เสิ่นจือเจิ้งมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นเจี่ยนอันอัน จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “อันอันล่ะ เหตุใดนางถึงไม่มากินข้าวด้วยกัน?”เมื่อเจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งห่วงใยเจี่ยนอันอันเพียงนี้ นางก็รู้สึกน้อยใจ“ท่านพี่ แม่นางเจี่ยนกลับไปที่บ้านแล้ว ท่านกินก่อนเถิด”เสิ่นจือเจิ้งปรายตามองเจียงหว่านเอ๋อร์ และเห็นว่านางกำลังคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเขา“ข้าไม่กินของที่คนอื่นจับต้องแล้ว” เสิ่นจือเจิ้งกล่าวพลางคีบเนื้อกระต่ายจากถ้วยตัวเองไปใส่ในถ้วยของเสิ่นคังแทน“คังเอ๋อร์ กินเนื้อสิ” เสิ่นจือเจิ้งยิ้มให้เสิ่นคังการกระทำนี้ของเขาทำให้เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจจนรู้สึกแสบจมูกนางสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาเสิ่นจืออวี้รู้สึกแปลกใจ เพราะในอดีตพี่ใหญ่ไม่เคยปฏิบัติต่อพี่สะใภ้เช่นนี้ทั้งสองคนให้เกียรติกันและกันเสมอมา ไยพี่ใหญ่จึงแสดงความห่างเหินต่อพี่สะใภ้เช่นนี้?หรือเป็นเพราะพี่ใหญ่ยังจำพี่สะใภ้ไม่ได้ เขาถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างนิ่งเงียบบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดทุกคนก้มหน้ากินข้าวกันเงียบ ๆ ขณะที่เจียงหว่านเอ๋อร
“ข้าว่าพี่สาววันนี้ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีนัก ไม่สู้ลองพูดกับน้องสาวดู?”คำของกวนซิน ทำให้จมูกของเจียงหว่านเอ๋อร์แสบร้อนขึ้นมาอีกครั้งเดิมทีความคับข้องใจในใจที่มีเดิมทีก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปที่ใด ถึงแม้ว่าเสิ่นจืออวี้จะเป็นคนในครอบครัว แต่อย่างไรแล้วเขาก็เป็นชายหนุ่มความในใจของนาง จะไปแสดงออกกับเสิ่นจืออวี้ได้อย่างไรกันแต่ว่ากวนซินเป็นหญิงสาว หากว่านางนำความในใจพูดออกมา บางทีอาจจะได้รับความเข้าใจจากกวนซินก็เป็นได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดเจียงหว่านเอ๋อร์ก็พูดความคับข้องใจออกมากวนซินฟังอย่างเงียบๆ รอจนเมื่อเจียงหว่านเอ๋อร์พูดออกมาจนหมดแล้วนางตบลงบนหลังมือของเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ “พี่สาวกังวลใจเกินไปแล้ว”“อันอันเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉู่จวินสิงดีเป็นอย่างมาก”“นางไม่มีทางที่จะทรยศฉู่จวินสิง แล้วหันไปเลือกอยู่กับสามีของท่าน”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายนักนางไม่สนิทกับเจี่ยนอันอัน จึงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนอย่างไร“ทว่าเจ้าเองก็เห็นแล้วว่า สามีของข้าอยู่ในห้องกับแม่นางเจี่ยนตั้งนาน ยากจะรับรองได้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรกัน”
