สถานที่อันเป็นความทรงจำของซานซานกับกงหนิว คือเรือนไม้ไผ่ริมลำธาร ห่างไกลจากตัวหมู่บ้าน
สถานนี้แห่งนี้ร้างผู้คน ไม่มีใครสัญจรมานานแล้ว เนื่องจากเคยมีเรื่องสะเทือนขวัญเกี่ยวกับการตายของกงหนิว กระทั่งเด็กๆ ยังไม่กล้ามาเล่นน้ำใกล้ๆ
ซานซานกับชิงหลิวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้แทนที่จะไปจวนว่าการ
แม้จะตั้งครรภ์จนท้องกลมโต แต่ซานซานยังคงเดินเหินได้คล่องแคล่วนัก
เนื่องจากยามที่อาศัยอยู่กับสามีที่เรือนไม้ไผ่ริมน้ำ นางได้ฝึกกล้ามเนื้อติดต่อกันทุกวัน กำลังวังชาจึงไม่ด้อย ทว่าเหตุที่ช่วงก่อนหน้าทำเป็นอ่อนแอปวกเปียกยามเดินทางไปบ้านสกุลจาง ก็แค่อยากถ่วงเวลาให้ใครบางคนก็เท่านั้น
และใครบางคนที่ว่าก็กำลังซ่อนตัวอยู่ที่เพิงไม้เก่าคร่ำ
นางคือจี้เหยา
สตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม รูปร่างทรงเสน่ห์ยั่วยวน ใบหน้าหวานล้ำหยาดเยิ้มปานเทพธิดา บัดนี้คล้ายตัวประหลาดก็ไม่ปาน
เนื้อตัวที่เคยนวลเนียนอ่อนนุ่ม บัดนี้มีผื่นขึ้นจนแดงเถือก บางจุดยังเป็นตุ่มเป็นหนอง บางตำแหน่งของเนื้อหนังยังเริ่มเน่า ใบหน้าที่เคยขาวนวลผ่องผาด บัดนี้ดำคล้ำ ผิวหลุดลอกออกจนเสียโฉมไปกว่าครึ่ง ต้องใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ตลอดเวลา
ทันทีที่ซานซานกับชิงหลิวเดินมาถึง จี้เหยาก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นดินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่ำไห้พร่างพรูว่า
“ข้าขโมยของมาแล้ว ทั้งตั๋วเงิน โฉนดที่ดิน สัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย อะไรที่มีค่าและเอามาได้ ข้าล้วนนำมาให้ทั้งสิ้น ได้โปรด ช่วยข้า ถอนพิษให้ข้า”
ซานซานไม่เอ่ยวาจา เพียนยืนนิ่งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าจี้เหยา ปลายเท้าอยู่ตรงศีรษะของอีกฝ่ายที่กำลังโขกพื้นดิน สายตาของนางเย็นเยียบปานน้ำแข็งพันปี ใบหน้าเย็นชายิ่งกว่าศิลาตกผลึก
ส่วนชิงหลิวได้แต่ยืนอยู่เบื้องหลังพี่สาว สองมือกำแน่น เหงื่อเย็นซึมแผ่นหลัง ไม่เอ่ยปากแม้ครึ่งคำ...
เหตุการณ์ทั้งหลายของบ้านหานล้วนเป็นแผนการของซานซาน
ทั้งเรื่องขโมยก็เช่นกัน นางสั่งให้ชิงหลิวบอกกล่าวกับหานอี้ซวนเรื่องยกขบวนผู้คนไปบ้านจาง หมายใช้คนมากกดดันคนน้อย แท้จริงก็เพื่อที่จะเหลือเพียงบ่าวรับใช้ที่ไม่อาจตัดสินใจเรื่องในบ้านได้ จากนั้นตัวนางยังขอติดตาม แล้วทำตัวอ่อนแอยืดเวลาเดินทางให้เชื่องช้าทั้งขาไปและขากลับ เพื่อที่จี้เหยาจะได้มีเวลาขโมยสมบัติล้ำค่าและหนีออกมา
หลายเดือนเกือบปีมานี้ แม้จะฝึกพลังลมปราณพื้นฐานได้แล้ว แต่เพราะตั้งครรภ์เสียก่อนจึงยังมิสามารถฝึกกำลังภายในมากนัก แต่กระนั้นวิชาหมื่นพิษกลับแตกฉานได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากเป็นการฝึกซ้ำจากที่เคยบรรลุแจ้งมาแล้วจึงง่ายดายยิ่ง
สภาพน่าเกลียดไม่เหลือเค้าความงามจนต้องร้องขอยาแก้พิษของจี้เหยายามนี้ ล้วนเป็นเพราะถูกยาพิษของซานซานในวันที่นั่งในศาลาเดียวกัน
เป็นวันที่จี้เหยาเย่อหยิ่งจองหองและเหยียดหยันดูแคลนสองพี่น้องบ้านหาน
นับแต่นั้น พิษก็ค่อยๆ แทรกซึม กัดกร่อนผิวหนังทีละน้อยในทุกวันโดยที่ไม่รู้ตัว
เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ยังเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นโรคร้ายที่หญิงนางโลมนิยมเป็นกัน ทำให้จี้เหยาไม่กล้าสู้หน้าผู้ใด ต้องแกล้งป่วยนอนซมหลายวัน
