หนิงหลงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเย่วเล่อที่ยังคงนอนหลับอยู่... แม้แต่ยามที่นางหลับเช่นนี้ก็ยังคงน่าหลงใหล เมื่อคืนกว่าเราจะได้นอนกันก็เกือบรุ่งสาง แน่นอนว่ามันคือการนอนเฉยๆไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจุมพิตนับร้อยครั้งเห็นจะได้
ความหวั่นไหวก่อตัวขึ้นมาในใจ ท่ามกลางเสียงที่เด่นชัดของสายลมและเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินมา... ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอาเหยาที่นำเสื้อผ้าของแม่ทัพหนิงมาให้ "จะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับท่านแม่ทัพหนิง" หนิงหลงมองที่อาเหยาด้วยแววตาที่แปลกไปเล็กน้อย เพราะว่าเขามองเห็น..ดวงตาที่ราวกับไม่ใช่มนุษย์ของอาเหยา หมายความว่าชายผู้นี้เป็นปีศาจอย่างนั้นหรือ? อาเหยาชะงักเล็กน้อยเพราะรอบๆตัวของแม่ทัพกลับมีพลังปราณเซียนล้อมรอบเอาไว้ และมันคือพลังปราณที่คุ้นเคยอย่างพลังของเถ้าแก่เนี้ย "อืม ข้าจะทานที่นี่เลย" "เช่นนั้นท่านแม่ทัพโปรดรอสักครู่" เย่วเล่อลืมตาขึ้นมาเพราะเธอได้ยินเสียงพูดคุยในห้อง อาเหยาคงเข้ามาแล้วเป็นแน่ เจ้างูขี้บ่นตัวนั้นคงจะล่วงรู้แล้วว่าเธอสูญเสียพลังปราณในตัวให้หนิงหลงแล้ว "ตื่นแล้วหรือ?" เธอยกมือขึ้นมาบีบแก้มของเขาแรงๆก่อนจะลุกขึ้น เย่วเล่อโน้มใบหน้าของเขาลงมาก่อนที่เธอจะจุมพิตอย่างแผ่วเบากับเขาอีกครั้ง มือของหนิงหลงโอบรอบเอวของเธอเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังประคองร่างกายที่อ่อนแอของเย่วเล่อไว้อยู่ ถึงแม้จะล่วงรู้ว่าที่นางทำเช่นนี้เป็นเพราะว่านางต้องการปราณเซียนคืนแต่ทว่าการกระทำที่ลึกซึ้งเช่นนี้ใช่จะทำใจให้ชินได้โดยง่าย.. อาเหยาเป็นประตูเข้ามาอีกครั้ง เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป.. "ยกเข้ามาเลยอาเหยาข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!" เย่วเล่อผลักหนิงหลงออกช้าๆ เธอเดินไปที่โต๊ะทานข้าวก่อนจะเริ่มลงมือคีบอาหารพวกนั้นใส่ปาก... ตรงกันข้ามกับหนิงหลงที่เขายังคงยืนอึ้งอยู่ "บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลา..." เย่วเล่อถอนหายใจ นางโบกมือไปมาเพื่อให้อาเหยาออกจากห้องนี้ไป เธอยังไม่อยากจะถูกเจ้างูตัวนั้นบ่นในตอนนี้ เพียงแค่เท่านี้ก็คิดมาจะแย่อยู่แล้ว "ช่วงนี้ท่านมาอยู่กับข้าก่อนก็แล้วกัน" หนิงหลงนั่งลง เขาลอบมองใบหน้าที่หงุดหงิดของเย่วเล่อก่อนจะเริ่มลงมือทาน "...ข้าไม่อาจเดินทางออกจากค่ายทหารได้บ่อยขนาดนั้น" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านเอง ได้แต่หวังว่าท่านคงจะไม่..นอนกับสตรีใดในช่วงนี้" "นี่ท่านเห็นข้าเป็นบุรุษเช่นไรกัน?" เธอช้อนสายตามองหน้าเขา ริมฝีปากของหนิงหลงนั้นบวมแดงเล็กน้อย มันคงจะมาจากการจุมพิตอย่างบ้าระห่ำของเธอเมื่อคืนเป็นแน่ ทั้งที่ความปรารถนาของเขา...ลุกโชนขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าเขาก็ไม่แตะต้องเธอเลยแม้แต่น้อย เขายินยอมให้เธอจุมพิต โดยที่ไม่กระทำการอันใดที่เกินเลยมากกว่านั้น ชายผู้นี้คือบุรุษที่ดีผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ ยังไม่รวมที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ในครั้งนั้นด้วย "เอาตามนั้นก็แล้วกัน คืนนี้ข้าจะไปหาท่าน" "การเดินทางตอนกลางคืนอันตรายยิ่ง เอาเป็นว่าข้าจะส่งคนมารับเจ้าเอง..." เย่วเล่อพยักหน้า หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาราวกับมีขนนกปัดผ่านที่หัวใจ เธอมองหน้าเขาที่กำลังทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หนิงหลงคือชายรูปงามผู้หนึ่ง