หลังจากฉู่จวินสิงกำชับเรื่องราวบางอย่างเสร็จแล้วก็พาเจี่ยนอันอันจากไปพร้อมกันรอจนคนทั้งสองจากไป ในที่สุดเฉินเช่อก็ระบายลมหายใจออกมาเขากุมใบหน้าที่ถูกตัวเองตบจนบวมพลางครุ่นคิดในใจสายตาที่ท่านอ๋องมองเขาเมื่อครู่นี้ช่างน่ากลัวนัก เขายังมองออกว่าท่านอ๋องรักเจี่ยนอันอันมากเพียงใดหากเป็นสตรีอื่น ท่านอ๋องไม่มีทางปกป้องอีกฝ่ายถึงเพียงนี้เฉินเช่อกลับไปนั่งลงบนเตียงของตัวเองก็เห็นว่าหม่าลู่ยังคงก้มหน้าด้วยท่าทางเหมือนมีเรื่องหนักอึ้งในใจเขารู้ว่าหม่าลู่กำลังละอายใจที่ไม่สามารถแสดงความกตัญญูต่อบุพการีเฉินเช่อพูดโน้มน้าว “เรื่องก็เกิดไปแล้ว เจ้าอย่าคิดมากเลย”“พวกเราทำใจให้สงบรอให้นายท่านจัดการธุระที่นี่เสร็จก็สามารถไปหาหม่าจั๋วที่บ้านเกิดของเจ้าได้แล้ว”“ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถไปโขกศีรษะขอขมาหน้าหลุมศพพ่อแม่ได้แล้ว”หม่าลู่ฟังแล้วก็พยักหน้าเบาๆเขานอนลงบนเตียงหลับตาลงโดยไม่พูดอะไรสักประโยคเฉินเช่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กุมใบหน้าที่เจ็บระบมนอนลงไปเช่นกัน……เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องทั้งคู่เดินออกจากโรงเตี๊ยมแล้วจูงม้าของตนเองมุ่งหน้าไปทางจวนเป่าเซวียน
เพียงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในจวนในช่วงหลายวันนี้ สาวใช้ก็ตกใจจนหน้าเผือดสีฮูหยินน้อยรองเห็นว่าในมือสาวใช้ไม่มีขวดยา นางก็เข้าใจว่าสาวใช้คงซ่อนขวดยาเอาไว้ทันใดนั้นจึงเดือดดาลขึ้นมา“นังเด็กน่าตายคนนี้นี่ ถึงตอนนี้แล้วยังไม่รีบส่งยามาให้ข้าอีก”“ใครก็ได้ ลากนางออกไปโบยหนักๆ สามสิบที!”ฮูหยินน้อยรองโกรธจนสติขาดผึง ข่งซีที่อยู่บนเตียงก็ถูกคำพูดของนางทำให้ตกใจจนร้องไห้โฮขึ้นมาในทันใด“ท่านแม่ ข้าเจ็บเหลือเกิน กอดข้าหน่อยขอรับ”ข่งซีพูดพลางยื่นสองแขนสั้นๆ ออกมาทำท่าจะสวมกอดฮูหยินน้อยรองข้ารับใช้หลายคนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ย่างเข้ามาทำทีจะลากตัวสาวใช้ออกไปสาวใช้ตกใจจนรีบคุกเข่าลง “ฮูหยินน้อยรอง ข้าไม่มีขวดยาจริงๆ เจ้าค่ะ ถ้าท่านไม่เชื่อจะสั่งให้คนมาค้นตัวข้าดูก็ได้”ฮูหยินน้อยรองรีบเข้าไปกอดข่งซีแล้วตบหลังเขาเบาๆ“ซีเอ๋อร์อดทนอีกนิดนะ รอจนแม่เอายามา เจ้ากินลงไปก็ไม่เจ็บแล้ว”ฮูหยินน้อยรองมัวแต่ปลอบโยนข่งซีในอ้อมกอด ไม่ได้เหลือบมองสาวใช้เลยสักแวบข้ารับใช้หลายคนเข้ามาลากสาวใช้ นางจะร่ำร้องอย่างไรล้วนไม่สะทกสะท้านพวกเขาลากสาวใช้ออกไปนอกห้อง ในไม่ช้าเสียงร้องโหยหวนของสาวใช้ก็
