นางนึกขึ้นได้ว่าเสิ่นจือเจิ้งยังไม่ได้กินอะไร ตอนนี้คงจะหิวมากแน่ ๆดังนั้นนางจึงซื้อโจ๊กแปดสมบัติถ้วยหนึ่งจากร้านค้าในมิติของนางตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งกินอาหารที่แข็งมากหรือแห้งมากไม่ได้ การดื่มโจ๊กแปดสมบัติก็ถือว่าเหมาะสมแล้วนางเปิดถ้วยโจ๊กแปดสมบัติและตักป้อนให้เสิ่นจือเจิ้งทีละคำเสิ่นจือเจิ้งที่กำลังหิวโหยถึงที่สุด ก็กินอย่างรีบเร่งเจี่ยนอันอันรีบพูดขึ้นมาอย่างห่วงใยว่า “พี่ใหญ่ ท่านกินช้า ๆ หน่อย กินเร็วเกินไปไม่ดีต่อกระเพาะและลำไส้ของท่านนะเจ้าคะ”หลังจากป้อนโจ๊กไปได้ครึ่งถ้วย เจี่ยนอันอันก็ยืนยันว่าจะไม่ให้เขากินต่ออีกเพราะโจ๊กแปดสบัตินี้ก็ไม่ได้ย่อยง่ายนัก อีกทั้งเสิ่นจือเจิ้งก็ไม่ได้มีอาหารตกถึงท้องหลายวันแล้วหากกินมากเกินควร เขาจะปวดท้องเอาได้เจี่ยนอันอันจึงเก็บโจ๊กแปดสมบัติกลับเข้าไปในมิติ ก่อนจะยิ้มกว้างให้เสิ่นจือเจิ้งเมื่อเสิ่นจือเจิ้งเห็นเจี่ยนอันอันเบิกบานถึงเพียงนี้ เขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความจนใจในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบเถิด!ยังดีที่เขาได้พบกับน้องสาวแท้ ๆ อีกครั้ง และได้รู้ว่านางใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขาก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย
เจียงหว่านเอ๋อร์รับคำเสียงเบา ก่อนจะนำหมั่นโถวในมือเก็บลงในอกเสื้อนางไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดว่าตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งคงไม่ได้อยากกิน นางจึงไม่ได้รบเร้าต่อไป“เจ้าคงอยากรู้มาก ว่าเมื่อครู่ข้ากับอันอันพูดเรื่องอะไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย มองเสิ่นจือเจิ้งแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าลงทันทีนางไม่กล้ามองสบดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเสิ่นจือเจิ้งเลยจริง ๆความรู้สึกห่างเหินที่แผ่ซ่านมาทำให้เจียงหว่านเอ๋อร์พลันรู้สึกขึ้นมาว่า วาสนาคู่ชีวิตระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้ง คงมาถึงจุดสิ้นสุดเสียแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์เจ็บปวดใจ แต่กลับไม่กล้ากล่าวออกมาแม้แต่คำเดียวเสิ่นจือเจิ้งมองเจียงหว่านเอ๋อร์ ก่อนจะหันสายตาไปทางอื่น“อันอันคือน้องสาวของข้า ต่อไปเจ้าจงปฏิบัติต่อนางให้ดี”เมื่อได้ยินคำว่า ‘น้องสาว’ เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาโดยพลัน น้ำตาพรั่งพรูไหลรินไม่ขาดสายนางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เสิ่นจือเจิ้งมีเพียงเสิ่นจืออวี้เป็นน้องชายเพียงคนเดียว แล้วเขาจะมีน้องสาวมาจากที่ใดนางเองก็ได้ยินจากปากของคนอื่นมาว่า เดิมทีอดีตฮ่องเต้ต้องการให้อันอันและเสิ่นจือเจิ้งเข้าพิธีวิวาห์
หากนางมีความรู้เรื่องการแพทย์ ก็คงไม่ปล่อยให้เสิ่นจือเจิ้งต้องทนทุกข์ทรมานหลายวันเช่นนี้บางทีเสิ่นจือเจิ้งอาจจำนางได้แล้ว เพียงแต่เขากำลังโทษนางที่ไร้ความสามารถ ไม่อาจช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดได้เร็วกว่านี้เมื่อเจียงหว่านเอ๋อร์เดินออกจากห้อง ก็พบว่าเสิ่นจืออวี้กำลังเดินเข้ามาจากนอกเรือน“พี่สะใภ้ พี่ชายข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”เจียงหว่านเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแน่น กลั้นความรู้สึกน้อยใจเอาไว้“พี่ชายของเจ้าตอนนี้ต้องการพักผ่อน