เขาเคร่งขรึมแต่ทว่ากลับอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาดูเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจและโหดเหี้ยมในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่คอยเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่บ่อยนักที่จะพบเจอชายแสนดีเช่นนี้ และไม่บ่อยนักที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นมา ด้วยวิสัยของเทพจิ้งจอก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สัตว์เช่นเธอจะสามารถบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ มือน้อยๆของท่านเทพบรรพกาลบรรจงอุ้มจิ้งจอกหิมะตัวน้อยขึ้นมา เขาลูบขนสีขาวที่นุ่มลื่นของเธอเบาๆ เลี้ยงดูด้วยความทะนุถนอม เย่วเล่อถือเป็นศิษย์รักเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะเธอนั่นช่างพูดและช่างเจรจา เพราะความเอาใจใส่ของท่านอาจารย์ทำให้เย่วเล่อสามารถเป็นเทพเซียนได้ไวกว่ากำหนดหลายร้อยปี การไม่มีปราณเซียนนั่นหมายความว่าเธอในยามนี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่สามารถแปลงร่างเป็นจิ้งจอกได้ มิได้มีพลังอะไรเลย "เอาแบบนั้นก็ได้" สายตาของหนิงหลง เขาเป็นห่วงเย่วเล่อมากทีเดียว ดวงตายามที่มันรื้นไปด้วยน้ำตาของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ เขาไม่อยากให้ใบหน้าที่งดล้ำนั้นจะต้องร้องไห้ เพราะหยาดน้ำตาไม่เหมาะกับนางเลย เมื่อหนิงหลงเดินออกมาเขาก็พบเจอกับอาเหยาที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "หากไม่เป็นการรบกวน ให้ข้าน้อยได้เดินไปส่งท่านแม่ทัพนะขอรับ" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าปีศาจตนนี้ คงจะมีเรื่องพูดกับเขาเป็นแน่ "ได้สิ หากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพลังปราณ เจ้าสามารถบอกกล่าว..กับข้าได้เลย" อาเหยาก้มหน้าเล็กน้อยพร้อมกับแย้มยิ้ม บุรุษข้างกายนี้มิได้เป็นคนโง่ อีกทั้งยังเป็นคนที่เดาใจได้ยากมากทีเดียว "ข้าน้อยติดตามเถ้าแก่เนี้ยมาสามร้อยปีเห็นจะได้ ตั้งแต่สร้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ๆ มีแขกมากหน้าหลายตาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป คนแล้วคนเล่าที่เถ้าแก่เนี้ยคนงามแต่งงานด้วย แต่ทว่าเรื่องการส่งมอบปราณเซียนเรื่องเช่นนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยขอรับ" รู้สึก..ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เจ้างูนี่กล่าวว่าเย่วเล่อแต่งงานหลายครั้ง "มันเป็นเรื่องที่เย่วเล่อมิได้ตั้งใจ.." อาเหยาเลิกคิ้วมองแม่ทัพหนิง เถ้าแก่เนี้ยไม่ชื่นชอบชื่อของตัวเองสักเท่าไหร่ จึงมักจะใช้ชื่ออื่นตลอด แต่ทว่ากับชายผู้นี้กลับบอกกล่าวชื่อที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ? นี่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ในรอบหลายร้อยปีเลยก็ว่าได้ "เถ้าแก่เนี้ยนั้นแตกต่างจากเทพจิ้งจอกตนอื่นที่ข้าพบเจอมา เพราะนิสัยส่วนใหญ่ของเทพจิ้งจอกมักจะเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าเถ้าแก่เนี้ยมิได้..เป็นเช่นนั้น นางมักจะชื่นชอบการอยู่คนเดียวหรือไม่ก็การมองดูผู้คนมากมายผ่านทางหน้าต่างมากกว่าจะลงมาที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามเถ้าแก่เนี้ยมายังไม่เคยเห็นนางใช้พลังเลยสักครั้งเดียว...