แน่นอนว่าคนงามอย่างจี้เหยานั้น รูปโฉมสำคัญที่สุด และความเจ็บปวดชนิดนี้ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่ต้องการ การเจรจาต่อรองและบีบบังคับให้ปฏิบัติตามจึงบังเกิด
หากกล้าปฏิเสธก็แค่ตายคาเรือนอนุไปอย่างช้าๆ
ทรมานร่างกายจนชีพสิ้นสลายไปอย่างง่ายดาย
จี้เหยาจึงมีแต่ต้องตอบรับเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าของมีค่ามีสิ่งใดบ้าง ทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่ใด กุญแจอยู่หนใด ชิงหลิวผู้เป็นบุตรชายคนโปรด เคยได้เข้าห้องหนังสือของหานอี้ซวนบ่อยครั้งย่อมรู้ดี การขโมยครั้งนี้มีคนในซึ่งเป็นถึงว่าที่ผู้สืบทอด ไหนเลยจะยากเย็น
ซานซานปล่อยให้จี้เหยาโขกศีรษะจนเลือดไหลอาบเต็มหน้าผากก็รู้สึกพอใจ จึงโยนขวดยาขนาดเล็กลงบนพื้นดินอย่างไม่ไยดี ให้อีกฝ่ายลนลาน คลานหยิบเอง จากนั้นก็สั่งชิงหลิว
“น้องพี่ มอบตั๋วเงินให้นางสักหน่อย ถือเสียว่าตกรางวัล”
ชิงหลิวจึงเดินเข้าไปในเพิงไม้ไผ่ รื้อห่อผ้าอยู่ชั่วอึดใจก็ดึงตั๋วเงินออกมาจำนวนหนึ่งยื่นให้จี้เหยา
อีกฝ่ายรีบรับเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา ดวงตาเผยแววหวาดกลัวสุดหัวใจ
ซานซานเอ่ยเสียงเยือกเย็นฟังดูอำมหิต “จงไปให้ไกล อย่าได้กลับมา หากไม่อยากตาย”
แม้แต่ชิงหลิวยังหนาวสะท้าน จี้เหยายิ่งหนาวเหน็บเจ็บแปลบไปถึงไขกระดูก รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปราวกับมีปีศาจไล่ตาม
คล้อยหลังจี้เหยา ชิงหลิวเอ่ยถามพี่สาวเสียงเบา“นางจะกลับมาเอาผิดพวกเราหรือไม่?”ซานซานตอบเสียงเรียบ “หากนางกล้า คงต้องดูว่าคนของทางการจะเชื่อใคร ระหว่างสตรีโง่งมขลาดเขลาทั้งยังตั้งครรภ์เช่นข้า กับสตรีเปี่ยมเสน่ห์หูตาแพรวพราวแลดูเจ้าเล่ห์ที่มีอาการคล้ายเป็นโรคร้ายเพราะเริงรมย์มากไป”อุตส่าห์ให้โอกาสหนีแล้วยังกล้ากลับมาก็คงโง่บัดซบ!ซานซานนับเป็นสตรีจิตใจงามยิ่งหญิงสาวเอ่ยอีกว่า “แท้จริงแล้ว พี่ไม่แน่ใจ ท่านพ่อประสงค์ให้แจ้งความหรือไม่ เพราะหลงมัวเมาอนุจนเกิดเรื่อง คงอับอายอยู่มาก”ชิงหลิวไม่ต่อคำ เพียงยืนนิ่งมองพี่สาว เนิ่นนานทีเดียวจึงค่อยๆ ถามอย่างถนอมน้ำใจ“พี่ใหญ่ ข้าขอพูดอะไรสักประโยคได้หรือไม่?”ซานซานเลิกคิ้วมอง “ว่ามา”หนุ่มน้อยกลืนน้ำลายลงคอเรียกความมั่นใจ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบา ”ท่านเปลี่ยนไปมาก ท่านกำลังทำข้าตกใจยิ่งนัก”ทั้งๆ ที่ตกใจ แต่กลับร่วมมืออย่างดีไม่มีบ่นสักคำ ทำเอาซานซานนึกขันเด็กหนุ่มตรงหน้า จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า“น้องพี่ เจ้าไยมิใช่เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน พี่สาวผู้โง่เขลาของเจ้าเบื่อเต็มทนกับเรื่องเดิมๆ เจอเรื่องเลวร้ายมากมายย่อมต้องเข้มแข็ง หากไม่ลุกขึ
เมืองหลวงหมิงเวยแคว้นต้าถังความรุ่งเรืองมั่งคั่งนำพาความงดงามดุจอาศัยบนดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ในทุกวัน และวันนี้ยิ่งรื่นเริงดังสวรรค์เสกงานร้อยบุปผาในพระราชวังช่างชวนให้ผู้คนลุ่มหลงโดยง่าย มัวเมาไม่จบสิ้นสาวงามเคลื่อนกายแช่มช้อย ท่วงท่าพราวเสน่ห์ตราตรึง หูตาแพรวพราว กรีดกรายยั่วเย้า คลี่ยิ้มยั่วยวนสตรีชั้นสูงหลากสกุล ที่มิได้มีดีเพียงรูปโฉมงดงามชวนตะลึง แต่คงไว้ซึ่งความสามารถอันโดดเด่นมากกว่าหนึ่งทั้งกาพย์ กลอน หมากพิณ วาดภาพ ร่ายรำ ทุกนางกำลังกระทำการแสดงเพื่อเผยความเป็นเอกอยู่บนลานพิธี