เจ้าอย่าเพิ่งเข้าไปกวนเขาเลย”เสิ่นจืออวี้พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เข้าไปรบกวนจริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะถามพี่ชายว่า เรื่องของย่าเล็กจะจัดการอย่างไรดีตอนนี้นางกลายเป็นเหมือนคนตายทั้งเป็น ซึ่งก็สมควรกับกรรมที่นางก่อแต่เสิ่นจืออวี้เร่งรีบอยากจัดการเรื่องของย่าเล็กให้เรียบร้อยไปเสียเขานึกถึงคำว่า ‘พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่’ หากพี่ชายยังจำพวกเขาไม่ได้ เช่นนั้นเขาปรึกษากับพี่สะใภ้ก็น่าจะได้เหมือนกัน“พี่สะใภ้ ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับท่าน”เสิ่นจืออวี้เอ่ยพลางก้มมองเสิ่นคังเด็กคนนี้แม้จะยังอายุน้อย แต่กลับดูมีวุฒิภาวะเกินวัยเรื่องที่ย่าเล็กใช้วิชาอาคม เสิ่
เจี่ยนอันอันสั่งให้บ่าวไพร่นำร่างเฉียนซื่อวางลงกับพื้นจากนั้น นางก็หยิบผงสลายศพออกมาจากมิตินางมองไปยังเสิ่นจืออวี้อีกครั้ง “พวกท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่ แน่ใจว่าไม่ต้องการให้ย่ารองมีชีวิตอยู่อีกต่อไป?”เสิ่นจืออวี้กัดฟันแน่น ก่อนพยักหน้าหนักแน่น“ข้ากับพี่สะใภ้หารือกันแล้ว ย่าเล็กทำร้ายคนมากมายเพียงนั้น แถมยังทำให้พี่ชายข้ากลายเป็นเช่นนี้”"นางมีชีวิตอยู่ก็มีแต่จะสร้างภัยร้าย พวกเราไม่มีใครอยากให้นางมีชีวิตอยู่อีกต่อไป"เมื่อเสิ่นจืออวี้กล่าวเช่นนี้แล้ว เจี่ยนอันอันก็ไม่พูดอะไรให้มากความถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัวพวกเขา นางเพียงแค่ยื่นมือช่วยเล็กน้อยเท่านั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน เจี่ยนอันอันโปรยผงสลายศพลงบนร่างของเฉียนซื่อเมื่อกลุ่มควันบางเบาลอยขึ้นมา ร่างของเฉียนซื่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นกองน้ำหนองในชั่วพริบตาเสิ่นจืออวี้และคนอื่น ๆ มองดูภาพนั้นด้วยความตกตะลึง ทุกคนต่างสบตากันโดยไม่มีคำพูดใดพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ ว่าคนที่ยังมีชีวิตเมื่อครู่จะกลายเป็นเพียงกองน้ำหนองจากศพในพริบตาเดียวเจี่ยนอันอันยกมือขึ้นโบกต่อหน้าเสิ่นจืออวี้ ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“แม่น
เสิ่นจือเจิ้งมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นเจี่ยนอันอัน จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “อันอันล่ะ เหตุใดนางถึงไม่มากินข้าวด้วยกัน?”เมื่อเจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งห่วงใยเจี่ยนอันอันเพียงนี้ นางก็รู้สึกน้อยใจ“ท่านพี่ แม่นางเจี่ยนกลับไปที่บ้านแล้ว ท่านกินก่อนเถิด”เสิ่นจือเจิ้งปรายตามองเจียงหว่านเอ๋อร์ และเห็นว่านางกำลังคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเขา“ข้าไม่กินของที่คนอื่นจับต้องแล้ว” เสิ่นจือเจิ้งกล่าวพลางคีบเนื้อกระต่ายจากถ้วยตัวเองไปใส่ในถ้วยของเสิ่นคังแทน“คังเอ๋อร์ กินเนื้อสิ” เสิ่นจือเจิ้งยิ้มให้เสิ่นคังการกระทำนี้ของเขาทำให้เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจจนรู้สึกแสบจมูกนางสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาเสิ่นจืออวี้รู้สึกแปลกใจ เพราะในอดีตพี่ใหญ่ไม่เคยปฏิบัติต่อพี่สะใภ้เช่นนี้ทั้งสองคนให้เกียรติกันและกันเสมอมา ไยพี่ใหญ่จึงแสดงความห่างเหินต่อพี่สะใภ้เช่นนี้?หรือเป็นเพราะพี่ใหญ่ยังจำพี่สะใภ้ไม่ได้ เขาถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างนิ่งเงียบบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดทุกคนก้มหน้ากินข้าวกันเงียบ ๆ ขณะที่เจียงหว่านเอ๋อร
