ซานซานนิ่งอึ้งหลังอ่านเป็นรอบที่สิบ ฝ่ามือพลันบีบแน่น ม่านตาดำพลันหดแคบ ความเจ็บแปลบสายหนึ่งพุ่งปราดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจหญิงสาวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า จะมีศาสตราวุธใดในใต้หล้าที่จะทำร้ายกันได้ฉับพลันถึงเพียงนี้ทั้งแปลกใหม่และร้อนระอุสิ้นดี ถ้อยวาจาตัดสัมพันธ์ไม่กี่ประโยคในกระดาษ เหตุใดถึงบาดใจผู้คนจนปวดหนึบชาวาบ ลมหนาวที่พัดผ่านราวกับกำลังกรีดลงบนใบหน้า พอยกมือขึ้นปาดถึงได้รู้ว่าสองข้างแก้มมีน้ำตาเปรอะเปื้อนเสียแล้วสายลมนั้นโชยแผ่ว ทั้งอ่อนจางและบางเบา ทว่ากลับสะท้านสะเทือนเหน็บหนาวราวกับยืนเคว้งบนยอดภูเขาน้ำแข็งซานซานรู้สึกอ่อนแรงเป็นครั้งแรก โดดเดี่ยวเดียวดายสุดประมาณ ความรู้สึกสิ้นหวังนี้ ร้ายแรงยิ่งกว่าครั้งที่คิดว่าสามีตายแน่นอนว่าเมื่อนางรู้ว่าแท้จริงเขามิได้ตาย ตลอดเวลาเกือบสามปี นางจึงรอคอยเขาให้กลับมานางพาลูกน้อยเฝ้ารอเขาเงียบๆ อย่างยินดี...แต่ยามนี้...จดหมายสะบั้นรักนี่!เนิ่นนานทีเดียวกับการพยายามระงับใจมิให้เต้นแรงหรือสั่นไหวจนเกินไป เพียงปล่อยให้ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาสายหนึ่งอย่างเรียบง่ายหญิงสาวก้มมองหลุมตรงหน้า พิจารณาเงียบงันนี่คือที่ซ่อนเงินขอ
บนถนนดินดำ สองข้างทางมีดอกไม้บานสะพรั่ง สลับกับต้นไม้ร่มรื่นความสดชื่นสองข้างทางยังคงดุจเดิม ทว่าซานซานกลับรู้สึกอึมครึมอย่างประหลาด รอบด้านคล้ายมีเมฆดำมืดปกคลุมหญิงสาวห่อหุ้มลูกน้อยด้วยผ้าฝ้ายอบอุ่นไว้บนแผ่นหลัง พาแม่นางน้อยเดินกลับบ้านหานภายใต้ร่มกระดาษสีแดงคันเก่า ซึ่งบัดนี้ด้ามที่เคยเขียวสดแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแห้งกร้าน เส้นผมม้วนเอาไว้แบบสตรีออกเรือน ปักเพียงปิ่นไม้อันเดิมที่สามีมอบให้ หากแต่ความรู้สึกของนางยามนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปท่ามกลางทางเดินทอดยาว สองฝั่งเงียบสงัด ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน เด็กน้อยลู่หลิ่งหลับนิ่งอยู่ตรงแผ่นหลังซานซานย่างเดินด้วยฝีเท้าเงียบกริบ แววตานิ่งสงบราวทะเลลึก ทั้งราบเรียบทั้งเร้นลับ พลันนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย“หลินเอ๋อร์...”ผู้ถูกเรียกขานเพียงปรายหางตามอง เห็นเป็นบุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ดุจบัณฑิตเจ้าสำราญเขาคือจางฉวนกำลังเดินมากับสตรีงดงามนางหนึ่ง ซึ่งมิใช่ชิงลี่สามปีมานี้ จางฉวนรับอนุเข้าบ้านถึงสี่คน และคนที่เดินเคียงข้างเขายามนี้คงเป็นคนที่ห้าระยะเวลาตลอดมาชิงลี่ตั้งครรภ์ให้จางฉวนแล้วสามครั้ง ทว่ากลับแท้งเส