หมายมาดให้ราชนิกุลแห่งต้าถังได้ยลบนแท่นประทับสีทองอร่ามบนสุดคือฮ่องเต้ เคียงข้างคือฮองเฮา ลดหลั่นไปตามลำดับของตำแหน่งพระสนม ยังมีองค์ชายและองค์หญิง เต็มสองฝั่ง เบื้องล่างคือบรรดาขุนนางผู้ภักดีรอบด้านตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสีสัน แผ่กลิ่นอายแห่งความสุขสันท่วมท้น พร้อมให้เสพสมไม่สิ้นสุดกลางลานพิธียังคงรื่นเริงประหนึ่งห้วงฝัน บุปผางามยังคงวนเวียนมอบความสำราญสุดความสามารถทุกนางต่างเผยทุกความโดดเด่นเพื่อให้ถูกพระทัยเป็นพิเศษ คล้ายชั้นสวรรค์ที่มีนางฟ้าโบยบินไม่ขาดสายโอรสแห่งราช
นอกจากองค์ชายใหญ่อย่างจ้าวเหว่ยที่เป็นโอรสคนสำคัญแล้ว ยังมีพี่สาวที่เป็นองค์หญิงถึงสี่คน และยังมีน้องชายเกิดตามมาอีกหลายคน อายุยังไล่เลี่ยกับเขาองค์ชายทุกพระองค์ล้วนมีความสามารถ สั่นคลอนตำแหน่งรัชทายาทของจ้าวเหว่ยตลอดมาหวังเพียงว่าค่ำคืนแห่งงานร้อยบุปผา พระบิดาคงมิทรงประสบพบเจอรักแท้กับสตรีนางน้อยคนใด จนอาจจะกลายเป็นเพิ่มศัตรูให้เขากับเสด็จแม่ทว่าจ้าวเหว่ยกลับคิดผิดไป เมื่อสิ้นสุดการร่ายรำชุดหนึ่งจากสาวงามสกุลฟู่ ฮ่องเต้แย้มสรวลพึงพอใจ เรียกมหาขันทีมาถามไถ่ ไม่นานสตรีนางนั้นก็ถูกเรียกตัวเอาไว้พอล่วงเข้ายามดึก งานเลี้ยงยังไม่ทันสิ้นสุด ฮ่องเต้ก็หายไปกับสตรีแซ่ฟู่ซึ่งคาดว่าคงเป็นรักแรกพบในวัยเกือบห้าสิบชันษาจ้าวเหว่ยจึงถือโอกาสนี้กลับตำหนักของตนโดยไม่สนใจผู้ใดอีกต่อไป แม้มีขุนนางใหญ่หลายคนพยายามพาคุณหนูหยาดเยิ้มวัยสะพรั่งเข้ามาพูดคุย หวังสานไมตรีเชื่อมวาสนา ชายหนุ่มก็เพียงยกยิ้มบาง แล้วโบกมือเบาๆ ไร้ซึ่งถ้อยวาจา ไม่ปรารถนาตอบรับน้ำใจ ก่อนพาร่างสูงสง่าเดินหายไปกับม่านราตรีเมื่อกลับมาถึงตำหนักส่วนตัว ฝีเท้าที่เยื้องย่างมาในจังหวะปกติก็เร่งรีบเข้าห้องด้านในทันที เพราะเบื้องหลังฉากฉล
หลายเดือนแล้วที่ซานซานได้อยู่อย่างสงบเตรียมตัวคลอดบุตรอย่างสบายอารมณ์เพราะคนทั้งบ้านไม่มีใครมาวุ่นวายให้รำคาญใจหานอี้ซวนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียง ทั้งมิอาจหาอนุเพิ่ม เจียหรู๋ดูแลหลังเรือนพร้อมกับดูแลสามี แม้ลำบากแต่ก็เหมาะแล้วชิงหลิวเรียนรู้การค้าแบบเต็มกำลัง ได้รับการชี้แนะและสอนสั่งจากบิดาเต็มที่ไม่มีหมกเม็ด ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคู่ค้าด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นบุตรชายยอดกตัญญูผู้ลุกขึ้นสู้แทนบิดาที่ป่วยหนักกะทันหัน ยามเจรจาค้าขายจึงได้รับความไว้วางใจถึงแปดส่วนอีกสองส่วนล้วนเป็นเพราะสายเลือดวาณิชตั้งแต่เกิด จึงสานต่อได้ไม่ยากเย็นเดือนต่อมาครอบครัวหานที่สงบสุขพลันเกิดเหตุวุ่นวายด้วยเรื่องมงคลบนเตียงฉ่ำชื้นด้วยน้ำคร่ำที่แตกพลั่กจากร่างของสตรี ไหลนองแดงฉาน คนทั้งบ้านพากันวิ่งวุ่นออกไปตามหมอตำแย ต้มน้ำ เตรียมผ้า เตรียมหยูกยาอลหม่าน ในขณะที่ซานซานทำได้เพียงร้องโอดครวญอยู่ในห้องนอนการเจ็บท้องคลอดบุตรที่สตรีมีครรภ์ต้องเจอ นับได้ว่าเป็นการเสี่ยงตายชนิดหนึ่ง ซึ่งหากโชคดีย่อมอยู่รอดปลอดภัยทั้งแม่และเด็กแต่หากโชคร้ายย่อมไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้การเผชิญชะตากรรมเช่นนี้คือการเสี่ยงอย่างไม