แต่ทว่าไม่ใช้มิได้หมายความว่าไม่สำคัญ" หนิงหลงหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อเสียงของอาเหยานั้นต่ำลง "ร่างกายของนางจะอ่อนแอลงเพราะอายุที่ยาวนานนับนิรันดร์กำลังจะสิ้นสุดลง ยังไม่รวมกับประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมนั่นจะจางหายไปเพราะมันไปอยู่กับท่านแม่ทัพ ทางที่ดีท่านแม่ทัพควรจะส่งคืนพลังให้แก่เถ้าแก่เนี้ยโดยไวนะขอรับ" "ตัวข้ามิได้คิดที่จะฉวยโอกาสเอาพลังนี้เป็นของตน ข้าและเย่วเล่อกำลังหาทางส่งคืนพลังนี้อยู่..." อาเหยาก้มหน้าลงอีกครั้ง "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านแม่ทัพ อาเหยาคงจะขอส่งท่านแม่ทัพหนิงเพียงเท่านี้เพราะที่โรงเตี๊ยมมีงานมากมายที่จะต้องจัดการ"น่าแปลกที่วันนี้ฝนไม่ตก ทั้งที่เมื่อวานตกหนักมากมายขนาดนั้น เย่วเล่อถือพัดลายดอกมู่ตานสีชมพูเอาไว้ในมือ ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นมาส่งให้จุนเฟิงที่นั่งอยู่บนรถม้าร่วมกันกับเธอเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับทำท่าทีเขินอายมาสักพักแล้ว ราวกับว่าเขาคิดว่าเธอและหนิงหลงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน"อันที่จริง วันนี้ข้ามีธุระกับท่านแม่ทัพนิดหน่อยเท่านั้นเอง...การมาพบกันครั้งนี้มิได้..มีเรื่องที่เกินเลย..""สายตาของข้ามิได้มองเถ้าแก่เนี้ยเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าน้อยเพียงยินดีที่ท่านแม่ทัพหนิงยอมเปิดใจรับสตรีสักนางเข้ามาในหัวใจอันบอบช้ำของท่าน..."หมายความว่ายังไงกันนะ หนิงหลงพึ่งถูกทิ้งมาอย่างนั้นหรือ?"อ่า..เรื่องนั้น..""ท่านแม่ทัพหนิงพึ่งถูกทิ้งมาขอรับ น่าเห็นใจมากนะ ทั้งที่ตระกูลหนิงส่งของหมั้นไปแล้วแท้ๆแต่กลับยกเลิกงานมงคลในระหว่างที่ท่านแม่ทัพมาออกรบ เพราะฉะนั้นข้าน้อยยินดีมากขอรับ ที่สตรีคนใหม่ของท่านแม่ทัพจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนงาม"เย่วเล่อมิได้กล่าวคำใด เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า พร้อมกับหัวใจที่มีอาการหน่วงเล็กน้อย.. นี่คงจะเป็นเหตุผลที่เสน่ห์อันล้ำเลิศของเธอไม่สามารถทลายกำแพงที่สูงชันในใจข
ไปกันใหญ่แล้ว...ใครจะไปแต่งงานกับเขากัน!!"ข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น อีกทั้งเราแค่...""ท่านแม่ทัพจะแต่งงานอย่างนั้นหรือครับ!!"จุนเฟิงเดินเข้ามาพร้อมกับทหารอีกสองคนที่กำลังหอบกระดาษพะรุงพะรัง และเนื่องจากเสียงตะโกนของจุนเฟิงทำให้ตอนนี้ทหารที่อยู่ด้านนอกแห่เข้ามาออเต็มหน้าประตูห้องของหนิงหลงเย่วเล่อยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ก่อนที่เธอจะปั้นยิ้มที่แสนงดงามขึ้นมา"อ่า..ว่าที่ฮูหยินของท่านแม่ทัพงดงามมากจริงๆ""ไม่ใช่แบบนั้น...""นั่นเถ้าแก่เนี้ยคนงามไม่ใช่รึไง ยินดีด้วยนะขอรับท่านแม่ทัพในที่สุดก็มีบุรุษที่สามารถเอาชนะใจของเถ้าแก่เนี้ยได้"คำยินดีอีกมากมายนับไม่ถ้วนถูกกล่าวขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครสักคนฟังคำปฏิเสธจากเธอเลย พวกเขาต่างโห่ร้อง สรรเสริญและยินดี"ทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้ล่ะครับเถ้าแก่เนี้ย สินสอดพวกนี้คืออะไรกัน?"อาเหยาเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องไม้หลายร้อยกล่องที่ถูกส่งมา ส่วนเย่วเล่อในตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงที่มีขวดเหล้าวางเรียงราย"ไม่รู้สิ ในเมื่อเขาส่งมาให้ก็รับเอาไว้เถอะน่า"ถึงอย่างไรการแต่งงานกับหนิงหลงก็มิได้แย่อะไร เพราะว่าหลังจากนี้จะไม่มีบุรุษหน้าไหนมาเกาะแกะเธออีก แล้วก็จะไม
