคอนกรีต แต่มันก็ไม่สามารถกั้นสายลม ที่พัดหวีดมาจากฝั่งนั้นได้
ถัดจากสุสานมาเป็นโบสถ์ ลานกว้าง และหอนอนที่อยู่ชิดกำแพงฝั่งขวา ตัวโรงเรียนอยู่ทางด้านหน้า สถาปัตยกรรม คล้ายเป็น ขั้นบันได มีลานกว้างเป็นจุดศูนย์กลาง
ลมพัดจาก สุสานแทรกตัวผ่านลานกว้างปะทะแนวต้นอโศก จะว่าหนาวก็ไม่มากแต่ความรู้สึกมันเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ หลังจาก อ่านจดหมายนัดพบของพี่เลิศและซ่อนซุกตัวรอริมกำแพงนาน รอจนเมื่อยตัวแข็ง พี่เลิศก็โผล่มา เอ แทบคลั่งตายในอ้อมอกคนรัก นี่อาจจะเป็น กอดสุดท้ายก่อนจาก หรือจูบสุดท้ายก็ได้ ขณะที่กำลังพัวพันกันอยู่นั้นเองก็มีเสียง กระโดดลงจากกำแพงและเสียง ฝีเท้า
ขยับตัวก็ไม่ได้ ถ้าขยับใบร่วงของอโศกจะส่งเสียงแกรกกราก ตอนนี้ไม่ต่างจากยืนบนดงระเบิด ทั้งสองได้แต่นิ่งพิงกายกันและกัน เหงื่อเย็นเยียบซึมบนฝ่ามือ ทำไมเราต้องซ่อนล่ะ แต่จะให้ใครเห็นก็ไม่ได้เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ทั้งๆที่คนที่เดินผ่านเราไปนั้นคือ
พี่โบว์ หัวหน้าแก๊งนางฟ้า
อ้าวก็คนที่เรารู้จักนี่นา ไม่ใช่หัวหน้านักเรียนซะหน่อย ในใจเอคิดอย่างนั้น สามัญสำนึกมันก็บอกว่าให้เสียงตุ๊บ 2 ตุ๊บที่ได้ยินน่ะ เสียงมันหนัก ทะมึนน่ากลัว และไม่ใช่ เอคนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น พี่เลิศ แหล่งพักพิงทางใจของเอก็รู้สึกเช่นกัน เขาตัวแข็งนิ่งสนิท ไม่มีเสียงลอดผ่านไรฟันใดๆ
เอนึกถึงบอสขึ้นมาทันที ความรู้สึกผุดขึ้นมาเอง
พี่โบว์เดินผ่านแนวต้นไม้ที่เอซ่อนตัวอยู่ ตรงไปที่หอนอน พร้อมคนอีกคนที่เอไม่กล้าจะมองตรงๆ ไม่ใช่นักเรียนแน่ ตัวสูง แต่งตัวแปลก. ผมยาว ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าเหมือนอยู่ในหนังโบราณ ดูเหมือนจะมีแสง สว่างออกมาจากตัวด้วย
ลมพัดมาอีกวูบ พี่โบว์กอดอก เร่งฝีเท้าเร็วจี๋
หนุ่มกล้ามโต ผิวกายดำแดง มองมายังจุดที่ เอกับพี่เลิศซ่อนอยู่ แล้วยิ้มมุมปาก แว๊บหนึ่ง. จึงหันตัวรีบเดินตาม พี่โบว์ไป เอใจตกไปที่ตาตุ่ม สายสังวาลย์ที่เขาสวมสะท้อนแสงวับวาว ในใจของเอบอกว่านั่นไม่ใช่ ชุดแต่งกายหรือการซ้อม ละครเวทีของโรงเรียน
นั่นมัน มันเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน แต่ความรู้สึกมันคือใช่!!!
นั่นใครก็ไม่รู้เหมือนจะเป็น ยมทูตมารับวิญญาณ ไม่เหมือนในหนัง หรือในการ์ตูนที่เคยอ่านเคยดู ไม่มีมงกุฎเขาควายไม่มีคฑารูปเคียว สง่างามและดูสูงศักดิ์ ผิดกับชายใดๆในโลกมนุษย์
คิดได้อย่างนั้น ใจก็ตกวาบลงไปที่ข้อเท้า พี่โบว์!!!
