ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้าในยามค่ำคืนนั้นมืดสนิท อากาศก็เริ่มหนาวเย็นจนเย่วเล่อคิดว่าเธออาจจะป่วยไข้ได้ถ้าหากไปรีบถอดชุดที่เปียกชื้นนี้ออกไปโดยเร็ว
แต่ทว่าหนิงหลง กับกำลังอยู่ระหว่างทางแยกในการตัดสินใจ เพราะเขาไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับสตรีตรงหน้าไปมากกว่านี้ แต่ทว่าหัวใจกับเต้นแรงจนห้ามไม่อยู่ มันคือความตื่นเต้นและเร้าใจอย่างบอกไม่ถูกเลย สายตาของเขามันไม่สามารถมองสิ่งอื่นใดได้เลย นอกจากใบหน้าของเธอ "เจ้าดูหวาดกลัว..." "มีเรื่องมากมายให้ข้าต้องหวาดหวั่นเพราะว่าท่านมิใช่มนุษย์.." และเพราะความสวยงามที่ทำเอาเขาอดประหม่ามิได้ เย่วเล่อหัวเราะก่อนที่เธอจะดึงสายคาดเอวของตัวเองออก ท่ามกลางค่ำคืนที่ได้ยินเพียงเสียงฝนตกและ..เสียงของลมหายใจ เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งในการใช้เสน่ห์ที่มีล่อลวงชายเบื้องหน้า.. เย่วเล่อยกมือขึ้นมากุมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเอาไว้ ในขณะที่ร่างกายของเธอมีเพียงตู้โตวสีแดงเท่านั้น... "ข้ามิได้คิดจะทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย...ไม่เคยคิดทำร้ายเลยหนิงหลง มิมีสิ่งใดต้องเป็นกังวลในเมื่อนี่คือความปรารถนาของเจ้าเช่นกัน" เธอยกมือขึ้นมาดึงสายคาดเอวของเขาออกช้าๆ ผิวกายของเขาเย็นเฉียบนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาตากฝนมา เย่วเล่อบรรจงถอดเสื้อคลุมด้านนอกของเขาออกมา ราวกับว่าเขากำลังต้องมนต์สะกด เพราะทุกท่วงท่าและสายตาของสตรีเบื้องหน้ามันงดงามและกำลังสะกดเขาเอาไว้ผ่านคำกล่าวที่หวานล้ำ ดวงตาที่แวววาวหรืออาจจะเป็นผิวกายที่ขาวนวลเนียน เขาออกรบมาตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่านี่มิใช่ครั้งแรกของเขา เพราะทหารส่วนใหญ่จะมีคณิกาเดินทางไปที่ค่ายทหารเพื่อปรนเปรอความต้องการของนายทหารระดับสูง เขาทำมันมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในจิตใจ แต่ทว่าในครั้งนี้มันแตกต่างไปหมด แตกต่างจากทุกครั้งที่เขาเคยทำ เพราะเขามิเคยสนใจใบหน้าของคณิกาเหล่านั้น แต่ทว่าตอนนี้เขากำลังจ้องมองใบหน้าที่งดงามของเธออยู่ เย่วเล่อช้อนสายตามองหนิงหลงเพราะที่มือของเธอกำลังถอดเสื้อคลุมตัวในของเขาออกมา...ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสมชายชาตรีและรอยแผลเป็นมากมายจากการออกรบ นิ้วมือที่เรียวยาวของเธอกำลังลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อของเขาเบาๆ "เย่วเล่อ นั่นคือชื่อของข้า" เขายกมือขึ้นมาไล้ไปตามใบหน้าอันงดงามของเธอ หนิงหลงอุ้มเธอขึ้นมาก่อนจะพาเธอไปที่เตียง... หากว่านี่คือหลุมพรางหรืออะไรก็ตามที่รอเขาอยู่ เช่นนั้นหนิงหลงผู้นี้ยินยอมที่จะกระโดดลงไปเอง เขาเองก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ใยจะสามารถทนทานต่อความงามที่ล้ำเลิศเช่นนี้ได้ เนื้อชิ้นงามมาวางเอาไว้ที่ปากเสือแล้ว...สัตว์เดรัจฉานตัวใดจะโง่งมขนาดที่จะไม่กินมันลงท้อง เขาพรมจูบไปตามซอกคอและไล่ลงมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มที่มีตู้โตวปิดเอาไว้ หนิงหลงขบกัดลงไปบนเนินอกอวบอิ่มนั่นเบาๆ เขาบรรจงสร้างรอยแดงขึ้นมาบนผิวเธอได้อย่างไม่รู้จบ.. ในใจพลันเต้นแรงไปกับทุกสัมผัสของเขา เย่วเล่อยกมือขึ้นมาโอบกอดหนิงหลงเอาไว้ เราโอบกอดแนบชิดจนเธอสัมผัสได้ถึงความเป็นชายของเขาที่มันตื่นตัวขึ้นมาภายในกางเกงผ้าแพรนั่น นี่คือ..การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่มันเป็นความรักและ...มันคือความต้องการของเธอเอง หนิงหลงทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันแตกต่างและ..