ระหว่างทาง เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดออกมาว่าพี่ชายของนางเองก็ทะลุมิติมาเช่นกันเพราะอย่างไรแล้วที่นี้ก็ยังมีซ่างตงเยว่อยู่ด้วย นางไม่อยากให้ซ่างตงเยว่รู้เรื่องมากจนเกินไปในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงยังอำเภอไถหยางนั้น เจี่ยนอันอันก็อยากจะไปเยี่ยมเซิ่งฟางก่อนและก็สามารถทำความเข้าใจจากเขาได้ว่าภายในตัวอำเภอนั้นมีร้านขายไม้ร้านใด ที่สามารถซื้อไม้ดีๆ ได้เซิ่งฟางตอนนี้กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในจวน วันนี้ไม่มีคดีใดให้ตัดสิน เขามีความสุขที่ได้อยู่เฉยๆทว่าเมื่อได้อยู่ว่างๆ แล้ว เขาก็มักจะคิดไปเรื่อยเปื่อยเขานั่งอยู่ในศาลา ถือถ้วยชาขึ้นมาวางไว้ตรงขอบปากแต่กลับลืมที่จะดื่มมันความคิดของเขา บินลอยไปยังค่ายเทียนอวิ๋นเสียนานแล้วและก็ไม่รู้ว่าเหวินอิงตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างนางคงจะไม่ใช่เพราะว่าหลายวันมาแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวของเขา ก็เลยโกรธเขาขึ้นมา?อารมณ์ร้อนแรงเช่นนั้นของเหวินอิง หากว่านางไม่อยากจะรอเขาอีก แล้วไปหาคนอื่นจะทำอย่างไรกัน?และก็เป็นในตอนที่เซิ่งฟางกำลังคิดวุ่นวายอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ทางการก็นำเจี่ยนอันอันทั้งสามคนเข้ามายังด้านหน้าศาลา“ใต้เท้า มีแขกมาเยี่ยมท่าน”เจ้าหน้าที่
ซ่างตงเยว่ที่เดิมก็ไม่อาจแทรกพูดขึ้นมาได้ จึงได้ทำเพียงนั่งอยู่ด้านข้างคอยมองพวกเขาเซิ่งฟางถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่อาจออกจากเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็ไม่อาจเข้ามาได้ตอนนี้จึงไม่มีวิธีใดที่จะติดต่อกับภายนอกเจี่ยนอันอันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างขึ้นมา“หรือว่าจะเอาเช่นนี้ ข้าจะไปค่ายเทียนอวิ๋นดูเหวินอิงเอง?”“ท่านจะไป? ท่านจะออกไปจากเมืองอินเป่ยได้อย่างไร?”“ไม่ได้ ทำเช่นนี้อันตรายจนเกินไป!”เซิ่งฟางและฉู่จวินสิงพูดออกมาพร้อมกันเจี่ยนอันอันรู้ว่า พวกเขาล้วนแต่เป็นกังวลว่านางจะเป็นอันตรายก่อนหน้านั้นนางคิดถึงการสะกดจิตขึ้นมา ทว่าเพียงแค่ใช้การสะกดจิตเฉินหย่งเหนียน ให้เขาเปิดประตูเมืองแล้วปล่อยนางไปเกรงว่าคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ยินยอมเพราะอย่างไรแล้วด้วยกฎเกณฑ์ของเมืองอินเป่ยในตอนนี้คือ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเดินออกจากเมืองอินเป่ยไปหากว่าสะกดจิตให้กับทุกคน ก็คงจะทำให้สิ้นเปลืองเวลาและลงแรงไปมากเพราะว่าทหารที่คอยเฝ้าอยู่ตรงหอประตูเมืองก็มีนับร้อยคน นางไม่ได้มีเวลามากพอที่จะสะกดจิตพวกเขาทีละคนได้ดังนั้นนางถึงคิดถึงเรื่องเครื่องมือลอบเคลื่อนย้ายกายขอเพียงแค่นางคิดขึ้
เจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงสามารถมองเห็นนางได้ จึงจูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงอีกครั้ง“ทำตัวดีๆ รอข้ากลับมา”เจี่ยนอันอันนึกถึงค่ายเทียนอวิ๋นอยู่ในใจ ทั้งตัวคนก็หายลับไปต่อหน้าของฉู่จวินสิงทันทีในตอนที่นางปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง คนก็ไปปรากฏกายอยู่ในห้องโถงใหญ่ของค่ายเทียนอวิ๋นแล้วเหล่าโจรภูเขาในค่ายตอนนี้กำลังนั่งดื่มเหล้ากินเนื้อกันอยู่เหวินอิงกลับไม่อยู่ในกลุ่มของพวกเขาเจี่ยนอันอันเดินไปหยุดด้านหน้าห้องนอนของเหวินอิงนางยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากในห้อง“ใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่าข้ากำลังพักผ่อนอยู่ เคาะอะไรกัน!”เหวินอิงสบถด่าแล้วเดินมาเปิดประตู กลับพบว่าตรงหน้าประตูนั้นไม่มีแม้แต่เงาผีสักตัวหนึ่งอยู่พี่น้องเหล่านั้นกำลังดื่มเหล้าต่อยมวยกันอยู่ ไม่มีทางที่จะมีใครมาเคาะประตู“แปลกจริงๆ ไม่มีใครเคาะประตู แล้วทำไมประตูถึงได้ดังขึ้นมา หรือว่าจะมีคนมาเคาะประตูในฝันของข้ากัน?”เหวินอิงพูดขึ้น แล้วก็จะปิดประตูและในตอนประตูห้องกำลังจะปิดลงนั้น ข้างหูของนางจู่ๆ ก็มีเสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นมา“รองหัวหน้า เท้าของข้าถูกประตูหนีบแล้ว
นางเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปยังเจี่ยนอันอัน เมื่อเห็นว่านางถอดชุดแต่งงานที่สวมใส่ก่อนหน้านั้น มาเปลี่ยนเป็นสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดขึ้นผิวพรรณก็ดูน่ามองกว่าก่อนหน้านั้นไม่น้อย ดูเหมือนว่าคงจะมีชีวิตที่ดีคาดว่าเซิ่งฟางเองก็คงจะมีชีวิตไม่เลวเช่นกันไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเป็นขุนนางไปแล้วก็เป็นได้ ในตอนนี้ก็อาจจะกอดเหล่าอนุไว้ทั้งซ้ายขวาอย่างมีความสุขเหวินอิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นางเสียใจจริงๆ ที่ในตอนนั้นไม่ได้ยืนกรานจะไปเมืองอินเป่ยด้วยกันกับเซิ่งฟางเซิ่งฟางที่น่าสมควรตายนี่ สนใจเพียงแค่ความสุขของตัวเอง แต่กลับไม่สนใจว่านางจะเป็นหรือตายเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหวินอิงเต็มไปด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว ก็รู้ว่าเหวินอิงจะต้องคิดไปในทางที่ผิดๆ แล้วยังไม่ทันได้รอให้นางได้พูดออกมา เหวินอิงกลับพูดขึ้น“เจ้ายังไม่ยอมบอกข้าอีกว่าเจ้าเข้ามาในค่ายเทียนอวิ๋นได้อย่างไร”“ค่ายเทียนอวิ๋นของพวกเรา ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าที่นี่ได้โดยไม่มีสุ้มมีเสียง”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหวินอิงยังคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป จึงทำได้เพียงแต่งข้ออ้างขึ้นมามั่วๆ อย่างทำอะไรไม่ได้บอกว่านางมีเสื้อคลุมล่องหน ขอเพียงแค
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเหวินอิงนั้นดูไม่ดีนัก เกรงว่าหลายวันมานี้นางคงจะกินจะนอนหลับไม่ค่อยดีนักนางไม่ได้ตอบคำของเหวินอิง แต่เป็นถามนางว่าเมื่อเที่ยงได้กินข้าวแล้วหรือยัง?“ไม่ได้กิน ข้าตอนนี้จะไปมีใจกินข้าวได้ยังไงกัน”น้ำเสียงของเหวินอิงยังคงมีความโกรธปนอยู่เจี่ยนอันอันเข้าใจความคิดของเหวินอิงตอนนี้เป็นอย่างดี หากว่าเปลี่ยนเป็นนาง เกรงว่าคงจะโมโหเสียยิ่งกว่าเหวินอิง“รองหัวหน้าโมโหก็ส่วนโมโห แต่ว่าข้าวก็ยังต้องกิน แล้วก็ต้องนอนหลับให้ดีๆ ถึงจะถูก”“หากว่าเจ้าป่วยไป พี่เซิ่งจะต้องปวดใจเป็นอย่างมาก”เมื่อได้ยินว่าเซิ่งฟางจะต้องปวดใจ จมูกของเหวินอิงก็แสบร้อนขึ้นมาเขาจะต้องปวดใจกับนาง แล้วทำไมถึงได้ไม่มีข่าวคราวมาแม้แต่น้อยเขาจะต้องปวดใจกับนาง แล้วทำไมถึงได้ไม่คิดหาวิธีมาหานางที่ค่ายเทียนอวิ๋นท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ลืมนางไปเสียแล้วเหวินอิงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจจนน้ำตาไหลนองลงมาเมื่อเห็นเหวินอิงร้องไห้เสียใจ เจี่ยนอันอันก็กอดเหวินอิงเอาไว้ แล้วตบหลังนางเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก จริงๆ แล้วพี่เซิ่งก็เสียใจมากเช่นกัน”“ตอนนี้เขาเป็นนายอำเภอของอำเภอไถหยาง ทุกวันจะ