เหมันต์หนาวเหน็บ แต่หัวใจกลับเย็นเยียบยิ่งกว่าคืนนั้นซานซานตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ว่าจักท่องหล้าพร้อมฝึกวิชาเหมือนที่ชอบทำรวดเร็วรวบรัด เดินทางฉับไว ปราศจากถ้อยคำอำลาใคร กระทั่งคนบ้านหานยังไม่มีใครรู้สักคนหากจางฉวนฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ววิ่งโร่ไปแจ้งทางการ หมายให้มือปราบมาจับกุมซานซาน ก็คงไม่ทันกาลแล้วริมลำธารแห่งเดิม ใต้ต้นสนโบราณร่างอรชรอ้อนแอ้นของซานซาน กำลังยืนนิ่งขรึมเด็ดเดี่ยวมั่นคง ด้านหลังมีเด็กน้อยในห่อผ้าสะพายหลัง แขนหนึ่งสะพายห่อผ้าของมีค่าและตั๋วเงินเอาไว้ มือข้างหนึ่งถือร่มกระดาษสีแดงชั่วอึดใจร่มคันนั้นก็ถูกหักดังกร๊อบทิ้งลงบนพื้น ตามด้วยกระทืบซ้ำอย่างโหดร้าย ปิ่นไม้ที่ปักผมยังถูกดึงออกจากเรือนผมอย่างไม่ไยดี หักเป็นสองท่อน สิ้นเยื่อใยไร้ไมตรีซานซานจัดการสิ่งของแทนใจอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ปลายเท้าบดขยี้จนแหลกเหลว แล้วจากไปอย่างเงียบงัน ไร้ซึ่งคำตัดพ้อใดๆแม่นางน้อยลู่หลิ่งกะพริบตามองมารดาอย่างไม่เข้าใจ นางเพียงอ้าปากเล็กๆ หาวสองครั้ง แล้วคอพับพริ้มตาหลับไปเนิ่นนานผันผ่าน กระทั่งแน่ใจว่าสองแม่ลูกลับตาไกลแล้ว อู๋เจี๋ยจึงค่อยๆ โผล่หัวออกมา เขาคุกเข่าก้มหน้าเอื้อมมืออันส
แท้จริงแล้วรัชทายาทหนุ่มก็พอจะคาดเดาได้ว่าสตรีเช่นซานซานมิใช่ภรรยาธรรมดาที่จักอดทนรอสามีที่ทอดทิ้งไปเยี่ยงคนโง่เขลาหากนางไม่ออกตามหาเขาด้วยตนเองก็อาจจะเปลี่ยนใจหาสามีใหม่อย่างที่อู๋เจี๋ยรายงานจริงๆแน่นอนว่าคนผิดหาใช่ภรรยาอย่างซานซาน แต่เป็นเพราะตัวเขาเองที่เป็นสามีไร้ความสามารถเกินไปเกิดเป็นราชนิกุลสูงศักดิ์แบกภาระหนักอึ้งจึงไม่อาจอยู่ข้างกายนางดังใจหมาย อันตรายรอบด้านยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเนิ่นนานเลยทีเดียว กว่าริมฝีปากสีแดงจะขยับแค่นเสียงออกมาได้ “ทั้งๆ ที่รอข้าอย่างสงบสุข จู่ๆ กลับหายตัวไปหรือ?” จ้าวเหว่ยหรี่ตาเอ่ยอย่างเย็นชา “ทั้งยังอยากมีสามีใหม่อีกด้วย”อู๋เจี๋ยคุกเข่าหนึ่งข้างประสานมือค้อมศีรษะตอบรับ“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมควานหาตัวนางอยู่เป็นนาน ก็ยังไม่อาจพบพาน ก่อนกลับมารายงานต่อท่านยังออกตามหาอยู่ทุกวัน ไม่หลับไม่นอน กระทั่งร้อนใจกลับมารายงานองค์ชายก่อน”ยิ่งเอ่ยเสียงก็ยิ่งเบา ลำตัวสั่นเทานัก อู๋เจี๋ยอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้แดดิ้นสิ้นใจตายห้องหรูหราสุดวิจิตรพลันตกอยู่ในความเงียบสงัดประดุจสุสาน หลังจากนิ่งเงียบเป็นนาน บุรุษสูงศักดิ์จึงเริ่มมีปฏิกิริยาแววตาของจ้าวเหว่ยค่อยๆ แป
สองปีผ่านไป จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น ภพชาตินี้ที่มาเยือน นับได้ก็สี่ปีเกือบเข้าปีที่ห้าแล้วซานซานในร่างชิงหลินยามนั้นอายุสิบห้าย่างสิบหก ผ่านมาจวบจนปีนี้จึงอายุได้ยี่สิบเอ็ดปีเต็มแล้วหญิงสาวพาธิดาตัวน้อยท่องหล้า ทั้งฟื้นฟูพลังปราณจนแข็งแกร่ง ทั้งฝึกฝนวิชายุทธ์จนแตกฉานภายในเวลาแค่ไม่นาน โดยไม่ต้องมีอาจารย์คอยสอนสั่ง เพราะว่าทุกสิ่งล้วนซึมลึกอยู่ในสมองจนตรึงแน่นไปถึงไขกระดูกตั้งแต่ชาติที่แล้วตัวนางกาลก่อนเป็นถึงประมุขหญิงผู้ยิ่งใหญ่แห่งใต้หล้า