เมื่อกล่าวถึง ผู้กำเนิดเกิดเป็นเทพ ถ้าเกิดบนตักของเทพอีกองค์หนึ่งก็คือเทวบุตรหรือเทพบุตร ถ้าเกิดบนที่นอน ก็เป็นบาทบริจา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหากเกิดบนที่นอนในทิพยวิมานของเทพองค์ใด ก็คือหนุ่มบำเรอหรือนางบำเรอของเทพองค์นั้น ซึ่งมีกรรมพัวพันกันมา ของแต่ละวิญญาณ เทวบุตรและเทวธิดาองค์ใด ที่มีผู้มาเกิดบนตักก็จะถูก ยกเป็นเทวบิดรและเทวมารดร ซึ่งแปลว่าเทพองค์นั้นมีผู้สืบทอดตำแหน่งแล้ว และตนเองก็ต้องไปผุดเกิดใหม่นะยังแห่งหนที่บุญนำพาเขาก็เหมือนกัน ไกรสรหรือจะเรียกว่า ไอ้ไกรสรคุณไกรสรนายไกรสร หรือท่านไกรสร หรือหัวโขนที่สวมไว้ในตำแหน่งพญายมราช หลังจากเขาได้รับตำแหน่งเมื่อนานมาแล้ว และได้ดมดอกไม้ที่เรียกว่าดอกไม้ระลึกชาติดอกปาริชาติ เขาก็ได้พบว่า ตัวเขาเป็นใครกำเนิดมาจากไหน และมีจุดมุ่งหมายยังไง หลังจากที่เขาได้นั่งตำแหน่งนี้เขาก็ตั้งความหวังไว้ว่าจะช่วยเหลือคนรอบตัว ที่ผูกพันและพัวพันกับเขา ให้สำเร็จ ให้มีความสุขอย่างน้อยก็อยู่ในภพภูมิที่ดี งานรับอสงไขยเวลาที่เขานั่งอยู่ณจุดนี้ เขาได้ช่วยคนรอบตัว ไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือแค่คนเดียว แผนการของเขาก็คือ อัพเกรด ตำแหน่ง เทวดา ขึ้นไปในจุดที่สูงสุด ถ้าเป
เรื่องวุ่นวายยังไม่จบ อีก 2 ชั่วโมงหลังจากนั้นก็มีเสียงรถพยาบาล วิ่งเข้ามาที่หอนอน และเสียงประกาศสั่ง จากมาสเตอร์ ว่าให้ทุกคนอยู่แต่ในห้องห้ามออกมาวุ่นวาย และเมื่อเช้าถัดมาเสียงเล่าลือซุบซิบไปทั่วว่า พี่โบว์อกหัก กินยาเกินขนาด ตอนนี้โคม่าอยู่โรงพยาบาลเอดักพบบอส ก่อนทางเข้าโรงอาหาร "บอสเรามีอะไรจะคุยด้วย"ได้สิ แต่เรายังไม่ว่างนะ แม่เรา อยากให้เราไปช่วยก่อนแม่ของบอส ประมูลร้านอาหารในโรงอาหารของโรงเรียน ได้ทุกปี ร้านของแม่บอสก็จะเป็นอาหาร แบบพวกข้าวแกงตามสั่ง และถ้าเพื่อนคนไหนสนิทสนมกันก็จะแอบเอาอาหารที่พ่อกับแม่ให้จากบ้านมาฝากในตู้เย็นของร้านนี้ อย่างเช่นไอ้โจที่ชอบเอาเป็ดไก่มาฝากไว้เป็นประจำช่วง ประมาณ11.45 หน้าที่ของบอสก็คือ ช่วยหยิบนั่นจับนี่ส่งแม่ในครัวจนกว่าจะถึงเวลา 12:45 น ซึ่งเขาจะต้องไปกินอาหารและเตรียมตัวเข้าชั้นเรียนต่อไป เอรอ 45 นาทีนั้นอย่างกระวนกระวาย จนกระทั่งบอสยิ้มแผล่ออกมาจากครัวพร้อมข้าวผัด 2 จาน"มีอะไรลับนักหนาอะไรด่วนถึงขนาดรอที่โต๊ะนางฟ้าไม่ได้..ฮึอีเอ " จีบปากจีบคอกะแหนะกะแหนเพื่อน บอสไม่ได้เป็นสาวสองเขาเป็นชายหนุ่มเจ้าเนื้อตัวกำยำผิวเข้มผมหยักศกดำสนิท