ทว่าเมื่อคิดถึงฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางที่ยังรอข่าวจากนางอยู่ในเมืองอินเป่ยนางไม่อาจดื่มเหล้ามากจนเกินไป มิฉะนั้นแล้วจะทำให้เรื่องราวล่าช้าไปเหวินอิงไปด้านหน้าประตู แล้วเปิดออกเป็นรอยแยก นางตะโกนใส่พวกโจรภูเขาออกมา “หลี่ซาน เจ้าไปห้องครัวแล้วทำอาหารมาสักสี่อย่าง”“แล้วก็หยิบเหล้าผลไม้สองไหนั่นของข้ามาด้วย ข้าจะกินข้าว”โจรภูเขาเหล่านั้นเมื่อได้ยินเหวินอิงบอกว่าจะกินข้าว ต่างก็หยุดการต่อยมวยลงหลี่ซานรีบตอบรับ แล้ววิ่งไปห้องครัวเพื่อทำอาหารโจรภูเขาคนอื่นๆ หันไปมองทางเหวินอิงด้วยใบหน้าตื่นตกใจวันนี้รองหัวหน้าของพวกเขาคิดได้แล้ว ในที่สุดก็ยอมกินข้าวแล้วหนึ่งในโจรภูเขาพูดออกมาอย่างมีความสุข “รองหัวหน้าจะกินคนเดียวคงจะน่าเบื่อไป มาต่อยมวยกับพวกเราเถอะ”“ต่อยบ้าอะไรกัน พวกเจ้าไม่ต้องสนใจข้า ข้าชอบกินคนเดียว”เหวินอิงพูดจบ ก็ปิดประตูไปอย่างแรงเหล่าโจรภูเขาเองก็ไม่ได้สนใจ พวกเขาพากันต่อยมวยต่อไปไม่นานนักหลี่ซานก็อุ้มเหล้าสองไหวิ่งมาเคาะประตูเหวินอิงเปิดประตูออก ใช้กายบังคนด้านในเอาไว้นางรับเหล้าผลไม้มา แล้วใช้เท้าเตะปิดประตูหลี่ซานกลับห้องครัวมาทำอาหาร ไม่นานนักก็ยกอาหา
แม่นางผู้นี้เป็นคนบ้านใดกัน ไยพวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเลย?เพราะดูท่าแล้วไม่เหมือนคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยเลยเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เจี่ยนอันอันจึงแนะนำเหยียนซวงให้รู้จักทุกคนจึงได้ทราบว่าเหยียนซวงมาตามหาเจี่ยนอันอันเพื่อให้รักษาคนป่วยทุกคนก็พร้อมใจกันเอ่ยชมฝีมือวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถูกทุกคนเอ่ยชมจนหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยฉู่จวินสิงมองเห็นท่าทางเขินอายของเจี่ยนอันอัน เขาก็เม้มปากยิ้มบาง ๆ ก่อนคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเจี่ยนอันอันเขาชอบมองเจี่ยนอันอันยามที่นางเขินอาย เพราะทุกครั้งที่นางเขิน แก้มของนางจะปรากฏสีแดงระเรื่อเจี่ยนอันอันเดิมก็มีรูปโฉมงดงามอยู่แล้ว พอมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนละมุนละไมให้นางหลายส่วนขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายในปาก ในใจกลับคิดถึงพี่ชายคนโตของนางตอนนี้พี่ชายยังพักอยู่ที่บ้านของกวนซิน แม้ว่าที่นั่นจะได้รับเสบียงอาหารที่นางส่งไปให้แต่กลับไม่มีผักหรืออาหารสดที่เพียงพอตัวนางกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ที่นี่ แต่พี่ชายอาจกำลังอดอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อคิดเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ลุกพรวดขึ้นทันที“ข
เหยียนซวงเดินตรงเข้าไปแล้วฟาดหัวหานซื่อจนสลบ ก่อนจะล้วงเอาหนังสือผ่านด่านออกมา จากนั้นให้เหยียนอวี่ทำการคัดลอกมาเหยียนอวี่มีความสามารถในการเลียนแบบลายมือของผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยมเขาหยิบกระดาษและพู่กันพร้อมหมึกออกมาจากห่อสัมภาระ แล้วเริ่มต้นลงมือคัดลอกเมื่อเหยียนอวี่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหยียนซวงก็นำหนังสือผ่านด่านฉบับจริงกลับไปใส่คืนในอกเสื้อของหานซื่อด้วยหนังสือผ่านด่านฉบับปลอมนี้ พวกเขาสองคนจึงสามารถปลอมตัวปะปนเข้าไปในเมืองอินเป่ยได้โชคดีที่ในเวลานั้นเป็นเวลากลางคืน