ยาวนานมากกว่าทุกครั้งจุมพิตที่หวานล้ำราวกับว่าเขากำลังดูดกลืนวิญญาณจากเธอไป "อื้อ!" เย่วเล่อร้องประท้วงออกมาเพราะหนิงหลงกำลังช่วงชิงลมหายใจของเธอไป.. และเมื่อเขาผละออก... บางอย่างก็เปลี่ยนไป เรายังคงโอบกอดกันไว้อีกทั้งดวงตาของเขาก็จ้องมองที่เธอด้วยแววตาที่ตกใจไม่แพ้กัน.. เสียงฝนด้านนอกยังคงตกกระหน่ำลงมา สิ่งที่มันแตกต่างนั่นคือประสาทสัมผัสของเธอ...ที่หูยังคงได้ยินเสียงฝนตกแต่ทว่ามันไม่มีเสียงอย่างอื่นอีกแล้ว พร้อมกับจมูกที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานที่ถูกจุดเอาไว้แต่เธอไม่ได้กลิ่นของดิน หญ้าหรือว่ากลิ่นของยอดไผ่เลย... "หนิงหลง.. จิตวิญญาณของข้า อยู่ที่เจ้าอย่างนั้นหรือ?" คำถามที่เย่วเล่อถามนั้นเขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบเช่นไรแต่ร่างกายของเขามันราวกับว่ามีพละกำลังเพิ่มขึ้น แถมเสียงที่ได้ยินยังแตกต่าง.. "เกิดอะไรขึ้น?" ดวงตาของเย่วเล่อพลันรื้นไปด้วยน้ำตา "จิตวิญญาณเทพเซียนของข้าอยู่ที่เจ้าจริงๆด้วยสินะ มันเลวร้ายมากทีเดียวเพราะว่าข้าคือจิ้งจอกและถ้าไม่มีสิ่งนั้นหมายถึงข้าจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ที่ไร้ซึ่งสัมผัสพิเศษและพลัง..คายมันออกมาเดี๋ยวนี้!!" เธอบีบคอพร้อมกับเขย่าตัวเขาอย่างแรง ซึ่งนั่นมันทำให้เขารวบแขนทั้งสองข้างของเย่วเล่อเอาไว้ "เรื่องนี้ข้ามิได้ตั้งใจอย่างแน่นอนอีกทั้ง...มันจะต้องมีทางแก้ไข" ใบหน้าที่งดงามของเย่วเล่อนั้นทำท่าทางราวกับว่าเธอจะร้องไห้ออกมา แสดงว่าสิ่งนั้นจะต้องสำคัญกับนางมากจริงๆ อาจจะเกี่ยวพันถึงชีวิต ทำไมเรื่องราววุ่นวายต่างๆมันจะต้องเริ่มที่การจุมพิตทุกครั้งด้วยนะ ที่ผ่านมานางไม่เคยทำเช่นนี้กับบุรุษผู้อื่นเลยหรืออย่างไร เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้...ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนตักเขา เย่วเล่อหลับตาลงก่อนจะทาบทับริมฝีปากกับเขาอีกครั้ง เธอพยายามทำเหมือนคราวที่แล้วทุกอย่างทั้งการดูดดุนลิ้นของเขาเบาๆและ..ขบกัดที่ริมฝีปาก เราผละออกจากกันและเมื่อเย่วเล่อหลบตาลงก็พบว่าจิตวิญญาณของเธอมันยังไม่กลับมา เธอจึงจุมพิตหนิงหลงไปอีกรอบ... รอบแล้ว..รอบเล่า จุมพิตที่หวานล้ำราวกับผลของลูกท้อ หอมหวานและเย้ายวน เป็นครั้งแรกที่หนิงหลงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า ในใจอยากจะ...ทำมากกว่าการจุมพิตแต่ทว่าสีหน้าของเย่วเล่อนั้นมันดูจริงจังจนเขาไม่กล้าขัดขวางการจุมพิตอย่างตั้งอกตั้งใจของนาง หัวใจพลันเต้นแรงกับทุกสัมผัสที่นางมอบให้ ใบหน้าของเขาพลันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามมิได้.. "หรือว่าจะต้อง..ทำมากกว่านี้" หนิงหลงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป และคำถามของเขามันทำให้เย่วเล่อขมวดคิ้ว "ไม่มีทาง เพราะตามเดิมการมอบจิตวิญญาณจะกระทำโดยการจุมพิต แต่ทว่าผู้ที่จะมอบให้จะต้องเต็มใจมอบให้เท่านั้น แต่นี่ข้ามิได้เต็มใจอีกอย่างข้ามิได้คิดถึงเรื่องกรมอบจิตวิญญาณเลย...แล้วมันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?" เธอยังคงพยายามจุมพิตเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนหนิงหลงทำได้เพียงสะกดกลั้นความปรารถนาเอาไว้ นี่คือบทลงโทษหรืออย่างไร เพราะมีเนื้อชิ้นงามวางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าเขามิอาจคว้านางมากัดกินได้ตามใจปรารถนา ช่างเป็น...บทลงโทษที่โหดร้ายยิ่งนักหนิงหลงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเย่วเล่อที่ยังคงนอนหลับอยู่... แม้แต่ยามที่นางหลับเช่นนี้ก็ยังคงน่าหลงใหล เมื่อคืนกว่าเราจะได้นอนกันก็เกือบรุ่งสาง แน่นอนว่ามันคือการนอนเฉยๆไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจุมพิตนับร้อยครั้งเห็นจะได้ความหวั่นไหวก่อตัวขึ้นมาในใจ ท่ามกลางเสียงที่เด่นชัดของสายลมและเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินมา...ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอาเหยาที่นำเสื้อผ้าของแม่ทัพหนิงมาให้"จะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับท่านแม่ทัพหนิง"หนิงหลงมองที่อาเหยาด้วยแววตาที่แปลกไปเล็กน้อย เพราะว่าเขามองเห็น..ดวงตาที่ราวกับไม่ใช่มนุษย์ของอาเหยา หมายความว่าชายผู้นี้เป็นปีศาจอย่างนั้นหรือ?อาเหยาชะงักเล็กน้อยเพราะรอบๆตัวของแม่ทัพกลับมีพลังปราณเซียนล้อมรอบเอาไว้ และมันคือพลังปราณที่คุ้นเคยอย่างพลังของเถ้าแก่เนี้ย"อืม ข้าจะทานที่นี่เลย""เช่นนั้นท่านแม่ทัพโปรดรอสักครู่"เย่วเล่อลืมตาขึ้นมาเพราะเธอได้ยินเสียงพูดคุยในห้อง อาเหยาคงเข้ามาแล้วเป็นแน่ เจ้างูขี้บ่นตัวนั้นคงจะล่วงรู้แล้วว่าเธอสูญเสียพลังปราณในตัวให้หนิงหลงแล้ว"ตื่นแล้วหรือ?"เธอยกมือขึ้นมาบีบแก้มของเขาแรงๆก่อนจะลุกขึ้น เย่วเล่อโน้มใบหน้าของเขาลงมาก่อนที่เ
น่าแปลกที่วันนี้ฝนไม่ตก ทั้งที่เมื่อวานตกหนักมากมายขนาดนั้น เย่วเล่อถือพัดลายดอกมู่ตานสีชมพูเอาไว้ในมือ ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นมาส่งให้จุนเฟิงที่นั่งอยู่บนรถม้าร่วมกันกับเธอเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับทำท่าทีเขินอายมาสักพักแล้ว ราวกับว่าเขาคิดว่าเธอและหนิงหลงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน"อันที่จริง วันนี้ข้ามีธุระกับท่านแม่ทัพนิดหน่อยเท่านั้นเอง...การมาพบกันครั้งนี้มิได้..มีเรื่องที่เกินเลย..""สายตาของข้ามิได้มองเถ้าแก่เนี้ยเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าน้อยเพียงยินดีที่ท่านแม่ทัพหนิงยอมเปิดใจรับสตรีสักนางเข้ามาในหัวใจอันบอบช้ำของท่าน..."หมายความว่ายังไงกันนะ หนิงหลงพึ่งถูกทิ้งมาอย่างนั้นหรือ?"อ่า..เรื่องนั้น..""ท่านแม่ทัพหนิงพึ่งถูกทิ้งมาขอรับ น่าเห็นใจมากนะ ทั้งที่ตระกูลหนิงส่งของหมั้นไปแล้วแท้ๆแต่กลับยกเลิกงานมงคลในระหว่างที่ท่านแม่ทัพมาออกรบ เพราะฉะนั้นข้าน้อยยินดีมากขอรับ ที่สตรีคนใหม่ของท่านแม่ทัพจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนงาม"เย่วเล่อมิได้กล่าวคำใด เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า พร้อมกับหัวใจที่มีอาการหน่วงเล็กน้อย.. นี่คงจะเป็นเหตุผลที่เสน่ห์อันล้ำเลิศของเธอไม่สามารถทลายกำแพงที่สูงชันในใจข
ไปกันใหญ่แล้ว...ใครจะไปแต่งงานกับเขากัน!!"ข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น อีกทั้งเราแค่...""ท่านแม่ทัพจะแต่งงานอย่างนั้นหรือครับ!!"จุนเฟิงเดินเข้ามาพร้อมกับทหารอีกสองคนที่กำลังหอบกระดาษพะรุงพะรัง และเนื่องจากเสียงตะโกนของจุนเฟิงทำให้ตอนนี้ทหารที่อยู่ด้านนอกแห่เข้ามาออเต็มหน้าประตูห้องของหนิงหลงเย่วเล่อยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ก่อนที่เธอจะปั้นยิ้มที่แสนงดงามขึ้นมา"อ่า..ว่าที่ฮูหยินของท่านแม่ทัพงดงามมากจริงๆ""ไม่ใช่แบบนั้น...""นั่นเถ้าแก่เนี้ยคนงามไม่ใช่รึไง ยินดีด้วยนะขอรับท่านแม่ทัพในที่สุดก็มีบุรุษที่สามารถเอาชนะใจของเถ้าแก่เนี้ยได้"คำยินดีอีกมากมายนับไม่ถ้วนถูกกล่าวขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครสักคนฟังคำปฏิเสธจากเธอเลย พวกเขาต่างโห่ร้อง สรรเสริญและยินดี"ทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้ล่ะครับเถ้าแก่เนี้ย สินสอดพวกนี้คืออะไรกัน?"อาเหยาเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องไม้หลายร้อยกล่องที่ถูกส่งมา ส่วนเย่วเล่อในตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงที่มีขวดเหล้าวางเรียงราย"ไม่รู้สิ ในเมื่อเขาส่งมาให้ก็รับเอาไว้เถอะน่า"ถึงอย่างไรการแต่งงานกับหนิงหลงก็มิได้แย่อะไร เพราะว่าหลังจากนี้จะไม่มีบุรุษหน้าไหนมาเกาะแกะเธออีก แล้วก็จะไม
