เย่วเล่อยกมือขึ้นมาขึ้นมาในอากาศ ดวงตาคู่งามจับจ้องที่นิ้วมือของตัวเอง พลังและสัมผัสที่เหนือธรรมชาติกลับมาแล้วแสงแดดอ่อนๆในยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าของหนิงหลง เขาในยามหลับนั้นยังคงหล่อเหลาและน่าเอ็นดูสำหรับเย่วเล่อมากทีเดียวเธอใช้นิ้วมือไล้ไปตามกรอบหน้าเขาเบาๆ ก่อนจะบีบจมูกเขาเล็กน้อยมือของหนิงหลงรีบคว้ามือของเย่วเล่อเอาไว้แน่น พร้อมกับออกแรงดึงแขนของนางเพื่อให้ร่างกายของนางเขยิบเข้ามาแนบชิดร่างกายของเขา ก่อนจะโอบกอดสตรีอันเป็นที่รักเอาไว้แน่น"...สายแล้ว""ช่างปะไร วันนี้ข้าลางานเอาไว้แล้ว"เย่วเล่อหรี่ตามองหนิงหลง มันราวกับว่าเขาวางแผนเอาไว้ยังไงอย่างนั้น เรื่องที่จะมานอนที่นี่น่ะ ดูท่าทางว่าสามีของเธอจะร้ายกาจมากกว่าที่คิดเอาเสียแล้ว"หิวแล้วอย่างนั้นหรือภรรยา..."ริมฝีปากบางหยักยิ้มเมื่อเขากล่าวเรียกขานเธอด้วยชื่อเช่นนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เพราะต่อให้ความตายจะพรากเราออกจากกันแต่ทว่าครั้งหนึ่งเธอนั้นเคยได้มีความสุข...ความสุขในการได้รักใครสักคน"ไม่เลย อันที่จริงตัวข้านั้นอยากจะโอบกอดสามีอีกสักหน่อย"หลิงหลงรู้สึกว่าความหวาดกลัวในตลอดทั้งคืนจางหายไปจนหมด
"นรงหนูเยว่เล่อ นี่เจ้าหายไปไหนมาหลายร้อยปี รู้หรือไม่ว่าสวรรค์วุ่นวายแค่ไหน?"เยว่เล่อส่งยิ้มแห้งๆให้กับท่านลุงเต่า "ข้าเพียงหนีลงไปเที่ยวเล่นเท่านั้นเอง ว่าแต่เกิดเหตุการณ์อันใดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?"จากเต่าตัวใหญ่กลายร่างเป็นชายชรา ที่มืออันแสนเหี่ยวย่นนั่นถือไม้เท้าที่ทำมาจากเถาวัลย์ ชายชราถอนหายใจพร้อมกับเดินมานั่งลงเคียงข้างเยว่เล่อ"มีผู้ฝืนลิขิตสวรรค์ เพราะความรักมันน่ากลัวยิ่งนัก"เธอขมวดคิ้วพร้อมกับขวักมือเรียกหนิงหลงให้เดินเข้ามาหา"อ่า.เรื่องความรักของผู้อื่น ข้านั้นมิได้สนใจ แต่ท่านลุงรบกวนสนใจความรักของข้าหน่อยเถิด นี่คือหนิงหลงเขาคือคนรักของข้าเองเจ้าค่ะ"ชายชราหันไปมองตามทางที่มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินมา...มือที่ถือไม้เท้าเอาไว้พลันร่วงหล่นลงไปพื้น พร้อมกับใบหน้าที่ตกใจเยว่เล่อก้มลงไปเก็บไม้เท้าส่งให้กับท่านลุงเต่า ไม่บ่อยนักที่จะเห็นท่านลุงตกใจขนาดนี้...บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหนิงหลงคือมนุษย์ไม่มีเทพตนไหนอยากจะมีความรักกับมนุษย์นักหรอก ด้วยหลายๆอย่างที่แตกต่างกันและด้วยอายุขัยที่มีจำกัดของมนุษย์ชายชราถอนหายใจ"สิ่งที่ฝืนได้คือลิขิตสวรรค์ แต่ทว่าสิ่งที่ฝืนมิได้คือโชคชะต
หนิงหลงจะต้องอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆเพราะทางชนเผ่าอี้เหนิงเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาจึงต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อนถึงแม้ว่าเราจะเดินทางกลับไปแต่งงาน แต่ทว่ากำหนดงานแต่งนั้นคืออีกแปดเดือนข้างหน้า นั่นทำให้ระหว่างทางเราก็สามารถแวะเที่ยวเล่นและเดินทางไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบอะไร หนิงหลงบอกว่าให้คิดเสียว่านี่คือการเดินทางท่องยุทธภพก่อนที่เราจะต้องอยู่ที่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก ความจริงแล้วเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาได้เพราะว่าร่างกายของเซียนกับมนุษย์นั้นต่างกัน แต่ทว่าเธอก็ไม่อยากจะบอกหนิงหลงไปแบบนั้น ไม่อยากจะตัดกำลังใจหรือความคาดหวังของเขาบางทีสิ่งที่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้เพราะเขาครอบครองพลังเซียนของเธอตั้งนาน