ทหารเฝ้ายามที่กำแพงเมืองไม่ได้สังเกตว่าหนังสือผ่านด่านฉบับนั้นเป็นของปลอมพวกเขาจึงปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านเข้าไปในเมืองทันทีเมื่อทั้งสองคนเข้าสู่เมืองอินเป่ยแล้ว ก็ไม่กล้าหยุดพักนาน จึงรีบเดินทางต่อจนมาถึงอำเภอไถหยางในเวลานั้น สองพี่น้องเหนื่อยล้าจนขาอ่อนแรง ศีรษะมึนงง ดวงตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางในเมืองอินเป่ย จึงเดินผิดเดินถูกไปเคาะประตูบ้านของจงซิ่นโดยบังเอิญโชคดีที่จงซิ่นเป็นคนมีน้ำใจ เขาช่วยเหลือสองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทั้งยังจัดหาห้องว่างให้พวกเขาได้พักอาศัยทว่าสภาพร่างกายข
เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันไม่พูดอะไร เหยียนซวงเกรงว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายของนางนางจึงรีบร้อนกล่าวว่า “ข้าได้ยินท่านลุงจงบอกว่า ในหมู่บ้านชิงสุ่ยนี้ มีแม่นางผู้หนึ่งชื่อเจี่ยนอันอัน”“อีกทั้งเขายังเอ่ยชมว่าเจ้ามีวิชาแพทย์อันเลิศล้ำ พี่เวินฟื้นขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้”เมื่อได้ยินดังนี้ เจี่ยนอันอันจึงเข้าใจว่า ที่แท้ลุงจงซิ่นเป็นผู้แนะนำให้พวกเขามาหานางเหยียนซวงถือกระต่ายป่าตัวหนึ่งไว้ในมือ ซึ่งนางจับมาได้ในระหว่างเดินทางมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยนางรู้ตัวดีว่าไม่ได้มีเงินทองติดตัว และไม่มีสิ่งใดจะใช้เป็นของขวัญในการพบหน้ายิ่งไปกว่านั้น นางกับเจี่ยนอันอันก็มิได้สนิทสนมกัน การมาหาอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ ทำให้นางกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายนางในยามนี้ นางยังดีที่มีกระต่ายป่าในมือที่พอ ใช้เป็นของขวัญพบหน้าได้ขณะเอ่ยวาจา เหยียนซวงยื่นกระต่ายป่าในมือตรงไปยังเจี่ยนอันอัน“ข้าไม่มีเงินติดตัว และมิรู้ว่าจะสามารถมอบสิ่งใดให้เจ้าได้”“กระต่ายป่าตัวนี้ข้าจับมาได้ระหว่างเดินทางมา หวังเพียงว่าแม่นางเจี่ยนจะไม่รังเกียจ”“อีกทั้งอยากขอร้องให้แม่นางเจี่
เหยียนซวงเดินไปในหมู่บ้านชิงสุ่ย การปรากฏกายของนางดึงดูดสายตาของชาวบ้านหลายคนหลิวซื่อซึ่งเป็นภรรยาของอวี๋ว่านทำอาหารเสร็จแล้วจะนำไปส่งให้อวี๋ว่านทว่าเพิ่งจะเดินออกจากบ้านมาก็เห็นเหยียนซวงเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวนางเดินเข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร “แม่นาง เจ้าไม่ใช่คนหมู่บ้านชิงสุ่ย ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่?”เหยียนซวงได้ยินหลิวซื่อถามก็หันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่าย“ข้าอยากพบคนที่ชื่อเจี่ยนอันอัน ไม่ทราบว่านางอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่”หลิวซื่อเห็นว่าเหยียนซวงหน้าตางดงาม ยิ้มแล้วมีลักยิ้มสองข้าง มองแล้วสวยมากนอกจากนี้อีกฝ่ายก็กำลังตามหาเจี่ยนอันอัน หลิวซื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะ”“ให้ข้าพาไปก็แล้วกัน บ้านของเจี่ยนอันอันอยู่ห่างจากบ้านข้าไม่ไกล”เหยียนซวงได้ยินว่าหลิวซื่อรู้จักบ้านของเจี่ยนอันอันก็ดีใจมาก“เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้ว”หลิวซื่อพาเหยียนซวงเดินไปทางบ้านของเจี่ยนอันอันหลิวซื่อชมเจี่ยนอันอันตลอดทาง ชมว่านางเป็นคนจิตใจดีการมาถึงของเจี่ยนอันอันทำให้ความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยดีขึ้นมากเหยียนซวงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รับฟังอยู่เงียบๆไม่นาน ทั