เย่วเล่อช้อนสายตามองหน้าของหนิงหลงด้วยแววตาที่สั่นระริก เป็นครั้งแรกที่ในใจเกิดอาการเขินอายขึ้นมา.."หรือว่าวันนี้ ข้าควรจะเป็นฝ่ายเริ่ม"เขากอบกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ เยว่เล่อซบหน้าลงบนฝ่ามือของเขา...เราอยู่ใกล้กันเสียจนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อนของเขาหนิงหลงมีได้รีรอให้เธอกล่าวคำใดออกมา เพราะว่าเขาโน้มใบหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากกับเธออย่างแผ่วเบา..เรียวลิ้นร้อนของเขากำลังรุกล้ำเข้าไปในริมฝีปากของเธอ เราบดเบียดร่างกายเข้าหากันราวกับเรียวลิ้นที่กำลังสอดประสานในยามนี้...ความอ่อนโยนของเขากำลังหลอมละลายเธอช้าๆ ที่หูพลันอื้ออึง ดวงตาพร่ามัวไปหมด หัวใจเต้นแรงประดุจจะระเบิดออกมา หนิงหลงผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า..."รู้สึกดีขึ้นรึเปล่า?"เธอหลับตาลงช้าๆ ที่หูพลันได้ยินเสียงต่างๆที่อยู่ห่างไกลออกไป..ถึงจะเบาบางมากแต่ทว่าเธอนั้นได้ยิน"ราวกับว่า..ข้าเริ่มได้ปราณกลับมาแล้ว ถึงจะเบาบางมากแต่ทว่าข้าสัมผัสมันได้"ริมฝีปากได้รูปของหนิงหลงหยักยิ้มขึ้นมา"เช่นนั้นเรามาทำกัน..อีกรอบดีหรือไม่?"ไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของเธอมันร้อนมากจนไม่อาจทนเก็บอาการได้ แต่ทว่าหนิงหลงไม่รอให้เย่วเล่อปฏิเสธเพราะว่า
ในกระจกเงาสะท้อนใบหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มชาดลงไปอย่างเบาบาง เพราะว่าความงดงามที่มากล้นอยู่แล้ว สาวใช้จึงแต่งหน้าของเย่วเล่อให้เบาบางก็พอ เพราะแค่แต่งแต้มเพียงเล็กน้อย ใบหน้านี้ก็สามารถสะกดสายตาของผู้พบเห็นได้อย่างง่ายดาย"เสร็จแล้วเจ้าค่ะเถ้าแก่เนี้ย.."สาวใช้ก้มหน้าลงช้าๆก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เย่วเล่อใช้นิ้วมือกรีดกรายไปยังปิ่นปักผมมากมายที่อยู่เบื้องหน้า หนิงหลงนั้นใส่ใจมากทีเดียวเพราะเขาส่งทั้งสาวใช้ ชุดและเครื่องประดับมากมายพวกนี้มาให้เธอวันนี้คือวันที่เขาจะพาเธอไปยังงานหมั้นของหลิงหยุน สหายร่วมรบของหนิงหลง แน่นอนว่างานนี้มันคืองานเปิดตัวของเขาและเธอดูผิวเผินอาจจะไม่มีอะไร แต่ทว่าการออกไปร่วมงานพร้อมกันกับเขามันเหมือนกับการประกาศว่าเธอคือว่าที่ฮูหยินหนิง...ว่าที่ภรรยาของแม่ทัพหนิงหลงผู้เกรียงไกรริมฝีปากบางนั้นหยักยิ้มพร้อมกับหัวใจที่พลันเต้นแรงขึ้นมา เรายังคง..จุมพิตกันในทุกคราที่อยู่ชิดใกล้ แต่ทว่าก็ยังมิได้กระทำสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเป็นการเกินเลยมากไปกว่านั้นเธอรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นพยายามห้ามใจอย่างหนัก ในการกระทำเพียงแค่ทาบทับริมฝีปากลงมา แต่ทว่าเป็นเขาเองที่ยื่นข้อเสนอนี้ม
ใบหน้าที่คุ้นเคยเช่นนั้นไม่มีทางที่เย่วเล่อจะจำสหายที่อยู่ร่วมกันหลายร้อยปีไม่ได้ หัวใจพลันเต้นแรงและมือที่กำลังกอบกุมมือของหนิงหลงสั่นเทา...หนิงหลงมองเห็นท่าทีของเย่วเล่อแปลกไป เขายกมือขึ้นโอบเอวของนางไว้หลวมๆก่อนจะพาเธอมานั่งยังที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"นี่คือภรรยาของข้า...ลี่ถิง"หลิงหยุนเดินจูงมือว่าที่ภรรยาของเขามาแนะนำต่อหนิงหลงและเย่วเล่อ เพราะทั้งสองคือสหายร่วมรบที่ร่วมผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน หลิงหยุนจึงค่อนข้างให้ความสำคัญต่อหนิงหลงเป็นอย่างมาก เขาอยากจะให้ภรรยาของเราทั้งสองทำความรู้สึกเพราะวันข้างหน้าในอนาคต เขาก็อยากจะให้ลูกของเราทั้งสองเกี่ยวดองหากว่ามีโอกาสเยว่เล่อมองหน้าลี่ถิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เรามิได้พบหน้าเนิ่นนานหลายร้อยปีตั้งแต่ที่เธอหลบหนีออกมาจากหุบเขาแห่งเซียนได้มาพบกันในช่วงเวลาที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจอยู่บ้าง"ยินดีที่พบได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีนามว่าลี่ถิง ที่สวนด้านหน้าจวนดอกมู่ตานกำลังผลิบาน อยากจะขอเชิญฮูหยินน้อยหนิงออกไปร่วมชมบุปผางามด้วยกัน..."เย่วเล่อหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าของหนิงหลงเพื่อเป็นการขออนุญาต"เจ้าไปเถิด..