ชัชเทวบุตรจ้องมองลงไปในบันทึกความทรงจำของนายทวี มันสนุกมาก มันคือทีวี หรือ netflix ของ ชาว เทวดา นี่ เอง เมื่อก้มหน้าลงอ่านในบันทึก ก็ถูกดูดลงไปในเวลานั้นทันที ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เหมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย เพียงแต่สัมผัสแตะต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขไม่ได้ และไม่มีใครเห็นว่ามีตัวตนยืนอยู่ มองอยู่ ทุกอย่างมันฉายชัดยิ่งกว่าหนัง3Dแว๊บเดียวพยายมราชคนใหม่ล่าสุดก็ไปยืนอยู่ท่ามกลางพิธีจบการศึกษาชั้นม.6ซะแล้ววันฉลองจบการศึกษารับประกาศนียบัตร ฉันจำได้ดี เป็นวันที่มีความสุข ที่สุดในชีวิตนักเรียนนายทวี บุญอารักษ์ ชั้นม. 6 เกรด 3.97เสียงมาสเตอร์ประกาศดังลั่นไมโครโฟน ชั้นลุกขึ้น เพื่อเดินขึ้นไปรับประกาศ เอามือจับกลีบกางเกงเล็กน้อย ลูบผมให้เรียบแปล้ วันนี้ห้ามติดกิ๊บ ครูเขาขอไว้ ทำตัวให้ ดูธรรมดา ที่สุด ก็จะมีผู้ปกครองคนอื่นมาจำนวนมาก แม่ก็ไม่มาเหมือนเคยแต่ก็ใครสนกันล่ะ ชินแล้ว ครูไม่ประสงค์จะให้ใครรู้ว่าที่นี่มีแก๊งค์นางฟ้า ทำตัวให้แมนที่สุด เพื่อที่จะได้ถ่ายรูป ปี 2552 มันก็แบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าอีก 10 ปีต่อมาเขาจะมีสมรสเท่าเทียม และไม่มีใครรังเกียจชายใจหญิงอย่างพวกเราแล้วใจหายเหมือนกันน
500 บาทแรก หมดไป กับ ค่าข้าวเย็นค่ารถทัวร์ ค่ามอเตอร์ไซค์ เดินทางตะลอนหาที่พัก ห้องเช่าที่แตกต่างจากหอนอน ที่โรงเรียนราวฟ้ากับเหว เป็นห้องเล็กๆที่มี โต๊ะ 1 ตัวอยู่ปลายเท้า เตียงนอนขนาด 3.5 ไม่มีแอร์ พัดลม เพดาน หมุนติ้ว เหมือนกำลังจะหล่นใส่หัว ห้องน้ำรวม แต่พออยู่ได้. ราคารวมน้ำไฟแล้วเดือนละ 1,200 บาท เหลือ 300 บาท กับเศษเหรียญและแบงค์ 20 ตังค์ทอน รวมๆแล้วไม่เกิน 400คนที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ ก็คือ คนขายของหาบเร่ ผู้หญิงหากิน สาวเชียร์เบียร์ แม่ค้าส้มตำ สาวเสิร์ฟ และนักเต้น คาบาเร่ กลุ่มเป้าหมายในใจของเอ ที่มาพัทยาคราวนี้ก็ตั้งใจมาก ที่จะมาหากินในทางที่ตัวเองถนัด ก็คือเขาชอบเต้นแล้วก็อยากเป็นหลังจากได้ห้องเก็บกระเป๋าแล้ว ก็ไม่รู้จะหันไปทางไหนต่อ ไม่รู้จักใครเลย ได้แต่ส่งยิ้มจางๆ ให้กับคนรอบตัวที่หันมาสบตา ลงนึกภาพตามนะกระเทยหัวโปก หมายถึง ผมสั้นเกรียน แบบเด็กนักเรียนจบใหม่ หน้าขาวแก้มนิ่ม ขนตางอนยาว อ่อนไหวและอ่อนวัย ไร้ประสบการณ์ นี่มันคือ เจ้าหมูตัวขาวที่รอ หมาจิ้งจอกมาจับเหยื่อชัดๆเอ เดินออก มานั่งหน้าห้อง ยามนี้โพล้เพล้แล้วพระอาทิตย์กำลังจะตกดินท้องฟ้าเป็นสีวนิลา ห้องเช่าทำ แผงสั