บนเตียงนอนยังคงฉ่ำชื้นไปด้วยเลือดสีแดงฉานใบหน้าขาวซีดของซานซานเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราว น้ำตาสองสายไหลบ่าราวกับเขื่อนกั้นน้ำพังทลาย ในโพรงอกด้านซ้ายคล้ายกับหัวใจกำลังจะหลุดออกมาโชคดีที่มันยังเต้นได้อยู่ ทั้งยังเต้นได้แรงนัก ผิดกับร่างกายที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงลงทุกที คล้ายกับวิญญาณกำลังจะถูกสูบออกไปก็ไม่ปานซานซานรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้ การให้กำเนิดทายาทไม่ง่ายเลยจริงๆ“เบ่งอีกเจ้าค่ะ เบ่งอีก” เสียงของหมอตำแยสั่งเสียงดัง หมายปลุกสติให้สตรีผู้เป็นมารดาฟื้นคืน “อย่าหลับเจ้าค่ะ”ซานซานจึงเบิกตาโพลง อดทนต่อความเจ็บปวดแสบสันแล้วเบ่งสุดกำลัง“อื้อ...”กลีบปากถูกฟันบนขบกัดจนเลือดซึม สองมือกำแน่นตรงข้อเท้าของตนเอง จนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดไหลก็ยังไม่รู้ตัว“เบ่งอีกเจ้าค่ะ เบ่ง”การเบ่งคลอดแต่ละครั้งให้รู้สึกทรมานสุดแสน เรือนกายคล้ายปริแตกแยกออกกระจัดกระจาย ซานซานพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยนิดเบ่งคลอดอย่างยากลำบากหลายชั่วยามผ่านพ้น กระทั่งได้ยินเสียงประหนึ่งดังมาจากสวรรค์“ออกแล้วเจ้าค่ะ มาแล้ว”สิ้นเสียงหมอตำแย ก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้งอแง ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากสาว
แน่นอนว่ายามฝึกลมปราณย่อมต้องนั่งทำสมาธิสำรวมจิตใจในห้องหับปิดสนิทของเรือนส่วนตัวแต่ยามฝึกออกกระบวนท่าฟาดดาบสาดอาวุธย่อมต้องออกไปฝึกนอกสถานที่อันโล่งกว้าง ซานซานจึงไม่คิดทิ้งบุตรสาวเอาไว้ที่บ้าน นางตัดสินใจหอบลูกไปฝึกยุทธด้วยทุกวันจากนั้น หญิงสาวจึงห่อตัวบุตรสาวด้วยผ้าฝ้ายไว้บนแผ่นหลัง ลอบออกจากบ้านหานไปริมลำธารซานซานทำท่านั่งตกปลาบ้าง ทำเป็นนั่งนิ่งหน้าเศร้าคิดถึงสามีบ้าง เมื่อปลอดสายตาจากผู้อื่นที่มาหาปลาอยู่ไกลๆ ก็จะแอบไปฝึกฝนร่างกายอย่างร่าเริงภายในหุบเขาลึกชาวบ้านที่เห็นนางล้วนเข้าใจว่าพาบุตรสาวไปเยี่ยมศพสามีหาได้มีเหตุผลอื่นใดไม่สาเหตุที่ซานซานแอบฝึกในป่าลึกมิให้ผู้ใดสังเกตเห็นก็เพราะสตรีนามชิงหลินที่ชาวบ้านรู้จักเป็นเพียงคนอ่อนแอผู้หนึ่ง จู่ๆ ลุกขึ้นมาฝึกวิทยายุทธย่อมเรียกร้องความสนใจสงสัยและเคลือบแคลงใจหรือที่แย่ยิ่งกว่าอาจถูกหวาดระแวงอย่างบ้าคลั่ง หญิงสาวจึงตัดไฟแต่ต้นลม ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อไร้ผู้ค้นพบ ย่อมปราศจากเรื่องยุ่งยากรำคาญใจซานซานจึงฝึกหนักในป่าใหญ่ได้อย่างโล่งสบายหายห่วง ยิ่งยามยกแขนฟาดขาตีลังกาแล้วหันหน้าไปเจอบุตรสาวตัวน้อยกำลังมองมาทางตน พร้
ท่ามกลางอุทยานงดงาม ระหว่างสายตาบุรุษหนุ่มที่จ้องมองกับคุณหนูสูงส่งผู้ยั่วยวนองค์หญิงที่มาด้วยรีบเอ่ย “พี่ใหญ่ น้องมีสหายผู้งดงามแนะนำให้รู้จักเพคะ นางมีนามว่า...”ไม่รอให้ใครพูดจบ จ้าวเหว่ยก็เบี่ยงกายออก หลบฉากด้วยตนเอง แล้วเดินจากไป ไร้ซึ่งเยื่อใยแม้เพียงบางเบาองค์หญิงตกใจชะงักค้าง จากนั้นพลันสะบัดกระโปรงฮึดฮัดไม่พอใจ “พี่ชายข้าช่างเย่อหยิ่งถือตัวนัก แม้แต่ชายผ้ายังยากจะเข้าถึง”คุณหนูคนเดิมเม้มกลีบปากจนแดงช้ำ ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกบิดเป็นเกลียวแน่นจนนิ้วเปลี่ยนสี นางเอ่ยเสียงเบาราวแมลงบินผ่านด้วยความอับอาย “องค์หญิงทรงตั้งความหวังกับข้ามากเกินไป เกรงว่าจะทำให้พระสนมจางผินผิดหวังแล้ว”องค์หญิงสะบัดเสียง “เฮอะ! ทำเป็นอ้างเสด็จแม่ เจ้ามิใช่หลงใหลพี่ชายผู้หล่อเหลาสง่างามเพียงแรกพบหรอกรึ? หากไม่พยายามเข้าหา แล้วเมื่อใดจะได้เคียงข้างเล่า”“แต่ว่า...”“ไปเถิด ตามรัชทายาทไป อย่าให้คลาดสายตา”“ไม่เอา...”“อายทำไมเล่า”“ไม่...” แม้ปากปฏิเสธ แต่เท้ากลับก้าวเดินเร็วรี่นางกำนัลติดตามขมวดคิ้วแน่น ค่อยๆ เดินออกมาเบื้องหน้าเจ้านายสาว ทำทีขัดขวางแบบแนบเนียน ในใจนึกอยากเอาตำราสอนหญิงให้แม่นางทั้งสอง