“ข้าว่าพี่สาววันนี้ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีนัก ไม่สู้ลองพูดกับน้องสาวดู?”คำของกวนซิน ทำให้จมูกของเจียงหว่านเอ๋อร์แสบร้อนขึ้นมาอีกครั้งเดิมทีความคับข้องใจในใจที่มีเดิมทีก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปที่ใด ถึงแม้ว่าเสิ่นจืออวี้จะเป็นคนในครอบครัว แต่อย่างไรแล้วเขาก็เป็นชายหนุ่มความในใจของนาง จะไปแสดงออกกับเสิ่นจืออวี้ได้อย่างไรกันแต่ว่ากวนซินเป็นหญิงสาว หากว่านางนำความในใจพูดออกมา บางทีอาจจะได้รับความเข้าใจจากกวนซินก็เป็นได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดเจียงหว่านเอ๋อร์ก็พูดความคับข้องใจออกมากวนซินฟังอย่างเงียบๆ รอจนเมื่อเจียงหว่านเอ๋อร์พูดออกมาจนหมดแล้วนางตบลงบนหลังมือของเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ “พี่สาวกังวลใจเกินไปแล้ว”“อันอันเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉู่จวินสิงดีเป็นอย่างมาก”“นางไม่มีทางที่จะทรยศฉู่จวินสิง แล้วหันไปเลือกอยู่กับสามีของท่าน”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายนักนางไม่สนิทกับเจี่ยนอันอัน จึงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนอย่างไร“ทว่าเจ้าเองก็เห็นแล้วว่า สามีของข้าอยู่ในห้องกับแม่นางเจี่ยนตั้งนาน ยากจะรับรองได้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรกัน”
ระหว่างทาง เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดออกมาว่าพี่ชายของนางเองก็ทะลุมิติมาเช่นกันเพราะอย่างไรแล้วที่นี้ก็ยังมีซ่างตงเยว่อยู่ด้วย นางไม่อยากให้ซ่างตงเยว่รู้เรื่องมากจนเกินไปในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงยังอำเภอไถหยางนั้น เจี่ยนอันอันก็อยากจะไปเยี่ยมเซิ่งฟางก่อนและก็สามารถทำความเข้าใจจากเขาได้ว่าภายในตัวอำเภอนั้นมีร้านขายไม้ร้านใด ที่สามารถซื้อไม้ดีๆ ได้เซิ่งฟางตอนนี้กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในจวน วันนี้ไม่มีคดีใดให้ตัดสิน เขามีความสุขที่ได้อยู่เฉยๆทว่าเมื่อได้อยู่ว่างๆ แล้ว เขาก็มักจะคิดไปเรื่อยเปื่อยเขานั่งอยู่ในศาลา ถือถ้วยชาขึ้นมาวางไว้ตรงขอบปากแต่กลับลืมที่จะดื่มมันความคิดของเขา บินลอยไปยังค่ายเทียนอวิ๋นเสียนานแล้วและก็ไม่รู้ว่าเหวินอิงตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างนางคงจะไม่ใช่เพราะว่าหลายวันมาแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวของเขา ก็เลยโกรธเขาขึ้นมา?อารมณ์ร้อนแรงเช่นนั้นของเหวินอิง หากว่านางไม่อยากจะรอเขาอีก แล้วไปหาคนอื่นจะทำอย่างไรกัน?และก็เป็นในตอนที่เซิ่งฟางกำลังคิดวุ่นวายอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ทางการก็นำเจี่ยนอันอันทั้งสามคนเข้ามายังด้านหน้าศาลา“ใต้เท้า มีแขกมาเยี่ยมท่าน”เจ้าหน้าที่
ซ่างตงเยว่ที่เดิมก็ไม่อาจแทรกพูดขึ้นมาได้ จึงได้ทำเพียงนั่งอยู่ด้านข้างคอยมองพวกเขาเซิ่งฟางถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่อาจออกจากเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็ไม่อาจเข้ามาได้ตอนนี้จึงไม่มีวิธีใดที่จะติดต่อกับภายนอกเจี่ยนอันอันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างขึ้นมา“หรือว่าจะเอาเช่นนี้ ข้าจะไปค่ายเทียนอวิ๋นดูเหวินอิงเอง?”“ท่านจะไป? ท่านจะออกไปจากเมืองอินเป่ยได้อย่างไร?”“ไม่ได้ ทำเช่นนี้อันตรายจนเกินไป!”