เมืองอินเป่ยตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งยังประสบกับภัยแล้งเป็นเวลาหลายปี ทำให้ที่ดินในบริเวณนั้นแทบไม่สามารถปลูกพืชผลการเกษตรใดๆ ได้ชาวบ้านที่นั่นเดิมก็ดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากอยู่แล้วจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ราชวงศ์สั่งสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในเมืองอินเป่ย เมืองทั้งเมืองแทบจะถูกทำลายจนเกือบกลายเป็นซากปรักหักพังโชคดีที่ในสมัยเซิ่งฟางยังเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เขาได้นำชาวบ้านขุดหลุมใต้ดินเพื่อเก็บเสบียงอาหารเมื่อเหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้น ชาวบ้านพาครอบครัวของตนเองหลบภัยในหลุมใต้ดิน จึงรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายครานั้นมาได้อย่างหวุดหวิดเซิ่งฟางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ต่อให้ในตอนนี้เขาจะได้ปลิดชีพฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นด้วยการเฉือนเป็นพันชิ้น ก็ไม่อาจดับความแค้นในใจของเขาได้ทุกคนต่างเงียบงันไป เจี่ยนอันอันกลับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “ท่านหัวหน้าใหญ่ ในเมื่อท่านเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เหตุใดถึงได้กลายมาเป็นหัวหน้าโจรที่นี่?”เซิ่งฟางเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนเอ่ยถาม เขายังไม่ตอบ แต่หันไปมองฉู่จวินสิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“สตรีผู้นี้คือใครหรือ?”ฉู่จวินสิงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เจี่ยนอัน
เมื่อฉู่จวินสิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เหตุการณ์สังหารหมู่ในเมืองนั้นเคยสั่นสะเทือนทั้งแคว้นไท่ยวนชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริงต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนั้นด้วยความยินดีมีเพียงเหล่าราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ว่า การสังหารหมู่ในปีนั้นช่างโหดเหี้ยมและนองเลือดเพียงใดขณะที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน พวกโจรจากห้องครัวก็นำอาหารและสุรามาจัดวางบนโต๊ะยาวเซิ่งฟางเคยชินกับการเรียกรองหัวหน้าเหวินอิงมาร่วมรับประทานอาหาร แต่ครั้นจะเอ่ยปาก ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางยังคงหมดสติอยู่เขาจึงหันมามองเจี่ยนอันอันด้วยท่าทีลำบากใจ “พระชายาเยียนอ๋อง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง หวังว่าท่านจะเมตตาช่วยเหลือ”เจี่ยนอันอันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกนางว่า ‘พระชายาเยียนอ๋อง’ นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็หันไปมองเซิ่งฟางและพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องมากพิธี หากมีเรื่องใดต้องการขอร้อง ท่านบอกข้ามาเถิด”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันเรียกเขาว่า ‘เจ้าเมือง’ เซิ่งฟางก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากเขาตบโต๊ะแล้วหัวเราะเสียงดัง “คำว่าเจ้าเมืองนี้ ข้าไม่ได้ยินมา
“นังเด็กนี่ ดูเหมือนพอจะยังมีความสามารถอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเล่นกับเจ้าดูสักสองสามรอบ”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมดึงมือออกมาอย่างแรงนางกระโดดลงมาจากเตียง เหวี่ยงมือต่อยออกไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอยหลังไปสองสามก้าว หลบการโจมตีหมัดนี้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันหลบได้ เหวินอิงก็โจมตีมายังเจี่ยนอันอันอีกครั้งในตอนนี้มือของนางไม่มีอาวุธใด ทำได้เพียงแค่ใช้หมัดมือต่อสู้ด้วยเจี่ยนอันอันไม่ได้คิดจะต่อสู้กับเหวินอิงนางกระโดดขึ้นไปบนเตียง มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาดูถูก นางพูดโน้มน้าวออกมาอย่างใจดี“ข้าแนะนำเจ้าว่าทางที่ดีอย่าได้ใช้กำลังกันมั่วซั่ว หญิงสาวอย่างเรา หากว่ามาต่อยตีฆ่ากันคงจะไม่น่ามองนัก”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เหวินอิงยิ่งกรุ่นโกรธมากยิ่งขึ้น“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เจ้าลองกินหมัดข้าก่อน” เหวินอิงพูดออกมา พร้อมทั้งต่อยหมัดไปที่ขาเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกขาขึ้นเหยียบลงไปบนมือของเหวินอิงเหวินอิงไม่คิดเลยว่า การกระทำของเจี่ยนอันอันดูจะรวดเร็วกว่านางเสียอีกหมัดนี้ของนางไม่เพียงแต่เหวี่ยงไปถึงอีกฝ่ายเท่านั้น แต่กลับถูกอีกฝ่ายเห
ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็หัวเราะออกมาจนพอใจแล้ว นางหยิบกระจกทองแดงออกมาจากห้วงมิติ ก่อนจะส่งให้กับเหวินอิงในตอนที่เหวินอิงมองไปยังกระจกทองแดงนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นทันทีกรอบกระจกทองแดงนี้ประดับล้อมรอบไปด้วยไพลิน เพียงแค่มองก็รู้ว่ามูลค่าไม่อาจประเมินได้บนกายสาวน้อยคนนี้ กลับหลบซ่อนสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้เหวินอิงหยิบกระจกทองแดงไป ก่อนจะชั่งน้ำหนักในมือ ดูเหมือนจะหนักไม่เบาเลยนางหันกายกลับไป พูดออกมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “พวกเจ้าทำอะไรกันแน่? เสื้อผ้าของพวกเจ้าดูมีมูลค่า หรือว่าพวกเจ้าล้วนเป็นพ่อค้ากัน?”เจี่ยนอันอันไม่ได้ตอบคำเหวินอิง แต่พูดเร่งเร้าออกมาต่อ“รีบจัดการทรงผมเข้า ท่านเจ้าเมืองยังรอพวกเรากันอยู่ในห้องโถง”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันเรียกเจ้าเมืองออกมาทุกคำ เหวินอิงก็ขมวดคิ้วออกมานางรู้ว่าท่านเจ้าเมืองที่เจี่ยนอันอันเรียกนั้นก็คือเซิ่งฟางเพียงแต่เซิ่งฟางบอกความลับนี้กับนางเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นภายในฐานที่มั่นมีสามร้อยกว่าคน นอกจากนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ความลับนี้ทว่าสาวน้อยตรงหน้านี้ กลับเรียกเซิ่งฟางว่าเจ้าเมืองทุกคำตอนนี้พวกเขามีความพันธ์ใด
ฮูหยินใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกายเจี่ยนอันอัน ก็รีบตบไปยังแผ่นหลังของเจี่ยนอันอัน เพื่อช่วยให้นางหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้นฉู่จวินสิงกลับขมวดคิ้วออกมา ก่อนจะพูดกับเจี่ยนอันอันเสียงเบา “เหล้านี้แรงมาก อย่าได้ดื่มอีก”เมื่อกระแอมไปชั่วครู่หนึ่ง ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้หยุดลงนางเงยหน้าขึ้นไปมองยังเหวินอิง ก็พบว่านางกำลังมองมายังตนเองด้วยรอยยิ้ม“น้องสาวช่างดื่มเหล้าได้เก่งจริงๆ ข้าขอดื่มให้เจ้าอีกชามหนึ่ง!”เหวินอิงพูดออกมา ก่อนจะรินเหล้าให้ตนเองอีกชามหนึ่ง และดื่มลงไปในไม่กี่อึดใจในชามตรงหน้าของเจี่ยนอันอันเองก็ถูกโจรภูเขารินให้จนเต็มชามใหญ่เหวินอิงยิ้มแล้วพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าดูข้าดื่มเหล้าไปจนหมดแล้ว น้องสาวเองก็ควรจะดื่มเหล้าในชามนั้นให้หมดเช่นกันไม่ใช่หรือ?”เจี่ยนอันอันในเวลานี้ บนใบหน้าเล็กมีริ้วแดงๆ ออกมาสองกลุ่มใหญ่แล้วนางรู้สึกได้ว่าศีรษะเริ่มวิงเวียน ก่อนจะรีบส่ายหัวอย่างเร็ว เพื่อที่จะให้ตนเองมีสติขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าเหวินอิงจับจ้องยังตนเองอยู่ตลอดเวลา หากว่านางไม่ยอมดื่มเหล้าถ้วยนี้ เกรงว่าคงจะทำให้อีกฝ่ายขบขันเอาได้เจี่ยนอันอันหยิบชามเหล้าตรงหน้าขึ้นมา และก