ร่างกายของเขาอาจจะมีพลังปราณเซียนของเธอหลงเหลืออยู่"ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเจ้าที่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครสักคน แม่ทัพหนิงช่างน่าอิจฉา"เยว่เล่อโบกมือไปมา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ"ชาง ทุกคนจะมีโชคชะตานำทาง ความรักจะเดินทางมาถึงอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าความรักของข้าเดินทางมาถึงช้าไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เดินทางมาถึงแหละน่า"เยว่เล่อรับกาสุรามาจากชูชาง เธอกรอกใส่ปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเช็ดครา
เยว่เล่อสวมใส่ชุดสีแดงสด เรื่องนี้ถึงในคราแรกหนิงหลงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมภรรยาของเขาถึงชื่นชอบเสื้อผ้าที่สีสันฉูดฉาดถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพออยู่ไปเรื่อยๆเขาเริ่มชินตาและเลิกสงสัยไปเองเยว่เล่อชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันนั่นก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเมื่อครั้งอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เธอในยามนั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ดูไร้เดียงสา เป็นจิ้งจอกน้อยที่วันๆคอยเดินตามท่านอาจารย์ต้อยๆ ถึงแม้จะมีเทพมากมายมาให้ความสนใจแต่ทว่าเยว่เล่อนั้นไม่คิดชายตามองชายใด เธอมั่นรักในตัวของอาจารย์เพียงผู้เดียว ท่านเทพซือมิ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าบุรุษส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบสตรีที่อ่อนหวานมากกว่าสตรีที่ดูแข็งกร้าว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบนสรวงสวรรค์ ทั้งนางฟ้าและเทพต่างๆถึงได้สวมชุดสีอ่อนกัน เพราะทุกนางอยากจะดูอ่อนหวานต่อหน้าเทพหนุ่มและต่อหน้าชายที่ตนปักใจจิ้งจอกน้อยสวมชุดสีอ่อนเดินตามท่านอาจารย์มาหลายร้อยปีแต่ทว่าความรักของเธอก็ยังไร้หนทางสมหวัง เพราะฉะนั้นเยว่เล่อจึงมิคิดจะสวมใส่ชุดสีอ่อนพวกนั้นอีกแล้วหากว่านางจะมีความรัก เช่นนั้นก็ขอให้คนที่รักนางรักที่นางคือสตรีที่ดูเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจเถิดนางไม่ขอพยายามอ่อนหวานเพื่อทำให้ใครชายตาม
เยว่เล่อเดินกลับมาที่ค่ายทหารพร้อมกับฮุ่ยน่าและชูชางที่เดินตามหลังมา เท้าที่ก้าวเดินพลันหยุดลงเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งตามว่าที่สามีของเธอ ใบหน้านั้นงดงามแม้ว่านางจะอยู่ในชุดที่ดูซอมซ่อ ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตาราวกับว่าหนิงหลงคือความหวังเดียวของนางในยามนี้ แขนทั้งสองข้างพลันไขว่คว้าแขนของหนิงหลงเอาไว้เพื่อให้หยุดรอนาง...ใบหน้าของเยว่เล่อมิได้แสดงอาการใดๆซึ่งนั่นมันทำให้ชูชางประหลาดใจมากทีเดียว เพราะหากเป็นสตรีอื่นภาพเบื้องหน้ามันชวนให้เข้าใจผิดมากขนาดนี้...จะต้องวิ่งหนีหรือว่าเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัดไปแล้ว แต่ทว่านอกจากสตรีเบื้องหน้าจะไม่แสดงอาการตื่นตระหนกหรือว่าตกใจแล้ว นางยังแสดงท่าทีนิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องราวเบื้องหน้ามันปกติ...ริมฝีปากบางของเยว่เล่อหยักยิ้มขึ้นนาง นางเดินเยื้องย่างกรีดกรายเข้าไปหาว่าที่สามีด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตพันกว่าปีนี้เห็นผู้คนมามากมาย นางบอกไปแล้วว่ารู้จักบุรุษดีเป็นที่สุดและสิ่งที่เยว่เล่อรู้จักดีกว่านิสัยของบุรุษนั่นคือนิสัยของสตรี...ฟางเซียนนั้นเพียงต้องการคุยกับหนิงหลงเท่านั้นเอง การออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าในคราแรกมันสนุกแล
ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อย นางเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอทานอาหารพร้อมกันกับพวกทหารมากมายแน่นอนว่านางได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะมีใบหน้าที่งดงาม แถมหนิงหลงยังประกาศว่านางคือลูกสาวของตระกูลฝูอีกด้วย แน่นอนว่าความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวเพราะท่านพ่อนั้นเป็นถึงเสนาบดี "ข้าคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน"ชูชางนั่งลงตรงข้ามฟางเซียน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มิได้สนอกสนใจใบหน้านี้เลย...เช่นนั้นบุรุษผู้นี้สนใจสิ่งใดกันล่ะ ถ้ามิใช่สนใจในตัวนาง ถ้าจำไม่ผิดฟางเซียนคิดว่าเธอเห็นเขาเดินตามสตรีชุดแดงมาเมื่อตอนบ่าย เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นแล้วชายผู้นี้จะต้องหลงรักว่าที่ภรรยาของหนิงหลงเป็นแน่ฟางเซียนยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนจอกสุราไปให้เขา"ความรักนั้นน่าตลก...""สำหรับข้ามันมิได้น่าขำสักนิดเพราะว่าข้านั้นพร้อมจะแลกทุกอย่าง..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง"ความงามขนาดนี้ไม่แปลกใจจริงๆที่ชายผู้นั้นจะแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เพียงแต่มันน่าสนใจเพราะว่าเธอเองก็อยากได้หนิงหลง.. เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าเขาจะ
หนิงหลงกระโดดขึ้นม้า เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเซียนในขบวน เราจะไปตั้งค่ายกันที่ใกล้สนามรบมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนักแต่ทว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่นางจะต้องตามไป"คือว่าข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ให้ข้าได้ทำประโยชน์เพื่อทหารกล้าทุกนายที่ช่วยเหลือข้าเถอะนะ"ฟางเซียนรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หนิงหลง เพราะเขามองมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นางรู้ฟางเซียนรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นเป็นห่วงนาง เขาไม่อยากให้นางไปที่สนามรบเพราะเขาหวาดกลัวว่านางจะเป็นอันตราย ที่เขามองมานั่นก็เพราะว่าเป็นห่วงนางรับรู้ได้จากแววตาที่โมโหของเขา"อย่าทำพลาดเพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จำให้มั่นว่าเจ้าจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้""รู้แล้วน่า ข้ามิใช่คนโง่ไม่ต้องมาสั่ง!"ฟางเซียนกล่าวกับชูชางเสียงต่ำที่พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเพราะนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ว่านางและแม่ทัพชูรู้จักหรือว่าสนิทกันทุกคนควรจะรับรู้ว่านางและแม่ทัพหนิงต่างหากที่รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีฟางเซียนยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินตามขบวนทหาร..."นายหญิงก็เห็นใช่หรือไม่ สตรีผู้นั้นไม่น่าวางใจสักนิด เราควรจะตามไ
หนิงหลงหรี่ตามองนักดนตรีผู้หนึ่งที่กำลังตีกลองอยู่ เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมาที่เขานั้นมันแตกต่างจากคนอื่นเพราะนางมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความโกรธ ส่วนนางรำนางอื่นๆต่างมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เย้ายวนอ่า..เขาคิดว่าเขาพบเจอภรรยาตัวเองแล้วล่ะนะ"หลิงหยุนวันนี้ข้าพบเจอสตรีที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้วล่ะสิ...""...