เย่วเล่อซบใบหน้าลงบนไหล่ของหนิงหลง เรานั่งอยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางกลับมา เธอนั่งอยู่บนตักของเขา มือทั้งสองข้าโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้ด้วยท่าทีที่ออดอ้อน ส่วนใบหน้าก็ซุกลงในซอกคอของเขาบ้าง ซบลงบนไหล่ของหนิงหลงบ้างแต่ถึงเย่วเล่อจะซุกซนมากแค่ไหน หนิงหลงก็มิได้กล่าวว่าหรือว่าขัดขวางการเชยชมร่างกายของเขาจากนางเลยแน่นอนว่าเย่วเล่อมีสิทธิ์ที่จะเชยชมเขาในทุกส่วนของร่างกายเพราะว่าเขาคือคนของนาง..."เหตุใดเจ้าถึงหนีมาจากหุบเขาแห่งเซียน.."เย่วเล่อเมินเฉยต่อคำถามของหนิงหลงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นางจะถอนหายใจเบาๆเพราะสายตาของหนิงหลงมันเยือกเย็นขึ้นมาเมื่อเธอไม่ตอบคำถามของเขา เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของหนิงหลงเอาไว้"สัญญามาก่อนว่าหากข้าบอกไปแล้วท่านจะไม่โกรธ...""ข้าดูเป็นคนที่ไร้เหตุผลเช่นนั้นเลยหรือ?"เย่วเล่อขบกัดที่ปลายคางของหนิงหลงด้วยความมันเขี้ยว"ข้าหนีมาเพราะคนที่ข้ารัก แต่งงานกับเทพพีผู้หนึ่ง"ความเงียบปกคลุมเราเอาไว้พร้อมกับเย่วเล่อที่ช้อนสายตามองหนิงหลงด้วยสายตาที่หวาดหวั่นเล็กน้อย ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเกือบปี แน่นอนว่าเธอรู้นิสัยของหนิงหลงดีทีเดียว เพราะว่าเขาคือชายที่ไหน้ำส้มแตกเ
หนิงหลงอุ้มเย่วเล่อขึ้นมาเพราะว่าฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นอีกคืนที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เขาวางสตรีอันเป็นที่รักลงบนเตียง ก่อนจะมองดวงหน้าที่งดงามนั้นอีกครั้งเพื่อจะยืนยันว่าสายตาของเรา..มันเป็นแบบเดียวกันเราต่างก็ต้องการที่จะก้าวข้ามความสัมพันธ์นี้ไปพร้อมๆกัน ผลลัพธ์มันเหมือนกันเพราะไม่ว่าอย่างไรนางคือภรรยาของเขาอย่างแน่นอน หนิงหลงจะไม่มีวันทอดทิ้งเย่วเล่อเอาไว้ข้างหลัง เขานั้นจะปกป้องและดูแลเธอด้วยชีวิตเขาพรมจูบที่เท้าของเย่วเล่อไล่ขึ้นไปจนถึงหัวเข่าของเธอ เย่วเล่อกำผ้าปูเตียงแน่น แน่นอนว่านี่มิใช่ครั้งแรกของเธอ เธอคือจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ที่ผ่านบุรุษมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าที่ผ่านมานั่นมันคือความใคร่ มิเคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่มันจะเป็นความรักดังเช่นครั้งนี้หัวใจพลันเต้นแรงจนไม่อาจหักห้ามความประหม่าเอาไว้ได้ ทุกสัมผัสที่แผ่วเบาของหนิงหลงมันสัมผัสเข้าไปจนถึงหัวใจของเธอ..ทุกการกระทำของเราทั้งสองมันขับเคลื่อนไปด้วยความรักทั้งสิ้น ทุกความเขินอายที่ออกมาจากในหน้าและท่าทางมันเป็นเพราะว่าเราทั้งสองต่างหวาดหวั่นและหวาดกลัวเพราะว่าเรานั้นใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากทีเดียวหนิงหลงถอดช
นี่คืองานแต่งที่ทวยเทพทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนมาร่วมยินดี งานแต่งของมหาเทพบรรพกาล กับเทพจิ้งจอกผู้งดงามราวกับภาพวาดแน่นอนว่ามู่หยางจัดงานอย่างยิ่งใหญ่โดยครั้งนี้เขามิได้คำนึงถึงฤกษ์มงคลใดๆ เขาจัดงานในทันทีที่อาการของเยว่เล่อดีขึ้น ยามนี้นางคือภรรยาของเขาอย่างแท้จริงและพวกเรากำลังอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เขารู้ดีว่าภรรยาชื่นชอบที่นี่ จึงมิคิดพานางไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้า "ภรรยาเจ้าติดค้างคืนเข้าหออยู่นะ..."เยว่เล่อหัวเราะเบาๆท่านเทพบรรพกาลผู้นี้จับเธอกินจนแทบมิเหลือเรี่ยวแรงในทุกค่ำคืน ยามนี้เธอเหนื่อยล้ากับการต้อนรับเทพที่มาร่วมยินดีเขาจะมิวายจะรังแกเธออีกอย่างนั้นหรือ"ท่านพี่ควรจะให้ข้าได้พักบ้าง"มู่หยางหัวเราะเบาๆ เขาอุ้มเยว่เล่อขึ้นมาวางเอาไว้บนเตียง"วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมอาเหยา ที่โรงเตี๊ยมนั่นของทุกอย่างที่เจ้าเคยใช้ อาเหยายังคงเก็บเอาไว้ให้เป็นอย่างดี..."เยว่เล่อส่งยิ้มจางๆให้สามี อาจจะเพราะเรานั้นอยู่ที่โลกมนุษย์มานาน คำเรียกขานเช่นนี้จึงสบายใจยิ่งกว่าการเรียกขานที่ห่างเหินอย่างที่พวกเซียนชอบกล่าวเธอคือภรรยาและเขาคือสามี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มิต้องการสิ่งใดที่ยุ่งย