เหวินอิงประคองเจี่ยนอันอัน มายังที่ห่างไกลจากค่ายที่นั่นมีเรือนมุงจากตั้งตระหง่านอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องน้ำเจี่ยนอันอันไม่ได้ให้เหวินอิงตามเข้ามาด้วยนางเดินเข้าไป รีบเปิดยาแก้เมาค้างแล้วดื่มเข้าคำโตหลังจากที่ดื่มยาแก้เมาค้างแล้ว ไม่นานนัก นางก็เหมือนว่าจะสร่างเมาขึ้นมานางออกมาจากในห้องน้ำ ก็พบว่าเหวินอิงยืนอยู่สถานที่ไกลออกจากห้องน้ำไปเจี่ยนอันอันเดินก้าวใหญ่ออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เดิมทีเหวินอิงที่ก้มหน้าลง ก็พบเจี่ยนอันอันเดินตรงมาทางนางนางมองเห็นท่าทีของเจี่ยนอันอันที่เดินมา ก็ไม่โซเซเหมือนกับก่อนหน้านั้นมุมปากของเหวินอิงยกโค้งงดงามขึ้น“ดูเหมือนว่าเจ้าตอนนี้คงจะสร่างเมาแล้ว ไป พวกเราสองคนกลับไปดื่มกันต่ออีกสักเล็กน้อยเถอะ”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่ายังจะดื่มอีก นางก็รีบโบกไม้โบกมือพูดออกมา “ไม่ดื่มแล้วๆ เหล้าของพวกเจ้าแรงเกินไป ข้าไม่ไหวจริงๆ”เหวินอิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆเหล้าในค่ายนั้นแรงจริงๆ นั่นไม่ใช่ของที่หญิงสาวทั่วไปจะดื่มได้หากไม่ใช่ว่านางเกิดมาแล้วดื่มเหล้าพันแก้วไม่เมาแล้ว เกรงว่านางก็คงจะทนเหล้ารุนแรงเช
เซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าเหวินอิงกลับมา เขาก็เอื้อมมือออกไปคว้ามือของเหวินอิงเอาไว้เหวินอิงมองไปยังเซิ่งฟางด้วยความสงสัย นางกำลังจะดึงมือกลับมา กลับถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้แน่นเซิ่งฟางมองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วก็มีท่าทีลังเลที่จะพูดออกมาเหวินอิงเกลียดท่าทีเช่นนี้ของเซิ่งฟางมากที่สุด นางรีบพูดออกมา “รีบพูดมาว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากว่าไม่พูดออกมา ข้าก็จะไม่อยู่กับท่านแล้ว”เซิ่งฟางเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบร้อนพูดออกมา “เหวินอิง หากว่าเจ้าได้ยินคำพูดของข้าหลังจากนี้แล้ว ห้ามโมโหเป็นอันขาดนะ”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้เข้า ก็ยิ่งร้อนรนเข้าไปอีกนางดึงมือออกมา แล้วจ้องเขม็งไปยังเซิ่งฟาง“ท่านมีอะไรก็รีบพูดออกมา ข้ารำคาญผู้ชายตัวใหญ่ที่พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ มากที่สุด ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ”เซิ่งฟางมองเห็นว่าในมือของตนเองว่างเปล่า ก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆท้ายที่สุดแล้วเขาก็พูดความคิดในใจออกมา“พวกเราสองคนอาจจะต้องแยกจากกันระยะหนึ่ง!”เหวินอิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมานางผุดลุกยืนขึ้นมาทันทีนางคว้าคอของเซิ่งฟางขึ้นมาโดยไม่สนใจคนอื่นๆ ที่อยู่ด้วย“เซิ่งฟาง ท่านพูด
นางหันกลับไปมองฉู่จวินสิง ก็พบว่าเขามีใบหน้าเรียบเฉยสงบนิ่งไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจเพราะคำพูดของเซิ่งฟางเลยสักนิดเจี่ยนอันอันมองไปยังหานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ อีกครั้งก็พบว่าพวกเขากำลังหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มกันอย่างเงียบๆบรรยากาศดูจะแปลกประหลาดจนเกินไปอย่างไรเสียพวกหานซื่อก็ล้วนแต่เป็นทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ เซิ่งฟางพูดออกมาต่อหน้าพวกเขา บอกว่าต้องการจับฮ่องเต้มาทรมานหากว่าคำพูดนี้ได้ยินเข้าหูของฮ่องเต้แล้ว จะต้องถูกประหารถึงเก้าชั่วโคตรทีเดียวเจ้าเมืองอินเป่ยคนก่อนหน้าผู้นี้ ไม่รู้ถึงผลดีผลเสียบ้างหรืออย่างไร?เหวินอิงไม่ได้คิดไกลถึงเพียงนั้นเมื่อนางได้ยินเซิ่งฟางพูดอธิบายสิ่งเหล่านี้ออกมาแล้ว ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาหากว่าเซิ่งฟางจะติดตามไปยังเมืองอินเป่ยกับตระกูลของเยียนอ๋องแล้วจริงๆเกรงว่าพวกนางต่อให้ต้องการจะพบหน้ากับอีกครั้ง ก็คงจะเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมากทว่านางเองก็รู้ว่าในใจของเซิ่งฟาง ไม่ได้อยู่ในค่ายโจรแห่งนี้เรื่องที่ใจเขาคิดจะกลับไปยังเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็รู้ดีเรื่องที่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากที่สุด ก็เป็นเรื่อง