มีสตรีใดที่งดงามมากกว่าภรรยาของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ? บ้าไปแล้วหนิงหลง"หนิงหลงยกมือขึ้นเพื่อให้การแสดงหยุด เขาเดินเข้ามาหานักดนตรีสาวที่กำลังนั่งตีกลองอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปหานาง"เจ้าบรรเลงเพลงได้ถูกใจข้ายิ่งนัก แน่นอนว่าข้าอยากจะฟังฝีมือในการบรรเลงเพลงของเจ้าให้ชัดเจนกว่านี้..ลุกขึ้นมาเถิด"เยว่เล่อถึงกับหน้าชา นางมิรู้ว่าสามีล่วงรู้ถึงตัวตนของนางหรือว่าเขาเพียงแค่แสดงท่าทางเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้วมันบังเอิญที่เขาเลือกนักดนตรีนางนี้...ที่นางปลอมตัวมาเขาเดินจับจูงมือของนางเพื่อจะพาไปด้านนอกกระโจมจัดเลี้ยงเพราะเวลานี้เป็นเวลาดึกมาแล้ว ใจจริงของหนิงหลง เขานั้นอยากจะหาเหตุผลออกไปจากที่นี่อยู่พอดี"ซุกซนเกินไปแล้วภรรยา เจ้าคิดว่าสามีจะจดจำเจ้ามิได้อย่างนั้นหรือ?"เยว่เล่อเม้มปา
นี่คืองานแต่งที่ทวยเทพทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนมาร่วมยินดี งานแต่งของมหาเทพบรรพกาล กับเทพจิ้งจอกผู้งดงามราวกับภาพวาดแน่นอนว่ามู่หยางจัดงานอย่างยิ่งใหญ่โดยครั้งนี้เขามิได้คำนึงถึงฤกษ์มงคลใดๆ เขาจัดงานในทันทีที่อาการของเยว่เล่อดีขึ้น ยามนี้นางคือภรรยาของเขาอย่างแท้จริงและพวกเรากำลังอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เขารู้ดีว่าภรรยาชื่นชอบที่นี่ จึงมิคิดพานางไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้า "ภรรยาเจ้าติดค้างคืนเข้าหออยู่นะ..."เยว่เล่อหัวเราะเบาๆท่านเทพบรรพกาลผู้นี้จับเธอกินจนแทบมิเหลือเรี่ยวแรงในทุกค่ำคืน ยามนี้เธอเหนื่อยล้ากับการต้อนรับเทพที่มาร่วมยินดีเขาจะมิวายจะรังแกเธออีกอย่างนั้นหรือ"ท่านพี่ควรจะให้ข้าได้พักบ้าง"มู่หยางหัวเราะเบาๆ เขาอุ้มเยว่เล่อขึ้นมาวางเอาไว้บนเตียง"วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมอาเหยา ที่โรงเตี๊ยมนั่นของทุกอย่างที่เจ้าเคยใช้ อาเหยายังคงเก็บเอาไว้ให้เป็นอย่างดี..."เยว่เล่อส่งยิ้มจางๆให้สามี อาจจะเพราะเรานั้นอยู่ที่โลกมนุษย์มานาน คำเรียกขานเช่นนี้จึงสบายใจยิ่งกว่าการเรียกขานที่ห่างเหินอย่างที่พวกเซียนชอบกล่าวเธอคือภรรยาและเขาคือสามี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มิต้องการสิ่งใดที่ยุ่งย
หิมะโปรยปรายลงมาพร้อมกับเยว่เล่อที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เธอยกมือขึ้นมาเพื่อรอรับหิมะที่ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของหนิงหลงนั้นสลายหายไปในอากาศเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าพลังเซียนของเธอนั้นอ่อนแอลงจนไม่สามารถคงสภาพของเขาเอาไว้ได้ เธอยังคงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเขาทุกคืนก่อนนอน ถึงแม้ผิวกายของเขาจะเย็นเฉียบก็ไม่เป็นไร เธอยังคงพูดคุยกับเขาราวกับว่าเขายังอยู่ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะสูญสลายไปแล้ว...การมีชีวิตอยู่โดยไร้ท่านมันทรมานเหลือเกินหนิงหลง ข้าร่ำร้องขอความตายจากสวรรค์ในทุกค่ำคืนเผื่ออย่างน้อยที่ปลายทางมันจะมีท่านยืนรออยู่และแล้ววันที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึงในวันที่พลังเซียนของเธอกำลังจะหมดลง อายุขัยที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุด เยว่เล่อสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา เธอแต่งหน้าและแต่งตัวให้งดงามกว่าทุกวันเพื่อในยามที่ได้พบเจอหนิงหลง เธอจะได้งดงามที่สุดในสายตาของเขาเธอกำลังนั่งรอความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆให้หิมะพวกนี้ฝังกลบร่างของเธอเอาไว้ ร่างของสาวงามพลันหายไปเหลือเพียงแต่ร่างจิ้งจอกที่มีขนสีขาวกลมกลืนไปกับหิมะที่นอนหายใจรวยรินอยู่มารับข้าไปได้แล้ว.