ทั้งเป็นเจ้าสำนักเซียนหย่งสือ ดูแลมือสังหารและนักฆ่ามากมาย ทำงานลึกลับฝังตัวซ่อนเร้นให้องค์กรใต้ดินมาช้านานนางจึงแตกฉานวิชามารดั้งเดิมได้โดยง่าย ฝ่ามือมรณะ วิชาหมื่นพิษ วิชาไอมาร ปราณเทพสังหาร เคล็ดวิชานารีพิฆาต ไสยเวทย์มนต์ดำอำมหิต ทั้งยังแปรสภาพทุกสิ่งเป็นอาวุธสังหาร เรียกได้ว่ามีความสามารถรอบด้าน คืออัจฉริยะด้านวิทยายุทธอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่า ยังมิเคยได้นำมาใช้เป็นเรื่องเป็นราว ลูกสมุนเช่นกาลเก่าก็ไม่มี ยังดีที่แผ่นดินต้าถังช่างสงบสุขยิ่งนักหมู่บ้านหรือเมืองต่างๆ ที่พวกนางสองแม่ลูกเดินทางผ่าน มักจะมีเรื่องราวขององค์รัชทายาทหนุ่มรูป
ห่างจากเมืองหลวงหมิงเวยไม่ไกล เป็นภูเขาสูงชันรายล้อมรอบด้านเพราะลักษณะที่ตั้งของวังหลวงแคว้นต้าถังเป็นเช่นนี้ ทำให้ศัตรูต่างแคว้นไม่อาจรุกรานได้โดยง่ายหุบเขาทั้งหลายสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ลักษณะคล้ายปราการแกร่งโอบล้อมปกป้องบ้านเรือนเอาไว้ รอบนอกห่างออกไปยังมีเมืองเล็กเมืองน้อย กระจายอำนาจการปกครองโดยเจ้าเมืองต่างๆ มีเพียงหมู่บ้านผิงเหยียนเท่านั้นที่ออกจะทุรกันดารไปสักหน่อย ห่างไกลความเจริญอยู่มากแต่ก็ยังโชคดีที่คนของทางการเป็นพวกรักความยุติธรรม ดูแลชาวบ้านอย่างดี เคร่งครัดเจ้าระเบียบแค่เอ่ยว่าจะฟ้องกองปราบก็ไม่มีใครกล้าทำผิดแล้วส่วนคนที่กล้าทำผิดเช่นซานซาน คนของทางการก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะตามจับได้จางฉวนจึงเป็นบุรุษโชคร้าย ถูกกระทืบจนสืบพันธ์มิได้ แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรมอยู่คนเดียวถ้ำแห่งหนึ่งภายในหุบเขาใกล้เมืองหลวงหมิงเวยซานซานกับลูกน้อยลู่หลิ่งอาศัยถ้ำนี้เป็นที่พำนักชั่วคราว เพื่อบุตรสาวได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามอย่างใกล้ชิดและเพื่อตัวนางได้ฝึกยุทธเดินลมปราณโคจรพลังวัตรผสานธาตุทั้งสี่โดยสะดวก ลักษณะถ้ำอยู่ใต้แท่งหินขนาดใหญ่ ปากถ้ำมีน้ำตกคล้ายผ้าม่านขนาดใหญ่ปิดกั้น
เดิมทีซานซานชอบปรุงยาพิษอย่างเดียว ทว่ายามนี้ยังต้องปรุงยาบำรุงผิว จากนิสัยที่ชื่นชอบการหาสมุนไพรอย่างเดียว ยังต้องเพิ่มการเฟ้นหาดินโคลนชนิดพิเศษเพื่อนำมาปรุงเป็นโคลนประทินโฉม ทั้งใช้เองและขายให้พอได้เงินหญิงสาวในชาตินี้มีนิสัยเปลี่ยนไปแตกต่างจากชาติก่อน ที่ไม่เคยใส่ใจต่ออาภรณ์ กระทั่งใบหน้าเกิดริ้วรอยน่าเกลียดก็ยังไม่คิดจะรักษา ทว่าตั้งแต่มีลูก รอยมดกัดก็ห้ามฝากไว้ นับประสาอันใดกับรอยแผลเป็นอ้อ...