ลูกสะใภ้รองผู้นี้ของเขาช่างโง่งมเสียจริงๆนางไม่รู้หรือไรว่าการลงโทษสาวใช้ต่อหน้าซีเอ๋อร์จะทำให้ซีเอ๋อร์ตกใจได้?เจ้าเมืองข่งระบายโทสะในใจใส่ลูกสะใภ้รองของตนเอง“แม่อย่างเจ้าไยจึงไม่รู้จักดูแลซีเอ๋อร์ได้ถึงปานนี้ ข้าให้เจ้าป้อนยาเขา เจ้ากลับทำยาหายเสียนี่”“ถ้าเจ้าทำหน้าที่แม่ให้ดีไม่ได้ก็รีบส่งซีเอ๋อร์ให้คนอื่นดูแลแต่เนิ่นๆ เสียเถอะ!”ขณะที่เจ้าเมืองข่งพูดอยู่ เขาสัมผัสได้ว่าข่งซีในอ้อมอกขยับตัวแล้วเขารีบก้มหน้าลงมองก็เห็นข่งซีชักอีกรอบ ปากพ่นฟองขาวออกมาฮูหยินน้อยรองรีบร้อนลงจากเตียงมาคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าเมืองข่ง“นายท่าน จะต้องเป็นเพราะในจวนเรามีผีอาละวาดเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นขวดยานั่นจะหายไปปุบปับเช่นนั้นได้อย่างไร”ฮูหยินน้อยรองยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเรื่องผีอาละวาดที่ลือกันในจวนในช่วงหลายวันนี้ เดิมทีนางไม่เชื่อ แต่วันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางไม่กล้าไม่เชื่อแล้วเจ้าเมืองข่งรีบวางข่งซีลงบนเตียงแล้วบอกให้พ่อบ้านไปตามหมอมาเขียนเทียบยาให้ซีเอ๋อร์อีกครั้งฮูหยินน้อยรองมองดูเจ้าเมืองข่งทั้งตัวสั่นเทิ้ม ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อคำพูดของตนเองหรือไม่เจ้าเ
นอกจากเขาจะให้ยาเม็ดที่เคยให้ข่งซีมาก่อนแล้ว ยังได้ให้เทียบยาสูตรอื่นด้วย“ใต้เท้า นี่เป็นยาสงบจิต คุณชายน้อยรับประทานเข้าไป ไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมา”“นอกจากนี้ยังมียาเม็ดขวดนี้ ซึ่งเป็นยาวิเศษที่ข้าเป็นผู้คิดค้นขึ้น จะต้องรับประทานตามวิธีที่ข้าบอกไว้”“หากยังคงโยนยาทิ้งส่งเดชอีก ข้าก็เกรงว่าคงมิอาจรักษาคุณชายน้อยของพวกท่านได้อีก”ท่านหมอเฒ่ากล่าวพลางส่งขวดยาและเทียบยาให้กับพ่อบ้านเมื่อเห็นว่าตนไม่ได้มีธุระใดที่นี่อีก เขาจึงหมุนกายออกไปพ่อบ้านสั่งให้บ่าวในจวนไปส่งท่านหมอออกจากจวน จากนั้นจึงหยิบยาเม็ดออกจากขวดจำนวนหนึ่งเพื่อจะป้อนให้ข่งซียาเม็ดนั้นเม็ดเล็กยิ่งนัก อีกทั้งยังละลายในปากทันที เขาจึงไม่กังวลว่าจะติดคอข่งซีขณะมือของพ่อบ้านกำลังจะยื่นไปถึงริมฝีปากของข่งซีสายลมเย็นยะเยือกก็พัดเข้ามาอีกคราร่างของพ่อบ้านถูกลมพัดจนสะท้านไปทั้งตัว ไฉนลมเย็นครั้งนี้จึงรุนแรงกว่าคราก่อนเสียอีกเล่าเขารู้สึกราวกับสายลมนั้นพัดตรงมาที่เขาเพียงผู้เดียว หรือว่าคำพูดของฮูหยินน้อยรองก่อนหน้านี้จะเป็นความจริง จวนนี้มีภูตผีอยู่?ขณะที่พ่อบ้านกำลังลังเล เจี่ยนอันอันก็ฉวยขวดยาและยาเม็ดในมือของเขา