ไร้สิ้นลมหายใจ หัวใจที่เคยเต้นแรงในยามที่โอบกอดเธอเอาไว้ ยามนี้มันไม่เต้นอีกแล้วปราณเซียนของเธอที่แบ่งให้เขาเอาไว้ถึงครึ่งบัดนั้นมันแตกสลายไปหมดแล้ว เธอมาช้าเกินไป เพราะมัวแต่ร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้นจึงไม่ได้มาทันล่ำลากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตาเพราะกับร่างกายที่สั่นเทา เยว่เล่อยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนที่นางจะลุกขึ้น "ใคร...ใครเป็นคนฆ่าเขา?" เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเมื่อถามถึงว่าใครกันที่สามารถล้มแม่ทัพหนิงผู้เกรียงไกรได้ ตามแขนและคอของหนิงหลงมีรอยเชือกแสดงว่าคนพวกนี้คงจะมัดมือมัดแขนของเขาเอาไว้หรืออาจจะมีการใช้ใครสักคนต่อรองเพื่อให้เขาวางอาวุธลง... แล้วยอมจำนน ไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นเพราะว่าเธอจะฆ่าให้หมด...จะนำเลือดของคนพวกนี้มาล้างเท้าให้หนิงหลงเสียให้หมดทุกคน มีมือมาแตะที่ไหล่ของเยว่เล่อ พอเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาเหยา "ในใจเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเถ้าแก่เนี้ยจะต้องมีเรื่อง...ถ้าท่านจะจัดการคนพวกนี้ ให้ข้าน้อยเป็นผู้กระทำเถิดนะขอรับ" เพราะเยว่เล่อเป็นเซียน อีกทั้งนางสูญเสียพลังเซียนไปกว่าครึ่ง ทุกๆการใช้พลังของเทพจิ้งจอกอ
หนิงหลงหรี่ตามองนักดนตรีผู้หนึ่งที่กำลังตีกลองอยู่ เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมาที่เขานั้นมันแตกต่างจากคนอื่นเพราะนางมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความโกรธ ส่วนนางรำนางอื่นๆต่างมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เย้ายวนอ่า..เขาคิดว่าเขาพบเจอภรรยาตัวเองแล้วล่ะนะ"หลิงหยุนวันนี้ข้าพบเจอสตรีที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้วล่ะสิ...""...มีสตรีใดที่งดงามมากกว่าภรรยาของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ? บ้าไปแล้วหนิงหลง"หนิงหลงยกมือขึ้นเพื่อให้การแสดงหยุด เขาเดินเข้ามาหานักดนตรีสาวที่กำลังนั่งตีกลองอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปหานาง"เจ้าบรรเลงเพลงได้ถูกใจข้ายิ่งนัก แน่นอนว่าข้าอยากจะฟังฝีมือในการบรรเลงเพลงของเจ้าให้ชัดเจนกว่านี้..ลุกขึ้นมาเถิด"เยว่เล่อถึงกับหน้าชา นางมิรู้ว่าสามีล่วงรู้ถึงตัวตนของนางหรือว่าเขาเพียงแค่แสดงท่าทางเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้วมันบังเอิญที่เขาเลือกนักดนตรีนางนี้...ที่นางปลอมตัวมาเขาเดินจับจูงมือของนางเพื่อจะพาไปด้านนอกกระโจมจัดเลี้ยงเพราะเวลานี้เป็นเวลาดึกมาแล้ว ใจจริงของหนิงหลง เขานั้นอยากจะหาเหตุผลออกไปจากที่นี่อยู่พอดี"ซุกซนเกินไปแล้วภรรยา เจ้าคิดว่าสามีจะจดจำเจ้ามิได้อย่างนั้นหรือ?"เยว่เล่อเม้มปา
หนิงหลงกระโดดขึ้นม้า เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเซียนในขบวน เราจะไปตั้งค่ายกันที่ใกล้สนามรบมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนักแต่ทว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่นางจะต้องตามไป"คือว่าข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ให้ข้าได้ทำประโยชน์เพื่อทหารกล้าทุกนายที่ช่วยเหลือข้าเถอะนะ"ฟางเซียนรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หนิงหลง เพราะเขามองมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นางรู้ฟางเซียนรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นเป็นห่วงนาง เขาไม่อยากให้นางไปที่สนามรบเพราะเขาหวาดกลัวว่านางจะเป็นอันตราย ที่เขามองมานั่นก็เพราะว่าเป็นห่วงนางรับรู้ได้จากแววตาที่โมโหของเขา"อย่าทำพลาดเพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จำให้มั่นว่าเจ้าจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้""รู้แล้วน่า ข้ามิใช่คนโง่ไม่ต้องมาสั่ง!"