ต้องประทินโฉมบำรุงผิวพรรณเสียหน่อยซานซานหยิบห่อผ้าที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ ตั๋วเงินและของมีค่าขึ้นมา หลังจากทาโคลนจิ่นฟู[1] จนหอมฟุ้งทั่วตัวก็คำนวณด้วยสายตาครู่หนึ่งพลางครุ่นคิดในใจน้ำมันทาผิวใกล้หมด เงินก็ใกล้หมด คงต้องหาเพิ่มแล้วระหว่างรอลูกตื่นนอน ซานซานจึงเร่งคิดวิธีหาเงินอย่างรวดเร็วใกล้หุบเขาแห่งนี้คือเมืองหลวงอันรุ่งเรืองขนาดใหญ่ ผู้คนล้วนมั่งคั่งร่ำรวย ส่วนใหญ่ยังเป็นขุนนาง เป็นบัณฑิต แน่นอนว่าพวกเขาไม่ไร้สมอง การหลอกลวงย่อมมิใช่เรื่องง่ายใต้หล้านี้มีทั้งผู้ฝึกยุทธและผู้ฝึกตบะ หากเลือกอย่างหลังย่อมต้องละแล้วซึ่งกิเลส ซานซานจึงเลือกฝึกเพียงอย่างแรกเท่านั้น นางไม่เคยคิดว่าตนเอง
สองฝั่งข้างทางบริเวณชานเมืองอันรุ่งเรืองมีเพียงต้นไม้และบ้านเรือนประปราย ไม่มีผู้คนพลุ่งพล่านวุ่นวาย เหมาะแก่การวิ่งเล่นไม่อันตรายต่อเด็กเล็กหญิงสาวจึงปล่อยเจ้าตัวนุ่มนิ่มน้อยที่ปากบอกว่าเดินแต่กลับไม่เคยเดิน วิ่งเป็นอย่างเดียว ให้กางแขนร่าเริงไปตามทาง นางเพียงเดินตามหลังอย่างใจเย็นสายตาพลันเหลือบไปเห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่เล็กไม่ใหญ่ ไม่มีรั้ว ตัวเรือนไม่น่าสนใจ เพียงแต่สิ่งของที่วางระเกะระกะอยู่ที่ลานโล่งหน้าบ้านกลับปลุกปั่นความคิดของซานซานให้ตื่นตัวลานนี้มีโรงไม้ฝั่งซ้าย โรงเหล็กฝั่งขวา มีเตาหลอมเก่าคร่ำ ทั้งสองโรงมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสมสำหรับคนเดียวเข้าไปทำงาน รอบด้านมีเหล็กวางอยู่เล็กน้อย คล้ายถูกตีขึ้นรูปเอาไว้ครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็ไม่เคยถูกจับขึ้นมาทำต่อเป็นนานทุกสิ่งที่เห็นบ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านเคยเป็นช่างตีเหล็ก ขึ้นรูปมีดดาบ แต่กลับมีเหตุให้เลิกล้มกิจการกลางคันช่างน่าสนใจ...ซานซานเรียกลู่หลิ่งให้หยุดวิ่งทันที “หลิ่งเอ๋อร์ มาหาแม่”เด็กน้อยแม้ซุกซนเหลือเกิน แต่ไม่เคยดื้อดึงกับมารดา นางหมุนตัวตีโค้งวิ่งวนกลับมาหา พวงแก้มแดงปลั่ง ยกยิ้มน่ารักซานซานคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลั
รัชทายาทหนุ่มไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีซานซานยังคงคิดถึงชายอัปลักษณ์แม้ว่ากำลังร่วมรักกับชายงามสูงศักดิ์จ้าวเหว่ยรู้ดี ว่านางใต้ร่างมิได้รักเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองอู๋เจี๋ยที่คิดว่าเป็นเหย่หนิวก็ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่ประจันหน้า ทั้งแววตาทั้งท่าทาง เผยชัดแจ้งถึงความแค้นเคืองชิงชัง ไม่มีความหลังให้จดจำหวนคืนนางชัดเจนปานนั้น แต่กลับ…ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลายามก้มลงต่ำพร้อมลมหายใจหนักหน่วงรินรดข้างแก้ม ซานซานก็เริ่มจับกระแสความคิดของจ้าวเหว่ยได้เพราะใบหน้าใกล้กันถึงเพียงนี้ สายตาดำจัดของเขาร้อนแรงปานนั้น ราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนระคนแปลกใจเรียวคิ้วงามขมวดวูบ “ท่านได้ยินนี่”เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มพลันบังเกิด “ข้ามิได้หูหนวก”ซานซานยิ่งรู้สึกผิด “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ”จ้าวเหว่ยหยุดขยับกาย แต่ยังรักษาความรู้สึกรัญจวนใจเอาไว้ด้วยการฝังนิ่งตรึงนาง ก้มหน้าหอมแก้มนวลแรงๆ หนึ่งที เอ่ยเสียงสั่นพร่าอย่างใจดีว่า “เจ้าแก้ตัวด้วยการเรียกนามข้าได้”หญิงสาวเบือนหน้าหนี “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”ชายหนุ่มไม