เซิ่งฟางและฉู่จวินสิงพูดออกมาพร้อมกันเจี่ยนอันอันรู้ว่า พวกเขาล้วนแต่เป็นกังวลว่านางจะเป็นอันตรายก่อนหน้านั้นนางคิดถึงการสะกดจิตขึ้นมา ทว่าเพียงแค่ใช้การสะกดจิตเฉินหย่งเหนียน ให้เขาเปิดประตูเมืองแล้วปล่อยนางไปเกรงว่าคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ยินยอมเพราะอย่างไรแล้วด้วยกฎเกณฑ์ของเมืองอินเป่ยในตอนนี้คือ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเดินออกจากเมืองอินเป่ยไปหากว่าสะกดจิตให้กับทุกคน ก็คงจะทำให้สิ้นเปลืองเวลาและลงแรงไปมากเพราะว่าทหารที่คอยเฝ้าอยู่ตรงหอประตูเมืองก็มีนับร้อยคน นางไม่ได้มีเวลามากพอที่จะสะกดจิตพวกเขาทีละคนได้ดังนั้นนางถึงคิดถึงเรื่องเครื่องมือลอบเคลื่อนย้ายกายขอเพียงแค่นางคิดขึ้
รอจนเมื่อเหยียนซวงเปลี่ยนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเก็บผ้าสีแดงแล้วใช้ผงสลายศพ โรยลงบนผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้ทันใดนั้นผ้าก็เปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำทันทีเหยียนซวงไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่รังเกียจที่นางสกปรก ยังช่วยนางทำลายผ้าที่เลอะประจำเดือนของนางอย่างใส่ใจในใจของนางยิ่งรู้สึกของคุณเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหยียนซวงยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่นั่น นางก็ตบไปยังไหล่ของเหยียนซวง“พวกเรารีบไปอำเภอไถหยางกันเถอะ น้องชายของเจ้ายังรอให้เจ้ากลับไป”เมื่อคิดว่าน้องชายยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน เหยียนซวงก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งสองคนนั่งบนรถม้า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเหยียนซวงเป็นคนขับรถม้านางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเหนื่อยล้าอีก นอกจากนี้แล้วเจี่ยนอันอันยังช่วยนางมากมายนางรับบทคนขับรถ รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคราบเลือดบนรถม้า นางอาศัยโอกาสที่เหยียนซวงไม่ได้หันมามองนางรีบหยิบขวดน้ำออกมาจากห้วงมิติ แล้วล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจนสะอาดเพราะว่าเหยียนซวงรีบกลับไปหาน้องชาย รถม้าก็ถูกนางขับไปอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วยามผ่านไป
กู้มั่วหลีที่ยืนอยู่บนต้นไม้ตลอดเวลา เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านล่างนั้น ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้นกู้มั่วหลีเดินก้าวมาเบื้องหน้าของหนิงเจิ้น ส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงออกมา“ผู้บัญชาการหนิงที่เคยผ่านการสู้รบมานับร้อยครั้ง แต่กลับไปไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงสองคนได้”“ลูกน้องของฉู่ชางเหยียน หรือว่าจะมีแต่เศษสวะอย่างเจ้าเช่นนี้หรือ?”ในตอนที่กู้มั่วหลีพูดขึ้นนั้น รอยยิ้มตรงมุมปากก็ไม่ได้ลดลงน้อยลงทว่ารอยยิ้มของเขากลับไปไม่ถึงดวงตากู้มั่วหลีมองออกว่าหนิงเจิ้นถูกพิษเขามองไปยังร่างที่จากไปของเจี่ยนอันอัน มุมปากยกเป็นยิ้มเกียจคร้านขึ้นมา“เจี่ยนอันอัน น่าสนใจขึ้นมาแล้ว”กู้มั่วหลีในตอนนี้ ยิ่งเกิดความสนใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเขาดึงสายตากลับมาที่กายของหนิงเจิ้น ก่อนจะย่อกายลงมาอุ้มหนิงเจิ้น ทันใดนั้นก็หายไปจากเนินเขาสือหลี่เจี่ยนอันอันไม่ได้หันกลับไปมอง มิเช่นนั้นนางจะต้องพบถึงการมีอยู่ของกู้มั่วหลีเหยียนซวงนั่งลงบนรถม้า สายตาก็ตกลงบนกายของเจี่ยนอันอัน“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนที่ช่วยชีวิตข้าเมื่อครู่นี้”“บุญคุณของท่าน ข้าจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต”วันนี้หากไม่ใช่เพรา