เมื่ออู๋เจี๋ยรายงานจนหมด จึงบังเกิดความสงสัยแคลงใจอย่างล้นเหลือ ว่าสตรีธรรมดาเหตุใดจึงลุกขึ้นมาฝึกกระบี่ฟาดดาบได้ หรือว่าคิดถึงสามีจนเกินไป แล้วบังเอิญพบเจอคัมภีร์ฝึกยุทธ์เข้าอืม...ย่อมเป็นได้เมื่อได้ข้อสรุปให้ตนเอง อู๋เจี๋ยจึงบังอาจเสนอความคิดกับเจ้านาย “ในเมื่อนางสุขสบายไร้กังวล ทั้งเปี่ยมกำลังวังชาปานนั้น องค์ชายย่อมปฏิบัติราชกิจได้อย่างไร้กังวลเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ปลายนิ้วเรียวยาวของบุรุษหนุ่มไล้วนที่ขอบถ้วยน้ำชาอย่างใช้ความคิด จ้าวเหว่ยพลันหรี่ตา เอ่ยเสียงเนิบช้า “พี่น้องของข้าแต่ละคน ต่างพากันแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลน้อยใหญ่ไม่ขาดสาย เดินหมากกับขั้วอำนาจอย่างสนุกสนาน แต่ข้าไม่ประสงค์จะลงเล่นด้วย การใช้อำนาจจากสตรีมิใช่วิสัยของข้า มีเพียงต้องเข้าถึงพลังประชาชนเท่านั้นถึงจะพอยืนหยัดในที่สว่างได้ ไพร่ฟ้าย่อมต้องจดจำข้า และยิ่งต้องจารึกในจิตใจว่าข้าคือองค์รัชทายาท เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์มังกรที่แท้จริง หากใครคิดโค่นล้มย่อมต้องผ่านความเห็นชอบของพวกเขาก่อน”อู๋เจี๋ยรับฟังอย่างสงบ นึกยอมรับความสามารถของเจ้านายอยู่เงียบๆ ทั้งยังนับถือน้ำพระทัยอันมีค่าของอีกฝ่ายจากใจจริง คิดไปคิดมา
ตำแหน่งสูงส่ง รูปโฉมเป็นเอก บุรุษผู้หนึ่งมีสตรีทั่วเมืองหมายปอง หวังเกี่ยวดองนับไม่ถ้วน กลับถูกนางตรงหน้าลืมสิ้น“เจ้ากล้าลืมข้า...” เส้นเสียงยามเอ่ยฟังดูปวดใจไม่น้อยซานซานยิ้มเก้อกระดากปฏิเสธเสียงอ่อน “ก็ไม่เชิงเพคะ”ชายหนุ่มรู้สึกไม่ยินยอม แววตาคมดำยิ่งนานยิ่งร้อนแรง ร่างสูงจึงปักหลักนั่งบนเตียงไม่คิดขยับไปทางใด ฝ่ามือยังเอื้อมลงมาตบบนที่นอนเบาๆ หมายถึงคำสั่งมิอาจละเลย สตรีผู้เป็นรางวัลแห่งค่ำคืนย่อมต้องทำหน้าที่อันพึงมีบนเตียงนอนรัชทายาทหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจ เผยความต้องการชัดเจน ดวงตาคมปลาบของเขาร้อนแรงมาก บ่งบอกเจตนารมณ์ได้ว่าคืนนี้เขามาด้วยจุดประสงค์ใดบุรุษสูงศักดิ์ก็เช่นนี้ พวกเขาสามารถปลดปล่อยอารมณ์กระสันตามวัยได้เต็มที่กับนางกำนัลหรือใครก็ตามได้ทุกเวลา โดยมิต้องแต่งงานเหมือนชาวชนบท และสำหรับซานซาน เรื่องที่ฮ่องเต้มอบนางให้เป็นรางวัลของเอกบุรุษเฉกเช่นรัชทายาท แท้จริงหาใช่เรื่องต้องคิดมากไม่สตรีผู้หนึ่งมิใช่คนดีอันใด ลูกก็มีแล้ว สามีก็ทิ้งขว้างเลิกรา ซานซานจึงไม่คิดเล่นตัวเยี่ยงคุณหนูผุดผ่อง หากอีกฝ่ายต้องการ นางก็ไม่คิดปฏิเสธ เพียงแต่ค่าตอบแทนต้องสูงมากหน่อยเท่านั้น ปรนนิ
ตำหนักฮุ่ยเยี่ยนถึงแม้งานเลี้ยงเลิกราไปนานแล้ว ล่วงเข้ายามดึกสงัดรอบด้านมืดสนิทมากแล้ว แต่ภายในเรือนพักยังมีห้องหนึ่งที่มีแสงเทียนสว่างเรืองรองซานซานใช้เวลาปักผ้าบนชุดให้ลู่หลิ่งเสร็จไปสองผืน จากนั้นก็เริ่มหยิบกระดาษมากางขึงตรงหน้าสายตาจ้องแน่นิ่งแล้วจรดปลายพู่กันเริ่มวางแผนการชีวิตอันซับซ้อนของตนด้วยเส้นสายระโยงระยางที่มีนางเข้าใจอยู่คนเดียวในกระดาษ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นางได้รู้จากหยุนผิง เกี่ยวกับเส้นสายขั้วอำนาจแห่งวังหลวงฮ่องเต้ต้าถังมีอำนาจหลักคือโซวอ๋องผู้มีกองกำลังในมือนับไม่ถ้วนเพื่อค้ำยันราชบัลลังก์ บริหารอำนาจราชสำนักผ่านตระกูลของพระสนมคนงามเต็มวัง องค์ชายอื่นๆ มีอำนาจจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใช้เล่ห์เสน่หาบุรุษเพื่อให้สตรีหนุนหลังในขณะที่ผู้อื่นมีอำนาจพร้อมพรั่งทั้งสุขสำราญเต็มที่ มีเพียงรัชทายาทที่มีอำนาจฝั่งมารดาอย่างหลี่กุ้ยเฟย และบารมีจากไพร่ฟ้าที่แผ่ไพศาลเกรียงไกร แต่ภายในตำหนักบูรพากลับปราศจากอิสตรี ไม่มีชายาเลยสักคนทั้งๆ ที่เขามีเสน่ห์มากล้น เป็นเอกบุรุษปานนั้น สมกับตำแหน่งจักรพรรดิโดยแท้ ทว่ากลับต้องทนเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ซานซานอดมิได้ที่จักรู้สึกเป็นห่ว
“อาจารย์ได้โปรดกลับไปกับข้าเถิด เป็นประมุขนารีแดง" ซานซานขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดเคร่งเครียดก่อนปฏิเสธตามตรง “ข้ายังไม่มีเงิน ยังไม่สามารถเลี้ยงสมุนมากมายปานนั้น กำลังอยู่ในช่วงตั้งตัว เอาไว้ร่ำรวยเมื่อใดค่อยกลับไปแล้วกัน”เรื่องเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญของพวกนักฆ่ารับจ้าง หาใช่ลาภยศชื่อเสียงเยี่ยงคนของวังหลวงไม่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันสำนักในยุทธภพเหล่านี้ทำงานให้ชนชั้นสูงอยู่เงียบๆ รับเงินเป็นกอบเป็นกำเพื่อดำรงชีพ ทำงานลึกลับฝังตัวซ่อนเร้นให้องค์กรใต้ดินมาช้านานเมื่อได้รับคำปฏิเสธ หยุนผิงจึงมีสีหน้าเศร้าสลด อดคิดมิได้ว่า ควรเร่งหาเงินให้มาก อาจารย์จะได้กลับสำนัก นางเอ่ยเสียงเครือ “อาจารย์...เช่นนั้นข้าจะช่วยท่านเก็บเงินอีกทางหนึ่ง”“หืม...” ซานซานมองหน้าหยุนผิง พลางถามเสียงเรียบ “คงมิใช่เร่งสังหารเป้าหมายหรอกกระมัง”“แล้วจะให้ทำเช่นใดเล่า งานสำเร็จย่อมได้เงินมากโข”ซานซานหรี่ตาใคร่ครวญลึกซึ้ง ก่อนถามเสียงขรึม“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถูกผู้มีอำนาจขู่บังคับให้ทำงานสังหารบุคคลสำคัญ ผู้ใดว่าจ้างให้มาสังหารใครรึ? ได้คุ้มเสียหรือไม่?”หยุนผิงมีสีหน้าลำบากใจยากเอื้อนเอ่ยซานซานนิ่งคิดใช้เวลาไตร่ตร
ซานซานปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ตนพลางเอ่ยเนิบช้า“ในเมื่อเจ้าล่วงรู้วิชาของข้า และข้าก็ล่วงรู้วิชาของเจ้า เกรงว่าสองเราคงเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกระมัง”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซานซานก็นิ่งคิดชั่วครู่ไม่ถูก! เคล็ดวิชานี้ เป็นนางที่คิดค้นไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว จะเป็นศิษย์สำนักเดียวกันได้อย่างไร นางควรเป็นอาจารย์ทวดของอีกฝ่ายถึงจะถูกต้อง!คิดเสร็จหญิงสาวก็โบกมือไม่ถือสา กล่าวเสียงเรียบว่า“เอาล่ะๆ นางมารเช่นเจ้ากล้าปลอมตัวเป็นนางรำเข้ามาในงานของวังหลวง คงถูกว่าจ้างมากระมัง จะสังหารใครรึ?”ประหนึ่งคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ หยุนผิงยิ่งอึ้งตะลึงงัน ปลายนิ้วสั่นเบาๆ เล็บแหลมคมเริ่มหดกลับเข้ามาในเนื้อ ผิวกายที่มีอักขระน่ากลัวค่อยๆ เลือนหาย ท้ายที่สุดนัยน์ตาสีแดงปานโลหิตก็ดำขลับเช่นเดิม เผยความงดงามหยาดเยิ้มดุจเดิมเพราะเคล็ดวิชาในตำนานมีเพียงอาจารย์ทวดต้นตำรับเท่านั้นที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าวิชาที่ตกทอดเป็นเพียงหนึ่งในวิชาใดหยุนผิงคุกเข่ากระแทกพื้นเรียกซานซานเสียงสั่นเครือ “ท่านอาจารย์ทวด...”ถึงแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่หางคิ้วก็อดกระตุกมิได้ “เรียกเสียแก่เลยเชียว เรียกแค่อาจารย์หญิงก็พอกระมัง”หยุนผิงยืน