เย่วเล่อช้อนสายตามองหน้าของหนิงหลงด้วยแววตาที่สั่นระริก เป็นครั้งแรกที่ในใจเกิดอาการเขินอายขึ้นมา.."หรือว่าวันนี้ ข้าควรจะเป็นฝ่ายเริ่ม"เขากอบกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ เยว่เล่อซบหน้าลงบนฝ่ามือของเขา...เราอยู่ใกล้กันเสียจนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อนของเขาหนิงหลงมีได้รีรอให้เธอกล่าวคำใดออกมา เพราะว่าเขาโน้มใบหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากกับเธออย่างแผ่วเบา..เรียวลิ้นร้อนของเขากำลังรุกล้ำเข้าไปในริมฝีปากของเธอ เราบดเบียดร่างกายเข้าหากันราวกับเรียวลิ้นที่กำลังสอดประสานในยามนี้...ความอ่อนโยนของเขากำลังหลอมละลายเธอช้าๆ ที่หูพลันอื้ออึง ดวงตาพร่ามัวไปหมด หัวใจเต้นแรงประดุจจะระเบิดออกมา หนิงหลงผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า..."รู้สึกดีขึ้นรึเปล่า?"เธอหลับตาลงช้าๆ ที่หูพลันได้ยินเสียงต่างๆที่อยู่ห่างไกลออกไป..ถึงจะเบาบางมากแต่ทว่าเธอนั้นได้ยิน"ราวกับว่า..ข้าเริ่มได้ปราณกลับมาแล้ว ถึงจะเบาบางมากแต่ทว่าข้าสัมผัสมันได้"ริมฝีปากได้รูปของหนิงหลงหยักยิ้มขึ้นมา"เช่นนั้นเรามาทำกัน..อีกรอบดีหรือไม่?"ไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของเธอมันร้อนมากจนไม่อาจทนเก็บอาการได้ แต่ทว่าหนิงหลงไม่รอให้เย่วเล่อปฏิเสธเพราะว่า
ในกระจกเงาสะท้อนใบหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มชาดลงไปอย่างเบาบาง เพราะว่าความงดงามที่มากล้นอยู่แล้ว สาวใช้จึงแต่งหน้าของเย่วเล่อให้เบาบางก็พอ เพราะแค่แต่งแต้มเพียงเล็กน้อย ใบหน้านี้ก็สามารถสะกดสายตาของผู้พบเห็นได้อย่างง่ายดาย"เสร็จแล้วเจ้าค่ะเถ้าแก่เนี้ย.."สาวใช้ก้มหน้าลงช้าๆก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เย่วเล่อใช้นิ้วมือกรีดกรายไปยังปิ่นปักผมมากมายที่อยู่เบื้องหน้า หนิงหลงนั้นใส่ใจมากทีเดียวเพราะเขาส่งทั้งสาวใช้ ชุดและเครื่องประดับมากมายพวกนี้มาให้เธอวันนี้คือวันที่เขาจะพาเธอไปยังงานหมั้นของหลิงหยุน สหายร่วมรบของหนิงหลง แน่นอนว่างานนี้มันคืองานเปิดตัวของเขาและเธอดูผิวเผินอาจจะไม่มีอะไร แต่ทว่าการออกไปร่วมงานพร้อมกันกับเขามันเหมือนกับการประกาศว่าเธอคือว่าที่ฮูหยินหนิง...ว่าที่ภรรยาของแม่ทัพหนิงหลงผู้เกรียงไกรริมฝีปากบางนั้นหยักยิ้มพร้อมกับหัวใจที่พลันเต้นแรงขึ้นมา เรายังคง..จุมพิตกันในทุกคราที่อยู่ชิดใกล้ แต่ทว่าก็ยังมิได้กระทำสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเป็นการเกินเลยมากไปกว่านั้นเธอรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นพยายามห้ามใจอย่างหนัก ในการกระทำเพียงแค่ทาบทับริมฝีปากลงมา แต่ทว่าเป็นเขาเองที่ยื่นข้อเสนอนี้ม
ใบหน้าที่คุ้นเคยเช่นนั้นไม่มีทางที่เย่วเล่อจะจำสหายที่อยู่ร่วมกันหลายร้อยปีไม่ได้ หัวใจพลันเต้นแรงและมือที่กำลังกอบกุมมือของหนิงหลงสั่นเทา...หนิงหลงมองเห็นท่าทีของเย่วเล่อแปลกไป เขายกมือขึ้นโอบเอวของนางไว้หลวมๆก่อนจะพาเธอมานั่งยังที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"นี่คือภรรยาของข้า...ลี่ถิง"หลิงหยุนเดินจูงมือว่าที่ภรรยาของเขามาแนะนำต่อหนิงหลงและเย่วเล่อ เพราะทั้งสองคือสหายร่วมรบที่ร่วมผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน หลิงหยุนจึงค่อนข้างให้ความสำคัญต่อหนิงหลงเป็นอย่างมาก เขาอยากจะให้ภรรยาของเราทั้งสองทำความรู้สึกเพราะวันข้างหน้าในอนาคต เขาก็อยากจะให้ลูกของเราทั้งสองเกี่ยวดองหากว่ามีโอกาสเยว่เล่อมองหน้าลี่ถิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เรามิได้พบหน้าเนิ่นนานหลายร้อยปีตั้งแต่ที่เธอหลบหนีออกมาจากหุบเขาแห่งเซียนได้มาพบกันในช่วงเวลาที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจอยู่บ้าง"ยินดีที่พบได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีนามว่าลี่ถิง ที่สวนด้านหน้าจวนดอกมู่ตานกำลังผลิบาน อยากจะขอเชิญฮูหยินน้อยหนิงออกไปร่วมชมบุปผางามด้วยกัน..."เย่วเล่อหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าของหนิงหลงเพื่อเป็นการขออนุญาต"เจ้าไปเถิด..