เหยียนซวงใช้กริชในมือออกไปสกัดกั้น แต่แส้หนังจู่ๆ ก็พันเข้ากับข้อมือของเหยียนซวงหนิงเจิ้นดึงไปอย่างแรง เหยียนซวงเสียการทรงตัว กระโจนกายไปทางด้านของหนิงเจิ้นเหยียนซวงกำหมัดแน่น แล้วโจมตีไปยังใบหน้าของหนิงเจิ้นหนิงเจิ้นเองก็ไม่ใช่พวกฝีมือธรรมดา เขาคว้าหมัดของเหยียนซวงที่จู่โจมเข้ามาไว้แน่น“นังแพศยา เจ้าตายแน่!”หนิงเจิ้นพูดขึ้น แล้วเตะเข้าไปที่ท้องของเหยียนซวงเหยียนซวงถูกเตะจนล้มลงกับพื้นในปากของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็กระอักเอาเลือดสดๆ ออกมาความเจ็บปวดตรงท้อง ทำให้ทั่วทั้งกายของเหยียนซวงสั่นเทา ทว่านางกลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยนางคิดจะลุกขึ้นแล้วมาต่อสู้ต่อ ทว่าเมื่อนางเคลื่อนไหวขึ้นมา ช่องท้องก็เกิดความเจ็บปวดจนยากจะอดทนขึ้นมาได้หนิงเจิ้นตะคอกออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็ไม่สนใจเหยียนซวงอีก หมุนกายมองไปทางด้านของเจี่ยนอันอัน“เอาเงินออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”คำของหนิงเจิ้น กลับทำให้เจี่ยนอันอันหัวเราะออกมาเบาๆ“เจ้าคางคกหาว ช่างปากกว้างคุยโวเสียจริงนะ”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วก็กระโดดขึ้นจากรถม้า“ข้าว่าเจ้ากับเตียวเฉียงเป็นพวกเดียวกัน ที่เจ้าจะช่วยรักษาให้เขาเป็น
เหยียนซวงไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นและเตียวเฉียงเป็นคนกลุ่มเดียวกันนางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันติดร่างแหเข้าไปในข้อขัดแย้งนี้ขณะที่นางกำลังจะกระโดดลงจากรถม้าเพื่อโต้เถียงกับหนิงเจิ้นนั้นกลับถูกเจี่ยนอันอันยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ถึงแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าหนิงเจิ้นมีความสัมพันธ์กับเตียวเฉียง ทว่านางเกลียดคนที่ไม่แยกแยะถูกผิดมากที่สุดนางไม่รู้จักหนิงเจิ้น ทว่านางรู้จักเตียวเฉียงคนสารเลวอย่างเช่นเตียวเฉียงนั้น เพียงแค่เตะจนไม่อาจคงความเป็นคนต่อไปได้นั้น ก็ถือว่าให้เปรียบเขาแล้วเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าใช้ตาข้างไหนกัน ที่เห็นว่านางเตะคนผู้นั้น?”หนิงเจิ้นรู้มานานแล้วว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนปากคอเราะร้าย เขาจึงไม่อยากพูดไร้สาระกับเจี่ยนอันอันให้มากในเมื่อเจี่ยนอันอันขับรถม้าออกเดินทางมา บนกายของนางจะต้องนำเงินออกมามากพอเขาต้องการจะขโมยเงินนั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนสองคนนี้ เขาไม่สนใจว่าจะมีอีกสองชีวิตตายเพิ่มในมือเขา“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เอาเงินออกมา ข้าจะนำคนผู้นั้นไปรักษาในเมือง”เจี่ยนอันอันเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ว่าคนที่พบเห็นเรื่องอยุติธรรมระหว่างทางนั้นเป็นเรื่องที่แ
“เอาล่ะ เอาล่ะ” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น จูบลงไปบนใบหน้าของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงชี้ไปยังริมฝีปากของตนเอง “ที่นี่ก็ต้องการ”เจี่ยนอันอันเพื่อให้ฉู่จวินสิงสบายใจ จูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงราวกับว่าข้างๆ นั้นไม่มีใครอยู่การกระทำที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองคน ทำให้เหยียนซวงรู้สึกอิจฉาขึ้นมานางก็หวังว่าตัวเองจะมีสามีเช่นนี้ในใจของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็ปรากฏใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมานางรีบส่ายศีรษะอย่างแรง