บนเตียงนุ่มที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างสองร่างเปล่าเปลือยกอดกระหวัดรัดรึงด้วยความทุลักทุเลเพราะฝ่ายสตรีไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มานานมาก ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้ายิ่ง จึงตอบสนองเงอะงะพอควรจ้าวเหว่ยถอนใบหน้าออกจากซอกคอขาว ในใจนึกเอ็นดูระคนสงสาร แต่ท่าทางตื่นเต้นของซานซานทำเขานึกอยากแกล้งอย่างที่สุด ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะคลายวงแขนปลายจมูกโด่งสันไล่หอมแก้มนวลไม่หยุดยั้ง ริมฝีปากยังไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้า ลำคอ เนินอก ทิ้งร่องรอยลึกซึ้งไม่มีเกรงใจ จนซานซานต้องถอยร่นจนชิดผนังห้องข้างเตียงอย่างหมดท่าบุรุษยิ่งนานยิ่งรุกล้ำ จนใบหน้าขาวผ่องเนียนนุ่มยิ่งนานยิ่งเห่อแดงร้อนแรงกว่าถ่านไฟ กิริยาท่าทางดุจดรุณีวัยแรกแย้ม มิใช่จอมยุทธ์หญิงอีกต่อไป ซึ่งซานซานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้กลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเช่นนี้จ้าวเหว่ยยังคงรุกไล่จุมพิตซานซานไปทั่ว ฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบอิ่ม ดูดกลืนยอดถันชูชัน กระทั่งนางเขินอายจนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อทำใจ เขาก็ยังไล่จูบนางทางด้านหลังประทับตราตั้งแต่เรือนผม ท้ายทอย หัวไหล่ แผ่นหลังนวลเนียนฝ่ามือร้อนลวกยังจับกระชับเอวคอดกิ่ว ลูบไล้วกวนตรงหน้าท้องแบนราบ จนซ
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายทันที จ้าวเหว่ยยิ้มอ่อน วงแขนยิ่งกระชับ “หากบอกว่าใช่”ซานซานให้รู้สึกขนลุกชูชัน “เราตกลงกันแล้วว่าไม่มีเรื่องงมงายไร้สาระ หากยังเอ่ยเช่นนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงไม่สะดวกแล้ว”จ้าวเหว่ยหัวเราะในลำคอเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ากล้า”ซานซานแค่นยิ้ม “จ้องนาน สี่หีบ!”“...”สมเป็นนาง...ไม่ว่าเรื่องใดยิ่งไม่เคยนึกหวั่น นอกจากไม่กลัวหรือเขินอายยังกล้าท้าทาย...แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่มีทางปล่อยซานซานไปสามีที่ห่างเหินการร่วมรักกับภรรยาเนิ่นนานปี เมื่อเจอกันอีกทีไม่พุ่งกายเข้าใส่ก็คงมิใช่คนปกติเขายังไม่ลืมย้ำเสียงหนัก“เจ้าปรนนิบัติข้าได้แค่คนเดียว เข้าใจหรือไม่?”