เย่วเล่อซบใบหน้าลงบนไหล่ของหนิงหลง เรานั่งอยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางกลับมา เธอนั่งอยู่บนตักของเขา มือทั้งสองข้าโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้ด้วยท่าทีที่ออดอ้อน ส่วนใบหน้าก็ซุกลงในซอกคอของเขาบ้าง ซบลงบนไหล่ของหนิงหลงบ้างแต่ถึงเย่วเล่อจะซุกซนมากแค่ไหน หนิงหลงก็มิได้กล่าวว่าหรือว่าขัดขวางการเชยชมร่างกายของเขาจากนางเลยแน่นอนว่าเย่วเล่อมีสิทธิ์ที่จะเชยชมเขาในทุกส่วนของร่างกายเพราะว่าเขาคือคนของนาง..."เหตุใดเจ้าถึงหนีมาจากหุบเขาแห่งเซียน.."เย่วเล่อเมินเฉยต่อคำถามของหนิงหลงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นางจะถอนหายใจเบาๆเพราะสายตาของหนิงหลงมันเยือกเย็นขึ้นมาเมื่อเธอไม่ตอบคำถามของเขา เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของหนิงหลงเอาไว้"สัญญามาก่อนว่าหากข้าบอกไปแล้วท่านจะไม่โกรธ...""ข้าดูเป็นคนที่ไร้เหตุผลเช่นนั้นเลยหรือ?"เย่วเล่อขบกัดที่ปลายคางของหนิงหลงด้วยความมันเขี้ยว"ข้าหนีมาเพราะคนที่ข้ารัก แต่งงานกับเทพพีผู้หนึ่ง"ความเงียบปกคลุมเราเอาไว้พร้อมกับเย่วเล่อที่ช้อนสายตามองหนิงหลงด้วยสายตาที่หวาดหวั่นเล็กน้อย ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเกือบปี แน่นอนว่าเธอรู้นิสัยของหนิงหลงดีทีเดียว เพราะว่าเขาคือชายที่ไหน้ำส้มแตกเ
หนิงหลงอุ้มเย่วเล่อขึ้นมาเพราะว่าฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นอีกคืนที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เขาวางสตรีอันเป็นที่รักลงบนเตียง ก่อนจะมองดวงหน้าที่งดงามนั้นอีกครั้งเพื่อจะยืนยันว่าสายตาของเรา..มันเป็นแบบเดียวกันเราต่างก็ต้องการที่จะก้าวข้ามความสัมพันธ์นี้ไปพร้อมๆกัน ผลลัพธ์มันเหมือนกันเพราะไม่ว่าอย่างไรนางคือภรรยาของเขาอย่างแน่นอน หนิงหลงจะไม่มีวันทอดทิ้งเย่วเล่อเอาไว้ข้างหลัง เขานั้นจะปกป้องและดูแลเธอด้วยชีวิตเขาพรมจูบที่เท้าของเย่วเล่อไล่ขึ้นไปจนถึงหัวเข่าของเธอ เย่วเล่อกำผ้าปูเตียงแน่น แน่นอนว่านี่มิใช่ครั้งแรกของเธอ เธอคือจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ที่ผ่านบุรุษมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าที่ผ่านมานั่นมันคือความใคร่ มิเคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่มันจะเป็นความรักดังเช่นครั้งนี้หัวใจพลันเต้นแรงจนไม่อาจหักห้ามความประหม่าเอาไว้ได้ ทุกสัมผัสที่แผ่วเบาของหนิงหลงมันสัมผัสเข้าไปจนถึงหัวใจของเธอ..ทุกการกระทำของเราทั้งสองมันขับเคลื่อนไปด้วยความรักทั้งสิ้น ทุกความเขินอายที่ออกมาจากในหน้าและท่าทางมันเป็นเพราะว่าเราทั้งสองต่างหวาดหวั่นและหวาดกลัวเพราะว่าเรานั้นใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากทีเดียวหนิงหลงถอดช
เย่วเล่อยกมือขึ้นมาขึ้นมาในอากาศ ดวงตาคู่งามจับจ้องที่นิ้วมือของตัวเอง พลังและสัมผัสที่เหนือธรรมชาติกลับมาแล้วแสงแดดอ่อนๆในยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าของหนิงหลง เขาในยามหลับนั้นยังคงหล่อเหลาและน่าเอ็นดูสำหรับเย่วเล่อมากทีเดียวเธอใช้นิ้วมือไล้ไปตามกรอบหน้าเขาเบาๆ ก่อนจะบีบจมูกเขาเล็กน้อยมือของหนิงหลงรีบคว้ามือของเย่วเล่อเอาไว้แน่น พร้อมกับออกแรงดึงแขนของนางเพื่อให้ร่างกายของนางเขยิบเข้ามาแนบชิดร่างกายของเขา ก่อนจะโอบกอดสตรีอันเป็นที่รักเอาไว้แน่น"...สายแล้ว""ช่างปะไร วันนี้ข้าลางานเอาไว้แล้ว"เย่วเล่อหรี่ตามองหนิงหลง มันราวกับว่าเขาวางแผนเอาไว้ยังไงอย่างนั้น เรื่องที่จะมานอนที่นี่น่ะ ดูท่าทางว่าสามีของเธอจะร้ายกาจมากกว่าที่คิดเอาเสียแล้ว"หิวแล้วอย่างนั้นหรือภรรยา..."ริมฝีปากบางหยักยิ้มเมื่อเขากล่าวเรียกขานเธอด้วยชื่อเช่นนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เพราะต่อให้ความตายจะพรากเราออกจากกันแต่ทว่าครั้งหนึ่งเธอนั้นเคยได้มีความสุข...ความสุขในการได้รักใครสักคน"ไม่เลย อันที่จริงตัวข้านั้นอยากจะโอบกอดสามีอีกสักหน่อย"หลิงหลงรู้สึกว่าความหวาดกลัวในตลอดทั้งคืนจางหายไปจนหมด