หิมะโปรยปรายลงมาพร้อมกับเยว่เล่อที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เธอยกมือขึ้นมาเพื่อรอรับหิมะที่ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของหนิงหลงนั้นสลายหายไปในอากาศเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าพลังเซียนของเธอนั้นอ่อนแอลงจนไม่สามารถคงสภาพของเขาเอาไว้ได้ เธอยังคงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเขาทุกคืนก่อนนอน ถึงแม้ผิวกายของเขาจะเย็นเฉียบก็ไม่เป็นไร เธอยังคงพูดคุยกับเขาราวกับว่าเขายังอยู่ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะสูญสลายไปแล้ว...การมีชีวิตอยู่โดยไร้ท่านมันทรมานเหลือเกินหนิงหลง ข้าร่ำร้องขอความตายจากสวรรค์ในทุกค่ำคืนเผื่ออย่างน้อยที่ปลายทางมันจะมีท่านยืนรออยู่และแล้ววันที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึงในวันที่พลังเซียนของเธอกำลังจะหมดลง อายุขัยที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุด เยว่เล่อสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา เธอแต่งหน้าและแต่งตัวให้งดงามกว่าทุกวันเพื่อในยามที่ได้พบเจอหนิงหลง เธอจะได้งดงามที่สุดในสายตาของเขาเธอกำลังนั่งรอความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆให้หิมะพวกนี้ฝังกลบร่างของเธอเอาไว้ ร่างของสาวงามพลันหายไปเหลือเพียงแต่ร่างจิ้งจอกที่มีขนสีขาวกลมกลืนไปกับหิมะที่นอนหายใจรวยรินอยู่มารับข้าไปได้แล้ว.
ไร้สิ้นลมหายใจ หัวใจที่เคยเต้นแรงในยามที่โอบกอดเธอเอาไว้ ยามนี้มันไม่เต้นอีกแล้วปราณเซียนของเธอที่แบ่งให้เขาเอาไว้ถึงครึ่งบัดนั้นมันแตกสลายไปหมดแล้ว เธอมาช้าเกินไป เพราะมัวแต่ร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้นจึงไม่ได้มาทันล่ำลากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตาเพราะกับร่างกายที่สั่นเทา เยว่เล่อยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนที่นางจะลุกขึ้น "ใคร...ใครเป็นคนฆ่าเขา?" เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเมื่อถามถึงว่าใครกันที่สามารถล้มแม่ทัพหนิงผู้เกรียงไกรได้ ตามแขนและคอของหนิงหลงมีรอยเชือกแสดงว่าคนพวกนี้คงจะมัดมือมัดแขนของเขาเอาไว้หรืออาจจะมีการใช้ใครสักคนต่อรองเพื่อให้เขาวางอาวุธลง... แล้วยอมจำนน ไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นเพราะว่าเธอจะฆ่าให้หมด...จะนำเลือดของคนพวกนี้มาล้างเท้าให้หนิงหลงเสียให้หมดทุกคน มีมือมาแตะที่ไหล่ของเยว่เล่อ พอเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาเหยา "ในใจเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเถ้าแก่เนี้ยจะต้องมีเรื่อง...ถ้าท่านจะจัดการคนพวกนี้ ให้ข้าน้อยเป็นผู้กระทำเถิดนะขอรับ" เพราะเยว่เล่อเป็นเซียน อีกทั้งนางสูญเสียพลังเซียนไปกว่าครึ่ง ทุกๆการใช้พลังของเทพจิ้งจอกอ
หนิงหลงหรี่ตามองนักดนตรีผู้หนึ่งที่กำลังตีกลองอยู่ เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมาที่เขานั้นมันแตกต่างจากคนอื่นเพราะนางมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความโกรธ ส่วนนางรำนางอื่นๆต่างมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เย้ายวนอ่า..เขาคิดว่าเขาพบเจอภรรยาตัวเองแล้วล่ะนะ"หลิงหยุนวันนี้ข้าพบเจอสตรีที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้วล่ะสิ...""...มีสตรีใดที่งดงามมากกว่าภรรยาของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ? บ้าไปแล้วหนิงหลง"หนิงหลงยกมือขึ้นเพื่อให้การแสดงหยุด เขาเดินเข้ามาหานักดนตรีสาวที่กำลังนั่งตีกลองอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปหานาง"เจ้าบรรเลงเพลงได้ถูกใจข้ายิ่งนัก แน่นอนว่าข้าอยากจะฟังฝีมือในการบรรเลงเพลงของเจ้าให้ชัดเจนกว่านี้..ลุกขึ้นมาเถิด"เยว่เล่อถึงกับหน้าชา นางมิรู้ว่าสามีล่วงรู้ถึงตัวตนของนางหรือว่าเขาเพียงแค่แสดงท่าทางเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้วมันบังเอิญที่เขาเลือกนักดนตรีนางนี้...ที่นางปลอมตัวมาเขาเดินจับจูงมือของนางเพื่อจะพาไปด้านนอกกระโจมจัดเลี้ยงเพราะเวลานี้เป็นเวลาดึกมาแล้ว ใจจริงของหนิงหลง เขานั้นอยากจะหาเหตุผลออกไปจากที่นี่อยู่พอดี"ซุกซนเกินไปแล้วภรรยา เจ้าคิดว่าสามีจะจดจำเจ้ามิได้อย่างนั้นหรือ?"เยว่เล่อเม้มปา