ค่ำคืนยาวนาน งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปจ้าวเหว่ยนั่งลงมองเพียงปลายนิ้วมือที่ไล้วนจอกเหล้าด้วยความเบื่อหน่ายอีกครั้ง รอเวลาอันเชื่องช้าเคลื่อนผ่านอย่างเงียบงัน ในใจคิดถึงแต่ใครบางคนอันเป็นรางวัลแห่งค่ำคืนและแล้วภายใต้ใบหน้าอันแสนจะเย็นชา รัชทายาทหนุ่มพลันได้แผนการใหม่ในการจัดการกับภรรยาในใจปรารถนาให้สิ้นสุดงานเลี้ยงโดยไวการเสวนาโต้ตอบระหว่างฮ่องเต้กับบรรดาขุนนางยังคงมีไม่ขาดสาย พร้อมเชื้อเชิญกึ่งท้าประชันฝีมือระหว่างตระกูลด้วยการนำเสนอความสามารถของบุคคลชั้นสูงคุณหนูแต่ละคนได้รับการสนับสนุนให้ออกมาแสดงฝีมือกลางลานกว้าง เปลี่ยนทุกการแสดงจากการมอบความสำราญเป็นแสดงความสามารถอันหาได้ยากยิ่งแทน มีทั้งการบรรเลงพิณ แต่งโคลงต่อกลอน และร่ายรำเมื่อการแสดงรอบนี้เป็นสตรีชั้นสูง กระทั่งการร่ายรำบิดเอวส่ายสะโพกจึงมิใช่เป็นการแสดงชั้นต่ำ อีกทั้งยังสูงส่งเทียมฟ้าทุกนางล้วนงดงามสะกดสายตา ยิ่งชาติตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งกลายร่างเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้าแต่ละนางอวดโฉมในด้านที่ดีที่สุดให้องค์รัชทายาทได้ยล พยายามดึงดูดเขาด้วยรูปโฉมและฝีมือในศาสตร์ทุกแขนงเวลาแห่งค่ำคืนค่อยๆ ดำเนินไปช้าๆ ระหว่างนั้นซานซานก็กล
บรรดาคุณหนูในงานต่างโล่งใจที่เป็นซานซาน เพราะสตรีผู้นี้ย่อมไม่อาจได้รับสิทธิ์ปีนเตียงรัชทายาท หรือต่อให้ร่วมวสันต์จริง ก็ยังต้องเป็นได้แค่สาวใช้อุ่นเตียงไร้ค่า บนแท่นประทับ โอรสสวรรค์ยังคงแย้มพระสรวลน้อยๆ พระองค์ตรัสแล้วย่อมไม่อาจคืนคำ ในเมื่อประกาศแล้วว่าจะมอบรางวัลให้บุตรชาย ก็ควรต้องเป็นไป “เช่นนั้น เจ้า...” ฮ่องเต้ชี้นิ้วไปทางซานซาน “รั้งอยู่...”เบื้องหน้าคือองค์จักรพรรดิผู้มีอำนาจล้นฟ้า ถัดมายังเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง รอบด้านยังมีแต่ชนชั้นสูงศักดิ์ ซานซานที่เป็นสตรีผู้น้อยต้อยต่ำมีหรือจะปฏิเสธได้ หญิงสาวจึงยอบกายแนบพื้นน้อมรับเสียงเบา มิอาจเป็นอื่นสิ้นคำตรัสฮ่องเต้ จ้าวเหว่ยเพียงตอบรับเสียงเรียบ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”ครานี้หลี่กุ้ยเฟยคลายหัวคิ้ว ยกยิ้มงาม เพราะเป็นซานซานย่อมดีกว่านางรำแปลกหน้า คนกันเองทั้งนั้น ไว้ใจได้เหตุที่หลี่ฮุ่ยเยี่ยนไว้ใจซานซานมิใช่เพียงแค่นั้น แต่เป็นเพราะซานซานชอบเพียงเงินทอง ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไม่เป็นอันตรายต่อตำแหน่งรัชทายาทของจ้าวเหว่ยแน่นอนปราศจากเสียงคัดค้าน มีเพียงสายตายอมรับได้ รอบด้านมิได้ริษยาซานซานเทียบเท่าหยุนผิงที่งามเลิศล้ำ สายตาคล้าย
บนแท่นประทับมังกร ฮ่องเต้ตรัสกับขันทีด้านหลัง“พาแม่นางฮวาไคไปพำนักในห้อง รอพาตัวเข้าวังบูรพา”ขันทีค้อมกายน้อมรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”ถ้อยวาจาเหล่านี้ยังคงเรียกรอยยิ้มบางเบาให้ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเหว่ยเช่นเคย เขาลุกขึ้นยืนประสานมือแล้วเอ่ยกับพระบิดาทันที“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพึงใจกับรางวัลในค่ำคืนนี้ เพียงแต่สตรีที่ปรบมือให้ หาใช่แม่นางผู้นั้นไม่ รางวัลก็ควรเปลี่ยนไป เป็นนางผู้นี้”ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ปรายพระเนตรมองบุตรชาย “หืม?”