นี่คืองานแต่งที่ทวยเทพทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนมาร่วมยินดี งานแต่งของมหาเทพบรรพกาล กับเทพจิ้งจอกผู้งดงามราวกับภาพวาดแน่นอนว่ามู่หยางจัดงานอย่างยิ่งใหญ่โดยครั้งนี้เขามิได้คำนึงถึงฤกษ์มงคลใดๆ เขาจัดงานในทันทีที่อาการของเยว่เล่อดีขึ้น ยามนี้นางคือภรรยาของเขาอย่างแท้จริงและพวกเรากำลังอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เขารู้ดีว่าภรรยาชื่นชอบที่นี่ จึงมิคิดพานางไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้า "ภรรยาเจ้าติดค้างคืนเข้าหออยู่นะ..."เยว่เล่อหัวเราะเบาๆท่านเทพบรรพกาลผู้นี้จับเธอกินจนแทบมิเหลือเรี่ยวแรงในทุกค่ำคืน ยามนี้เธอเหนื่อยล้ากับการต้อนรับเทพที่มาร่วมยินดีเขาจะมิวายจะรังแกเธออีกอย่างนั้นหรือ"ท่านพี่ควรจะให้ข้าได้พักบ้าง"มู่หยางหัวเราะเบาๆ เขาอุ้มเยว่เล่อขึ้นมาวางเอาไว้บนเตียง"วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมอาเหยา ที่โรงเตี๊ยมนั่นของทุกอย่างที่เจ้าเคยใช้ อาเหยายังคงเก็บเอาไว้ให้เป็นอย่างดี..."เยว่เล่อส่งยิ้มจางๆให้สามี อาจจะเพราะเรานั้นอยู่ที่โลกมนุษย์มานาน คำเรียกขานเช่นนี้จึงสบายใจยิ่งกว่าการเรียกขานที่ห่างเหินอย่างที่พวกเซียนชอบกล่าวเธอคือภรรยาและเขาคือสามี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มิต้องการสิ่งใดที่ยุ่งย
หิมะโปรยปรายลงมาพร้อมกับเยว่เล่อที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เธอยกมือขึ้นมาเพื่อรอรับหิมะที่ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของหนิงหลงนั้นสลายหายไปในอากาศเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าพลังเซียนของเธอนั้นอ่อนแอลงจนไม่สามารถคงสภาพของเขาเอาไว้ได้ เธอยังคงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเขาทุกคืนก่อนนอน ถึงแม้ผิวกายของเขาจะเย็นเฉียบก็ไม่เป็นไร เธอยังคงพูดคุยกับเขาราวกับว่าเขายังอยู่ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะสูญสลายไปแล้ว...การมีชีวิตอยู่โดยไร้ท่านมันทรมานเหลือเกินหนิงหลง ข้าร่ำร้องขอความตายจากสวรรค์ในทุกค่ำคืนเผื่ออย่างน้อยที่ปลายทางมันจะมีท่านยืนรออยู่และแล้ววันที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึงในวันที่พลังเซียนของเธอกำลังจะหมดลง อายุขัยที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุด เยว่เล่อสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา เธอแต่งหน้าและแต่งตัวให้งดงามกว่าทุกวันเพื่อในยามที่ได้พบเจอหนิงหลง เธอจะได้งดงามที่สุดในสายตาของเขาเธอกำลังนั่งรอความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆให้หิมะพวกนี้ฝังกลบร่างของเธอเอาไว้ ร่างของสาวงามพลันหายไปเหลือเพียงแต่ร่างจิ้งจอกที่มีขนสีขาวกลมกลืนไปกับหิมะที่นอนหายใจรวยรินอยู่มารับข้าไปได้แล้ว.
ไร้สิ้นลมหายใจ หัวใจที่เคยเต้นแรงในยามที่โอบกอดเธอเอาไว้ ยามนี้มันไม่เต้นอีกแล้วปราณเซียนของเธอที่แบ่งให้เขาเอาไว้ถึงครึ่งบัดนั้นมันแตกสลายไปหมดแล้ว เธอมาช้าเกินไป เพราะมัวแต่ร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้นจึงไม่ได้มาทันล่ำลากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตาเพราะกับร่างกายที่สั่นเทา เยว่เล่อยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนที่นางจะลุกขึ้น "ใคร...ใครเป็นคนฆ่าเขา?" เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเมื่อถามถึงว่าใครกันที่สามารถล้มแม่ทัพหนิงผู้เกรียงไกรได้ ตามแขนและคอของหนิงหลงมีรอยเชือกแสดงว่าคนพวกนี้คงจะมัดมือมัดแขนของเขาเอาไว้หรืออาจจะมีการใช้ใครสักคนต่อรองเพื่อให้เขาวางอาวุธลง... แล้วยอมจำนน ไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นเพราะว่าเธอจะฆ่าให้หมด...จะนำเลือดของคนพวกนี้มาล้างเท้าให้หนิงหลงเสียให้หมดทุกคน มีมือมาแตะที่ไหล่ของเยว่เล่อ พอเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาเหยา "ในใจเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเถ้าแก่เนี้ยจะต้องมีเรื่อง...ถ้าท่านจะจัดการคนพวกนี้ ให้ข้าน้อยเป็นผู้กระทำเถิดนะขอรับ" เพราะเยว่เล่อเป็นเซียน อีกทั้งนางสูญเสียพลังเซียนไปกว่าครึ่ง ทุกๆการใช้พลังของเทพจิ้งจอกอ