หนิงหลงกระโดดขึ้นม้า เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเซียนในขบวน เราจะไปตั้งค่ายกันที่ใกล้สนามรบมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนักแต่ทว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่นางจะต้องตามไป"คือว่าข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ให้ข้าได้ทำประโยชน์เพื่อทหารกล้าทุกนายที่ช่วยเหลือข้าเถอะนะ"ฟางเซียนรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หนิงหลง เพราะเขามองมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นางรู้ฟางเซียนรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นเป็นห่วงนาง เขาไม่อยากให้นางไปที่สนามรบเพราะเขาหวาดกลัวว่านางจะเป็นอันตราย ที่เขามองมานั่นก็เพราะว่าเป็นห่วงนางรับรู้ได้จากแววตาที่โมโหของเขา"อย่าทำพลาดเพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จำให้มั่นว่าเจ้าจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้""รู้แล้วน่า ข้ามิใช่คนโง่ไม่ต้องมาสั่ง!"ฟางเซียนกล่าวกับชูชางเสียงต่ำที่พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเพราะนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ว่านางและแม่ทัพชูรู้จักหรือว่าสนิทกันทุกคนควรจะรับรู้ว่านางและแม่ทัพหนิงต่างหากที่รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีฟางเซียนยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินตามขบวนทหาร..."นายหญิงก็เห็นใช่หรือไม่ สตรีผู้นั้นไม่น่าวางใจสักนิด เราควรจะตามไ
ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อย นางเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอทานอาหารพร้อมกันกับพวกทหารมากมายแน่นอนว่านางได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะมีใบหน้าที่งดงาม แถมหนิงหลงยังประกาศว่านางคือลูกสาวของตระกูลฝูอีกด้วย แน่นอนว่าความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวเพราะท่านพ่อนั้นเป็นถึงเสนาบดี "ข้าคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน"ชูชางนั่งลงตรงข้ามฟางเซียน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มิได้สนอกสนใจใบหน้านี้เลย...เช่นนั้นบุรุษผู้นี้สนใจสิ่งใดกันล่ะ ถ้ามิใช่สนใจในตัวนาง ถ้าจำไม่ผิดฟางเซียนคิดว่าเธอเห็นเขาเดินตามสตรีชุดแดงมาเมื่อตอนบ่าย เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นแล้วชายผู้นี้จะต้องหลงรักว่าที่ภรรยาของหนิงหลงเป็นแน่ฟางเซียนยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนจอกสุราไปให้เขา"ความรักนั้นน่าตลก...""สำหรับข้ามันมิได้น่าขำสักนิดเพราะว่าข้านั้นพร้อมจะแลกทุกอย่าง..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง"ความงามขนาดนี้ไม่แปลกใจจริงๆที่ชายผู้นั้นจะแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เพียงแต่มันน่าสนใจเพราะว่าเธอเองก็อยากได้หนิงหลง.. เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าเขาจะ
เยว่เล่อเดินกลับมาที่ค่ายทหารพร้อมกับฮุ่ยน่าและชูชางที่เดินตามหลังมา เท้าที่ก้าวเดินพลันหยุดลงเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งตามว่าที่สามีของเธอ ใบหน้านั้นงดงามแม้ว่านางจะอยู่ในชุดที่ดูซอมซ่อ ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตาราวกับว่าหนิงหลงคือความหวังเดียวของนางในยามนี้ แขนทั้งสองข้างพลันไขว่คว้าแขนของหนิงหลงเอาไว้เพื่อให้หยุดรอนาง...ใบหน้าของเยว่เล่อมิได้แสดงอาการใดๆซึ่งนั่นมันทำให้ชูชางประหลาดใจมากทีเดียว เพราะหากเป็นสตรีอื่นภาพเบื้องหน้ามันชวนให้เข้าใจผิดมากขนาดนี้...