เมื่อทั้ง 3 คนมาถึงหน้าอภิมหาอาคารหรู มันไม่ใช่คฤหาสน์แต่มันเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีที่จอดรถด้านหน้า พร้อมทั้งวงเวียนน้ำพุรูปม้ากำลัง กระโจนโผเผ่นทะยาน ชัชเทวบุตรก็มากับเขาด้วย อารมณ์เหมือน นั่งมาบนหลังคารถ ตอนที่เขายังมีชีวิต เป็นมนุษย์อยู่ เขาก็ไม่ได้ท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ นี่คือการเปิดหูเปิดตาแท้ๆทั้ง 3 คนลงจากแท็กซี่ พี่แป๊ดกรีดนิ้วโชว์เล็บปลอมขนาดยาว ราวกับว่าจะไปฟ้อนเล็บหลังเลิกงาน ส่งสัญญาณ บอกให้รปภ.เปิดประตูให้ เหมือนแกมาหลายครั้งแล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยยิ้มมุมปากแล้วกดเปิดประตู อัตโนมัติ สีดำติดฟิล์มหนา ให้ทันที ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้มประตูโค้งส่งโรมัน ที่ ข้างเสาคู่ด้านหน้ามีคิวปิดคู่นึงสีขาวประดับอยู่เป็นคิวปิดที่ไม่ใช่ เด็กผู้ชาย มีปีก ผมลอน ถือลูกศรแล้วแก้ผ้า แต่เป็น รูปปั้น คิวปิด ปูนปลาสเตอร์ ชายหนุ่ม กล้ามโต มีปีกผมลอน ขนาดเท่าคนจริงใช้มือปิดอวัยวะส่วนลับ ที่ใหญ่ราวกับ ห่อข้าวมันไก่ ท่าทางเหนียมอาย เหมือนว่าศิลปินผู้ปั้นจะประสบความสำเร็จเพราะไม่มีใครเลย เดินผ่าน โดยไม่มอง แถมยังอยากจะมองให้ทะลุมือผ่านไปอีกด้วยซ้ำผ่านประตูเข้าไปแล้ว ที่นี่ก็คือฮอลล์ขนาดใหญ่ ได
เมื่อเปิดประตูเข้าไปมีเสียงผู้ชายกรีดร้อง แบบสาวแตกในขณะที่พี่แป๊ดก็ร้องเหมือนกันโอ๊ย...อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกใน แกโวยเสร็จก็หุ่งพรวดเข้าไปข้างในทันใดนั้นเอง ยังไม่ทันที่อีก 2 คนจะโผล่หน้าตามเข้าไปในห้อง รวมทั้งชัดเทวบุตรที่ต่อคิวเป็นคนที่ 4 ด้วย ทั้ง 3 ก็ต้องผงะออกมา เพราะประตูถูกเปิดสวนทาง สาวผมบลอนด์ยาว จะใส่ชุดแซกสั้นที่ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ เอามือขวาปิดปาก มือซ้ายดึงชายกระโปรง แล้ววิ่งพรวดพราดสวนไปทันที. เสียงรองเท้าส้นสูงดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อพี่เรียมแทรกตัวเข้าไปได้ เอก็ตามไปติดๆ สิ่งที่เห็นคือ ผู้จัดการ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ด้านหลังโต๊ะทำงาน เป็นกระจกสูง มองเห็นวิวของเมืองพัทยาทั้งเมืองรวมทั้งโค้งชายหาดแสนสวย ผู้จัดการ เป็นชายไหล่กว้างตัวสูงเกือบ 2 เมตร ในชุดสูทหันหลัง และ มองเห็นภาพสะท้อนออกมาจากกระจกใส ทำท่าเหมือนกำลังใส่เข็มขัด ทั้ง 3 คนพี่แป๊ดเรียมและเอ ยืนเรียงกันหน้าโต๊ะเหมือนนักเรียนโดนครูฝ่ายปกครองเรียกมาทำโทษ พี่แป๊ดแก้มแดงไปจนถึงหู ส่วนพี่เรียมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอก็เก้ๆกังๆ ชัชเทวบุตรลอยเลื่อนขึ้นไปนั่งบนโซฟา รอดูการแสดงอย่างใจจดใจจ่อ"เอาเงินมาส่