“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ รีบๆ ทำเถิด”แม้เอ่ยเช่นนั้น แต่ร่างระหงอ้อนแอ้นกลับนอนนิ่งแข็งทื่อบุรุษยกยิ้มเอ็นดูแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลงจรดริมฝีปากตนกับนางแผ่วเบาคล้ายภมรหยอกเย้ากลีบบุปผาซานซานพลันเบิกตากว้าง รู้สึกได้ว่ากลีบปากอีกฝ่ายร้อนมากๆ จนอาจจะลวกปากนางได้อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกะพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงจุมพิตที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นรุกล้ำแต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดออกมาจากปากชายเหนือร่างเข้า
ความอุ่นร้อนจากวงแขนและแผงอกแผ่ซ่านรอบกายทันใด ซานซานพลันตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงก่ำ ท่าทางประหนึ่งสาวน้อยแรกแย้มเพิ่งเข้าหอครั้งแรกเพราะห่างเหินรสสัมผัสและการร่วมรักมานานปี ทั้งยังเป็นชายอื่นมิใช่สามี ไม่เกร็งก็คงไม่ใช่และนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงยินยอมให้เขาง่ายดายในขณะที่กำลังสั่นระริกทั้งตัว หัวใจเต้นตุบๆ แทบทะลุอก ซานซานยังได้ยินเจ้าของวงแขนเอ่ยเสียงเครียด“เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้ และยิ่งมิใช่หญิงขายเรือนร่าง”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิใช่ แต่ในเมื่อเป็นพระบัญชา ไยต้องคิดมากเล่า”“เจ้า...” รัชทายาทหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกิน “เรื่องเช่นนี้ เจ้าควรคิดให้มาก เข้าใจหรือไม่?”ซานซานได้ฟังพลันนิ่งเงียบไปหากศักดิ์ศรีของนางที่ต้องรักษาคือสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวบุรุษใจร้ายให้เห็นค่า มิสู้ทำลายศักดิ์ศรีนั้นทิ้งไปเสียหากต้องแย่งชิงบุรุษไร้ใจกับสตรีแสนดีเช่นซูเหยานางคงทรมานจนตาย หากสะสมเงินทองได้มากพอก็ออกจากวังไปเป็นเจ้าสำนักดูแลสมุนมารเหตุผลอันหลากหลายประการ ซานซานพลันสรุปได้ว่า รัชทายาทหนุ่มตรงหน้านับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เลวหึ! เป็นสตรีที่ดีแล้วอย่างไร สามีก็ทิ้งไปอยู่ดี
ตำแหน่งสูงส่ง รูปโฉมเป็นเอก บุรุษผู้หนึ่งมีสตรีทั่วเมืองหมายปอง หวังเกี่ยวดองนับไม่ถ้วน กลับถูกนางตรงหน้าลืมสิ้น“เจ้ากล้าลืมข้า...” เส้นเสียงยามเอ่ยฟังดูปวดใจไม่น้อยซานซานยิ้มเก้อกระดากปฏิเสธเสียงอ่อน “ก็ไม่เชิงเพคะ”ชายหนุ่มรู้สึกไม่ยินยอม แววตาคมดำยิ่งนานยิ่งร้อนแรง ร่างสูงจึงปักหลักนั่งบนเตียงไม่คิดขยับไปทางใด ฝ่ามือยังเอื้อมลงมาตบบนที่นอนเบาๆ หมายถึงคำสั่งมิอาจละเลย สตรีผู้เป็นรางวัลแห่งค่ำคืนย่อมต้องทำหน้าที่อันพึงมีบนเตียงนอนรัชทายาทหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจ เผยความต้องการชัดเจน ดวงตาคมปลาบของเขาร้อนแรงมาก บ่งบอกเจตนารมณ์ได้ว่าคืนนี้เขามาด้วยจุดประสงค์ใดบุรุษสูงศักดิ์ก็เช่นนี้ พวกเขาสามารถปลดปล่อยอารมณ์กระสันตามวัยได้เต็มที่กับนางกำนัลหรือใครก็ตามได้ทุกเวลา โดยมิต้องแต่งงานเหมือนชาวชนบท และสำหรับซานซาน เรื่องที่ฮ่องเต้มอบนางให้เป็นรางวัลของเอกบุรุษเฉกเช่นรัชทายาท แท้จริงหาใช่เรื่องต้องคิดมากไม่สตรีผู้หนึ่งมิใช่คนดีอันใด ลูกก็มีแล้ว สามีก็ทิ้งขว้างเลิกรา ซานซานจึงไม่คิดเล่นตัวเยี่ยงคุณหนูผุดผ่อง หากอีกฝ่ายต้องการ นางก็ไม่คิดปฏิเสธ เพียงแต่ค่าตอบแทนต้องสูงมากหน่อยเท่านั้น ปรนนิ