เขากระชากผ้าม่านรอบเตียงลงมา ทั้งร่างสั่นระริก ซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ไม่กล้าแม้แต่จะชะโงกหน้าออกไปขณะนั้นเอง สายลมเย็นยะเยือกพัดโหมขึ้นทำให้ผ้าม่านพลิ้วไหวตามลมเจ้าเมืองข่งตกใจจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง เขาขยุ้มผ้าม่านไว้แน่น ตัวสั่นเทาพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้สังหารเจ้า เจ้าอย่ามาทวงชีวิตจากข้าเลย!”เจี่ยนอันอันควบคุมพัดลมให้พัดกระหน่ำไปทางเตียงเสียงของฉู่จวินสิงก็ดังขึ้นอีกครา “เดิมทีข้าสอบได้เป็นจอหงวน เหตุใดเจ้าจึงให้ผู้อื่นสวมรอยไปแทนข้า อีกทั้งยังทำร้ายข้าจนเจ็บหนัก?”เจ้าเมืองข่งก็พลันเข้าใจ ที่แท้เป็นจอหงวนเมื่อสามปีก่อน กลับมาทวงชีวิตเขาถึงที่นี่เองเขาตกใจจนแทบขาดใจ รีบคุกเข่าบนเตียง ทั้งร่างสั่นสะท้านพลางกล่าวแก้ตัว“บาปมีผู้ก่อ หนี้มีเจ้าหนี้ เรื่องนี้หาใช่ข้ากระทำไม่ หากท่านจะจองเวรก็ไปหาผู้ที่สวมรอยแทนท่านเถิด”“ข้าเป็นเพียงขุนนางผู้น้อย ไม่อาจทำให้คนผู้นั้นขุ่นเคืองได้”ฉู่จวินสิงแค่นเสียงเย็นชา “หึ เจ้าเป็นเพียงขุนนางผู้น้อย แต่กลับกล้าบิดเบือนความจริงเช่นนี้ หากข้าไม่มาหาเจ้า แล้วจะไปหาผู้ใดเล่า!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าหากเขายังไม่กล่าวความจริง เกรงว่าราตรีนี้คงไม่อา
หากจอหงวนอีกสองคนเป็นเช่นเดียวกับวิญญาณตนนี้ ตายไปแล้วกลายเป็นวิญญาณอาฆาตพากันมายังจวนเพื่อทวงชีวิตเขาเช่นนั้นเขาคงต้องไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่แล้วเจ้าเมืองข่งตัดสินใจแน่วแน่ ในเมื่อเขาได้เปิดเผยเรื่องของเจี่ยนกั๋วกงไปแล้วเช่นนั้นก็บอกความจริงทั้งหมดเสียเลย เผื่อว่าวิญญาณตนนี้อาจไว้ชีวิตเขาก็เป็นได้เขารีบเงยหน้าขึ้นมองม่านเตียง ทว่าเมื่อเห็นโลหิตที่ถูกสาดจนเปรอะเปื้อนไปทั่วเขาก็ตกใจจนรีบก้มหน้าโดยพลัน“หากท่านจะทวงความเป็นธรรมก็ไปทวงจากเจี่ยนกั๋วกงเถิด เรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนสั่งให้ข้าทำทั้งสิ้น”“เขายังกล่าวไว้อีกว่าหากข้าทำได้ดี เขาก็จะหาทางช่วยข้าให้ได้เลื่อนตำแหน่ง”ฉู่จวินสิงจดจำชื่อของขุนนางตรวจการหยางและเจี่ยนกั๋วกงไว้ในใจ ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นกล่าวขึ้นอีกว่า“วันพรุ่งนี้เจ้าจงไปติดประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า ข้าหวังหวยซูคือผู้ที่สอบได้จอหงวนเมื่อสามปีก่อน”“และให้ถอนชื่อผู้ที่สวมรอยข้าออกจากรายนามจอหงวนเสีย!”เจ้าเมืองข่งได้ฟังดังนั้น หัวใจก็วูบลงเขาเป็นแค่เจ้าเมืองตำแหน่งเล็ก ๆ ไหนเลยจะมีอำนาจใดไปลบชื่อผู้ที่สอบได้จอหงวนเล่ายิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ล่วงเลยมา