ฟางเซียนกล่าวกับชูชางเสียงต่ำที่พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเพราะนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ว่านางและแม่ทัพชูรู้จักหรือว่าสนิทกันทุกคนควรจะรับรู้ว่านางและแม่ทัพหนิงต่างหากที่รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีฟางเซียนยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินตามขบวนทหาร..."นายหญิงก็เห็นใช่หรือไม่ สตรีผู้นั้นไม่น่าวางใจสักนิด เราควรจะตามไ
ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อย นางเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอทานอาหารพร้อมกันกับพวกทหารมากมายแน่นอนว่านางได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะมีใบหน้าที่งดงาม แถมหนิงหลงยังประกาศว่านางคือลูกสาวของตระกูลฝูอีกด้วย แน่นอนว่าความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวเพราะท่านพ่อนั้นเป็นถึงเสนาบดี "ข้าคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน"ชูชางนั่งลงตรงข้ามฟางเซียน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มิได้สนอกสนใจใบหน้านี้เลย...เช่นนั้นบุรุษผู้นี้สนใจสิ่งใดกันล่ะ ถ้ามิใช่สนใจในตัวนาง ถ้าจำไม่ผิดฟางเซียนคิดว่าเธอเห็นเขาเดินตามสตรีชุดแดงมาเมื่อตอนบ่าย เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นแล้วชายผู้นี้จะต้องหลงรักว่าที่ภรรยาของหนิงหลงเป็นแน่ฟางเซียนยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนจอกสุราไปให้เขา"ความรักนั้นน่าตลก...""สำหรับข้ามันมิได้น่าขำสักนิดเพราะว่าข้านั้นพร้อมจะแลกทุกอย่าง..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง"ความงามขนาดนี้ไม่แปลกใจจริงๆที่ชายผู้นั้นจะแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เพียงแต่มันน่าสนใจเพราะว่าเธอเองก็อยากได้หนิงหลง.. เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าเขาจะ
เยว่เล่อเดินกลับมาที่ค่ายทหารพร้อมกับฮุ่ยน่าและชูชางที่เดินตามหลังมา เท้าที่ก้าวเดินพลันหยุดลงเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งตามว่าที่สามีของเธอ ใบหน้านั้นงดงามแม้ว่านางจะอยู่ในชุดที่ดูซอมซ่อ ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตาราวกับว่าหนิงหลงคือความหวังเดียวของนางในยามนี้ แขนทั้งสองข้างพลันไขว่คว้าแขนของหนิงหลงเอาไว้เพื่อให้หยุดรอนาง...ใบหน้าของเยว่เล่อมิได้แสดงอาการใดๆซึ่งนั่นมันทำให้ชูชางประหลาดใจมากทีเดียว เพราะหากเป็นสตรีอื่นภาพเบื้องหน้ามันชวนให้เข้าใจผิดมากขนาดนี้...จะต้องวิ่งหนีหรือว่าเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัดไปแล้ว แต่ทว่านอกจากสตรีเบื้องหน้าจะไม่แสดงอาการตื่นตระหนกหรือว่าตกใจแล้ว นางยังแสดงท่าทีนิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องราวเบื้องหน้ามันปกติ...ริมฝีปากบางของเยว่เล่อหยักยิ้มขึ้นนาง นางเดินเยื้องย่างกรีดกรายเข้าไปหาว่าที่สามีด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตพันกว่าปีนี้เห็นผู้คนมามากมาย นางบอกไปแล้วว่ารู้จักบุรุษดีเป็นที่สุดและสิ่งที่เยว่เล่อรู้จักดีกว่านิสัยของบุรุษนั่นคือนิสัยของสตรี...ฟางเซียนนั้นเพียงต้องการคุยกับหนิงหลงเท่านั้นเอง การออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าในคราแรกมันสนุกแล