ตำหนักฮุ่ยเยี่ยนถึงแม้งานเลี้ยงเลิกราไปนานแล้ว ล่วงเข้ายามดึกสงัดรอบด้านมืดสนิทมากแล้ว แต่ภายในเรือนพักยังมีห้องหนึ่งที่มีแสงเทียนสว่างเรืองรองซานซานใช้เวลาปักผ้าบนชุดให้ลู่หลิ่งเสร็จไปสองผืน จากนั้นก็เริ่มหยิบกระดาษมากางขึงตรงหน้าสายตาจ้องแน่นิ่งแล้วจรดปลายพู่กันเริ่มวางแผนการชีวิตอันซับซ้อนของตนด้วยเส้นสายระโยงระยางที่มีนางเข้าใจอยู่คนเดียวในกระดาษ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นางได้รู้จากหยุนผิง เกี่ยวกับเส้นสายขั้วอำนาจแห่งวังหลวงฮ่องเต้ต้าถังมีอำนาจหลักคือโซวอ๋องผู้มีกองกำลังในมือนับไม่ถ้วนเพื่อค้ำยันราชบัลลังก์ บริหารอำนาจราชสำนักผ่านตระกูลของพระสนมคนงามเต็มวัง องค์ชายอื่นๆ มีอำนาจจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใช้เล่ห์เสน่หาบุรุษเพื่อให้สตรีหนุนหลังในขณะที่ผู้อื่นมีอำนาจพร้อมพรั่งทั้งสุขสำราญเต็มที่ มีเพียงรัชทายาทที่มีอำนาจฝั่งมารดาอย่างหลี่กุ้ยเฟย และบารมีจากไพร่ฟ้าที่แผ่ไพศาลเกรียงไกร แต่ภายในตำหนักบูรพากลับปราศจากอิสตรี ไม่มีชายาเลยสักคนทั้งๆ ที่เขามีเสน่ห์มากล้น เป็นเอกบุรุษปานนั้น สมกับตำแหน่งจักรพรรดิโดยแท้ ทว่ากลับต้องทนเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ซานซานอดมิได้ที่จักรู้สึกเป็นห่ว
“อาจารย์ได้โปรดกลับไปกับข้าเถิด เป็นประมุขนารีแดง" ซานซานขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดเคร่งเครียดก่อนปฏิเสธตามตรง “ข้ายังไม่มีเงิน ยังไม่สามารถเลี้ยงสมุนมากมายปานนั้น กำลังอยู่ในช่วงตั้งตัว เอาไว้ร่ำรวยเมื่อใดค่อยกลับไปแล้วกัน”เรื่องเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญของพวกนักฆ่ารับจ้าง หาใช่ลาภยศชื่อเสียงเยี่ยงคนของวังหลวงไม่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันสำนักในยุทธภพเหล่านี้ทำงานให้ชนชั้นสูงอยู่เงียบๆ รับเงินเป็นกอบเป็นกำเพื่อดำรงชีพ ทำงานลึกลับฝังตัวซ่อนเร้นให้องค์กรใต้ดินมาช้านานเมื่อได้รับคำปฏิเสธ หยุนผิงจึงมีสีหน้าเศร้าสลด อดคิดมิได้ว่า ควรเร่งหาเงินให้มาก อาจารย์จะได้กลับสำนัก นางเอ่ยเสียงเครือ “อาจารย์...เช่นนั้นข้าจะช่วยท่านเก็บเงินอีกทางหนึ่ง”“หืม...” ซานซานมองหน้าหยุนผิง พลางถามเสียงเรียบ “คงมิใช่เร่งสังหารเป้าหมายหรอกกระมัง”“แล้วจะให้ทำเช่นใดเล่า งานสำเร็จย่อมได้เงินมากโข”ซานซานหรี่ตาใคร่ครวญลึกซึ้ง ก่อนถามเสียงขรึม“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถูกผู้มีอำนาจขู่บังคับให้ทำงานสังหารบุคคลสำคัญ ผู้ใดว่าจ้างให้มาสังหารใครรึ? ได้คุ้มเสียหรือไม่?”หยุนผิงมีสีหน้าลำบากใจยากเอื้อนเอ่ยซานซานนิ่งคิดใช้เวลาไตร่ตร
ซานซานปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ตนพลางเอ่ยเนิบช้า“ในเมื่อเจ้าล่วงรู้วิชาของข้า และข้าก็ล่วงรู้วิชาของเจ้า เกรงว่าสองเราคงเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกระมัง”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซานซานก็นิ่งคิดชั่วครู่ไม่ถูก! เคล็ดวิชานี้ เป็นนางที่คิดค้นไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว จะเป็นศิษย์สำนักเดียวกันได้อย่างไร นางควรเป็นอาจารย์ทวดของอีกฝ่ายถึงจะถูกต้อง!คิดเสร็จหญิงสาวก็โบกมือไม่ถือสา กล่าวเสียงเรียบว่า“เอาล่ะๆ นางมารเช่นเจ้ากล้าปลอมตัวเป็นนางรำเข้ามาในงานของวังหลวง คงถูกว่าจ้างมากระมัง จะสังหารใครรึ?”ประหนึ่งคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ หยุนผิงยิ่งอึ้งตะลึงงัน ปลายนิ้วสั่นเบาๆ เล็บแหลมคมเริ่มหดกลับเข้ามาในเนื้อ ผิวกายที่มีอักขระน่ากลัวค่อยๆ เลือนหาย ท้ายที่สุดนัยน์ตาสีแดงปานโลหิตก็ดำขลับเช่นเดิม เผยความงดงามหยาดเยิ้มดุจเดิมเพราะเคล็ดวิชาในตำนานมีเพียงอาจารย์ทวดต้นตำรับเท่านั้นที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าวิชาที่ตกทอดเป็นเพียงหนึ่งในวิชาใดหยุนผิงคุกเข่ากระแทกพื้นเรียกซานซานเสียงสั่นเครือ “ท่านอาจารย์ทวด...”ถึงแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่หางคิ้วก็อดกระตุกมิได้ “เรียกเสียแก่เลยเชียว เรียกแค่อาจารย์หญิงก็พอกระมัง”หยุนผิงยืน
ค่ำคืนยาวนาน งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปจ้าวเหว่ยนั่งลงมองเพียงปลายนิ้วมือที่ไล้วนจอกเหล้าด้วยความเบื่อหน่ายอีกครั้ง รอเวลาอันเชื่องช้าเคลื่อนผ่านอย่างเงียบงัน ในใจคิดถึงแต่ใครบางคนอันเป็นรางวัลแห่งค่ำคืนและแล้วภายใต้ใบหน้าอันแสนจะเย็นชา รัชทายาทหนุ่มพลันได้แผนการใหม่ในการจัดการกับภรรยาในใจปรารถนาให้สิ้นสุดงานเลี้ยงโดยไวการเสวนาโต้ตอบระหว่างฮ่องเต้กับบรรดาขุนนางยังคงมีไม่ขาดสาย พร้อมเชื้อเชิญกึ่งท้าประชันฝีมือระหว่างตระกูลด้วยการนำเสนอความสามารถของบุคคลชั้นสูงคุณหนูแต่ละคนได้รับการสนับสนุนให้ออกมาแสดงฝีมือกลางลานกว้าง เปลี่ยนทุกการแสดงจากการมอบความสำราญเป็นแสดงความสามารถอันหาได้ยากยิ่งแทน มีทั้งการบรรเลงพิณ แต่งโคลงต่อกลอน และร่ายรำเมื่อการแสดงรอบนี้เป็นสตรีชั้นสูง กระทั่งการร่ายรำบิดเอวส่ายสะโพกจึงมิใช่เป็นการแสดงชั้นต่ำ อีกทั้งยังสูงส่งเทียมฟ้าทุกนางล้วนงดงามสะกดสายตา ยิ่งชาติตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งกลายร่างเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้าแต่ละนางอวดโฉมในด้านที่ดีที่สุดให้องค์รัชทายาทได้ยล พยายามดึงดูดเขาด้วยรูปโฉมและฝีมือในศาสตร์ทุกแขนงเวลาแห่งค่ำคืนค่อยๆ ดำเนินไปช้าๆ ระหว่างนั้นซานซานก็กล