จะต้องวิ่งหนีหรือว่าเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัดไปแล้ว แต่ทว่านอกจากสตรีเบื้องหน้าจะไม่แสดงอาการตื่นตระหนกหรือว่าตกใจแล้ว นางยังแสดงท่าทีนิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องราวเบื้องหน้ามันปกติ...ริมฝีปากบางของเยว่เล่อหยักยิ้มขึ้นนาง นางเดินเยื้องย่างกรีดกรายเข้าไปหาว่าที่สามีด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตพันกว่าปีนี้เห็นผู้คนมามากมาย นางบอกไปแล้วว่ารู้จักบุรุษดีเป็นที่สุดและสิ่งที่เยว่เล่อรู้จักดีกว่านิสัยของบุรุษนั่นคือนิสัยของสตรี...ฟางเซียนนั้นเพียงต้องการคุยกับหนิงหลงเท่านั้นเอง การออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าในคราแรกมันสนุกแล
เยว่เล่อสวมใส่ชุดสีแดงสด เรื่องนี้ถึงในคราแรกหนิงหลงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมภรรยาของเขาถึงชื่นชอบเสื้อผ้าที่สีสันฉูดฉาดถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพออยู่ไปเรื่อยๆเขาเริ่มชินตาและเลิกสงสัยไปเองเยว่เล่อชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันนั่นก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเมื่อครั้งอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เธอในยามนั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ดูไร้เดียงสา เป็นจิ้งจอกน้อยที่วันๆคอยเดินตามท่านอาจารย์ต้อยๆ ถึงแม้จะมีเทพมากมายมาให้ความสนใจแต่ทว่าเยว่เล่อนั้นไม่คิดชายตามองชายใด เธอมั่นรักในตัวของอาจารย์เพียงผู้เดียว ท่านเทพซือมิ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่าบุรุษส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบสตรีที่อ่อนหวานมากกว่าสตรีที่ดูแข็งกร้าว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบนสรวงสวรรค์ ทั้งนางฟ้าและเทพต่างๆถึงได้สวมชุดสีอ่อนกัน เพราะทุกนางอยากจะดูอ่อนหวานต่อหน้าเทพหนุ่มและต่อหน้าชายที่ตนปักใจจิ้งจอกน้อยสวมชุดสีอ่อนเดินตามท่านอาจารย์มาหลายร้อยปีแต่ทว่าความรักของเธอก็ยังไร้หนทางสมหวัง เพราะฉะนั้นเยว่เล่อจึงมิคิดจะสวมใส่ชุดสีอ่อนพวกนั้นอีกแล้วหากว่านางจะมีความรัก เช่นนั้นก็ขอให้คนที่รักนางรักที่นางคือสตรีที่ดูเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจเถิดนางไม่ขอพยายามอ่อนหวานเพื่อทำให้ใครชายตาม
หนิงหลงจะต้องอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆเพราะทางชนเผ่าอี้เหนิงเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาจึงต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อนถึงแม้ว่าเราจะเดินทางกลับไปแต่งงาน แต่ทว่ากำหนดงานแต่งนั้นคืออีกแปดเดือนข้างหน้า นั่นทำให้ระหว่างทางเราก็สามารถแวะเที่ยวเล่นและเดินทางไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบอะไร หนิงหลงบอกว่าให้คิดเสียว่านี่คือการเดินทางท่องยุทธภพก่อนที่เราจะต้องอยู่ที่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก ความจริงแล้วเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาได้เพราะว่าร่างกายของเซียนกับมนุษย์นั้นต่างกัน แต่ทว่าเธอก็ไม่อยากจะบอกหนิงหลงไปแบบนั้น ไม่อยากจะตัดกำลังใจหรือความคาดหวังของเขาบางทีสิ่งที่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็ได้เพราะเขาครอบครองพลังเซียนของเธอตั้งนาน ร่างกายของเขาอาจจะมีพลังปราณเซียนของเธอหลงเหลืออยู่"ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเจ้าที่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของใครสักคน แม่ทัพหนิงช่างน่าอิจฉา"เยว่เล่อโบกมือไปมา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ"ชาง ทุกคนจะมีโชคชะตานำทาง ความรักจะเดินทางมาถึงอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าความรักของข้าเดินทางมาถึงช้าไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็เดินทางมาถึงแหละน่า"เยว่เล่อรับกาสุรามาจากชูชาง เธอกรอกใส่ปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเช็ดครา