เยว่เล่อสวมใส่ชุดสีแดงสด เรื่องนี้ถึงในคราแรกหนิงหลงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมภรรยาของเขาถึงชื่นชอบเสื้อผ้าที่สีสันฉูดฉาดถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพออยู่ไปเรื่อยๆเขาเริ่มชินตาและเลิกสงสัยไปเองเยว่เล่อชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันนั่นก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเมื่อครั้งอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เธอในยามนั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ดูไร้เดียงสา เป็นจิ้งจอกน้อยที่วันๆคอยเดินตามท่านอาจารย์ต้อยๆ ถึงแม้จะมีเทพมากมายมาให้ความสนใจแต่ทว่าเยว่เล่อนั้นไม่คิดชายตามองชายใด เธอมั่นรักในตัวของอาจารย์เพียงผู้เดียว ท่านเทพซือมิ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าบุรุษส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบสตรีที่อ่อนหวานมากกว่าสตรีที่ดูแข็งกร้าว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบนสรวงสวรรค์ ทั้งนางฟ้าและเทพต่างๆถึงได้สวมชุดสีอ่อนกัน เพราะทุกนางอยากจะดูอ่อนหวานต่อหน้าเทพหนุ่มและต่อหน้าชายที่ตนปักใจจิ้งจอกน้อยสวมชุดสีอ่อนเดินตามท่านอาจารย์มาหลายร้อยปีแต่ทว่าความรักของเธอก็ยังไร้หนทางสมหวัง เพราะฉะนั้นเยว่เล่อจึงมิคิดจะสวมใส่ชุดสีอ่อนพวกนั้นอีกแล้วหากว่านางจะมีความรัก เช่นนั้นก็ขอให้คนที่รักนางรักที่นางคือสตรีที่ดูเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจเถิดนางไม่ขอพยายามอ่อนหวานเพื่อทำให้ใครชายตาม
หนิงหลงจะต้องอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆเพราะทางชนเผ่าอี้เหนิงเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาจึงต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อนถึงแม้ว่าเราจะเดินทางกลับไปแต่งงาน แต่ทว่ากำหนดงานแต่งนั้นคืออีกแปดเดือนข้างหน้า นั่นทำให้ระหว่างทางเราก็สามารถแวะเที่ยวเล่นและเดินทางไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบอะไร หนิงหลงบอกว่าให้คิดเสียว่านี่คือการเดินทางท่องยุทธภพก่อนที่เราจะต้องอยู่ที่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก ความจริงแล้วเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาได้เพราะว่าร่างกายของเซียนกับมนุษย์นั้นต่างกัน แต่ทว่าเธอก็ไม่อยากจะบอกหนิงหลงไปแบบนั้น ไม่อยากจะตัดกำลังใจหรือความคาดหวังของเขาบางทีสิ่งที่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้เพราะเขาครอบครองพลังเซียนของเธอตั้งนาน ร่างกายของเขาอาจจะมีพลังปราณเซียนของเธอหลงเหลืออยู่"ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเจ้าที่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครสักคน แม่ทัพหนิงช่างน่าอิจฉา"เยว่เล่อโบกมือไปมา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ"ชาง ทุกคนจะมีโชคชะตานำทาง ความรักจะเดินทางมาถึงอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าความรักของข้าเดินทางมาถึงช้าไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เดินทางมาถึงแหละน่า"เยว่เล่อรับกาสุรามาจากชูชาง เธอกรอกใส่ปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเช็ดครา