คืนนั้นพระจันทร์สว่างมาก น่าจะเป็นวันเพ็ญ แสง แสงจันทร์ส่องทาง สว่างกว่าแสงไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ ชายหญิงคู่นึงประคองกันวิ่งกึ่งเดินอย่างรีบร้อนผ่านตรอก ผู้หญิงหิ้วกระเป๋าผ้าท่าทางมีน้ำหนัก ฝ่ายชายมือข้างนึงจับแขนหญิงสาวอีกมือกุมด้ามปืนไว้แนบขา"พี่ชัชฉันไม่ไหวแล้ว พักหน่อยได้ไหม""ไม่ได้ทนหน่อย อีกนิดเดียวก็จะเจอรถแล้ว เดี๋ยวพี่อุ้มณาไปชายหนุ่มเสียบปืนเข้าที่เข็มขัด สองมือช้อนเอาหญิงสาวอุ้มแนบอก อุณากอดกระเป๋าแน่นที่หวงนักหนาไม่ใช่เสื้อผ้าแต่คือเงินอัดแน่น พร้อมจะเอาไปสร้างอนาคตด้วยกัน ศีรษะซบลงบนอกชายหนุ่มคนรัก หัวใจของเขาเต้นดังมันดังมากเปรี้ยง.....ดังเหมือนฟ้าผ่าเสียงสุดท้าย ก่อนทุกอย่างมืดดำสนิทชัช เจ็บมาก. ก้มลงมองเห็น เลือดและเศษสมองกระจาย เต็มอก เค้ารู้สึกว่าโดนยิงจากทางด้านหลังแล้วก็ควบคุมร่างกายไม่ได้อีก อุณาเมียรัก ร่วงลงจากอ้อมกอดแล้วทุกอย่างก็มืดลงเสียงหวอดังสนั่น เสียงในวิทยุเจ้าหน้าที่ดังเป็นระยะ"เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตสองศพ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งคนร้ายหนีไปได้ครับท่าน" เสียงดังฟังชัดร้อยเวรรายงานผู้บังคับบัญชา"แล้วเหตุการณ์มันเป็นยังงัยหมวด"ชายวัยกลางคนใ
ชัช ไชนานนท์ ลืมตาอีกครั้งเขาอยู่บนบัลลังก์สีทอง บนตักของชายคนนึง ทั้งร่างคนผู้นั้นเปล่งประกายสีทอง ผิวกายดำแดง กำยำ สวมมงกุฎ ถอดเสื้อพาดเพียงสายสังวาลสีทองประดับอัญมณีสุดอลังการ นุ่งผ้าแดงทอสอดดิ้นละเอียดนุ่มเขาตื่นขึ้นสำรวจตัวเองมองเห็นเป็นในร่างผู้ชายโตเต็มวัย ผมยาว ผิวพรรณ ละเอียด เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เพียงก้มมองร่างก็พบว่าตนเองก็อยู่ในชุดละม้ายคล้ายชายผู้นั้น เพียงแต่แสงรอบกายไม่ได้มีประกายสว่างไสว ด้วยความตกใจจึงกระโดดลงจากตักชายผู้นั้นเทวบุตรอุบัติแล้ว เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณเขากวาดตามองไปโดยรอบก็พบว่า คล้ายอยู่ในท้องพระโรง รอบตัว นอกจากตักชายบนบัลลังก์ที่เขาเพิ่งกระโดดลงมาแล้ว ทุกสิ่งก็ยังปูลาดไปด้วยพรมสีทองสลับแดง สัมผัสอ่อนนุ่มอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ลวดลายบนต้นเสาและผนัง วิจิตรบรรจงยิ่งนักที่แปลกกว่าคือคนรอบตัวล้วนจ้องมองมาที่เขาทั้งสิ้น ด้านซ้ายและด้านขวา มีตั่งที่นั่งขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีสมุดปกหนังเล่มใหญ่หนาหนักกางออก คนที่นั่งอยู่บนฝั่งนั้น ก็มีรูปร่างใหญ่โต ถอดเสื้อ ประดับกายด้วย เครื่องประดับอัญมณี งดงาม มองผิวเผินนึกว่าเป็นฝาแฝดกันทั้งซ้ายและขวา คน