หนิงหลงหรี่ตามองนักดนตรีผู้หนึ่งที่กำลังตีกลองอยู่ เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมาที่เขานั้นมันแตกต่างจากคนอื่นเพราะนางมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความโกรธ ส่วนนางรำนางอื่นๆต่างมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เย้ายวนอ่า..เขาคิดว่าเขาพบเจอภรรยาตัวเองแล้วล่ะนะ"หลิงหยุนวันนี้ข้าพบเจอสตรีที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้วล่ะสิ...""...มีสตรีใดที่งดงามมากกว่าภรรยาของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ? บ้าไปแล้วหนิงหลง"หนิงหลงยกมือขึ้นเพื่อให้การแสดงหยุด เขาเดินเข้ามาหานักดนตรีสาวที่กำลังนั่งตีกลองอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปหานาง"เจ้าบรรเลงเพลงได้ถูกใจข้ายิ่งนัก แน่นอนว่าข้าอยากจะฟังฝีมือในการบรรเลงเพลงของเจ้าให้ชัดเจนกว่านี้..ลุกขึ้นมาเถิด"เยว่เล่อถึงกับหน้าชา นางมิรู้ว่าสามีล่วงรู้ถึงตัวตนของนางหรือว่าเขาเพียงแค่แสดงท่าทางเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้วมันบังเอิญที่เขาเลือกนักดนตรีนางนี้...ที่นางปลอมตัวมาเขาเดินจับจูงมือของนางเพื่อจะพาไปด้านนอกกระโจมจัดเลี้ยงเพราะเวลานี้เป็นเวลาดึกมาแล้ว ใจจริงของหนิงหลง เขานั้นอยากจะหาเหตุผลออกไปจากที่นี่อยู่พอดี"ซุกซนเกินไปแล้วภรรยา เจ้าคิดว่าสามีจะจดจำเจ้ามิได้อย่างนั้นหรือ?"เยว่เล่อเม้มปา
หนิงหลงกระโดดขึ้นม้า เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเซียนในขบวน เราจะไปตั้งค่ายกันที่ใกล้สนามรบมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนักแต่ทว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่นางจะต้องตามไป"คือว่าข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ให้ข้าได้ทำประโยชน์เพื่อทหารกล้าทุกนายที่ช่วยเหลือข้าเถอะนะ"ฟางเซียนรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หนิงหลง เพราะเขามองมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นางรู้ฟางเซียนรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นเป็นห่วงนาง เขาไม่อยากให้นางไปที่สนามรบเพราะเขาหวาดกลัวว่านางจะเป็นอันตราย ที่เขามองมานั่นก็เพราะว่าเป็นห่วงนางรับรู้ได้จากแววตาที่โมโหของเขา"อย่าทำพลาดเพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จำให้มั่นว่าเจ้าจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้""รู้แล้วน่า ข้ามิใช่คนโง่ไม่ต้องมาสั่ง!"ฟางเซียนกล่าวกับชูชางเสียงต่ำที่พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเพราะนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ว่านางและแม่ทัพชูรู้จักหรือว่าสนิทกันทุกคนควรจะรับรู้ว่านางและแม่ทัพหนิงต่างหากที่รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีฟางเซียนยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินตามขบวนทหาร..."นายหญิงก็เห็นใช่หรือไม่ สตรีผู้นั้นไม่น่าวางใจสักนิด เราควรจะตามไ
ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อย นางเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอทานอาหารพร้อมกันกับพวกทหารมากมายแน่นอนว่านางได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะมีใบหน้าที่งดงาม แถมหนิงหลงยังประกาศว่านางคือลูกสาวของตระกูลฝูอีกด้วย แน่นอนว่าความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวเพราะท่านพ่อนั้นเป็นถึงเสนาบดี "ข้าคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน"ชูชางนั่งลงตรงข้ามฟางเซียน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มิได้สนอกสนใจใบหน้านี้เลย...เช่นนั้นบุรุษผู้นี้สนใจสิ่งใดกันล่ะ ถ้ามิใช่สนใจในตัวนาง ถ้าจำไม่ผิดฟางเซียนคิดว่าเธอเห็นเขาเดินตามสตรีชุดแดงมาเมื่อตอนบ่าย เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นแล้วชายผู้นี้จะต้องหลงรักว่าที่ภรรยาของหนิงหลงเป็นแน่ฟางเซียนยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนจอกสุราไปให้เขา"ความรักนั้นน่าตลก...""สำหรับข้ามันมิได้น่าขำสักนิดเพราะว่าข้านั้นพร้อมจะแลกทุกอย่าง..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง"ความงามขนาดนี้ไม่แปลกใจจริงๆที่ชายผู้นั้นจะแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เพียงแต่มันน่าสนใจเพราะว่าเธอเองก็อยากได้หนิงหลง.. เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าเขาจะ