แม่นมหลี่ได้ยินอีกฝ่ายถามถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็รีบชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้“แม่นาง หมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ทางนั้น เดินไปอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ถึงแล้ว”แม่นางหลี่อยากรีบไปจากที่นี่ ย่อมตอบไปตามความจริงเหยียนซวงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและจดจำเส้นทางไว้“ข้าถามอีกเรื่อง ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนชื่อเจี่ยนอันอันหรือไม่?”แม่นมหลี่อดชะงักงันไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันนางนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะถามถึงเจี่ยนอันอันดูจากท่าทีแล้ว หรือว่าจะมีความแค้นกับเจี่ยนอันอัน?เหยียนซวงเห็นแม่นมหลี่ไม่ตอบก็ออกแรงบีบข้อมือของแม่นางหลี่แรงขึ้น“ตอบมา!”แม่นมหลี่ถูกบีบข้อมืออย่างแรง เจ็บจนตัวงอ“ข้าตอบ ข้าตอบแล้ว แม่นางเบามือหน่อย สังขารของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”แม่นมหลี่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลงคิดไม่ถึงว่าเหยียนซวงจะบีบแรงกว่าเดิมแม่นมหลี่รู้ว่าหากยังไม่พูดอีก เกรงว่าข้อมือนางคงได้ถูกบีบจนหักนางรีบตอบว่า “ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่ชื่อว่าเจี่ยนอันอันอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีความแค้นอะไรกับนางหรือ?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เหยียนซวงไม่คิดจะบอกจ
แม่นมหลี่ว่าจบก็ข่วนหน้าเตียวเฉียงไปหลายครั้งเดิมทีเตียวเฉียงก็ต้องอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ท่อนล่าง ไม่ทันได้หลบมือของแม่นมหลี่ใบหน้าของเขาถูกข่วนจนเลือดออกหลายแผลทันที“มารดามันเถอะ นี่กล้าข่วนข้างั้นรึ วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้จักกับจุดจบของการทำให้ข้าโมโห!”เตียวเฉียงว่าแล้วก็จะยกเท้าถีบแม่นมหลี่แม่นมหลี่ตกใจหน้าถอดสี นางรีบไปหลบที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังลูกเตะของเตียวเฉียงถีบเข้าที่ต้นไม้ใหญ่กิ่งไม้ส่ายไปมาและส่งเสียงซู่ซ่าในตอนนี้เอง มีเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหดังมาจากบนต้นไม้ “ผู้ใดกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าดีอย่างไรมาเตะต้นไม้ รบกวนการนอนของข้า”เตียวเฉียงกับแม่นมหลี่รีบมองขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงพบว่ามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนางหนึ่งกำลังนอนอยู่บนกิ่งก้านที่ใหญ่หนานางมองลงมาด้านล่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ สายตาจับจ้องไปที่หน้าของเตียวเฉียงเตียวเฉียวไม่เคยพบหญิงสาวนางนี้มาก่อน รู้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านชิงสุ่ย“เจ้าเป็นผู้ใด เป็นสาวเป็นนางแต่มานอนทำอะไรบนต้นไม้?”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนางนี้หน้าตาพอใช้ได้ เตียวเฉียงพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