โซวอ๋องชะงักนิ่ง หยุนผิงยอบกายแข็งค้างจ้าวเหว่ยเน้นอีกครั้งปรายสายตาไปทางซานซาน“เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ”ยามนั้นทุกคนถึงได้สังเกตเห็นซานซานที่เดิมทีคล้ายวิญญาณ ประหนึ่งหมอกควันที่เห็นเพียงเลือนลางเวลาก่อนหน้านี้นับว่าเนิ่นนานทีเดียวที่หญิงสาวถูกความงามของหยุนผิงบดบังเอาไว้จนมิดชิดนางแค่อยู่ตามธรรมเนียมเพื่อรอรับรางวัล มิคาดฝันว่าจักกลายเป็นรางวัลเสียเอง...โซวอ๋องให้นึกกังขา จึงปรับสีหน้าตึงเครียดให้ราบเรียบดุจเดิมพลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มเผยแววหยอกเอินว่า“การแสดงชุดใหญ่เพียงนี้ เหตุใดนางถึงได้รับความชอบเพียงผู้เดียวเล่า มีสิ่งใดพิเศษกระนั้
การตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้ราวกับเป็นเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึก โดยมีซานซานทำตัวคล้ายหมอกมารไอปีศาจไร้ตัวตน นางคอยควบคุมบงการทุกคนได้อย่างเหนือชั้น ไร้ใครสังเกตและต้านทาน เครื่องมือคือหยุนผิงผู้โดดเด่นและนางรำทั้งหลายที่งดงามพร้อมครอบครองดลบันดาลเนิ่นนานผ่านไปเสียงพิณค่อยๆ แผ่วจาง แล้วหยุดลงในที่สุด ทุกคนพลันบังเกิดความรู้สึกนึกคะนึงหา มิอาจแยกจาก หากเพลงพิณรุนแรงกว่านี้เกรงว่าพวกเขาคงน้ำตาไหลพรากทว่าเมื่อได้สติกลับคืนปรากฏว่านางรำสิบกว่าคนกำลังพากันทยอยกรีดกรายจากไปคล้ายหมู่ภมรอิ่มน้ำหวานกลับถิ่น พริบตาคงเหลือเพียงมือพิณสองนางยอบกายแนบพื้นนอบน้อมตามธรรมเนียมปฏิบัติของแคว้นต้าถัง ผู้ดีดพิณย่อมอยู่ต่อเพื่อรอรับรางวัลจากผู้ชมชั่วขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องมนต์จนเงียบงัน ยามนั้นองค์รัชทายาทพลันได้สติกลับมาคนแรกชายหนุ่มคล้ายหลุดจากท่าทีสุขุมนุ่มลึกอันเย็นชาถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วปรบมืออย่างช้าๆ เผยสีหน้าชื่นชมอารมณ์ดี ท่าทางประหนึ่งถูกครอบงำตราตรึงจากบางสิ่งจ้าวเหว่ยผู้ไม่เคยให้ความสนใจในการแสดงครั้งใดกลับแสดงว่าชมชอบการแสดงชุดนี้จนออกนอกหน้า ทุกคนจึงได้รู้ตัวได้สติกลับคืนมา
ยิ่งคิดเรียวคิ้วบุรุษยิ่งขมวดมุ่นจนเป็นปมยากคลายตัว ขัดแย้งกับบรรยากาศอันแช่มชื่นรอบกายเต็มทีหากปล่อยให้ซานซานเข้าใจผิดเรื่องเหย่หนิวต่อไป บางทีอาจจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อยนางย่อมไม่ถูกเพ่งเล็ง ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จแม่ต่อไปให้อู๋เจี๋ยได้รับผลกรรมเป็นเหย่หนิว ถูกซานซานเกลียดชัง ถูกคนรักเข้าใจผิดมหันต์ไปเช่นนั้น รอจนกว่าซานซานหายโกรธ เขาย่อมปล่อยอู๋เจี๋ยออกมาส่วนตัวเขาก็จะกลายเป็นชายหนุ่มคนใหม่ที่เข้าหานาง เป็นรัชทายาทสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อม เหนือชั้นกว่าเหย่หนิวทุกอย่างส่วนหลิ่งเอ๋อร์ก็เป็นองค์หญิงตัวน้อยช่วยกุมหัวใจของเสด็จแม่อยู่อีกทางให้เวลาบ่มเพาะความรักขึ้นมาใหม่แอบคบหากันไปก่อน รอกระทั่งเขาได้ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจสิทธิ์ขาดค่อยว่ากันภายใต้สีหน้าราบเรียบเฉยชาไร้อารมณ์ รัชทายาทหนุ่มยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มดังมีไฟสุมอยู่ในทรวงอก จนเลือดเดือดพล่าน เพราะเรื่องแรกที่เขาคิดการณ์ คือต้องจัดการซานซานให้ได้ก่อนดูเถิดว่าเขาจะเกี้ยวนางได้หรือไม่?ขณะที่จ้าวเหว่ยได้ข้อสรุปที่เรียกได้ว่าชั่วร้ายเพื่อภรรยา เสียงปรบมือเปิดงานด้วยการแสดงจากหอนางรำเลื่องชื่อก็เริ่มขึ้นสตรีงดงาม