เยว่เล่อเดินกลับมาที่ค่ายทหารพร้อมกับฮุ่ยน่าและชูชางที่เดินตามหลังมา เท้าที่ก้าวเดินพลันหยุดลงเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งตามว่าที่สามีของเธอ ใบหน้านั้นงดงามแม้ว่านางจะอยู่ในชุดที่ดูซอมซ่อ ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตาราวกับว่าหนิงหลงคือความหวังเดียวของนางในยามนี้ แขนทั้งสองข้างพลันไขว่คว้าแขนของหนิงหลงเอาไว้เพื่อให้หยุดรอนาง...ใบหน้าของเยว่เล่อมิได้แสดงอาการใดๆซึ่งนั่นมันทำให้ชูชางประหลาดใจมากทีเดียว เพราะหากเป็นสตรีอื่นภาพเบื้องหน้ามันชวนให้เข้าใจผิดมากขนาดนี้...จะต้องวิ่งหนีหรือว่าเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัดไปแล้ว แต่ทว่านอกจากสตรีเบื้องหน้าจะไม่แสดงอาการตื่นตระหนกหรือว่าตกใจแล้ว นางยังแสดงท่าทีนิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องราวเบื้องหน้ามันปกติ...ริมฝีปากบางของเยว่เล่อหยักยิ้มขึ้นนาง นางเดินเยื้องย่างกรีดกรายเข้าไปหาว่าที่สามีด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตพันกว่าปีนี้เห็นผู้คนมามากมาย นางบอกไปแล้วว่ารู้จักบุรุษดีเป็นที่สุดและสิ่งที่เยว่เล่อรู้จักดีกว่านิสัยของบุรุษนั่นคือนิสัยของสตรี...ฟางเซียนนั้นเพียงต้องการคุยกับหนิงหลงเท่านั้นเอง การออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าในคราแรกมันสนุกแล
เยว่เล่อสวมใส่ชุดสีแดงสด เรื่องนี้ถึงในคราแรกหนิงหลงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมภรรยาของเขาถึงชื่นชอบเสื้อผ้าที่สีสันฉูดฉาดถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพออยู่ไปเรื่อยๆเขาเริ่มชินตาและเลิกสงสัยไปเองเยว่เล่อชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันนั่นก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเมื่อครั้งอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เธอในยามนั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ดูไร้เดียงสา เป็นจิ้งจอกน้อยที่วันๆคอยเดินตามท่านอาจารย์ต้อยๆ ถึงแม้จะมีเทพมากมายมาให้ความสนใจแต่ทว่าเยว่เล่อนั้นไม่คิดชายตามองชายใด เธอมั่นรักในตัวของอาจารย์เพียงผู้เดียว ท่านเทพซือมิ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าบุรุษส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบสตรีที่อ่อนหวานมากกว่าสตรีที่ดูแข็งกร้าว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบนสรวงสวรรค์ ทั้งนางฟ้าและเทพต่างๆถึงได้สวมชุดสีอ่อนกัน เพราะทุกนางอยากจะดูอ่อนหวานต่อหน้าเทพหนุ่มและต่อหน้าชายที่ตนปักใจจิ้งจอกน้อยสวมชุดสีอ่อนเดินตามท่านอาจารย์มาหลายร้อยปีแต่ทว่าความรักของเธอก็ยังไร้หนทางสมหวัง เพราะฉะนั้นเยว่เล่อจึงมิคิดจะสวมใส่ชุดสีอ่อนพวกนั้นอีกแล้วหากว่านางจะมีความรัก เช่นนั้นก็ขอให้คนที่รักนางรักที่นางคือสตรีที่ดูเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจเถิดนางไม่ขอพยายามอ่อนหวานเพื่อทำให้ใครชายตาม
หนิงหลงจะต้องอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆเพราะทางชนเผ่าอี้เหนิงเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาจึงต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อนถึงแม้ว่าเราจะเดินทางกลับไปแต่งงาน แต่ทว่ากำหนดงานแต่งนั้นคืออีกแปดเดือนข้างหน้า นั่นทำให้ระหว่างทางเราก็สามารถแวะเที่ยวเล่นและเดินทางไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบอะไร หนิงหลงบอกว่าให้คิดเสียว่านี่คือการเดินทางท่องยุทธภพก่อนที่เราจะต้องอยู่ที่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก ความจริงแล้วเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาได้เพราะว่าร่างกายของเซียนกับมนุษย์นั้นต่างกัน แต่ทว่าเธอก็ไม่อยากจะบอกหนิงหลงไปแบบนั้น ไม่อยากจะตัดกำลังใจหรือความคาดหวังของเขาบางทีสิ่งที่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้เพราะเขาครอบครองพลังเซียนของเธอตั้งนาน ร่างกายของเขาอาจจะมีพลังปราณเซียนของเธอหลงเหลืออยู่"ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเจ้าที่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครสักคน แม่ทัพหนิงช่างน่าอิจฉา"เยว่เล่อโบกมือไปมา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ"ชาง ทุกคนจะมีโชคชะตานำทาง ความรักจะเดินทางมาถึงอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าความรักของข้าเดินทางมาถึงช้าไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เดินทางมาถึงแหละน่า"เยว่เล่อรับกาสุรามาจากชูชาง เธอกรอกใส่ปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเช็ดครา