ดูท่าว่าก่อนที่จะถูกเนรเทศ คนตระกูลเจี่ยนน่าจะให้เงินเจี่ยนอันอันไม่น้อยเลยแต่ไม่รู้ว่าเงินพวกนี้ถูกเจี่ยนอันอันเก็บไว้ที่ใดหลายวันมานี้เขามาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย คอยแอบดูทุกความเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอันและตระกูลฉู่ลำพังแค่อาหารที่กินก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยแล้วหากไม่ใช่เพราะแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงทำงานไม่ได้เรื่อง เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเงินค่าอาหารให้สองคนนั้นอีกหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็น แววตาเผยประกายละโมบเขาตัดสินใจที่จะให้เตียวเฉียงลักลอบเข้าไปในห้องของเจี่ยนอันอันคืนนี้ให้เตียวเฉียงขโมยทรัพย์สินของเจี่ยนอันอันมาปลอบโยนความยากลำบากของเขาในช่วงหลายวันมานี้หนิงเจิ้นเฝ้ามองอีกสักพักแล้วจากไปเขากลับไปยังที่พักก็เห็นเตียวเฉียงนอนยกเท้าไขว่ห้างอย่างสบายๆ อยู่บนเตียงส่วนแม่นมหลี่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด เตียวเฉิงเห็นหนิงเจิ้นกลับมาก็รีบลดขาลงและร้องโอดโอยว่าเจ็บช่วงล่างหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็นก่อนจะถีบเตียวเฉียงตกเตียง“กล้าแสร้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้า สงสัยจะอยากตายสินะ”หลังจากที่เตียวเฉียงร่วงตกพื้นก็ทำให้แผลที่ร่างกายท่อนล่างฉีกขาดความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามา เขาเจ็บจนตัว
กวนซินยังคงมองทุกคนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้นฟางอิ๋งเห็นกวนซินมีสีหน้ารู้สึกผิดก็ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่าย “น้องหญิงอย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย”“ตอนนี้จื่อซีไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทั้งยังทำให้พวกข้าได้รู้ด้วยว่าเขาต้านทานพิษได้”“ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”โชคดีที่คนตระกูลฉู่ไม่คิดจะเอาเรื่องนางและไม่คิดจะโทษฉู่ตั๋วตั่วภายในใจกวนซินรู้สึกอบอุ่นโดยพลันนางไม่รู้ว่าควรขอบคุณในความใจกว้างของคนตระกูลฉู่อย่างไรดีเนื่องจากเจี่ยนอันอันจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นในหมู่บ้านชิงสุ่ยเรื่องนี้จึงทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจเดิมทีแล้วภายในหมู่บ้านเงียบสงบ แต่แล้วตอนนี้กลับมีคนนอกย้ายเข้ามาอยู่อย่างไม่ขาดสายเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้ถือสาอะไรแต่หากจะสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะก็ พวกเขาไม่พอใจถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ดินของพวกเขา เพียงแค่คนนอกบอกว่าจะสร้างบ้านก็จะปล่อยให้สร้างตามใจชอบได้อย่างไรหากเป็นแบบนั้น พวกเขาเองก็อยากสร้างบ้านอีกหลายหลังให้กับตัวเองไม่ต้องเอาแต่อยู่ในบ้านหลังเล็กคับแคบและอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ข่าวนี้ลอยไปถึงหูท่านปู่เฉินซึ่
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