ท่านหมอเฒ่าไม่ได้อยากกลับมาที่จวนเป่าเซวียนเพื่อรักษาคุณชายน้อยอีกครั้งทว่าเขาถูกพ่อบ้านขู่เข็ญและกดดัน จำต้องกัดฟันเดินตามพ่อบ้านกลับมาผลลัพธ์ก็คือภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเขา ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งร่างเจ้าเมืองข่งเห็นว่าท่านหมอเฒ่ากลับมาแล้ว จึงรีบสั่งให้เขาจัดการป้อนยาแก่ข่งซีทันทีท่านหมอเฒ่าจนใจ ทำได้แค่หยิบขวดยาออกมาจากหีบยา พร้อมกับสั่งให้บ่าวหญิงไปรินน้ำมาให้จากนั้นเขาจึงหยิบยาเม็ดออกมาป้อนลงในปากของข่งซีทีละเม็ด ก่อนจะป้อนน้ำตามไปหนึ่งอึกไม่นานนัก ในที่สุดข่งซีก็หยุดชักกระตุกท่านหมอเฒ่าสั่งให้พ่อบ้านนำเทียบยาที่เขาเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ไปต้มยาให้ข่งซีดื่มเมื่อจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว ท่านหมอเฒ่าจึงรีบกล่าวลาแล้วออกไปทว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงยังไม่ได้จากไปไหน ทั้งสองยังคงอยู่ในห้อง มองเหตุการณ์เบื้องหน้าเมื่อเห็นท่าทางของเจ้าเมืองข่งที่ทรุดลงด้วยความหวาดกลัว เจี่ยนอันอันก็คิดเพียงว่าน่าขันนักทั้งสองไม่ได้ก่อกวนเจ้าเมืองข่งต่อไป ฉู่จวินสิงกำลังจะจากไป ทว่ากลับถูกเจี่ยนอันอันดึงตัวไว้เมื่อทั้งสองออกมานอกห้องแล้ว พอเห็นว่าโดยรอบไร้ผู้คน เจี่ยนอันอันจึงกระซิบเบา
ส่วนเจี่ยนกั๋วกงนั้น ฉู่จวินสิงหาได้คิดจะกำจัดเขาในทันทีไม่ปล่อยให้เจี่ยนกั๋วกงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักระยะก่อนหากเจี่ยนกั๋วกงกล้ามาหาเรื่องถึงตัวเขาเมื่อใด เขาย่อมไม่มีทางปรานีต่ออีกฝ่ายแน่ทั้งสองสนทนากันอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันนอนพักผ่อนยามค่ำคืน เจี่ยนอันอันนอนไม่ค่อยหลับเพราะไม่คุ้นชินกับที่นอน หลังจากล้มตัวลงนอนเพียงไม่นาน นางก็เริ่มพลิกตัวไปมาเตียงนี้แคบเกินไป ไม่เหมือนตอนนอนบนเตียงกว้างในบ้านของนางที่สบายยิ่งกว่าไม่นานนักเจี่ยนอันอันก็กลิ้งตกจากเตียงสู่พื้นเจี่ยนอันอันตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงีย เจ็บจนร้องโอดโอยฉู่จวินสิงได้ยินเสียงผิดปกติ ก็ลืมตาขึ้นโดยพลันแล้วเขาก็เห็นเจี่ยนอันอันกำลังคลำทางลุกขึ้นจากพื้นนางคลำหาทางด้วยอาการงัวเงียเพื่อจะกลับไปยังเตียงของตนและนอนลงอีกครั้งฉู่จวินสิงกำลังจะลุกไปช่วยเจี่ยนอันอัน ก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากนอกห้องเขารีบตรงไปที่ประตูห้องทันที จากนั้นก็มีคนเคาะประตูฉู่จวินสิงกดเสียงต่ำ “ผู้ใด?”“นายท่าน ข้าเอง เฉินเช่อ”ฉู่จวินสิงได้ยินเสียงของเฉินเช่อก็เปิดประตูออกไปทันทีเมื่อออกมานอกประตู ก็พบว่าเฉินเช่อและหม่าลู
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