แล้วแอบคิดว่าตนเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้จู่ๆ ก็คิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันอันบอกลากับฉู่จวินสิงแล้ว ก็นำเหยียนซวงขึ้นรถม้าไปเจี่ยนอันอันขับรถม้า มุ่งหน้าไปทางอำเภอไถหยางระหว่างทางเจี่ยนอันอันหันไปมองยังเหยียนซวง ก็เห็นว่านางเหมือนกำลังมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิดเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดมาก ก็คิดเพียงว่าเหยียนซวงกำลังกังวลในความปลอดภัยของน้องชายนางเหวี่ยงแส้ม้า อย่างคิดจะให้รถม้าไปให้เร็วยิ่งขึ้น“แม่นางเจี่ยน คนผู้นั้นคือใครกัน? ข้าเห็นว่าพวกท่านทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไม่เลวเลย เขาเป็นอะไรกับท่านอย่างนั้นหรือ?”“ใคร?” เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจ และหันกลับไปมองเ
เจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่ต่อนาน ก็นำเหยียนซวงกลับบ้านพร้อมฉู่จวินสิงทั้งสามคนเดิมทีก็ไม่ได้กินข้าวมากเท่าไหร่ ดีที่เหล่าสาวใช้เก็บอาหารเอาไว้ให้พวกเขาพวกเขานั่งลงตรงโต๊ะ เจี่ยนอันอันกินข้าวไปพลาง แล้วนำความคิดของตนเองพูดออกมาแน่นอนว่าฉู่จวินสิงย่อมต้องเห็นด้วยเขาไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะช่วยคิดให้กับทุกคนเช่นนี้ความรักที่มีต่อเจี่ยนอันอันในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วนและในตอนที่ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น เสียงล้อหมุนก็ดังขึ้นไม่นานนักฉู่จวินหลุนก็ควบคุมรถเข็นมาหยุดที่หน้าโต๊ะฉู่จวินหลุนส่งเสียงพูดออกมา “จวินสิง เจ้าพูดความจริงกับข้ามา ตกลงแล้วเจ้ารังแกอันอันหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันไปมองทางพี่ใหญ่ ก็เห็นว่าพี่ใหญ่กำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าจริงจังเจี่ยนอันอันเองก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ออกมา?“พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าดูเหมือนคนที่จะรังแกอันอันอย่างนั้นหรือ?”ฉู่จวินสิงทั้งโกรธและขบขันอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านั้นท่านแม่ก็ถามคำถามนี้มาก่อนทำไมพี่ใหญ่ถึงได้ถามออกมาเช่นกัน“หึ ทางที่ดีเจ้าก็อย่าได้มี มิฉะนั้นแล้วข้าที่เป็นพี่ใ
ทั้งสามเดินมาถึงบริเวณลานก่อสร้าง ก็เห็นอวี๋ว่านกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือถือถ้วยอาหารที่หลิวซื่อส่งมาให้ซ่างชิวเองก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา โดยมีซ่างตงเยว่นั่งอยู่ด้านข้างอีกคนสองพ่อลูกกำลังกินโจ๊กในชามอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับผัดมะเขือยาวเจี่ยนอันอันไม่เห็นจ้าวอู่และจ้าวลิ่ว คาดว่าพวกเขาคงกลับไปกินข้าวที่บ้านแล้วเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมาถึง ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ยิ้มทักทายนางอวี๋ว่านรีบร้องเรียกเจี่ยนอันอัน “แม่นางเจี่ยน คุณชายฉู่ พวกท่านมากินข้าวด้วยกันสิ ภรรยาข้าทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”ซ่างตงเยว่เงยหน้าขึ้นเห็นเจี่ยนอันอันมาถึง ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“ฮูหยินน้อยรองเจ้าคะ วันนี้ข้าไม่ได้ไปหาท่าน ท่านคงไม่โกรธข้าใช่ไหมเจ้าคะ”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางกล่าวว่า “ช่วงนี้เจ้าอยู่ดูแลพ่อของเจ้าเถิด ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันหรอก”พูดจบ นางก็หันไปมองอวี๋ว่าน“พี่อวี๋กำลังกินอะไรอยู่หรือ ดูน่ากินดีนะ”อวี๋ว่านหัวเราะพลางตอบอย่างถ่อมตัว “บ้านข้าก็ไม่มีอะไรมากหรอก ภรรยาข้าทำผัดไข่กับผัดมะเขือยาว แต่ฝีมือภรรยาข้าดีนัก ทำอะไรก็หอมอร่อยไปหมด”อวี๋ว่านพูดพลางหันไปมองซ่างชิวและซ่างตงเยว่“เมื่อครู่
แต่เมื่อถูกสายตาที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจของหลายคนจับจ้องมา เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้“พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินเถิด” นางเอ่ยพลางหยิบตะเกียบขึ้นมานางคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งยิ้มบาง ก่อนคีบเนื้อกระต่ายนั้นขึ้นกินท่าทางที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเสิ่นจือเจิ้งปฏิบัติต่อกันโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง ยิ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นถึงกับตะลึงงันส่วนเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เห็นเหตุการณ์ ในใจกลับรู้สึกอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกแม้นางจะเคยได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า นางกับเสิ่นจือเจิ้งเป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น...แต่นางยังคงรู้สึกว่า การกระทำของเจี่ยนอันอันเช่นนี้ ดูจะสนิทสนมเกินไปเสียหน่อยเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมากิน แต่กลับรู้สึกว่าอาหารไร้รสชาติเจี่ยนอันอันเองก็เริ่มตระหนักได้ว่า การกระทำของตนอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนางจึงวางตะเกียบลงก่อนเอ่ยกับทุกคน “พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินตอนที่ยังร้อนเถิด”“เนื้อกระต่ายพวกนี้ แม่นางเหยียนซวงเป็นคนจับมาเอง หากพวกเจ้ายังไม่กินอีก แล้วปล่อยให้เย็นลงมันจะไม
แม่นางผู้นี้เป็นคนบ้านใดกัน ไยพวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเลย?เพราะดูท่าแล้วไม่เหมือนคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยเลยเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เจี่ยนอันอันจึงแนะนำเหยียนซวงให้รู้จักทุกคนจึงได้ทราบว่าเหยียนซวงมาตามหาเจี่ยนอันอันเพื่อให้รักษาคนป่วยทุกคนก็พร้อมใจกันเอ่ยชมฝีมือวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถูกทุกคนเอ่ยชมจนหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยฉู่จวินสิงมองเห็นท่าทางเขินอายของเจี่ยนอันอัน เขาก็เม้มปากยิ้มบาง ๆ ก่อนคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเจี่ยนอันอันเขาชอบมองเจี่ยนอันอันยามที่นางเขินอาย เพราะทุกครั้งที่นางเขิน แก้มของนางจะปรากฏสีแดงระเรื่อเจี่ยนอันอันเดิมก็มีรูปโฉมงดงามอยู่แล้ว พอมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนละมุนละไมให้นางหลายส่วนขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายในปาก ในใจกลับคิดถึงพี่ชายคนโตของนางตอนนี้พี่ชายยังพักอยู่ที่บ้านของกวนซิน แม้ว่าที่นั่นจะได้รับเสบียงอาหารที่นางส่งไปให้แต่กลับไม่มีผักหรืออาหารสดที่เพียงพอตัวนางกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ที่นี่ แต่พี่ชายอาจกำลังอดอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อคิดเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ลุกพรวดขึ้นทันที“ข